ซาปา เวียดนามเหนือ ตั้งอยู่ในจังหวัดหล่าวกาย ในอดีตเมืองนี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ตากอากาศของชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาอยู่ในเวียดนาม เพราะมีทิวทัศน์ที่สวยงามและมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี เมืองนี้อยู่ห่างจากชายแดนประเทศจีน 380 กิโลเมตร และมีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา มีส่วนหนึ่งเป็นเทือกเขาฝั่งตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย และที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของยอดเขาฟานซิปัน ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนามอีกด้วย เพราะทำเลที่ตั้งทำให้การมาทัวร์ซาปานั้นจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี ช่วงฤดูหนาวนั้นคุณอาจพบหิมะตกได้เป็นบางวันในเมืองนี้อีกด้วย ชาวซาปาส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมืองหลากหลายชาติพันธุ์ โดยส่วนใหญ่นั้นประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก จุดที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ซึ่งทำให้การมาทัวร์ซาปานั้นยิ่งตื่นตาน่าประทับใจ คงต้องยกให้กับนาขั้นบันไดสุดอลังการ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ภูเขาหลายลูกต่อเนื่องกัน จนเกิดเป็นทิวทัศน์อันมหัศจรรย์ซึ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากมายเดินทางมาเยือนกันในแต่ละปี นอกจากนั้น เสน่ห์ของซาปายังอยู่ที่ตัวเมืองขนาดกะทัดรัด ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ ฝรั่งเศส อันแสนคลาสสิก และยังมีวิถีชีวิตของชนท้องถิ่นที่หลากหลายให้คุณได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงเมนูเด็ดประจำพื้นที่ซึ่งมีให้เลือกชิมกันมากมาย การมาทัวร์ซาปาจึงทำให้คุณได้สัมผัสกลิ่นอายแบบยุโรปท่ามกลางธรรมชาติและวัฒนธรรมของเวียดนามท้องถิ่น ได้กินของอร่อยจากธรรมชาติ ได้สัมผัสอากาศเย็นสบาย ครบครันขนาดนี้จึงไม่ต้องแปลกใจที่คุณจะได้เห็นนักท่องเที่ยวมากมายมุ่งหน้าไปทัวร์ซาปากันอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งปี
ไฮไลท์ห้ามพลาดสำหรับการมาเที่ยวซาปา เพราะนี่คือยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเวียดนามและได้ชื่อว่าเป็น ’หลังคาแห่งอินโดจีน’ ด้วยความสูงถึง 3,143 เมตร การเดินทางพิชิตยอดเขาฟานซิปันแห่งนี้ มีสองวิธีคือการเดินเท้า และการนั่งกระเช้าไฟฟ้าซึ่งมีระยะทางยาวถึงกว่า 6 กิโลเมตร และยังได้ชื่อว่าเป็นกระเช้า 3 สายแบบไม่หยุดพักที่ยาว สูง และทันสมัยที่สุดในโลกอีกด้วย ด้านบนบริเวณจุดสูงสุดมีการสร้างปิรามิดเล็กๆ เอาไว้เป็นแลนด์มาร์คให้คุณได้แวะถ่ายรูปเช็คอินกัน แต่สิ่งที่คุ้มค่ายิ่งกว่านั้นคือการได้เห็นทิวทัศน์แบบ 360 องศา ซึ่งสูง สวย และประทับใจเป็นที่สุด
เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวมุมสูงของการไปทัวร์ซาปา แม้ว่าจะไม่ได้อลังการเท่ากับทิวทัศน์จากยอดเขาฟานซิปัน แต่ภูเขาฮามรองนั้นมีข้อดีตรงที่เดินทางได้ง่ายเพราะอยู่ในตัวเมือง และยังไม่สูงชันมากเกินไปนัก ตลอดทางเดินคุณยังจะได้ชมทิวทัศน์ของไม้ดอกไม้ประดับที่งดงามสดชื่นตา ซึ่งมีทั้งเกิดขึ้นตามธรรมชาติและเกิดจากการออกแบบจัดแต่งเป็นสวนสวยอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ด้านบนของภูเขาลูกนี้ยังเป็นอีกหนึ่งจุดที่คุณสามารถชมวิวเมืองซาปาจากมุมสูงได้สวยงามเต็มตา รวมถึงยังมองเห็นความยิ่งใหญ่น่าอัศจรรย์ของยอดเขาฟานซิปันได้อย่างถนัดชัดเจนอีกด้วย
Silver Waterfall หรือ Thac Bac แห่งนี้ ถือเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากที่สุดของเมืองซาปา ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นสายน้ำตกที่ไหลลดหลั่นลงมาจากหน้าผาที่มีความสูงถึงประมาณ 100 เมตร ในวันที่ฟ้าเปิด แดดดี อากาศเป็นใจ จะมองเห็นสายน้ำของน้ำตกแห่งนี้ไหลทอดตัวยาวลงมาเป็นสายสีเงินท่ามกลางป่าเขียวขจี สมชื่อสมฉายาที่มีคนตั้งให้กับน้ำตกแห่งนี้เลยจริงๆ ตลอดแนวความสูงของตัวน้ำตกจะมีการทำเส้นทางเดินและจุดชมวิวเอาไว้ให้เป็นระยะ นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในการทัวร์ซาปาที่คุณไม่ควรพลาดการได้มาชมเลยละ บอกเลยว่ายิ่งใหญ่ ตระการตา คุ้มค่าแก่การป่ายปีนแน่นอน
เรียกว่านี่คืออีกหนึ่งจุดเช็กอินใจกลางเมืองที่คุณต้องได้เห็นเมื่อมาทัวร์ซาปา ตัวโบสถ์สร้างจากหินในสไตล์ฝรั่งเศส โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1895 เพื่อใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจของชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในซาปาขณะนั้น แม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมาก แต่สถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกก็ทำให้โบสถ์นี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขวัญใจของผู้มาเยือน ในยามค่ำคืนจะมีการประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน ให้บรรยากาศที่แตกต่างไปจากตอนกลางวันอีกแบบเลยทีเดียว
อีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์ซึ่งท้าทายข้อเข่าเป็นอย่างยิ่งในการมาทัวร์ซาปา หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านของชาวม้งดำ หนึ่งในชนกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองซาปา ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่ในความสูงประมาณ 1,650 เมตร จึงมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองซาปามาประมาณ 3 กิโลเมตร ในหมู่บ้านจะมีเส้นทางเดินสลับซับซ้อนพร้อมด้วยบ้านรูปแบบแปลกตา ผู้คนท้องถิ่นยังคงดำเนินชีวิตแนวเกษตรกรรมสุดสโลว์ไลฟ์คล้ายกับในยุคอดีต แต่ในปัจจุบัน มีการเพิ่มเติมด้วยการนำชิ้นงานหัตถกรรมที่แต่ละบ้านประดิษฐ์สร้างสรรค์กันเองมาวางขายนักท่องเที่ยวไปตลอดเส้นทางเดินชมหมู่บ้าน ถูกใจสายช้อป โดยเฉพาะคนทีชื่นชอบงานหัตถกรรมแน่นอน
แม้ในปัจจุบัน ตลาดแห่งนี้จะเปลี่ยนสภาพมาเป็นตลาดขายของยามค่ำคืน ให้นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ซาปาได้มาเดินเล่น ช้อปปิ้งของกินของใช้กันได้แบบสุดคึกคัก แต่ที่มาในอดีตของตลาดแห่งความรักแห่งนี้นั้น เป็นคนละเรื่องกับในปัจจุบันกันเลยทีเดียว ในอดีต ที่นี่จะมีความคึกคักในทุกคืนวันเสาร์ เพราะเป็นแหล่งของการนัดหมายมาเลือกคู่กันของบรรดาชาวเขา ซึ่งธรรมเนียมประเพณีของที่นี่ อนุญาตให้คนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วสามารถมามองหาคู่ใหม่ได้ หากคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในปัจจุบันนั้นไม่โอเค แต่ในปัจจุบันนี้ไม่มีธรรมเนียมเหล่านี้แล้ว สถานที่นี้ได้กลายเป็นแหล่งเดินเล่นเพลินๆ ของนักท่องเที่ยวไปโดยปริยาย มาทัวร์ซาปาเมื่อไหร่ ลองแวะมาชิลล์กันได้เลย
ที่เที่ยวใหม่ล่าสุดของซาปากับมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่ใครเป็นสายถ่ายภาพจะต้องชื่นชอบแน่นอน เพราะที่นี่สร้างขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปโดยเฉพาะ ท่ามกลางฉากหลังเป็นภูเขาเขียวขจีสวยงาม มุมไฮไลทท์มีทั้งสะพานมือ รูปปั้นคนคู่ บันไดสวรรค์เป็นต้น เตรียมชุดสวย ชุดหล่อ มาให้พร้อม แล้วมาเก็บภาพความประทับใจกันที่นี่ สวิง ซาปา
มุมไฮไลท์ที่ทำให้ซาปาโด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกนั่นก็คือนาขั้นบันได สัมผัสธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์กันได้ที่นาขั้นบันไดแห่งนี้ ชมความสวยงามของนาข้าวที่ถูกปลูกเป็นขั้นบันไดเป็นระเบียบเรียบร้อย ยิ่งในช่วงหน้าฝนที่นาขั้นบันไดเขียวขจีนั้นยิ่งสวยงามทวีคูณ
หากไปทัวร์ซาปาในช่วงนี้ สิ่งที่คุณจะได้เห็นคือสีเขียวชอุ่มของผืนนาขั้นบันไดซึ่งเต็มไปด้วยต้นข้าวที่กำลังงอกงาม อุณหภูมิก็ยังถือว่าค่อนข้างสบาย อยู่ในราวๆ 20 - 25 องศาเซลเซียส และอาจพบฝนบ้างประปรายในการเดินทาง
ความพีคของการไปทัวร์ซาปาในฤดูนี้คือคุณจะได้เห็นผืนนาขั้นบันไดที่เต็มไปด้วยสีทองของรวงข้าว ซึ่งให้ความตื่นตาตื่นใจไปในอีกรูปแบบหนึ่ง อากาศจะเย็นสบายอยู่ในราวๆ 10 - 15 องศาเซลเซียส และอาจได้เห็นสายหมอกหนาๆ ในยามเช้าอีกด้วยนะ
การไปทัวร์ซาปาในช่วงนี้ สิ่งที่คุณต้องเตรียมคืออุปกรณ์กันหนาวคุณภาพดีที่จะทำให้คุณอบอุ่นสบาย เพราะอากาศจะลดลงไปจนถึงอุณหภูมิในระดับเลขตัวเดียว และอาจติดลบได้ในบางช่วง มีโอกาสได้สัมผัสหิมะในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม
เป็นอีกช่วงที่เหมาะจะไปทัวร์ซาปา สำหรับคนที่ชอบความงามของธรรมชาติและดอกไม้ อากาศกำลังเย็นสบายอยู่ในระดับประมาณ 15 - 20 องศาเซลเซียส ควรติดแจ๊กเก็ตบางๆ ไปสักตัว เพื่อความสบายในการรับลมเย็นยามเช้าในการเดินทางท่องเที่ยวของคุณ
หากคุณยังไม่มั่นใจกับการชิมอาหารสไตล์ท้องถิ่น ร้านนี้น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการมาทัวร์ซาปาร้านหนึ่งของคุณเลยทีเดียว ตัวร้านตกแต่งได้น่ารักสบายตาในสไตล์คาเฟ่แบบยุโรปที่เรียบง่าย โปร่งสบาย เน้นให้บริการเมนูเบเกอรี่ ของว่าง และเครื่องดื่ม ในสไตล์ตะวันตก สายขนมหวานแฮปปี้กับที่นี่แน่นอน
เวลาเปิด - ปิด : 7.00 – 22.00 น.
อีกหนึ่งร้านอาหารที่น่าสนใจในการมาทัวร์ซาปา ร้านนี้เป็นร้านอาหารในสไตล์เรียบ หรู ดูดี ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างก็มองหา และเพราะว่าเป็นร้านยอดฮิตในทำเลที่นักท่องเที่ยวนิยมมาใช้บริการ พนักงานจึงสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เมนูมีให้บริการทั้งอาหารเวียดนามสไตล์กระทะร้อน หรืออาหารกินง่ายแบบพิซซ่า และที่สำคัญวิวจากที่ร้านสวยงามมาก
เวลาเปิด - ปิด : 8.00 - 22.00 น.
ติดต่อ : +84915449707
เรียกว่านี่คืออีกหนึ่งร้านดังซึ่งควรต้องมาลองสักครั้งเมื่อคุณมาทัวร์ซาปา ตัวร้านเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ตกแต่งในสไตล์ท้องถิ่น เมนูเด็ดซึ่งทำให้ที่นี่โด่งดังต้องมาลองก็คือเมนูชาบูปลาแซลมอน เพราะในซาปามีการเพาะเลี้ยงปลาแซลมอนในพื้นที่ ทำให้แซลมอนที่นี่มั่นใจได้ในความสดใหม่ อากาศเย็นๆ ซดน้ำซุปร้อนๆ และชิมเนื้อปลาที่อร่อย เป็นรสชาติที่พลาดไม่ได้
เวลาเปิด - ปิด : 7.30 – 22.00 น.
ติดต่อ : +842143872927
ร้านอาหารบรรยากาศสุดอบอุ่น เหมาะสำหรับการเป็นทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ต์ และบาร์ อาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเวียดนามแบบดั้งเดิมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ ทั้งเมนูแหนมเนือง เฝอ เป็นต้น เหมาะสำหรับมานั่งกินดื่มแบบชิลๆ พักผ่อนระหว่างการเดินทาง
เวลาเปิด - ปิด : 7.00 – 23.00 น.
ติดต่อ : +84989388972
จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของร้านนี้คือวิวบนชั้น 7 ของโรงแรม ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองซาปาและยอดเขาฟานซิปันได้อย่างสวยงาม เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่สามารถมากิน ดื่ม ได้พร้อมกันในร้านเดียว เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือคู่รักที่มาเที่ยวซาปาแล้วอยากจะหาร้านอร่อย วิวสวย บรรยากาศดี ร้านนี้ห้ามพลาด
เวลาเปิด - ปิด : 7.00 - 22.00 น.
ติดต่อ : +84813241768
นี่คือหนึ่งในคาเฟ่ที่ได้รับความนิยมที่สุดของซาปาเลยก็ว่าได้ กับ Moana Sapa Cafe ซึ่งมีมุมถ่ายรูปให้ได้ไปเช็กอินกันหลายมุมเลย ไปคาเฟ่นี้ได้รูปสวยกลับไปเป็นความทรงจำมากมายแน่นอน ทางร้านให้บริการกาแฟ และเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงขนมเบเกอรี่ พร้อมวิวภูเขาสวยๆ ควรค่าแก่การไปเยือน
เวลาเปิด - ปิด : 7.00 - 17.00 น.
ติดต่อ : +84853693666
การเดินทางไปเที่ยวซาปา สามารถไปได้หลายวิธี โดยวิธีที่นิยมและสะดวกที่สุดคือบินตรงจากเมืองไทยมาลงที่ฮานอยและนั่งรถบัสหรือรถไฟต่อมาที่ซาปา
จากเมืองฮานอยมีรถบัสสาธารณะมุ่งตรงสู่ซาปาในทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด เพราะรสบัสจะวิ่งตรงสู่เมืองซาปาเลยไม่แวะที่อื่น และมีให้เลือกใช้บริการหลายแบบหลายราคาตามแต่ความต้องการของผู้เดินทาง
การเดินทางด้วยรถไฟเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางแบบชิลๆ สโลว์ไฟล์ ใช้เวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมง โดยจะแวะ 1 จุดก่อนถึงซาปาคือที่สถานี Lao Cai โดยผู้เดินทางควรจองตั๋วรถไฟก่อนถึงวันเดินทางอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อการันตีที่นั่งและป้องกันตั๋วเดินทางเต็ม ส่วนราคานั้นก็จะมีตั้งแต่ 10-180 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อคน ต่อเที่ยว ซึ่งค่อนข้างสูงพอสมควร แต่จะได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มมากขึ้นตามราคาที่สูงขึ้น และที่สำคัญ การนั่งรถไฟจะได้ชมวิวระหว่างทางที่สวยงาม