All articles abouts ที่เที่ยวจีน

12 พิกัด ถ่ายรูปสวย “อู่อี๋ซาน” ไปเที่ยวก่อน ได้รูปเท่กว่า

12 พิกัด ถ่ายรูปสวย “อู่อี๋ซาน” ไปเที่ยวก่อน ได้รูปเท่กว่า

18 ต.ค. 62

พาไปเที่ยวจีน เส้นทางใหม่เป็นชื่อที่ๆ หลายคนยังไม่รู้จัก เมื่อพูดคำว่า “อู่อี๋ซาน” เชื่อว่าคนไทยจำนวนมากงง เอ๊ะมันคือเมืองไหนของจีนไม่คุ้นเลย แต่จะบอกว่า เมืองอู่อี๋ซาน เป็นเมืองที่น่าเที่ยวใหม่อีกแห่งหนึ่งในจีนที่อยากให้รีบมาเที่ยวเพราะตอนนี้ยังไม่ฮิตมาก การที่เราได้มาเที่ยวก่อนก็ได้เท่กว่าอยู่แล้ว และอู่อี๋ซานก็ที่เที่ยวเยอะ อากาศดี เที่ยวได้ทั้งปี พิกัดถ่ายรูสวยๆ เพียบ ผู้ใหญ่เที่ยวได้ เด็กเที่ยวดี วัยรุ่นอย่างเราก็เที่ยวอู่อี๋ซานได้อย่างมันส์ๆ  ความพิเศษของการเที่ยวอู่อี๋ซาน คือเที่ยวทัวร์สะดวกกว่า สบายเที่ยวสนุก ถ้าไปเที่ยวเองก็จะเหนื่อยหน่อย ทั้งการเดินทางระหว่างเมืองและการเที่ยวในเมืองอู่อี๋ซาน เที่ยวเองไม่เล่าเยอะ แนะนำใครที่อยากมาเที่ยวอู่อี๋ซาน ให้มาเที่ยวทัวร์เลยทุกอย่างง่ายดาย ตั้งแต่เรื่องการทำวีซ่าจีนและอื่นๆ เยอะแยะอีกมากมาย ทัวร์เขาจัดการให้เราหมดเลย ที่สำคัญคือ ทัวร์เที่ยวอู่อี๋ซานราคาไม่แพงด้วย เข้าไปเช็คราคาและจองทัวร์อู่อี๋ซาน กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) ได้เลย จองทัวร์ครบจบที่ทัวร์ครับ     จองทัวร์อู่อี๋ซาน กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub)   ทำความรู้จักกับ “อู่อี๋ซาน” อู่อี๋ซาน เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน มณฑลฝูเจี้ยน เป็นเมืองที่ได้รับ 2 มรดกโลก ทั้งทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรม มีประเพณีการดื่มชาจนไปถึงการผลิตชาที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยที่สุดของจีนด้วย เป็นแหล่งโอโซนชั้นเยี่ยมมาเที่ยวแล้วได้สูดหัวใจเต็มปอดดีต่อปอด เพราะเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาทั้ง 3 ด้าน ทั้ง ด้านตะวันออก ตะวันตกและด้านเหนือ อากาศดีตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 19-31 องศาเซลเซียส   11 ที่เที่ยวอู่อี๋ซาน   1.วิวเขาเทียนโหยวฟง เริ่มด้วยพิกัดแรกที่เราจะพาไปเที่ยวแล้วรับรองว่าได้รูปสวยแน่นอน คือ ถ่ายรูปบน เขาเทียนโหยวฟง ด้านบนวิวสวยมาก สวยในสวยเดอะเบสจริงๆ ใครกลัวความสูงไม่มีอะไรแนะนำ แต่ถ้าสู้ได้สู้เพราะมันคุ้มค่ามากที่เราได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ เข้าใจเลยว่าทำไม่อู่อี๋ซานถึงได้รับมรดกโลกทางธรรมชาติ เขาเทียนโหยวฟงอากาศดีมากสูดลมหายใจให้เต็มปอดเพราะชื่นใจจริงๆ พร้อมโพสท่าสวยๆ บนความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 408.8 เมตร ยืนหนึ่งบนเขาเทียนโหยวฟง   2.ลานหิน ริมแม่น้ำ จิ่วชีว์ซี ที่เขาเทียนโหยวฟง ไม่ได้มีเพียงวิวมุมสูงสวยๆ เท่านั้น เพราะเมื่อลงมาจากเขาแล้วก็ยังมีความสวยงามให้เราตามไปเก็บภาพน่าประทับใจเหมือนกัน พอลงมาจากเขาเทียนโหยวฟงแล้ว ต้องห้ามพลาดแวะมาที่ลานหินริมแม่น้ำจิ่วชีว์ซี ถ่ายรูปสวยวิวดีแน่นอน อินเนอร์นั่งเหม่อๆ เผลอๆ ริมแม่น้ำใสๆ ท่าโพสต์นี้คือเต็ม 10 ไปเลยครับบบบ    3.ทางเข้าไร่ชาต้าหงเผา อย่างที่เกริ่นไว้เล็กน้อยข้างต้นว่า เมืองอู่อี๋ซาน เป็นแหล่งผลิตชาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับชาขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ ชาต้าหงเผา ซึ่งสถานที่ๆ เที่ยวห้ามพลาดอีกแห่งคือ ไร่ชาต้าหงเผา ที่นี่เป็นแปลงเพาะปลูกใบชาที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น ต้าหงเผา อู่หลง เถี่ยกวนอิมและสุ่ยเซียน แต่ก่อนจะเข้าไปในไร่ชาชมความสวยงามด้านใน เราสายเที่ยวชอบถ่ายรูปก็แวะโพสต์ท่าสวยๆ ที่ทางเข้าไร่ชาก่อน ทั้งบริเวณสะพานข้ามและทางเข้าผ่านประตูไร่ชาต้าหงเผา   4.ไร่ชาต้าหงเผา เก็บภาพสวยๆ ที่บริเวณทางเข้าไร่ชากันเรียบร้อยก็ได้เวลามาเก็บรูปสวยๆ ในไร่ชาต้าหงเผาแล้ว ไร่ชาของที่นี่คืออลังการมาก กว้างใหญ่สมเป็นแหล่งผลิตชาชี่อดังจริงๆ จะบอกว่าที่นี่คือ ถ่ายรูปได้ทุกมุม ทุกโซน ทุกพื้นที่จริงๆ สวยทั้งหมด แล้วบรรยากาศร่มรื่นสุดๆ โอบล้อมไปด้วยภูเขา ต้นชา ต้นไม้สีเขียวมากมาย ใครชอบถ่ายรูปมาเที่ยวที่นี่จัดไปรัวๆ เลย    5.ถนนโบราณ ราชวงศ์ซ่ง ถัดจาดไร่ชาไม่ไกลกันมาก ที่ใต้เขาต้าหวังฟง จะมีถนนคนเดินบรรยากาศคือ แบบจีนโบราณ ย่านนี้จึงถูกเรียกว่า ถนนโบราณราชวงศ์ซ่ง ของขายเต็มไปหมด ของใช้เอย ของกินเอย เสื้อผ้าเอย คาเฟ่ชาเอย บอกเลยมีความจีนโบราณสุด พอเดินเข้ามาในถนนแห่งนี้เหมือนหลุดเข้าไปในเมืองโบราณของประเทศจีนเลย ของฝากก็มีนะ เดินเล่นดูเพลินๆ หรือจะซื้อกลับด้วยก็ได้ ราคาไม่สูงมาก ที่เห็นมากเลยๆ ก็พวกชุดชงชาสวยๆ ทั้งนั้นเลย ใครอินเรื่องของชาแฮปปี้สุด   6.วังอู่อี่ เดินเก็บรูปเก็บบรรยากาศถนนโบราณราชวงศ์ซ่งกันไปเรียบร้อยแล้ว เดินมาอีกนิดก็จะเจอกับ วังอู่อี๋ เป็นวัดลัทธิเต๋าที่เก่าแก่สุดในอู่อี๋ซาน ซึ่งในวัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ แล้วก็มีต้นหอมหมื่นลี้เก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปีด้วย ด้วยความที่สถาปัตยกรรมเก่าแก่โบราณในแบบจีนสวยงาม จึงไม่อยากให้พลาดที่จะถ่ายรูปเก็บรรยากาศสวยๆของวัดจีนโบราณ อาจโพสต์ท่าไม่ได้มาก แต่ยืนเหม่อๆ เผลอก็ได้รูปสวยๆ อยู่นะ   7.วิวเขานางฟ้า นี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปเที่ยวอู่อี๋ซานเช่นกัน กับพิกัดชมวิวสวยที่เมืองอู่อี๋ซาน วิวนี้ห้ามพลาดกับฉากหลังที่เป็นแม่น้ำจิ่วชีว์ซี และเขานางฟ้า และจะยิ่งสวยมากถ้าเป็นช่วงที่แพไม้ไผ่ล่องมาพอดี ภาพจะคอมพลีทมาก ยื่นหนึ่งท่ามกลางเขานางฟ้า ภาพเลยออกมาสวยๆ เหมือนนางฟ้าแบบที่เห็นนี่แหละคุณผู้ชม   8.สะพานไม้ ทางเข้าชมวิวเขานางฟ้า ที่บริเวณทางเข้าไปชมวิวเขานางฟ้าสวยๆ ก็ห้ามมองข้ามเด็ดขาด ก่อนจะเดินเข้าไปชมวิวเขานางฟ้าสวยๆ จะมีสะพานไม้อยู่เป็นสะพานที่จะมุ่งตรงไปสู่ห้องน้ำ แต่ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปสะหน่อยเนอะ หรือไม่ต้องปวดปัสวะอะไรก็เดินไปถ่ายรูปได้ ไม่ว่าจะนั่งหรือยืนก็เรียกยอดไลค์ ยอดเลิฟ ยอดว้าวได้ทั้งนั้น   9.พระจันทร์เต็มดวง ริมแม่น้ำ ฉงหยางซี อู่อี๋ซาน ถ่ายรูปได้เช้ายันค่ำมืด พิกัดนี้จัดว่าเด็ดมาก กลางคืนเท่านั้นถึงจะได้ภาพงาม พระจันทร์เต็มดวงใกล้ๆ ริมแม่น้ำฉงหยางซี ซึ่งเป็นแม่น้ำชื่อดังของเมืองนี้ เตรียมคิดท่าไว้เลยสวยๆ ออกแอคติ้งเยอะๆ เพราะแสงพระจันทร์เต็มดวงจะมาเพียงระยะเวลาเพียง 60 วินาทีเท่านั้น พอแสงเต็มดวงแล้วคิดท่าแล้วก็กระโดดไปยืนใกล้ๆ พระจันทร์เลย รับรองว่าได้ภาพสวยปั๊วปังอลังการมาก   10.ตลาดกลางคืน ลี่เจียง ขยับมาอีกนิดจากดวงจันทร์เต็มดวง มาสู่ตลาดกลางคืนลี่เจียง ที่นี่มีอาหารสตรีทฟู้ดเต็มไปหมด ทั้ง หม่าล่า โรตีไส้คาว ชาไข่มุก ชาผลไม้ ติ่มซำ กินอิ่มอร่อยแล้วก็ได้ถ่ายรูปสไตล์หว่องๆ จีนๆ ด้วยนะ คือได้แบบไม่ต้องพยายามเพราะที่นี่เมืองจีนไง กินเสร็จแล้วก็เดินเล่นซื้อของ หาพิกัดถ่ายรูปได้อีกเยอะ ปล. ของช้อปปิ้งของฝากขนมกรุบกรอบก็มีให้เลือกช้อปเยอะเช่นกัน   11.สะพานวัดเทียนชิงหย่งเล่อ อีกหนึ่งที่เที่ยวที่มาเมืองอู่อี๋ซานคือ วัดเทียนชิงหย่งเล่อ วัดนี้แห่งนี้เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่ในเขาอู่อี๋ซาน ได้มีการบูรณะวัดและมีบริเวณที่สร้างขึ้นมาใหม่โดยเป็นสถาปัตยกรรมในแบบจีนที่สวยงาม นอกจากได้ไหว้พระขอพรแล้ว ยังมีหลายบริเวณให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆ อย่างตรงสะพานทางเข้าวัดจะมีวิวสวยๆ หยุดเดินแป๊บแล้วถ่ายรูปได้หลายโพสต์เลย   12.วัดเทียนชิงหย่งเล่อ อย่างที่บอกไว้ว่า วัดเทียนซิงหย่งเล่อ เป็นวัดเก่าแก่มีทั้งส่วนที่เป็นวัดเก่าและในส่วนของบริเวณทำใหม่ ซึ่งโซนที่เป็นวัดเก่าจะอยุ่ด้านในสุดเดินขึ้นไปอีกนิดนึงจะเจอสถาปัตยกรรมวัดจีนแบบโบราณที่สวยงาม ทั้งด้านหน้านทางเข้า และด้านหลังของวัดมีจุดให้ถ่ายรูปสวยๆ ด้วย  ปิดท้ายด้วยไฮไลท์ของการมาเที่ยวเมือง อู่อี๋ซาน ด้วยโชว์อิมเพรสชั่นต้าหงเผา ขอเมาท์หน่อยแต่ไม่โม้เพราะไปดูมาแล้วถึงได้บอกได้ว่า การแสดงของเขาคือ อลังการมาก ยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือ ฉากเอย แสงสีเสียง คือ ร้องว้าวทุกฉาก ถึงแม้การแสดงจะเป็นภาษาจีนฟังไม่รู้เรื่องแต่ดูเรื่องราวเข้าใจอยู่นะ เก้าอี้ที่เรานั่งหมุนได้ 360 องศา ตื่นตาตื่นใจตลอด 1.30 ชั่วโมง ดูเพลินๆ ไม่รู้สึกเบื่อเลย มาเที่ยวอู่อี๋ซานดูเหอะ การแสดงโชว์อิมเพรสชั่น โชว์ของผู้กำกับชื่อดัง จางอวี้โหมว เป็นการแสดงใหฐ่ระดับประเทศ ซึ่งในจีนมีเพียง 5 โชว์เท่านั้นและที่อู่อี๋ซาน เป็ฯการแสดงโชว์ 1 ใน 5 ของการแสดงโชว์อิมเพรสชั่น   จองทัวร์อู่อี๋ซาน กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub)  

อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวฮาร์บิน - ตะลุยแดนมังกร เที่ยวฮาร์บินช่วงไหนดี ช่วงไหนโดน
เที่ยวฮาร์บิน - ตะลุยแดนมังกร เที่ยวฮาร์บินช่วงไหนดี ช่วงไหนโดน

25 ต.ค. 62

ถ้าพูดถึงเมืองที่หนาวที่สุดในโลก หลายๆ คนอาจจะนึกถึงประเทศแทบยุโรปหรือสแกนดิเนเวียนแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วที่ประเทศจีนก็มีเมืองที่อากาศหนาวทั้งปีเช่นกัน เมืองนั้นก็คือเมืองฮาร์บินนั้นเอง ฮาร์บินเป็นเมืองที่อุณหภูมิแทบจะติดลบทั้งปีเลย และฮาร์บินเองก็เป็นเมืองที่มีเสน่ห์อีกแห่งหนึ่งเช่นกัน ในช่วงฤดูหนาว​ (ซึ่งจริงๆ มันก็หนาวทั้งปีอะ) จะมีเทศกาลน้ำแข็ง เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลประจำปีของฮาร์บินเลยก็ว่าได้ ไหนๆ ก็หนาวทั้งปีแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าเราไปฮาร์บินในแต่ละช่วงเราจะได้เจอกับอากาศแบบไหนบ้าง    ฤดูร้อน-ฮาร์บิน สำหรับฤดูร้อนที่ฮาร์บินจะเริ่มต้นในช่วงเดือนกรกฏาคม และสิ้นสุดช่วงเดือนสิงหาคมใช่แล้ว ที่ฮาร์บินมีฤดูร้อนเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ในช่วงนี้เรียกได้ว่าเมืองฮาร์บินจะเต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่บานไปทั่วเมืองเลย และอุณหภูมิที่ฮาร์บินในช่วงหน้าร้อนจะอยู่ที่ประมาณ 25 - 30 องศา ถ้าหากใครมาเที่ยวฮาร์บินช่วงนี้จะได้พบสีสันมากมาย อาจจะมีฝนตกเป็นบ้างช่วงแต่ก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย ในช่วงฤดูร้อนแบบนี้กิจกรรมที่ควรทำมากที่สุดคือ ออกไปปิคนิค ใช่แล้ว ไปปิคนิคกันที่เกาะพระอาทิตย์ (太阳岛) เราสามารถเตรียมขนม ของกินไปทานกลางสวนได้ เสียค่าเข้าคนละประมาณ 30 หยวน ภายในเกาะจะมีทั้งกิจกรรม เครื่องเล่น มีบ่อน้ำขนาดใหญ่ให้เราได้ไปปั่นเรือด้วยนะ ซึ่งที่เกาะพระอาทิตย์นี้เป็น 1 ใน 10 เกาะที่วิวสวยที่สุดในจีนอีกด้วยนะ   ฤดูใบไม้ร่วง-ฮาร์บิน ฤดูใบไม้ร่วงที่ฮาร์บินจะมาพร้อมกับช่วงวันชาติจีน ช่วงวันที่ 1 ตุลาคม - 10 ตุลาคม ซึ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วงของฮาร์บินจะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ ประมาณ 1 เดือน เป็นช่วงที่อากาศดี ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เหมาะแก่การไปเดินชมธรรมชาติต่างๆ ในมณฑลเฮยหลงเจียง แต่ละที่อาจจะมีการเปลี่ยนสีเร็วช้าแตกต่างกันไป แต่ถ้าไปช่วงนี้คนก็จะเยอะนิดนึงนะ เพราะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่คนจะได้ออกนอกเมืองมาท่องเที่ยวชมธรรมชาติก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว  ในช่วงที่ฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้เหมาะมากกับการไปเดินเล่นที่สวน Zhaolin นะ เพราะที่นี่เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกในฮาร์บินเลย ภายในสวน Zhaolin ประกอบไปด้วยหลายๆสวน มีมุมให้เดินเล่นหลายมุมด้วยแหละ   ฤดูหนาว-ฮาร์บิน ที่ฮาร์บินเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ฤดูหนาวยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้นะ เพราะหิมะจะเริ่มตกในช่วงเดือนพฤศจิกายน ยาวไปจนถึงเกือบๆเมษายนเลยแหละ ฤดูหนาวของฮาร์บินจะเป็นช่วงเวลาที่มีเทศกาลต่างๆ น่าสนใจเต็มไปหมดโดยเฉพาะเทศกาลน้ำแข็งซึ่งเรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ของเมืองฮาร์บินเลยก็ว่าได้ ในช่วงฤดูหนาวนี้นั้นเมืองทั้งเมืองจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้ฮาร์บินกลายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากๆอีกแห่งหนึ่งในประเทศจีน ด้วยอุณหภูมิที่หนาวถึงขั้นติดลบทำให้แม่น้ำซงฮัว กลายเป็นน้ำแข็ง เราสามารถเล่นไอซ์สเก็ตได้ที่กลางแม่น้ำ หรือถ้าใครอยากลองเดินข้ามแม่น้ำผ่านผืนน้ำแข็งก็ได้นะ เท่ดี สำหรับเทศกาลหิมะที่ฮาร์บินจะมีในช่วงปลายเดือนธันวาคมยาวไปถึงปลายๆกุมภาพันธ์เลย เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาที่เมืองฮาร์บินเยอะที่สุดในปีเลยก็ว่าได้ ที่นี่จะมีงานประกวดน้ำแข็งแกะสลักจากประเทศต่างๆ แล้วก็ยังมีจัดแสดงแสงสีให้เราได้เข้าชมท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ   ฤดูใบไม้ผลิ-ฮาร์บิน ช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่อากาศดีที่สุดแล้วทั้งปี อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5-10 องศาเท่านั้น โดยฤดูใบไม้ผลิจะเรื่มต้นในช่วงเดือน เมษายน - มิถุนายน ในช่วงนี้ดอกไม้ต่างแข่งกันออกดอกกันเยอะแยะเลยแหละ อากาศดีๆแบบนี้เหมาะมากที่จะเดินเล่นถ่ายรูปสวยๆที่โบสถ์เซนโทเฟียเนื่องจากสมัยก่อนฮาร์บินตกเป็นอาณานิคมของรัสเซีย จึงมีสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียอยู่ในเมืองด้วย นอกจากนี้ ยังมีถนนคนเดิน Zhongyang ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งหลักของฮาร์บินอีกด้วย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น ของกิน เรียกได้ว่าครบ จบทีเดียวเลย  ฮาร์บินยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าะไปพิพิธภัณฑ์เบียร์ ​(เบียร์ที๋ฮาร์บินขึ้นชื่อมากๆเลยขอบอก) นั่งเคเบิ้ลคาร์ข้ามแม่น้ำซงฮัว เข้าชมพิพิธภัณฑ์ช่วงสงครามโลก เดินหาของกินแบบ Street Food ที่มีแต่ที่ฮาร์บินอย่างเช่นผลไม้เคลือบน้ำตาลต่างๆ รวมไปถึงมาลองเล่นสกีในช่วงหน้าหนาวได้ด้วยนะ เพราะที่ฮาร์บินเองก็มีสกีรีสอร์ทที่ได้รับมาตรฐานไม่แพ้ที่อื่นเลย   จองทัวร์ฮาร์บิน กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub)   หากใครเลือกไม่ถูกว่าจะเดินทางไปฮาร์บินช่วงไหน ลองปรึกษาทัวร์ครับได้นะ เพราะเราเองก็มีทัวร์ไปฮาร์บินตลอดทั้งปี ใครมีวันว่างกี่วัน เราก็สามารถจัดการให้ได้หมดเลยเช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม
5 จุดเที่ยวห้ามพลาดที่ แลนด์มาร์คแห่ง จางเจียเจี้ย
5 จุดเที่ยวห้ามพลาดที่ แลนด์มาร์คแห่ง จางเจียเจี้ย

31 ต.ค. 62

จางเจียเจี้ย ที่เที่ยวประเทศจีน ที่นักท่องเที่ยวไทยรู้จักผ่านภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Avatar จริงๆ แล้วจางเจียเจี้ยเป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติ ที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูน และธรรมชาติอันสวยงาม จางเจียเจี้ยอยู่ในตอนเหนือของมณฑลหูหนานซึ่งที่ จางเจียเจี้ยเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจีนด้วยนะ นอกจากจางเจียเจี้ยจะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่า ที่จางเจียเจี้ยมีอะไรน่าสนในให้เราได้ไปชมอีก จริงๆแล้วที่ จางเจียเจี้ยยังมีหมู่บ้าน และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้เราได้ไปสัมผัส มาค่ะ วันนี้ทัวร์ครับจะพาทุกคนไปตามเก็บลิสต์ว่า ที่จางเจียเจี้ยมีอะไรรอให้เราได้ไปสัมผัสบ้าง  จองทัวร์เที่ยว จางเจียเจี้ย กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) 5 พิกัดเที่ยว จางเจียเจี้ย  1.อุทยานจางเจียเจี้ย มาเยือนจางเจียเจี้ยทั้งที ก็ต้องมาอุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ยสิคะ ที่นี่เป็นโลเคชั่นหลักในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Avatar เลยนะ ที่อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ยจะเต็มไปด้วยภูเขามากมาย และถ้ามาได้จังหวะนะ คุณก็จะได้พบกับหมอกที่ลอยละล่องเหนือป่าและภูเขา บรรยากาศช่างดีซะเหลือเกิน     2. สะพานแก้วจางเจียเจี้ย เป็นอีกสถานที่ ที่ใครเดินทางมาจางเจียเจี้ยแล้วจะต้องมาถ่ายรูปกับสะพานนี้ เพราะที่สะพานแก้วจางเจียเจี้ยเป็นสะพานแก้วที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงกว่า 300 เมตร และรับประกันความปลอดภัยด้วยการออกแบบในเรื่องของการรับน้ำหนักมาอย่างดี เพราะที่สะพานแก้วแห่งนี้สามารถรองรับคนได้ถึง 800 คน โครงสร้างของสะพานแก้วแห่งนี้่เป็นกระจกนิรภัยอย่างดีที่วางซ้อนกันสลับไปมาถึง 99 ชิ้น ก่อนที่จะมีการเปิดสะพานทางโครงการได้นำรถมาทดลองวิ่งแล้ว ฉะนั้นปลอดภัยหายห่วง     3. เขาเทียนเหมินซาน เขาเทียนเหมินซานเป็นอีกภูเขาที่สวยที่สุดในจีนเลยค่ะ เป็น 1 ใน 4 ภูเขาที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วยนะ และจุดที่เราห้ามพลาดเลยก็ต้องยกให้จุดที่เรียกว่า ประตูสวรรค์เทียนเหมินซานค่ะ เพราะจุดนี้มีลักษณะของภูเขาที่เป็นวงกลมขนาดใหญ่ เปรียบเสมือนประตูสวรรค์นั้นเอง และถ้าใครอยากจะชมธรรมชาติแบบเต็มๆตา ที่เขาเทียนเหมินซานยังมีเคเบิ้ลคาร์ให้เราได้นั่งขึ้นไปชมธรรมชาติด้านบนอีกด้วย หรือถ้าใครที่ชื่นชอบการผจญภัย ต้องลองขึ้นไปเดินทางเดินริมหน้าผาข้างบนดูได้ เราจะสามารถเห็นวิวแบบพาโนราม่าแบบเต็มๆตาด้วยนะ    4.เมืองโบราณเฟิงหวง เมืองเฟิงหวง เป็นเมืองโบราณตั้งแต่สมัยราชวงค์ชิงค่ะ ซึ่งเมืองโบราณเฟิงหวงนี่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ลักษณะของเมืองเฟิงหวงจะมีแม่น้ำไหลผ่าน ชื่อว่าแม่น้ำถัวเจียงค่ะ ซึ่งเราสามารถ ซื้อทัวร์ล่องเรือชมธรรมชาติได้ด้วยนะ ปัจจุบันเมืองเฟิงหวงยังมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 3 แสนคนค่ะ และคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ยังเป็นชนเผ่าดั้งเดิมอย่างถูเจีย และชาวม้ง ลักษณะตึกหรือบ้านของชาวบ้านที่นี่ยังคงมีเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมอยู่ ใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูป เราเชื่อว่าคงจะถูกใจที่นี่ไม่น้อยเลยแหละ   5.โชว์นางจิ้งจอกขาว มาถึงจางเจียเจี้ยแล้ว จะพลาดโชว์ดีๆ อย่าง โชว์นางจิ้งจอกขาวได้ยังไง เพราะโชว์นางจิ้งจอกขาวที่จางเจียเจี้ยกำกับการแสดง และแสงสีเสียงโดย จางอี้โหมว ผู้กำกับชาวจีนที่กำกับการแสดงแสงสีเสียงที่กุ้ยหลิน และพิธีเปิดโอลิมปิคมาแล้วนะ ซึ่งโชว์ชุดนี้จะเป็นโชว์ภาษาจีนทั้งหมด และใช้นักแสดงกว่า 600 คน โดยเนื้อเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักระหว่างนางพญาจื้งจอกขาวกับชายหนุ่มคนตัดฟืน นอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกสนานแล้ว ระบบแสง สี ยังอลังการงานสร้างอีกด้วย บอกได้คำเดียวว่า คุ้มมาก    ใครที่มีแพลนกำลังจะเดินทางไปท่องเที่ยวจางเจียเจี้ย ต้องห้ามพลาดกิจกรรมทั้ง 5 อย่างนี้เลยนะคะ เรียกได้ว่านี่เป็นกิจกรรมไฮไลท์สุดๆแล้ว นอกจากนี้จางเจียเจี้ยยังมีกิจกรรมทางธรรมชาติอีกมากมายให้เราได้ไปสัมผัส และสำหรับใครที่อยากจะเดินทางไปท่องเที่ยวจางเจียเจี้ยแต่ไม่อยากวางแผนเอง ลองเช็คโปรแกรมทัวร์กับทัวร์ครับได้เลยนะคะ เรามีโปรแกรมทัวร์จางเจียเจี้ยหลากหลายแบบ ที่คุณสามารถเลือกได้ตามใจที่ต้องการได้เลย

อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวจิ่วจ้ายโกว - จุดถ่ายรูปสุดฮิต ตอนใบไม้เปลี่ยนสี ได้รูปสวยแน่
เที่ยวจิ่วจ้ายโกว - จุดถ่ายรูปสุดฮิต ตอนใบไม้เปลี่ยนสี ได้รูปสวยแน่

19 พ.ย. 62

หลายๆ คนคงเคยเห็นรูปใบไม้เปลี่ยนสีแบบอลังการงานสร้างที่เมืองจีนกันใช่ไหมคะ นั่นแหละคืออุทยานแห่งชาติจิ่วจ้าวโกว ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติขนาด A5 เลย นั่นแปลว่าที่นี่ต้องสวยมากๆ ถึงขั้นมาหลายๆคนพูดไว้ว่า หากได้มาเยือนจิ่วจ้ายโกวแล้ว จะไม่อยากไปชมอุทยานแห่งชาติที่ไหนเลย ที่จิ่วจ้ายโกวถูกขนานนามว่าเป็นอุทยานในเทพนิยายเลยเชียวแหละ (แสดงว่าต้องสวยมากๆ) ด้วยความที่จิ่วจ้าวโกวพื้นที่ใหญ่มากๆ ประกอบไปด้วยทะเลสาปกว่า 100 แห่ง บ่อน้ำ น้ำตก ทำให้การเที่ยวจิ่วจ้ายโกวใช้เวลาค่อนข้างเยอะ ถ้าใครอยากสัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ แนะนำว่าให้มาเที่ยวจิ่วจ้ายโกวอย่างน้อย 2 วัน ขึ้นไปเที่ยวที่ จิ่วจ้ายโกว ซึ่งจะมีการแบ่งเป็น จิ่วจ้ายโกวฝั่งขวา จิ่วจ้ายโกวฝั่งซ้าย และจิ่วจ้ายโกวด้านล่าง เที่ยวได้สนุกเห็นความสวยงามของจิ่วจ้ายโกวแบบเต็มอิ่มเลย ซึ่งฤดูที่เที่ยวจิ่วจ้ายโก้ว ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะฮิตมากๆ ทั่วทุกบริเวณของที่นี่ต้นไม้จะกลายเป็นสีส้มแดงหมดเลย ไม่ว่ามองไปบริเวรไหนก็ถ่ายรูปสวยทั้งนั้น วันนี้ ทัวร์ครับ (Tourkrub) จะพามาดูว่าจุดที่ถ่ายรูปสวยๆ ที่จิ่วจ่ายโก้วนั้นมีตรงไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย จองทัวร์จีน กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) ที่เที่ยวจิ่วจ้ายโกว 1.Arrow bamboo lake & Arrow bamboo waterfall  จุดนี้เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปสวยมาๆ เพราะมีน้ำตกเป็น Back ground ค่ะ มุมถ่ายรูปสวยๆก็มีเยอะมากๆเช่นกัน โดยเฉพาะมุมสะพานไม้ ที่ถ่ายไปจะเห็นด้านหลังเป็นภูเขา แถมยังมีน้ำตกชั้นเล็กๆอีกด้วย จากจุดนี้เราสามารถเดินไปยังจุด Panda Lake ได้ด้วยนะคะ เดินไปถ่ายรูปไปเรื่อยๆก็เพลินดีนะ   2.Panda Lake  จิ่วจ้ายโกวก็มีแพนด้าให้ดูนะ เพราะตรงนี้เขาบอกว่าเป็นจุดที่หมีแพนด้าจะลงมาทานน้ำประจำค่ะ ซึ่งที่ Panda Lake จะมีทางเดินรอบๆ ให้เราได้เดินชมวิวแบบพาโนราม่า วิวดีมากๆ เพราะตรงหน้าคือทะเลสาปที่มีภูเขาซ้อนทับหลายๆรูป เล็งมุมดีๆ ได้รูปสวยๆกลับไปเพียบแน่นอน   3.Five Flower Lake จุดนี้เป็นจุด Unseen ของจิ่วจ้ายโกวเลยแหละ เพราะทะเลสาปที่นี่สวยมาก สวยที่สุดในจิ่วจ้ายโกวเลยก็ว่าได้ค่ะ น้ำในทะเลสาปเป็นสีมรกตสุดสวย แล้วยิ่งในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนะ สีของต้นไม้สะท้อนเงาในน้ำนี่คือ สวยลื้ม >< เป็นจุดที่ห้ามพลาดไม่ว่าอะไรก็ตามแต่   4.Rhinoceros lake  มาเที่ยวจิ่วจ้ายโกว จุดนี้ก็ห้ามพลาด สำหรับทะเลสาปชื่อสุดเฟี้ยว ทะเลสาปแรด เป็นอีกทะเลสาปที่เหมาะแก่การถ่ายรูป ทะเลสาปแรดจะอยู่ในบริเวณจิ่วจ้ายโกวด้านซ้ายค่ะ ทะเลสาปขนาดใหญ่ เป็นจุดพักหลังจากที่เดินมาหลายจุดแล้ว จุดนี้เรียกได้ว่าวิวดีมากๆ หากเราอยากจะนั่งพักเพื่อทานขนมของอาหาร นั่งทานไปด้วยชมวิวไปด้วย เรียกได้ว่า อาหารหลักร้อย วิวหลักล้านทีแท้ทรู   5. Long Lake เป็นอีกทะเลสาปที่ไม่ควรพลาด เพราะตามชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทะเลสาปที่นี่ใหญ่มากขนาดไหน ใหญ่สมชื่อจริงๆค่ะ ที่นี่แนะนำให้มาแต่เช้ามาถ้ามาช่วบ่ายอาจจะมีการย้อนแสงนิดนึง ถ้ามาช่วงเช้ารับประกันได้เลยว่าจะได้รูปสวยๆ เพราะ reflect จากภูเขาหิมะสะท้อนกับทะเลสาปสีสดใสแน่นอน   6.Colorful Pond  มาเที่ยวจิ่วจ้ายโกวไม่มาถ่ายรูปจุดนี้เราขอบอกเลยว่า พลาด! แล้วไม่ใช่แค่พลาดธรรมดานะ พลาดมากๆๆๆๆ เพราะบริเวณนี้สวยมากจริงๆ พอเห็นแล้วเราต้องร้องโอ้โหให้กับ Colorful Pond เลยทีเดียว เพราะมันสวยมากกกกก ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ได้มีขนาดกว้างขวางกว่าจุดอื่น แต่จุดนี้ก็เป็นจุดยอดฮิตเช่นกัน ด้วยสีน้ำที่เป็นสีเทอควอยซ์ ทำให้มองยังไง ถ่ายรุปมุมไหนก็สวยไปหมดจริงๆ และด้วยความที่ขนาดของบ่อน้ำไม่ได้ใหญ่มาก ทำใจกับนักท่องเที่ยวหน่อยนะคะ เพราะเยอะมากจริงๆ    7.Nuorilang waterfall ที่เที่ยวจิ่วจ้ายโกวมีที่เที่ยวทางธรรมชาติสวยงามอยู่หลายจุด มาถึงจุดไฮไลท์สุดท้ายที่เราจะแนะนำคือ บริเวณน้ำตก บอกเลยว่าสวยๆ สวยจนต้องอ้าปากค้างสำหรับ ที่ Nuorilang waterfall ก็เป็นอีกน้ำตกที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นเลย น้ำตกที่นี่ไม่ได้สูงมาก แต่มีความกว้างเป็นแนวยาว เราสามารถเดินชมและถ่ายรูปได้สบายๆ เลย    นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ที่จิ่วจ้ายโกว เองยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกอย่างเช่น หมุ่บ้านทิเบต ศูนย์อนุรักษ์แพนด้า รวมไปถึงที่พักสวยๆที่อยู่รอบๆจิ่วจ้ายโกวด้วยนะ ถ้าใครสนใจอยากจะมาเที่ยวจิ่วจ้ายโกวละก็ จากเมืองไทยเดินทางมาลงได้ที่เมืองเฉิงตู ก็ได้จากเมืองไทยมีสายการบิน บินมาลงทุกวันเลย

อ่านเพิ่มเติม