All articles abouts เที่ยวรัสเซีย

รู้ไว้ไม่พลาด! เที่ยวรัสเซีย เดือนไหนดี เดือนไหนโดน!

รู้ไว้ไม่พลาด! เที่ยวรัสเซีย เดือนไหนดี เดือนไหนโดน!

20 เม.ย. 61

        รัสเซีย ดินแดนยุโรปในฝันที่ใครๆก็เอื้อมถึง เพราะการไปเที่ยวรัสเซียนั้นไม่แพง และที่สำคัญและพิเศษสำหรับคนไทยเลยคือ “ ไม่ต้องขอวีซ่า ” ค่ะ         ซึ่งทัวร์ครับขอบอกเลยว่า การไปเที่ยวรัสเซียนั้น สามารถไปได้ตลอดทั้งปี ค่ะ หมดปัญหาการตั้งคำถาม เที่ยวรัสเซียช่วงไหนดี ทัวร์ครับขอตอบว่าขึ้นอยู่กับความชอบ และสไตล์การเที่ยวของแต่ละคนเลยค่ะ ทั้งนี้ ทางทัวร์ครับจึงได้รวบรวมฤดูกาลรัสเซียมาให้ทุกคนได้อ่านกัน จะได้รู้ว่าไปเที่ยวรัสเซียเดือนไหนถึงจะโดนใจเรามากที่สุดค่ะ แผนที่ : เมืองมอสโก Moscow         ประเทศรัสเซีย (Russia) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนทวีปยูเรเซีย ซึ่งทวีปยูเรเซียคือมหาทวีปที่รวมทวีปเอเซียและยุโรปเข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้ประเทศรัสเซีย เป็น ประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ค่ะ และยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่น จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมใครๆก็อยากไปเที่ยวรัสเซียกันค่ะ ซึ่งประเทศรัสเซียนั้น มีทั้งหมด 4 ฤดู ค่ะ   ฤดูร้อน (Summer) เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม         ฤดูร้อนรัสเซีย ถือเป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวรัสเซียกันมากที่สุดค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่อากาศรัสเซียกำลังดี๊ดี มี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15 องศา โดยอุณภูมิจะเพิ่มขึ้นสูงในเดือนกรกฏาคม อุณหภูมิรัสเซียจะอยู่ที่ 25 องศา - 30 องศา           ซึ่งถือว่า เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของรัสเซีย ค่ะ จากนั้นอุณหภูมิที่รัสเซียก็จะลดต่ำลงจนเหลือประมาณ 15 องศา - 20 องศา อากาศรัสเซียดีขนาดนี้ นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวรัสเซียกันเยอะก็ไม่แปลกใจเลยค่ะ และสำหรับ ที่เที่ยวรัสเซียที่เหมาะจะมาเที่ยวในฤดูร้อน ก็คือการมาเดินเที่ยวชมสถาปัตยกรรมต่างๆในเมืองหลวงมอสโคว   ไม่ว่าจะเป็น จตุรัสแดง (Red Square) หรือจะเป็น มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral) แลนด์มาร์คสำคัญของรัสเซียที่ใครๆก็ต้องไม่พลาดไปถ่ายรูปเช็คอินกันเกือบทุกราย นอกจาก สถาปัตยสุดอลังการแล้ว ในฤดูร้อนของรัสเซีย ยังเป็นช่วงที่ ดอกไม้กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ต้นไม้กำลังผลิใบสีเขียวขจี รวมกับอากาศรัสเซียที่เย็นกำลังดี ฤดูร้อนนี้จึงฟินสุดๆไปเลยค่ะ แผนที่ : จตุรัสแดง Red Square ทัวร์ครับขอแนะ : ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศสดใส มีสีสันจากดอกไม้ ต้นไม้ ท่ามกลาง อากาศรัสเซียที่กำลังดี ทัวร์ครับขอแนะนำให้ มาเที่ยวรัสเซียในฤดูร้อนเลยค่ะ เพราะจะได้ ดื่มด่ำกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกับธรรมชาติจนลงตัวได้อย่างเต็มอิ่ม แน่นอนค่ะ ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน         เมื่อเข้าสู่ ฤดูใบไม้ร่วงของรัสเซีย ต้นไม่ที่เคยเขียวขจี ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้มแดง ซึ่งสำหรับอุณภมิของรัสเซียในฤดูใบไม้ร่วงมี ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 องศา ค่ะ อากาศรัสเซียในฤดูนี้เรียกว่าหนาวเย็นสำหรับคนไทยเลยล่ะค่ะ โดยเราอาจได้เจอกับน้ำที่เริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง และอุณหภูมิจะลดต่ำลงไปอีก ซึ่งหากใครมาเที่ยวรัสเซียในช่วงเดือนพฤศจิกายนอาจได้เจอกับอุณหภูมิติดลบพร้อมกับฝนก็ได้นะคะ ดังนั้นอย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวติดตัวกันมาด้วยเพื่อจะได้ชื่นชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างอุ่นกาย สบายใจค่ะ   ทัวร์ครับขอแนะ : สำหรับการมาเที่ยวรัสเซียในฤดูใบไม้ร่วงนั้น เหมาะกับนักเที่ยวที่ อยากจะชื่นชมใบไม้เปลี่ยนสี ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ซึ่งเราจะได้เห็นสีทองอร่ามที่ถูกแซมด้วยสีส้มแดงจากธรรมชาติ พร้อมกับสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ซึ่งที่เที่ยวรัสเซียที่เหมาะจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมที่สวยงามนั้น ทัวร์ครับต้องขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ พระราชวังแคทเธอรีน (Catherine Palace) เพราะช่วงใบไม้เปลี่ยน ต้นไม้ภายในสวนของที่นี่จะพร้อมใจกันเปลี่ยนสีให้นักท่องเที่ยวได้มาชื่นชมความสวยงามกันค่ะ   ฤดูหนาว (Winter) เดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์         แค่พูดถึง ฤดูหนาว ของรัสเซีย เชื่อว่าหลายคนคงทราบกันดีถึงความหนาวเย็นของที่นี่ ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ ทำให้อุณหภูมิรัสเซียในฤดูหนาวเรียกได้ว่า หนาวจัดเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะจะมี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -10 องศา ในเดือนธันวาคม เพราะถือว่าเพิ่งเริ่มต้นฤดูหนาว และจะเริ่มหนาวขึ้นไปอีกเมื่อเข้าสู่เดือนมกราคม ยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ โดยจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ - 15 องศาจนถึง - 30 องศาเลยทีเดียว เรียกได้เลยว่าหนาวสุดๆ ยิ่งกว่าเมืองหิมะที่ดรีมเวิล์ดอีกค่าา…   ทัวร์ครับขอแนะ : ในฤดูหนาวรัสเซียเรียกได้ว่าหนาวกันแบบสุดขั้ว ยิ่งกว่าทาแป้งตรางูอีกค่ะ ซึ่งอาจไม่ค่อยถูกสไตล์คนไทยเมืองร้อนอย่างเราสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากใครอยากจะไปสัมผัสหิมะสีขาว ของจริง ทัวร์ครับก็ขอแนะนำให้มาเที่ยวรัสเซียในหน้าหนาว เลยค่ะ เพราะว่าไม่จะมองไปทางไหน เราก็จะได้เห็นแต่สีขาวบริสุทธิ์ของหิมะที่กำลังปกคลุมสถาปัตยกรรม จนเกิดเป็นความสวยงามอีกหนึ่งรูปแบบที่ควรมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งจริงๆค่ะ   ฤดูไบไม้ผลิ (Spring) เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม        หลังจากผ่านช่วงฤดูหนาวรัสเซียซึ่งทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข๋็ง พอเข้าฤดูใบไม้ผลิ หิมะและน้ำแข็งในพื้นที่ต่างๆก็เริ่มจะละลาย อากาศของรัสเซียก็จะเริ่มอุ่นขึ้นค่ะ โดยมีอุณหภูมิประมาณ 5 องศา และจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พอเข้าเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิรัสเซียจะอยู่ที่ 15 องศาโดยเราอาจจะได้ เห็นสีสันจากต้นไม้ ดอกไม้ใบหญ้าที่กำลังเริ่มออกดอกเบ่งบาน อีกครั้งหลังจากผ่านช่วงเวลาอันหนาวเหน็บมาตลอดฤดูหนาวค่ะ   ทัวร์ครับขอแนะ : ฤดูใบไม้ผลิรัสเซีย เป็นอีกหนึ่งฤดูที่น่าเดินทางมาเที่ยวรัสเซีย ค่ะ เพราะอากาศรัสเซียเริ่มจะอุ่นขึ้น ไม่หนาวจนเกินไป และจะได้เจอคุณพระอาทิตย์ออกมาส่องแสง สว่างสดใสทักทายบ้าง ยิ่งหากใครโชคดีมาเที่ยวรัสเซียในเดือนพฤษภาคมอาจจะ ได้เจอ White Night หรือพระอาทิตย์เที่ยงคืน รัสเซีย ที่มักจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม - เดือนกรกฏาคม ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนกันอย่างคึกคักเลยล่ะค่ะ           เห็นไหมละคะ ว่ารัสเซียนั้นมีอะไรน่าเที่ยวกว่าที่คิดอีกค่ะ หากท่านใดสนใจทัวร์รัสเซียคุณภาพ เพิ่มเติมจากทัวร์ครับ ก็ >>>คลิกเลยจ้า<<<

อ่านเพิ่มเติม
ตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matryoshka) ของฝากยอดนิยมที่สุดในรัสเซีย
ตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matryoshka) ของฝากยอดนิยมที่สุดในรัสเซีย

27 ต.ค. 60

"ตุ๊กตาแม่ลูกดก" หรือที่ชาวรัสเซียเรียกว่า "มาโตรชก้า" (Matryoshka) หรือบ้างก็เรียกว่า Nesting Dolls เป็นตุ๊กตาของรัสเซีย โดยได้แนวคิดมาจากเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นตุ๊กตาที่มีลักษณะเรียงซ้อนกันหลายๆ ตัว ประกอบด้วยตุ๊กตาไม้หลายตัวเรียงซ้อนกันอยู่ข้างใน แต่ละตัวประกอบด้วยสองส่วน คือส่วนบนและส่วนล่าง นำมาประกบกันได้สนิทตามร่อง ตุ๊กตาทุกตัวมีโพรงข้างใน เว้นแต่ตัวสุดท้ายซึ่งมีขนาดเล็กสุด จะเป็นตุ๊กตาเต็มตัว ตัน ชิ้นเดียว เป็นของฝากอันดับแรกๆเมื่อเดินทางไปเยือนรัสเซีย ใครที่มีแพลนไปเที่ยวรัสเซีย ลองอ่านบทความนี้ก่อนได้ค่ะ >> เที่ยวรัสเซียเดือนไหน มีอะไรให้ไปบ้าง?   การใส่ตุ๊กตาตัวเล็กซ้อนลงไปหลาย ๆ ตัวนั้น เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความมีชีวิตยืนยาว จึงนับเป็นเครื่องหมายอันเป็นมงคล ผู้คนมักนำไปเป็นของฝากในงานมงคลต่างๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ตุ๊กตาแม่ลูกดกจะเป็นที่นิยมมานานจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันนี้ นอกจากในรัสเซียแล้ว ประเทศอื่น ๆ ที่แยกจากสหภาพโซเวียต เช่น อุซเบกิสถาน ก็มีการผลิตมาตริยอชคาแพร่หลายเช่นกัน ผู้ที่ไปเยือนดินแดนเหล่านี้ มักจะไม่ลืมที่จะเที่ยวซื้อหาตุ๊กตามาตริยอชคาเป็นของที่ระลึกแก่ญาติมิตรตลอดเวลา นอกจากทำเป็นรูปเด็กหญิงแล้วยังมีรูปอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ดอกไม้ โบสถ์ ผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติม
แนะทริคเด็ด 8 วิธีเตรียมตัวก่อนไปดูแสงเหนือ...ที่รัสเซีย!
แนะทริคเด็ด 8 วิธีเตรียมตัวก่อนไปดูแสงเหนือ...ที่รัสเซีย!

17 ก.ย. 61

โดยวันนี้ ทัวร์ครับ เราก็จะมาแนะนำทริคดีๆ ในการเตรียมตัวก่อนจะไปดูแสงเหนือที่รัสเซียกันก่อนนะคะ บอกเลยว่าอ่านบทความนี้จบปุ๊บ ไปลุยได้ปั๊บเลยล่ะ ! 1. กำหนดช่วงเวลาที่จะไป แน่นอนว่า การจะไปดูแสงเหนือนั้น นอกจากต้องเตรียมตัวให้พร้อมแล้ว “ดวง” ก็สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การเพิ่มแต้มดวงของเรา ก็ต้องเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองด้วยนะคะ วิธีง่ายๆ เลยก็คือ เลือกไปในช่วงฤดูหนาว ที่มีช่วงเวลากลางคืนยาวนานนั่นเอง โดยช่วงที่ดีที่สุด ก็คือช่วง เดือนพฤศจิกายน - เดือนมีนาคมค่ะ 2. จองตั๋วเครื่องบิน พอกำหนดช่วงเวลาได้แล้ว ต่อมาก็ถึงเวลาจองตั๋วเครื่องบินค่ะ โดยการบินไปลง มอสโคว(Moscow) จะสะดวกที่สุด จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง แนะนำให้บินตรงนะคะ เพราะเราต้องต่อเครื่องอีกครั้งเพื่อไปลงที่เมืองเมอร์มรังส์อีก ถ้าต่อเครื่องหลายๆ ครั้งจะเหนื่อยเกินไป หรือหากใครจะใช้วิธีแวะพักมอสโควก่อน 1 คืนก็ได้ค่ะ 3. จองทัวร์ การจะไปชมแสงเหนือครั้งแรกนั้น แนะนำให้ไปกับทัวร์จะดีกว่า ซึ่งมีให้เลือกซื้อตั้งแต่เมืองไทยไปเลย หรือจะไปเลือกแค่ one day tour เฉพาะวันที่จะไปดูแสงเหนือกับไกด์ท้องถิ่นก็ได้เช่นเดียวกัน แนะนำว่าให้จองกับเอเจนท์ที่ไว้ใจได้ อย่าง ทัวร์ครับ.คอม จะได้รับการบริการแบบมืออาชีพ ไม่ต้องมาเซ็งทีหลังนะคะ 4. ศึกษากล้องถ่ายรูป นานๆ จะได้เห็นแสงเหนือที เพราะฉะนั้น ต้องเตรียมกล้องถ่ายรูปเพื่อไปลั่นชัตเตอร์ เพื่อเก็บภาพสวยๆ กลับมาเป็นความประทับใจให้ได้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ต้องหมั่นศึกษาด้วยว่า วิธีถ่ายแสงเหนือให้ออกมาสวยต้องตั้งค่ากล้องยังไง ถ้าถ่ายคนด้วยต้องปรับรูรับแสง ปรับสปีดชัตเตอร์แบบไหน เพื่อให้ไม่ติดขัดที่หน้างานนั่นเอง 5. วางแพลนทริป ไปถึงรัสเซียทั้งที จะมุ่งหน้าไปสู่เมืองเมอร์มรังส์เพื่อดูแสงเหนืออย่างเดียวก็คงจะน้อยไปหน่อย เพราะฉะนั้นอย่าลืมแวะไปเที่ยวที่เมืองมอสโคว ไปชมความสวยงามของ Saint Basil’s Cathedral หรือไปชมสถาปัตยกรรมสวยๆ ที่รัสเซียก็ดีเหมือนกันนะคะ 6. ตั้งงบประมาณ เชื่อมั้ยคะว่า ไปเที่ยวรัสเซียเนี่ยใช้งบพอๆ กับไปญี่ปุ่นเลยนะคะ เผลอๆ บางทีถ้าจัดสรรดีๆ อาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ เพราะจากที่แอดมินดูๆ มา เค้าใช้เงินกันไปแค่ 40,000 - 50,000 บาทเท่านั้นเองค่ะ ถือว่าถูกมากเลยนะเนี่ย 7. เตรียมเสื้อผ้า ไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาว แน่นอนว่าต้องหนาวมากๆ อยู่แล้ว และยิ่งเป็นประเทศรัสเซียที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวจับใจด้วยนั้น การเตรียมเสื้อผ้าจึงจำเป็นมากๆ เสื้อขนเป็ดหนาๆ เอย หมวกไหมพรมเอย ถุงมือ ถุงเท้า หรือพวกฮ็อตแพ็คต่างๆ เตรียมให้พร้อม เตรียมให้ดี อย่าให้พลาดเชียวนะคะ 8. หาเพื่อนไปด้วย ทริปจะสนุกน้อยลง ถ้าไม่มีคนรู้ใจไปด้วย ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่คนรักนะคะ แต่รวมไปถึงเพื่อนสนิท พี่น้อง หรือคนในครอบครัว ใครก็ได้ที่เราไปเที่ยวกับเค้าแล้วจะสบายใจ จะได้ช่วยดูแลกัน แถมยังมีคนคอยช่วยกันเก็บภาพสวยๆ อีกต่างหาก 8 ทริคดีๆ เท่านี้ ก็ทำให้เพื่อนๆ วางแพลนไปดูแสงเหนือที่รัสเซียได้ง่ายขึ้นแล้วล่ะค่ะ รีบแพลนแต่เนิ่นๆ จะได้เจอกับสิ่งที่ดีที่สุดนะคะ    อ่านต่อบทความ เที่ยวรัสเซีย  >> ชี้ลายแทง! ของฝากรัสเซีย ไปเที่ยวรัสเซีย ซื้ออะไรดีนะ ? >> รู้ไว้ไม่พลาด! เที่ยวรัสเซีย เดือนไหนดี เดือนไหนโดน!  

อ่านเพิ่มเติม
Best in travel 20 city  บุกตะลุย 20 เมืองห้ามพลาด เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ??
Best in travel 20 city บุกตะลุย 20 เมืองห้ามพลาด เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ??

08 มี.ค. 60

สวัสดีค่ะ วันนี้ ทัวร์ครับ มานำเสนอ Best in travel 20 city บุกตะลุย 20 เมืองในต่างประเทศห้ามพลาด ว่าแต่ว่าในปีนี้ใครมีแพลนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเอ่ย ถ้าใครยังคิดไม่ได้นึกไม่ออก ทัวร์ครับก็มีสถานที่เที่ยวต่างประเทศมาแนะนำให้ได้เก็บเอาไปคิดและวางแผนเที่ยวกัน หรือใครที่ยังเก็บสถานที่เที่ยวต่างประเทศไม่ครบก็ตามเชคลิสกันได้เลยจ้า.. LOS ANGELES : USA ลอสแอนเจลิสหรือที่ใครหลายคนรู้จักในนามของ แอลเอ(LA) พูดไปใครๆก็รู้จักเพราะที่นี่เขาดังมาจากอุตสาหกรรมภาพยนต์(หนังฮอลลีวูด) แถมยังเป็นศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ อย่างสถานที่จัดการประกาสรางวัลออสการ์ รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งสุดหรูอย่างโรดิโอไดรฟ์ สนุกสนานไปกับสวนสนุกดิสนีย์แลนด์และยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ไฮไลท์สำคัญที่ต้องห้ามพลาดนั่นก็คือถนนฮอลลีวูดวอร์กออฟเฟม ที่ประดับด้วยแผ่นหินเป็นรูปดาวห้าแฉก ที่ดาราระดับฮอลลีวูดได้มาจารึกชื่อ รอยมือ รอยเท้าไว้ตามท้องถนนแห่งนี้   LONDON : ENGLAND เป็นที่รู้กันดีว่าลอนดอน เมืองหลวงสุดฮิปของประเทศอังกฤษที่มีสถานที่น่าสนใจมากมาย ลอนดอน มีชื่อเสียงในเรื่องของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งความรู้ชั้นนำของโลก มีผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวเยี่ยมชมไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นที่ บริติชมิวเซียม พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จุดแลนด์มาร์กอย่างหอนาฬิกาบิ๊กเบน เดินเก็บภาพบรรยากาศบนสะพานทาวเวอร์บริดจ์ และห้ามพลาดกับหัวใจหลักของลอนดอนนั่นคือถนนอ็อกฟอร์ด (Oxford Street) แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังซึ่งมีระยะทางถึง 1.6 กิโลเมตร   LISBON : PORTUGAL โปรตุเกสประเทศที่ถูกลืมสำหรับใครหลายคนเมื่อนึกถึงทวีปยุโรป เมืองลิสบอนเมืองเล็กๆที่มากล้นด้วยเสน่ห์ ทั้งบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและอารยธรรมอันสวยงาม เที่ยวชมเมืองด้วยรถราง อาคารสิ่งปลูกสร้างถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความเก่าคลาสสิคอายุพันปี แต่ก็มีความสวยงามตามแบบโคโลเนียล ดึงดูดให้นักเดินทางต้องไปเยือนให้ได้ซักครั้งในชีวิตไฮไลท์ของลิสบอนคือการไปชมปราสาทของเซนต์จอร์จ ปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถชมวิวเมืองได้ 360 องศา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองลิสบอนเลยหล่ะ   PISTOIA : ITALY พิสโตเอีย เป็นเมืองชนบทเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาคารบ้านเรือนใน ยุคกลาง มีมหาวิหาร Cattedrale di San Zeno ด้านหน้าโบสถ์โดดเด่นด้วยศิลปกรรม สไตล์โรมัน ส่วนภายในโบสถ์ก็ตกแต่งอย่างสวยงาม ไฮไลต์เด่นภายในมหาวิหารนี้คือแท่นบูชาของเซนต์เจมส์   VIENNA : AUSTRIA เวียนนา 1 ในเมืองที่คลาสสิกและโรแมนติกที่สุดในแถบยุโรปตะวันออก เมืองที่ยูเนสโกยกให้เป็นมรดกในด้านความงดงามด้านศิลปะและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชมความสง่างามของพระราชวังเบลเวเดียร์, มหาวิหารเซนต์ สตีเฟน และจุดสำคัญที่เรียกได้ว่าถ้าไปแล้วต้องไปเยือนที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก ก็คือ พระราชวังเชินบรุนน์ศูนย์กลางการปกครองของจักรวรรดิออสเตรียนั่นเอง   PRAGUE : CZECH REPUBLIC กรุงปราก กลิ่นอายของเมืองเก่าและความโรแมนติก ทั้งความสวยงามในเรื่องรูปแบบสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างโบราณที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นปราสาทปราก, สะพานชาร์ลส์ และสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนหลงไหลในความสวยงามและอบอุ่นของเมืองแห่งนี้   AMSTERDAM : NETHERLANDS เขาว่ากันว่ากรุงอัมสเตอร์ดัมนั้นถือเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป ดินแดนแห่งจักรยานของโลก เป็นเมืองต้นแบบแห่งวัฒนธรรมการปั่นจักรยาน อีกทั้งยังมีสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและประวัติศาสตร์มากมาย ส่วนสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวชอบเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็คือ การล่องเรือชมความสวยงามของเมืองทั้งสองข้างทาง ไฮไลท์ของอัมสเตอร์ดัมคงไม่พ้น Nescio Bridge สะพานข้ามแม่น้ำที่สวยที่สุดในอัมสเตอร์ดัมและเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว   BARCELONA : SPAIN บาร์เซโลน่าในที่นี้ไม่ใช่ชื่อทีมฟุตบอลแต่อย่างใด แต่เป็นเมืองหนึ่งในประเทศสเปน ซึ่งหากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวสเปนแล้ว คุณห้ามพลาดที่จะไปเยือนเมืองบาร์เซโลน่า บาร์เซโลน่าเป็นเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกันมากนัก แต่จริงๆแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม อาหาร และชื่อเสียงด้านกีฬา นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่หลากหลายและสวยงามมากอีกด้วย   TAITUNG : TAIWAN เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักไถตงมากนัก จริงๆแล้วไถตงก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากให้ลองไปเที่ยวดูสักครั้ง “ไถ” มาจาก “ไต้หวัน” ส่วน “ตง” แปลว่า “ตะวันออก” เพราะฉะนั้นไถตงก็คือไต้หวันตะวันออกนั้นเอง ที่ไถตงนั้นจะเน้นที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นอยากมาก หากมีโอกาสได้ลองมาเที่ยวที่นี่ แนะนำให้ลองนั่งรถไฟชมวิวทะเลแปซิฟิตดูสักครั้ง รับรองภาพความสวยงามของธรรมชาติจะตาตรึงคุณไปอีกนานเลยทีเดียว (การนักรถไฟชมวิวควรมีเวลาสัก 2 วัน เพื่อที่จะได้คุ้มค่ารถไฟ)   SPLIT : CROATIA ขึ้นชื่อว่าอยู่ในโครเอเชียแล้วต้องยกให้ความโรแมนติกเป็นที่หนึ่งเลยทีเดียว เมืองสปลิทที่อยู่ในโครเอเชียนั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่มาก ในปัจจุบันถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าและการท่องเที่ยวของโครเอเชียเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีบรรยากาศดี ทิวทัศน์งดงาม มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ใครที่ได้ไปแล้วถ่ายรูปออกมาจะสังเกตได้ว่ารูปทุกรูปนั้นมีความชิคความคูล ความชีวิตดีอยู่ในรูปทุกรูปแน่นอน หากอยากไปพักผ่อนชิลๆล่ะก็ ต้องนึกถึงที่นี่ที่แรกเลย   DUBAI : ARUB EMIRATESNCE สุดยอดเมืองที่กำลังเจริญรุ่งเรือง เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าดูไบเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเศรษฐี ท้องถนนจะเห็นรถซุปเปอร์คาร์ตลอดเส้นทาง จึงทำให้ดูไบมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อลังการกว่าที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ตึกที่สูงที่สุดในโลก (burj khalifa) ชายหาดที่ถูกถมให้เป็นรูปต้นปาล์ม (palm jumeirah) ตู้ปลาขนาดยักษ์ที่อยู่ในใจกลางห้าง (dubai mall) หรือจะเล่นสกีในเมืองทะเลทรายที่ห้างก็ทำได้ (Mall of the Emirates) หรือใครอยากไปผจญภัยสัมผัสทรายด้วยตนเองก็มีกิจกรรมนั่งรถตะลุยทะเลทรายเพื่อไปแคมป์ไฟกลางทะเลก็มีให้คุณลองเช่นกัน   PARIS : FRANCE ปารีส เมืองในฝันของขาเที่ยวเกือบทุกคน หากพูดถึงยุโรปแล้วล่ะก็ปารีสต้องเป็นหนึ่งในเมืองที่คุณต้องมาลองเที่ยวสักครั้งแน่นอน เนื่องจาก ปารีส เป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นต้น นอกจากสถานที่เที่ยวแล้ว ยังมีแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมอีกมากมาย ให้ขาช้อปได้ช้อปกันเพลินเลยทีเดียว ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวปารีสแล้วล่ะก็ รับรองว่าทั้งรูปถ่ายทั้งของฝากได้กลับมาบ้านอย่างล้นหลามแน่นอน   HOKKAIDO : JAPAN ฮอกไกโด ชื่อนี้ไม่น่าจะมีใครไม่รู้จักเพราะเป็นไฮไลท์ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ฮอคไกโดเป็นเกาะเหนือสุดและหนาวสุดของประเทศญี่ปุ่น ด้วยธรรมชาติทัศนียภาพที่งดงามตลอดทั้งปี มีกิจกรรมอีกหลากหลายเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ อาหารหลากหลายเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เที่ยวเล่นอย่างเพลิดเพลินใจ คนที่เคยไปแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องกลับไปอีกอย่างแน่นอน   REYKJAVIK : ICELAND   ที่เรคยาวิกแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด เป็นเมืองที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ เที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวเมืองได้ การที่มาเดินชมอาคารบ้านเรือนภายในเมืองเรคยาวิกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไอซ์แลนด์ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อาหารการกินก็เป็นที่ถูกปากถูกคอของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ หรือใครต้องการตามล่าแสงเหนือก็สามารถตามล่าได้ที่นี่เช่นกัน เพียงแต่ช่วงเวลา และสถานที่อาจจะต้องวัดดวงกันสักนิด แต่ถ้าหากได้เห็นแสงเหนือแล้วล่ะก็บอกได้เลยว่าคุ้มเกินคุ้ม   JIUZHAIGOU : CHINA อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว ประเทศจีน ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเทือกเขาหมินซานห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางเหนือ ด้วยความสวยงามของธรรมชาติทำให้จิ่วไจ้โกวได้ถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดประติมากรรมความงามจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งน้ำตก ลำธาร ทะเลสาบสีฟ้าเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย และที่นี่คือสถานที่ในฝันของนักเดินทางหลายๆคนที่ตั้งเป้าหมายว่าต้องมาจิ่วไจ้โกวให้ได้สักครั้งในชีวิต   SEOUL : SOUTH KOREA อีกหนึ่งประเทศที่คนไทยใครๆก็รู้จัก เกาหลีใต้ประเทศสุดฮิต ดินแดนของอปป้าของสาวไทยทั้งหลาย บางคนไปแล้วไปอีกจนนับครั้งไม่ถ้วนและกรุงโซลก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งถนนศิลปะและวัฒนธรรม สถานที่ประวัติศาสตร์ สวนสนุก ร้านอาหารชั้นเลิศ แหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ทั้งแหล่งสินค้าขายส่ง สินค้าแบรนด์เนมและแฟชั่นสไตล์เกาหลีมากมาย และห้ามพลาดที่จะไปคล้องกุญแจคู่รักที่โซลทาวเวอร์นะจ๊ะ   MANDALAY : MYANMAR มิงกะลาบา ใครว่าพม่าไม่น่าเที่ยว มัณฑะเลย์เคยเป็นอดีตเมืองหลวงและเมืองใหญ่อันดับที่สามของพม่า มัณฑะเลย์เมืองศูนย์กลางการค้าและคมนาคมทางตอนเหนือและเป็นเมืองอันดับต้นๆที่มีชื่อเสียงในด้านพระพุทธศาสนา คนไทยและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปไหว้พระและสถาปัตยกรรมอันงดงามของกรุงมัณฑะเลย์ ไฮไลท์สำคัญของการเยือนมัณฑะเลย์ครั้งนี้ คือการเข้าร่วมพิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยยมุนี พระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศพม่า   OSAKA : JAPAN โอซาก้า เมืองที่ใหญ่อันดับสองของประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศแล้ว ยังขึ้นชื่อด้านอาหารในราคาย่อมเยา เพราะไม่ว่าจะมุมไหนของเมือง คุณก็สามารถหาร้านอาหารรสชาติเป็นเลิศ แต่ราคาสบายกระเป๋าได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (Universal Studio) แห่งญี่ปุ่น และสวนลอยน้ำ (Floating Garden Observatory)   MOSCOW : RUSSIA กรุงมอสโก รัสเซีย เป็น 1 ในประเทศมหาอำนาจของโลกเสมอมา รัสเซียตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรปตะวันออกและทวีปเอเชียติดกับมองโกเลีย ค่อนไปทางเหนือของโลก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีภูมิอากาศที่หนาว-หนาวจัด แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือ สภาพภูมิประเทศและธรรมชาติป่าเขาที่สวยงามจับใจแบบเมืองในเทพนิยาย ไม่นับรวมสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง เมืองและสถานที่ท่องเที่ยวรัสเซียมีอยู่หลากหลาย เมืองหลวงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์สำคัญมากมาย รวมไปถึงเมืองสมัยใหม่ที่ยังมีกลิ่นอายศิลปะดั้งเดิม   SINGAPORE สิงคโปร์ ประเทศใกล้ๆที่อาจจะเป็นประเทศแรกๆที่ทุกคนนึกถึงเวลาจะไปเที่ยวต่างประเทศ ปัจจุบันสิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญสูงสุดในแถวหน้าของโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี รวมสุดยอดแหละท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์สำหรับคนทุกกลุ่ม ทั้งช็อปปิ้ง สวนสนุก กินอาหารอร่อย หรือชมความงามธรรมชาติต่างๆมากมาย ถ้าใครมีโอกาสได้ไปก็อย่าลืมไปถ่ายรูปเชคอินกับจุดแลนด์มาร์กอย่างรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนกันนะคะ

อ่านเพิ่มเติม
10 ทริคเด็ดก่อน ‘เที่ยวรัสเซีย’ ทำตามนี้ไม่มีเพลียแน่นอน
10 ทริคเด็ดก่อน ‘เที่ยวรัสเซีย’ ทำตามนี้ไม่มีเพลียแน่นอน

29 พ.ย. 61

‘ทัวร์ครับ’ เลยไม่พลาดที่จะตามเทรนด์ ด้วยการจัดหาโปรแกรมทัวร์รัสเซียแบบ ‘จัดเต็ม’ !! มาคอยเสิร์ฟให้เพื่อนๆ ได้เลือกกันด้วย บอกเลยว่าทุกโปรแกรมพาไปแลนด์มาร์กรัสเซียแบบแน่นๆ ได้ทั้งความประทับใจ และความทรงจำที่ดีแน่นอน ดูเลย ทัวร์เที่ยวรัสเซีย สุดคุ้ม เริ่มต้น 34,999 บาท!! แต่ก่อนจะไป ‘ทัวร์ครับ’ ก็ขอจัด 10 ทริคเด็ด ที่จะทำให้เพื่อนๆ ได้ไปฟินที่รัสเซียแบบไม่ติดขัด รับรองว่าทำตาม 10 ทริคนี้ ได้เที่ยวรัสเซียแบบไม่มีเพลีย มีแต่เพลินแน่นอน เลื่อนไปดูกันเลยยย~ 1. รัสเซีย Free Visa 📋 ใครที่คิดว่าไปเที่ยวรัสเซียจะยุ่งยาก ขอบอกเลยว่าคิดผิดมากๆ เพราะที่นี่เค้าฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยถึง 30 วันเลยล่ะครับ มีแค่พาสปอร์ตเล่มเดียวก็ไปฟินไกลถึงรัสเซียได้แล้ว หรือถ้าไปเที่ยวกับทัวร์ครับก็หมดห่วงเรื่องนี้ไปได้เลย ทัวร์ครับจัดการให้ :D 2. แลกเงินก่อนไป 💵 ที่รัสเซียจะให้เงินสกุล รูเบิ้ลรัสเซีย (RUB) ซึ่งแลกจากเมืองไทยไปเลยจะสะดวกกว่าครับ แต่หากใครกลัวไม่พอ และหวังจะไปแลกเพิ่มที่รัสเซีย ขอแนะนำให้แลกเป็น USD ไปก่อน จะได้เรทที่ดีกว่า นอกจากนี้ที่รัสเซียยังสามารถใช้บัตรเครดิตได้แบบไม่มีชาร์จด้วยนะ สะดวกมากๆ เลยครับ 3. เลือกซื้อซิมการ์ดให้ดี  แน่นอนว่ามาเที่ยวต่างประเทศทั้งที จะให้มาอดใจไม่ให้เช็คอิน หรืออัพโหลดรูปสวยๆ ลงโซเชียลก็คงไม่ได้ ครั้นจะรอใช้แต่ Wifi ฟรีที่โรงแรมก็คงจะไม่ทันใจ เพราะฉะนั้นแนะนำให้ซื้อซิมการ์ดไปเลย ที่รัสเซียมี 4G ที่ลื่นปรื๊ด โดนใจชาวเราสุดๆ แต่ที่สำคัญก็คือ ตอนซื้อต้องบอกพนักงานด้วยนะครับว่า ขอเป็นซิมการ์ดที่ใช้ได้ทั่วรัสเซีย ไม่งั้นเดี๋ยวจะได้ซิมการ์ดเฉพาะเมืองที่เราซื้อ แล้วพอเปลี่ยนเมืองจะใช้ไม่ได้ครับ 4. เวลาบิน และเวลาท้องถิ่น ✈️ เราใช้เวลาบินจากประเทศไทย ไปยังประเทศรัสเซียประมาณ 9 ชั่วโมงถ้าหากบินตรงครับ ถ้าบินแบบมีเปลี่ยนเครื่องก็บวกเข้าไปอีก ส่วนเวลาท้องถิ่นที่รัสเซีย เวลาจะเดินช้ากว่าประเทศไทยเรา 4 ชั่วโมงครับ เพราะฉะนั้นลงจากเครื่องมาอย่าลืมปรับเวลากันด้วยนะครับ 5. สภาพอากาศ ⛅️ ดูสภาพอากาศรัสเซีย คลิก   จริงๆ แล้วประเทศรัสเซียถือว่าเป็นประเทศที่เที่ยวได้แทบจะทั้งปี เพราะอากาศเค้าไม่ได้ร้อนมาก เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 10-30 องศา แต่หากใครอยากสัมผัสอากาศหนาวแบบติดลบ แนะนำให้ไปช่วงฤดูหนาว ในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ จะมีหิมะปกคลุมไปทั่วเลยล่ะครับ ส่วนช่วงที่ถือว่าเป็น Peak Period ที่สุดก็คือช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เพราะจะมีกลางวันที่ยาวนานมากๆ สว่างจนถึงเที่ยงคืนเลยล่ะ ถ่ายรูปเพลินไปเลยทีนี้ อ่านต่อ : รู้ไว้ไม่พลาด! เที่ยวรัสเซีย เดือนไหนดี เดือนไหนโดน!   6. App สามัญประจำเครื่อง ทัวร์ครับขอบอกไว้ก่อนว่าที่รัสเซียเค้าใช้ Line ไม่ได้นะครับ เพราะฉะนั้นควรบอกเพื่อนๆ ไว้ล่วงหน้าก่อนว่าหากจะติดต่อ ให้ติดต่อผ่านทางแอพแชทอื่นๆ เช่น FB Messenger หรือ Whatsapp นอกจากนี้ควรโหลดแอพ Yandex Metro ที่เป็นแอพใช้ดูเส้นทางรถไฟใต้ดิน ซึ่งสามารถใช้สลับภาษารัสเซียกับอังกฤษได้ ที่สำคัญ แอพแปลภาษาก็ขาดไม่ได้เลยครับ   7. คนรัสเซีย 🕺🏻 จริงๆ แล้วคนรัสเซียส่วนมากจะเป็นพวกยิ้มไม่เก่ง หน้าตาดูเคร่งขรึม นิ่งๆ แถมยังไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษอีกต่างหาก แต่ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หรือคนที่ทำงานบริการ จะต่างกันเลยล่ะครับ เพราะเค้าจะยิ้มเก่ง และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเลยทีเดียว 8. มิจฉาชีพ 🔪 ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ปลอดภัย 100% และที่รัสเซียก็เช่นกัน โดยมิจฉาชีพที่รัสเซียส่วนมากจะเล็งนักท่องเที่ยวที่มากันไม่ค่อยเยอะ เพราะง่ายต่อการลงมือ ส่วนมากจะอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้า และจุดแลนด์มาร์กที่คนหนาแน่น นอกจากนี้พวกมาสคอตตามสถานที่ต่างๆ ก็ถือว่าเป็นมิจฉาชีพรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน หากเราเผลอไปถ่ายรูปหรือจับมือด้วย ก็อาจจะโดนเรียกเก็บเงินก็ได้ครับ 9. ของฝากรัสเซีย   ของฝากรัสเซียที่นิยมม๊ากมาก ก็คือ ตุ๊กตาแม่ลูกดก นั่นเอง นอกจากนี้พวกของตั้งโชว์ แม่เหล็กติดตู้เย็น ก็ถือเป็นของฝากยอดฮิตเช่นกัน จริงๆ เสื้อผ้า หรือของแฟชั่นต่างๆ ที่รัสเซียราคาไม่แพงเลยครับ เพราะฉะนั้นใครที่ชอบช้อปปิ้ง แต่ไม่ซีเรียสว่าจะต้องเป็นคอลเลคชั่นใหม่เท่านั้น เตรียมเงินมาช้อปให้จุใจได้เลยนะครับ ส่วนพวกขนม ช็อกโกแลตต่างๆ แนะนำซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตครับ มีให้เลือหลากหลาย และราคาถูกมากๆ อ่านต่อ : ชี้ลายแทง! ของฝากรัสเซีย ไปเที่ยวรัสเซีย ซื้ออะไรดีนะ ? 10. เตรียมอะไรไปเที่ยวรัสเซียบ้าง 🧣 อันดับแรกเลยก็คือ กายและใจ !! ตามมาด้วยเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ ยาสามัญประจำตัว ทิชชูเปียก คล้ายๆ กับการไปเที่ยวต่างประเทศทั่วไปล่ะครับ แต่ขอเพิ่มเติมนิดนึงกับ ‘กระเป๋าคาดเอว’ หรือ ‘กระเป๋าคล้องคอ’ เพื่อใส่เงินและเอกสารสำคัญอย่างพาสปอร์ตไว้ในนั้น แนะนำว่าอย่านำของเหล่านี้ใส่กระเป๋าสะพายข้างนะครับ ถึงแม้ว่าจะไปเที่ยวกับทัวร์ แต่ทั้ง 10 ทริคที่เราจัดมาให้ ต้องจำให้แม่น เพราะรับรองว่าจะได้ใช้แน่นอนครับ เอ้ารู้แล้วจะรออะไร กดไปจองทัวร์รัสเซียกันเลยดีกว่า ขอให้เที่ยวรัสเซียให้สนุกนะครับผม   อ่านต่อ .. เที่ยวรัสเซียช่วงไหนดี..เดือนไหนมีอะไรให้ไปบ้าง?    

อ่านเพิ่มเติม
Northern Lights In Russia ! มุมดูแสงเหนือ รัสเซีย สวยสะกดทุกหัวใจ
Northern Lights In Russia ! มุมดูแสงเหนือ รัสเซีย สวยสะกดทุกหัวใจ

15 ส.ค. 62

  เที่ยวรัสเซีย ชมแสงเหนือ กับ ทัวร์ครับ   ดังนั้นวันนี้ Tourkrub จะมาช่วยให้ฝันนั้นของเพื่อนๆ สำเร็จเอง Tourkrub ขอแนะนำสถานที่ดูแสงเหนือที่ไม่ต้องขอวีซ่านั้นคือประเทศรัสเซีย ต้องบอกก่อนว่าถึงแม้จะเป็นประเทศที่การเดินทางไปไม่ยุ่งยากไม่ต้องขอวีซ่า แต่คนที่ชอบหลงตัวแม่อย่างเราก็เลยต้องเลือกใช้บริการทัวร์ เพราะทำให้การเดินทางไปดูแสงเหนือของเราครั้งแรกนี้ง่ายและสะดวกสบายขึ้นมากๆ นี่ยังแอบคิดอยู่ว่าถ้าไปเองป่านนี้คงเก็บซากตัวเองกลับมาไม่หมดแน่ๆ เพราะภารกิจครั้งนี้ถือว่ามีความท้าทายสูงอยู่เหมือนกันไม่ใช่การไปเที่ยวต่างประเทศช้อปปิ้งแบบธรรมดาๆ เหมือนทริปก่อนๆ อีกแล้ว เกริ่นกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เรามาดูกันดีว่าจะเป็นยังไงกับการตะลุยแสงเหนือรัสเซียครั้งแรกของเราและพวกพ้อง!   ช่วงเวลาที่เหมาะสมชมแสงเหนือ รัสเซีย แนะนำเดินทางช่วงปลายเดือนตุลาคม ถึง ต้นเดือนมีนาคมเพราะถือเป็นช่วงเวลาที่สามารถเห็นแสงเหนือได้ดีที่สุด!!  ช่วงต้นเดือนมีนาคม หรือ ต้นตุลาคม เป็นช่วงดีที่สุดในการชมแสงเหนือ รัสเซีย เพราะกลางคืนจะนานกว่ากลางวันอยู่ และอากาศจะไม่หนาวทรหดไป ในขณะที่ช่วงเดือนธันวาคมหรือเดือนมกราคม เวลาในกลางคืนมันนานมากเกินไปจนทำให้ไม่มีเวลาในการเที่ยวสถานที่ต่างๆ     เที่ยวรัสเซีย แสงเหนือ วันที่ 1  เดินทางจากสนามบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมายังท่าอากาศยานโดโมเดโดโวประเทศรัฐเซีย การเดินทางกินเวลาเกือบทั้งวัน ทำให้หมดไป 1 วันเต็มๆ กับการเดินทาง วันนี้ยังไม่มีอะไรมากเพราะการเดินก็ใช้เวลาไปเกือบค่อนวันเลยตัดสินใจหาอาหารทานและเข้าที่พักที่ตัวเมืองมอสโคว์และพักผ่อนพร้อมรับมือพรุ่งนี้ เที่ยวรัสเซีย แสงเหนือ วันที่ 2  พิกัด: Kremlin ตื่นมาพร้อมกับบรรยากาศในกรุงมอสโคว์ วันนี้เราจะพาไปชมสถานที่ชื่อดังในกรุงมอสโคว์กัน  สถานที่แรก พระราชวังเครมลิน (Kremlin) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1147 โดยมงกุฎราชกุมารแห่งนครเคียฟ เจ้าชายยูริ โดลโกรูกี ตามความเชื่อของชาวรัสเซียเครมลินคือที่สถิตย์ของพระเจ้า ปัจจุบันพระราชวังเครมลินได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และที่ตั้งสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น สภาคองเกรส หอระฆังของอีวานมหาราชและสิ่งก่อสร้างอื่นๆอีกมากมาย เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเห็นภาพกันมาบ้างแล้ว เราเองก็เช่นกัน แต่พอได้มาเห็นของจริงแล้วได้แต่พึมพำกับเพื่อนว่าโอ้โหหห...มันสวยมากจริงๆ สถานที่สองที่เราจะไปกันก็คือ พิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่แชมเบอร์ (State Armory Museum) ที่อยู่ในบริเวณพระราชวังเครมลิน พิพิธภัณฑ์นี้เป็นสถานที่เก็บสมบัติล้ำค่ากว่า 4,000 ชิ้น เช่น อาวุธต่างๆ ที่ใช้ในการรบ และเครื่องทรงของกษัติย์พระเจ้าซาร์และซารี ซึ่งมีความเก่าแก่อย่างมากและหาดูได้ยากมากเช่นกัน แต่วันนี้เรามาถึงแล้ว รู้สึกเหนืออ่ะว่ามั้ย  สถานที่สาม จัตุรัสแดง (Red Square) คำว่าสีแดงในความหมายรัสเซีย คือ สิ่งสวยงาม จัตุรัสแดงสร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นลานกว้าง และเป็นเวทีของเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นงานเฉลิมฉลองทางศาสนา การประท้วงทางการเมือง ปัจจุบันใช้จัดงานในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ เที่ยวรัสเซีย แสงเหนือ วันที่ 3  หลังจากเมื่อวานหมดวันไปกับมอสโคว์วันนี้ก็ได้เวลาพิชิตภารกิจที่เราตั้งใจจะมากันนั่นก็คือ เราจะพาไปล่าแสงเหนือ รัสเซีย กัน! ในตอนเช้าเราออกเดินจากโรงแรมไปยังสนามบินปลูโกโว เพื่อเดินทางไปเมืองมูรมันสก์ ซึ่งเมืองมูร์มันสค์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย ติดกับฟินแลนด์และนอร์เวย์ ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สําคัญในการมุ่งหน้าออกสู่มหาสมุทรอาร์คติกและเมื่อเราเดินทางมาถึงเมืองมูรมันสก์ ก็เข้าที่พักเตรียมตัวออกล่าแสงเหนือ รัสเซีย กัน แน่นอนเมื่อถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่าเหล่านักท่องเที่ยวก็ต่างพากันเดินออกมาจากพักเพื่อเตรียมตัวพิชิตแสงเหนือ รัสเซียกัน วินาทีที่เราเห็นแสงเหนือของจริงนั้นคงไม่มีคำไหนสามารถอธิบายเป็นตัวหนังสือได้อีกแล้ว เพราะมันสวยจับจิตจริงๆ เมื่อมองบนท้องฟ้าเราจะได้เห็น แสงเหนือสีเขียว พาดผ่านบนท้องฟ้ามีความสวยงามทำให้ชวนยืนนิ่งแล้วมองความงดงามของแสงอีกหนึ่งความงดงามของธรรมชาติที่เราไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง ถึงสร้างขึ้นได้เราก็เชื่อว่าความรู้สึกปริ่มแบบนี้มันไม่เหมือนกันแน่นอน ใครกำลังตัดสินใจอยู่ เลิกคิดถึงปัญหาแล้วมาเถอะมันดีจริงๆ เที่ยวรัสเซีย แสงเหนือ วันที่ 4  พิกัด: Sami Village หลังจากเมื่อคืนเรากลับไปนอนปริ่มใจที่ได้เห็นแสงเหนือที่รัสเซียด้วยตาตัวเองแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็เตรียมตัวเดินทางไปยัง หมู่บ้านซามิ (Sami Village) เป็นหมู่บ้านชาวพื้นเมืองที่รัสเซีย ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่โด่งดังเรื่องฟาร์มสุนัขฮัสกี้ลากเลื่อน (Husky Sledding) แกเอ้ยยยที่เราจะได้ชมความน่ารักของเจ้าสุนัขฮัสกี้สุดแสนจะน่ารักก และยังได้ชมวิถีชีวิต ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี และการแต่งกายของ ชาวพื้นเมืองซามิ จากนั้นเดินทางเข้าที่พักเพื่อเตรียมตัวล่าแสงเหนือกันอีกครั้ง ใช่ครับ เมื่อคืนยังไม่จุใจเราต้องเก็บบรรยากาศอีกครั้งนึงให้มันคุ้มๆ กันหน่อยย เนี่ยมาทัวร์รัสเซียมันดีอย่างงี้แหละรู้ใจลูกค้ามากก ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าแสงเหนือจะมองเห็นได้ชัดเจนแต่ว่าขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสภาพอากาศในช่วงนั้นๆ ซึ่งในวันนี้แสงเหนือมาตอน 3 ทุ่ม 40 นาที และเหล่านักเที่ยวจำนวนไม่น้อยต่างพากันเอากล้องออกมาถ่ายเก็บแสงออโรร่ากัน เราก็เช่นกันหลังจากเมื่อวานมัวยืนมองเก็บภาพด้วยตาเปล่าแล้วลืมถ่ายรูปซะอย่างนั้น เที่ยวรัสเซีย แสงเหนือ วันที่ 5  พิกัด: Peterhof Palace พิกัด: Bronze Horseman คณะเดินทางกลับมายังกรุงมอสโคว์ที่ สนามบินนานาชาติโดโมเดโดโว ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยเราจะกลับมาเที่ยวในกรุงมอสโคว์อีกหนึ่งคืน และมีโอกาสได้ไปเก็บแต้มอีกที่นั่นก็คือที่ พระราชวังฤดูร้อนเปโตรโวเรสต์ (Peterhof Palace) นั่งรถบัสออกจากโรงแรมไปยังเมืองปีเตอร์ฮอฟ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก  พระราชวังห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตก 29 กิโลเมตร เมื่อเดินทางมาถึงบอกเลยว่าคุ้มมาก เราเป็นอีกหคนที่ชอบการชมสถาปัตยกรรมแบบนี้ ที่นี่มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่และสถาปัตยกรรมมีความโดดเด่นอย่างมากและยังมี อนุสาวรีย์พระเจ้าปีเตอร์มหาราช (Bronze Horseman) ที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนี้ เมื่อชมนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกลับไปยังที่พักที่กรุงมอสโคว์ เที่ยวรัสเซีย แสงเหนือ วันที่ 6  พิกัด: Izmailovsky Market เดินทางไปยัง ตลาดอิสเมลอฟสกี้ (Izmailovsky Market) ตลาดศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดของเมือง และตลาดหัตถกรรมที่ใหญ่ที่สุดในมอสโคว์ ที่นี่เราจะได้อิสระช้อปปิ้งของฝากสินค้าพื้นเมืองต่างๆมากมาย ของที่ระลึกต่างๆ ที่เป็นงานหัตถกรรมอันสวยงามของชาวรัสเซีย พร้อมทั้งเก็บบรรยากาศในเมืองมอสโคว์และได้เดินทางไปยังสนามบินนานาชาติโดโมเดโดโว เพื่อเดินทางไปยังสนามบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ทัวร์แสงเหนือที่รัสเซียถือเป็นอีกหนึ่งทริปที่แน่นๆ จุกๆ เลยก็ว่าได้ คุ้มค่ากับการเดินทางไกลสุดๆ เพราะเราได้ทุกอย่างที่ตั้งลิสต์เอาไว้เลยแถมมีความพิเศษได้ชมเมืองมอสโคว์อีกด้วย ถ้ามีโอกาสรัสเซียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เราอยากจะไปซ้ำอีกครั้ง    ทัวร์รัสเซีย ราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นที่ 27,999 บาท เท่านั้น !   

อ่านเพิ่มเติม
พาไปเที่ยว มอสโคว รัสเซีย สัมผัสความร่ำรวยทางศิลปวัฒนธรรม
พาไปเที่ยว มอสโคว รัสเซีย สัมผัสความร่ำรวยทางศิลปวัฒนธรรม

25 ธ.ค. 62

หลังจากฉันตัดสินใจบอกทุกคนว่า ไปเที่ยวรัสเซีย เมืองมอสโคว และที่สำคัญฉันตัดสินใจเดินทางคนเดียวอีกครั้ง สารพัดประโยคก็พรั่งพรูออกมา ทั้ง ‘รัสเซียน่ากลัวนะ’ ‘คนรัสเซียเขาดูโหดๆ หน้านิ่ง’ แต่ที่เราตัดสินใจมาเที่ยวรัสเซียคนเดียว มีสองเหตุผลหลักคือฉันเบื่อเที่ยวเอเชียแล้ว แต่ละที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนกันก็จริง แต่วัฒนธรรม กลิ่นอายของผู้คนบางอย่างที่ฉันยังสัมผัสได้ไม่ต่างกัน และอีกเหตุผล คือ ต้องการไปประเทศที่อยู่ในทวีปยุโรป แต่ไม่ต้องการทำวีซ่าต่างๆ เนื่องจากเวลาอันกระชั้นชิด 1 เดือนก่อนเดินทางเที่ยวรัสเซียเท่านั้น   การเที่ยวรัสเซียถ้ามาเที่ยวเองการหาข้อมูลก็จะต้องใช้เวลา แต่ถ้าใครที่อยากมารัสเซีย แต่ไม่อยากยุ่งยาก ชอบเที่ยวชิลล์ๆ ไม่อยากวางแพลนเที่ยว เราคิดว่า ไปกับทัวร์ก็สนุกและสะดวกดี ทัวร์รัสเซียมีให้เลือกหลายแพ็กเกจ สามารถเข้าไปดูได้ใน ทัวร์ครับ (Tourkrub) เว็บไซต์ที่รวบรวมทัวร์ต่างประเทศไว้มากมาย ทัวร์ราคาไม่แพง เชื่อถือได้ จองทัวร์ครบ จบที่ทัวร์ครับ ทริปรัสเซีย เที่ยวคนเดียวในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ไปเที่ยวพร้อมกันได้เลย   จองทัวร์รัสเซีย กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub)   3 ข้อที่ฉันรู้เกี่ยวกับ มอสโค รัสเซีย คือ  1. เป็นประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเลย ทั้งป้ายบอกทาง สถานที่และผู้คน (คล้ายๆ กับญี่ปุ่นแต่คิดว่าพวกป้ายตามสถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นยังมีอยู่บ้าง แต่ที่มอสโควไม่มีเลย) 2. มีมหาวิหารทรงโดมปอสค์นิสต์ ยาคอฟเลฟและสถาปัตยกรรมสุดอลังการ  3.เบียร์และสารพัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกราวกับราคาเครื่องดื่มอื่นๆ      มอสโคว รัสเซีย เที่ยวช่วงไหนดี  รัสเซียมีทั้งหมด 4 ฤดู เที่ยวได้เริ่มที่เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม คือ ฤดูร้อน (Summer) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 15 องศา เป็นอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบาย ใส่เสื้อคลุมที่ไม่หนามากก็สามารถเที่ยวได้ ทำให้เป็นฤดูกาลที่มีนักท่องเที่ยวคึกคักมากที่สุด เดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เป็นฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวชาวไทยต่างชื่นชอบและนิยมมาในช่วงนี้ เพราะเหล่าแมกไม้ที่ใบเปลี่ยนจากสีเขียวขจีเป็นสีเหลืองหรือสีส้มอมแดง และเริ่มร่วงลง เป็นความสวยงามอีกแบบหนึ่งที่ไม่ว่าใครมาเยือนรัสเซียช่วงนี้ก็นิยมถ่ายรูปกัน แต่อุณหภูมิของฤดูนี้จะอยู่ที่ 10 องศา บางวันที่ฝนตกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 องศา และช่วงกลางคืนอยู่ที่ -1 องศา แนะนำว่าควรจะใส่ฮีทเทคทั้งเสื้อและกางเกง  เดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์ ฤดูหนาว (Winter) อีกหนึ่งฤดูที่เราอยากแนะนำ หากใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศสถาปัตยกรรมที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนเหมือนกับฉากหลังในเทพนิยาย และตลาดคริสต์มาสต์บริเวณจตุรัสแดง (Red Sqaure) ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม (วันคริสต์มาสต์ของรัสเซีย คือ วันที่ 7 มกราคมเพราะรัสเซียศาสนาคริสต์นิกาย Orthodox Christians) แต่อุณหภูมิในฤดูนี้เฉลี่ยอยู่ที่ -15 ไปจนถึง -30 องศา ต้องเตรียมเครื่องแต่งกายและร่างกายให้แข็งแรง เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม ฤดูไม้ใบผลิ (Spring) จริงๆ เป็นฤดูที่เราอยากคิดว่าอยากจะกลับมารัสเซียอีกครั้ง ด้วยอากาศที่เริ่มอุ่นขึ้นแต่ยังไม่ร้อนจนเกินไป อีกทั้งต้นไม้เริ่มผลิใบ ดอกไม้เบ่งบานอีกครั้ง อุณหภูมิอยู่ที่ 5 องศาและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง 15 องศาในเดือนพฤษภาคม และที่สำคัญยังมีโอกาสได้เจอกับปรากฏการณ์ White Night พระอาทิตย์เที่ยงคืนที่จะมีเฉพาะเดือนพฤกษภาคม-เดือนกรกฏาคม      และข้อมูลเบื้องต้นคร่าวๆ เกี่ยวกับการเดินทาง อาหารและการใช้ชีวิตนักท่องเที่ยวในมอสโควอย่างกระชับ 5 ข้อนี้   1.สายการบินที่ให้บริการจากกรุงเทพนั้นมีทั้งบินตรงอย่าง Aeroflot , Thaiairway , S7 และสายการบินที่ต่อเครื่องระหว่างเมืองอย่าง Qatar ต่อเครื่องที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ , Austrian Airlines ต่อเครื่องที่เมืองกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ,  Gulf Air ต่อเครื่องที่ประเทศบาห์เรน , Vietnam Airline ต่อเครื่องที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม และสายการบิน Oman Air ต่อเครื่องที่เมืองมัสกัตประเทศโอมาน ซึ่งเป็นสายการบินที่เราเลือกใช้เดินทางครั้งนี้ เนื่องจากเป็น Full Service และเครื่องที่ค่อนข้างใหม่ มีหนังบนเครื่องให้เลือกหลากหลาย มีผ้าห่ม หมอนและหูฟังครบครัน ที่สำคัญอาหารบนเครื่องค่อนข้างโอเคแต่เป็นอาหารตะวันออกกลาง แต่จัดเต็มมีทั้งชนมขบเคี้ยว อาหารหลักและขนมหวาน รวมถึงสามารถสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ (มีเบียร์และไวน์) โดยลงเครื่องที่สนามบินโดโมเดโว (DME) การเดินทางเข้าเมืองสามารถนั่งรถบัส , รถไฟฟ้าหรือแท็กซี่ได้ แนะนำให้เรียกผ่านแอพพลิเคชั่น Yandex Taxi สามารถตัดบัตรเครดิตได้และมีข้อมูลของคนขับครบถ้วน ไม่แนะนำให้โบกเพราะแท็กซี่ที่รัสเซียมีกิตติศัพท์เรื่องการทอนเงินไม่ครบ หรือกลวิธีต่างๆ ที่ทำให้เราหมดสนุก  2.ซิมการ์ดของเครือข่ายรัสเซีย จากที่เราหาข้อมูลพบว่าไม่สามารถใช้แอพพลิเคชั่น LINE ได้ จึงเลือกใช้ Sim2fly ของ AIS (จริงๆ ซิมของเครือข่ายรัสเซียถูกกว่านะ) 3.ค่าเงินของรัสเซียมีหน่วยเป็นรูเบิ้ล (RUB) สามารถแลกได้ที่ร้านแลกเงินทั่วไป (แต่แนะนำว่าให้โทรสอบถามก่อน บางช่วงสกุลเงินนี้ก็ขาด ต้องจองล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์) โดยวิธีคิดเงินรัสเซียเป็นเงินไทยอย่างง่าย คือ ให้หาร 2 จากเงินรูเบิ้ลได้เลย เช่น 500 RUB = 250 บาท หรือ 260 บาท อยู่ที่ประมาณนี้  4.การเดินทางในมอสโคว มีทั้งรถไฟฟ้า , รถเมล์ , รถราง และแท็กซี่ เราแนะนำว่าการเดินทางหรือการใช้ชีวิตในรัสเซียที่จะง่ายขึ้น คือ อย่าพยายามอ่านภาษารัสเซีย ถึงแม้แวบแรกที่เห็นตัวอักษรส่วนใหญ่จะคล้ายกับภาษาอังกฤษก็ตาม เพราะนั้นจะทำให้เราสับสน แนะนำว่าให้เทียบป้ายกับข้อมูลใน Google Map ช่วงตัวหน้าสุดและตัวท้ายสุดให้ตรงกันก็พอ และถ่ายป้ายสำคัญๆ ไว้ เช่น ป้ายชื่อสถานที่ที่จะไป ป้ายทางเข้า-ทางออก และป้ายห้องน้ำ  บัตร TPONKA สามารถใช้กับรถไฟฟ้า รถบัส รถราง ที่มอสโควด้วยกันได้ทั้งหมด แนะนำว่าเติมเป็นเงินจะถูกกว่าเหมาเที่ยวในกรณีที่แพลนมาแล้วว่าจะไปที่ไหนบ้าง แต่จริงๆ บนรถบัสสามารถใช้บัตรเครดิตที่สามารถจ่ายแบบ Paywave (เอาบัตรเครดิตไปแตะที่จุดแตะบัตร) ได้เช่นกัน หากใครไม่อยากไปหาซื้อบัตรดังกล่าว   5.ร้านสะดวกซื้อในมอสโควมีค่อนข้างน้อย จากการสำรวจผ่านตาคร่าวๆ เราคิดว่าพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ต่างๆ อาจมีจำนวนมากกว่าเสียด้วยซ้ำไป แนะนำว่าให้เอาอาหารกึ่งสำเร็จรูปอย่างมาม่า โจ๊กติดไปบ้างก็ดี อาหารมอสโควที่เราเห็นป้ายตามร้านค่อนข้างบ่อย คือ เกี๊ยว (Pelemeni) ที่สอดไส้เนื้อวัว ผัก เห็ดและอื่นๆ จิ้มกับซาวครีม ซึ่งพอลองกินแล้วก็ไม่ถูกปากสักเท่าไหร่ ตลอดทั้งทริปเราจึงประทังชีวิตด้วยอาหารเวียดนาม จีน และเกาหลี รวมถึง Fastfood อย่าง Burger King ที่ราคาถูกกว่าไทยมากๆ    หลังจากข้อมูล ตั๋วเครื่องบินและโฮสเทลทุกอย่างพร้อมแล้ว ทริปมอสโคว 6 วัน 5 คืน  ก็เริ่มขึ้นโดยแพลนหลักๆ เราจะไปสถานที่เชิงสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ รวมถึงสเปซ แกลลอรี่ต่างๆ ในมอสโคว ด้วยประวัติศาสตร์ที่ในอดีตมีระบอบปกครองภายใต้ราชวงศ์โรมานอฟกว่า 300 ปี ซึ่งมีทั้งความรุ่มรวยเงินทอง และบรรดาราชวงศ์ ชนชั้นสูงต่างใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟื่อยทั้งอาหาร การแต่งกายที่ประดับดาด้วยเครื่องเพชร รวมไปถึงการชมละครบัลเลต์ต่างๆ หากใครที่นึกภาพไม่ออก เมื่อเหยียบที่มอสโควแล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านี้ทันที เพราะไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนผู้คน สำนักงาน ร้านอาหารหรือกระทั่งตึกทั่วๆ ไปกลับอลังการไปเสียหมดราวกับว่าทุกสถานที่เป็นที่พิเศษ เป็นทริปที่เราหยุดดูตึกอยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับแอบทายในใจว่าสถานที่นี้คืออะไร บางทีก็เป็นเพียงบ้านคนเท่านั้น หรือบางแห่งก็เป็นเพียงสำนักงานสักอย่าง    โดยทริปนี้เราลิสต์สถานที่หลักทั้งหมด 8 แห่ง ดังนี้  Grand Kremlin Palace (ภายในประกอบไปด้วย The Assumption Cathedral , The Archangel Cathedral , The Annunciation Cathedral , The Patriarch’s Palace with the twelve  Apostles’ Church) St.Basil’s Cathedral  The Pushkin Museum of Fine Arts  New Tretyakov Gallery  The Museum of Cosmonautics  Garage Museum of Contemporary Art  Cathedral of Christ the Saviour   วันแรกฉันถึงสนามบินโดโมเดโว (DME) ราวๆ สองทุ่มและพบว่าโคตรหนาว ทั้งอุณหภูมิเลขตัวเดียวต้นๆ และละอองฝนบางๆ ก็ทำเราเอาหยิบเสื้อโค้ทขนเป็ดออกมาแทบไม่ทัน ด้วยความอ่อนเพลียจากการต่อเครื่องและความเหนื่อยล้าที่สะสมจากการงาน ฉันตัดสินใจเรียกแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่น โดยสังเกตป้ายต่างๆ พร้อมกับพิมพ์บอกคนขับว่าใส่เสื้อสีอะไร กระเป๋าสีไหน จุดที่ยืนมีอะไรบ้าง ด้วยคำง่ายๆ เช่น Black Coat , Big Bag Yellow , Smoke Area เพราะอย่างที่บอกไปว่าคนรัสเซียไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักหรือถ้าสื่อสารก็ประโยคพื้นฐานหรือเป็นคำๆ เท่านั้น และคอยดูเป็นระยะว่าแท็กซี่อยู่ตรงไหนแล้ว ป้ายทะเบียนไหน เพราะจุดที่ยืนรอค่อนข้างวุ่นวาย เหมือนตรงจุดจอดสนามบินดอนเมืองบ้านเรา    สำหรับที่พักตลอดทริปนี้ ฉันเลือกพักที่เดียวกันทั้งหมดเพราะสะดวก ไม่ต้องการขนย้ายสิ่งของ รวมถึงเลือกเป็นรูปแบบโฮสเทล ที่เป็นห้องพักเฉพาะผู้หญิงจำนวน 8 เตียง ที่สำคัญโลเคชั่นของที่พักนั้นดีมากๆ ห่างจาก Grand Kremlin Palace เพียง 900 เมตร และใกล้กับมหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ (Cathedral of Christ the Saviour) 750 เมตรและ The Pushkin Museum 230 เมตรเท่านั้น (อ้างอิงจาก Google Map) ทั้งทริปนี้เราจึงใช้ค่าเดินทางในเมืองไปราวๆ 1000 กว่าบาทเท่านั้น ใช้รถเมล์และเดินเท้าเป็นหลัก   Grand Kremlin Palace (ภายในประกอบไปด้วย The Assumption Cathedral, The Archangel Cathedral, The Annunciation Cathedral, The Patriarch’s Palace with the twelve Apostles’ Church) มาถึงวันแรกฉันก็เลือกที่ปราบเซียนนักท่องเที่ยวเลยทีเดียวไม่ใช่เพราะว่าจำนวนผู้คนมหาศาลเท่านั้น แต่กว่าฉันจะหาจุดขายตั๋วเจอก็ค่อนข้างมึนและเหงื่อออกเล็กน้อยเช่นกัน พอเจอแล้วก็ต้องทำด้องยืนทำความเข้าใจอยู่ตรงป้ายแผนที่อยู่พักใหญ่ เพราะตั๋วมีหลากหลายให้เลือก โดยจุดที่ว่านั้นชื่อว่า Alexander Garden และอีกหนึ่งจุดที่ชื่อว่า Armoury Chamber (แนะนำว่าเป็นจุดแรกจะดีกว่าเพราะเปิดขายตั้งแต่ 9:30 น.) เช่น จะชมเฉพาะสถาปัตยกรรมภายนอกของพระราชวังอยู่ที่ 700 RUB หรือถ้าชมส่วนอื่นๆ ภายในพระราชวังจะต้องเสียเพิ่ม แนะนำว่าให้ทำการบ้านไปเลยว่าต้องการดูตรงไหนบ้าง เพราะตั๋วจะขายเป็นรอบๆ และเข้าได้เฉพาะรอบที่ซื้อเท่านั้น  โดยฉันเลือกรอบเข้าพระราชวังเคลมลินที่เร็วที่สุดตอน 12:00 น. และซื้อตั๋วเข้าชม วิหาร Cathedral of the Annunciation ,  โบสถ์ Cathedral of St. Michael the Archangel , โบสถ์ที่สร้างตั้งแต่ในสมัยพระเจ้าอีวาน ค.ศ. 1559-1585 Cathedral of The Dormition หรือ Assumption , พิพิธภัณฑ์คลังอาวุธและที่เก็บสมบัติ Kremlin Armoury Chamber โดยแต่ละจุดด้านในจะต้องเลือกรอบเข้าชมในตั๋ว โดยจะต้องเข้าตามเวลาเท่านั้น แนะนำว่าควรกะเวลาแต่ละแห่งเพราะอย่าง Kremlin Armoury Chamber มีด้วยกันทั้งหมดสองชั้น แต่เป็นสองชั้นที่โอ่อ่า อีกทั้งแต่ละแห่งก็มีทัวร์แน่นขนัดตา การเข้าชมหรือเวียนชมจุดต่างๆ บางครั้งต้องรอคิวหรือไม่ก็ต้องชะโงกดู ฉันเลือกเข้าชมโบสถ์ต่างๆ ในพระราชวังตั้งแต่ 12:00 น. เมื่อได้ตั๋วแล้วก็รีบไปต่อแถวเข้าพระราชวังทันที และตั้งนาฬิกาไว้ที่ 13:30 เพื่อเดินไปต่อคิวเข้า Kremlin Armoury Chamber ในรอบ 14:00 น.  บริเวณจุดตรวจเข้าพระราชวังเคลมลินต้องถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกทั้งหมด เครื่องประดับ มือถือต่างๆ รวบใส่กระเป๋าทั้งหมด เมื่อเดินผ่านเครื่องจะได้ผ่านฉลุย หากมีเสียงดังขึ้นจะต้องเริ่มตรวจใหม่ จากจุดนี้ใช้เวลาราวๆ 30-45 นาที ด้วยความหนาแน่นของผู้คน ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดาก็ตาม    หลังจากที่ผ่านจุดตรวจมาแล้ว State Kremlin Palace หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ Kremlin Palace of Congress อาคารทรงโมเดิร์นสีขาวสะอาดตา ประดับประดาด้วยกระจกแต่ละช่องสะท้อนกับ Kremlin Armoury Chamber ทำเอาฉันที่กำลังจ่ำอ้าวเดินไปวิหารต่างๆ ต้องหยุดถ่ายรูปและตกตะลึงไปกับความสวยงามที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามของอาคารนี้  ในอดีตนั้นเป็นสถานที่สำหรับประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ (Communist Party of the Soviet Union) แต่ปัจจุบัน เป็นสถานที่ใช้จัดคอนเสิร์ต ซึ่ง Mariah Carey ก็เคยมาเล่นสถานที่แห่งนี้นะ รวมไปถึงการแสดงของคณะบัลเลต์  Bolshoi Ballet แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมด้านใน  และนี่คือวิหาร The Annunciation Cathedral  วิหารแห่งนี้มีความเก่าแก่ถึง 535 ปี สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอีวานที่ 3 ค.ศ. 1484 และเสร็จในปี ค.ศ. 1500 และมีโดมทองทั้ง 9 โดมมียอดไม้กางแขนเป็นเอกลักษณ์ของวิหารนี้ โดยภายในวิหาร โบสถ์ต่างๆ ของพระราชวังเคลมลินนั้นไม่อนุญาตให้บันทึกภาพใดๆ (ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะไม่ได้คอยบอกนักท่องเที่ยว แต่ก็มีป้ายแจ้งตลอดทาง)  ถัดจากด้านขวาของวิหาร คือโบสถ์ The Assumption Cathedral (Dormition Cathedral) ส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างชื่นชอบโบสถ์แห่งนี้มากกว่า ด้วยภาพจิตรกรรมบนตัวอาคารโบสถ์เอง ที่สำคัญโบสถ์แห่งนี้ยังสร้างโดย Aristotele Fioravanti  วิศวกรและสถาปนิกชาวอิตาลี โดยยึดแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของรัสเซีย  จากส่วนของโบสถ์และวิหารต่างๆ อาคารตรงหน้าเรานี้ คือ Kremlin Senate ซึ่งไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นสถานที่สำหรับทำเนียบและที่พักประธานาธิบดี อีกทั้งไว้ต้อนรับแขกจากต่างประเทศ  น่าเสียดายที่ฉันดูเวลาคลาดเลื่อนไปนิดหน่อย เพราะจริงๆ แล้วยังเหลือเวลาอีก 15-20 นาที ฉันจะเดินทะลุออกมายังจัตุรัสแดงที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะครอบครัวชาวรัสเซียที่ต่างออกมาเดินเล่นรับอากาศดีๆ ตรงข้ามกับพระราชวังเคลมลิน คือ GUM ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่และหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในรัสเซีย ซึ่งด้วยอาคารสถาปัตยกรรม Russian medieval ในแวบแรกนั้นฉันเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้ คือ พิพิธภัณฑ์เสียอีก ห้างแห่งนี้สร้างโดย Alexander Nikanorovich Pomerantsev สถาปนิกชาวรัสเซีย ผู้โดดเด่นในศิลปะ Nouveau สถาปัตยกรรมสไตล์ Byzantine, Russian Revival   GUM มีทั้งหมด 3 ชั้นและด้านบนของหลังคาเป็นโครงเหล็กกระจกโค้งที่ปล่อยให้แสงลอดผ่านส่องสว่างเข้ามา ทำให้บรรยากาศนั้นดูอบอุ่นและหรูหราอย่างคลาสสิก ถัดมาด้านขวาของห้าง GUM ที่ฉันเชื่อว่าหลายๆ คน เมื่อเสิร์ชคำว่า รัสเซีย หรือมอสโคว สถานที่แห่งนี้จะต้องขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ หรือรูปแรกอย่างแน่นอน มหาวิหาร St.Basil’s Cathedral โดม 9 โดมที่แต่งแต้มหลากสีสันบริเวณยอด โดยวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่ต่อสู้กับชาวมองโกล เมื่อปี ค.ศ. 1552 และสร้างเสร็จภายในระยะเวลา 3 ปีเท่านั้น  วิหารแห่งนี้สร้างโดยสถาปนิก Postnik Yakovlev สถาปัตยกรรมรัสเซียแบบโบราณผสมผสานกับ Byzantine โดยมีตำนานเล่าอีกว่า หลังจากที่เขาสร้างเสร็จแล้วพระเจ้าอีวานที่ 4 ควักลูกตาของเขาออก เพื่อไม่ให้สร้างสิ่งสวยงามเช่นเดียวกับที่แห่งนี้อีก  เขาจึงได้รับสมญานามว่า อีวานผู้โหดร้าย (Ivan The Terrible) สถานที่แห่งนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมแต่ค่าตั๋วราวๆ 500-700 RUB  หลังจากที่นาฬิกาดังขึ้น 13:30 น. ฉันรีบตรงกลับไปยังพระราชวังเคลมลินอีกครั้งและต่อแถวเข้าชม Kremlin Armoury Chamber หรือพิพิธภัณฑ์คลังอาวุธโบราณและสมบัติของราชวงศ์โรมานอฟ  พิพิธภัณฑ์นี้มีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน ประกอบไปด้วยอาวุธรูปแบบต่างๆ อย่างดาบ ปืน เสื้อเกราะ และสมบัติมีค่าของราชวงศ์ รวมถึงจากเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่นำมามอบให้ แต่ที่เราตกตะลึงมากที่สุด คือ รถเกวียนต่างๆ ที่เป็นทองคำ ประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดาต่างๆ เนื่องด้วยวันที่เราไปเข้าชมมีทั้งกรุ๊ปทัวร์ชาวรัสเซียเอง นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมไปถึงนักเรียนที่มาทัศนศึกษา ฉันจึงไม่สามารถที่จะเก็บภาพบรรยากาศได้ทั้งหมด แต่ละจุดต้องใช้เวลาต่อแถวดูหรือรอกรุ๊ปต่างๆ หมุนเวียนเปลี่ยน แนะนำว่าควรมีเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไป และหากใครต้องการอรรถรสมี Audio Guide ให้เช่าระหว่างชมด้วยนะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าที่มอสโควแทบจะไม่มีภาษาอังกฤษให้เห็นเลย  _____________________________________________________________________   The Pushkin Museum of Fine Arts พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่กลายเป็นสถานที่โปรดของฉันในลิสต์หลังจากที่ไปเหยียบทันที ตอนแรกที่นี่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ของฉัน แต่หลังจากที่เดินผ่าน ฉันก็ไม่รอช้าที่จะหาข้อมูลว่าที่นี่คืออะไร อาคารต่างๆ ในมอสโควแข่งกันอลังการจนไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า สถานที่ที่เราเห็นอยู่นั้นคืออะไร ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเมโทร Kropotkinskaya, Borovitskaya, Biblioteka imeni Lenina และนี่คือภาพแรกหลังจากที่ฉันจ่ายค่าตั๋วเข้าชมราคา 200-400 RUB ตึกตัก ตึกตัก อัตราการเต้นหัวใจของฉันที่รัวอย่างรวดเร็ว ตรงหน้าของฉันคือรูปปั้น David โดยศิลปินชาวอิตาลี Michelangelo ตั้งตระหง่าน ถึงแม้จะเป็นเพียงแบบจำลองก็ตาม ก็อดตื่นเต้นและดีใจไม่ได้อยู่ดี  พิพิธภัณฑ์นี้เปิดมาตั้งแต่ ค.ศ. 1952 มีผลงานศิลปะหลากแขนงทั้งหมดราวๆ 700,000 ชิ้น โดยมีผลงานของศิลปินชาวรัสเซีย และชาติอื่นๆ อย่าง ศิลปินชาวฝรั่งเศส Paul Gauguin ภาพ The Night Cafe และ Edgar Degas ภาพ Blue dancers , ศิลปินชาวสเปน Pablo Picasso ภาพ Acrobat on a Ball อีกไฮไลท์หนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับที่นี่ คือ ร้านของฝากที่ติดกันกับเคาท์เตอร์ขายตั๋ว โปสการ์ดราคา 50-60 RUB และเข็มกลัดงานศิลปะต่างๆ  _____________________________________________________________________   New Tretyakov Gallery ก่อนอื่นต้องบอกว่าสำหรับการเดินชมที่นี่ต้องมีเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงขึ้นไปเท่านั้น ถ้าเราจำไม่ผิดที่นี่มีราวๆ 30 กว่าห้องได้ ที่สำคัญหากใครที่แวะมามอสโควแล้วต้องเลือกพิพิธภัณฑ์สักแห่งหนึ่ง เราขอแนะนำที่นี่  ด้วยค่าเข้าราวๆ 500 RUB และมีงานศิลปะของWassily Kandinsky สถานที่นี้ฉันเจอโดยบังเอิญ​ หลังจากที่เพียรพยายามเสิร์ชหาสวนสาธารณะที่ไหนในมอสโควควรจะไปที่ไหนบ้าง ชื่อของ Gorky Central Park of Culture and Leisure และ Muzeon Park of Art ก็ขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ โดย New Tretyakov Gallery ตั้งอยู่ในสวน Muzeon Park of Art ขนาบริมแม่น้ำ Moska    นอกจากที่นี่จะมีงาน Wassily Kandinsky แล้วยังมีศิลปินชาติอื่นๆ ที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่าง Vladimir burliuk ศิลปินชาวยูเครน และศิลปินชาวรัสเซีย ivan kliun ที่มีเอกลักษณ์สไตล์ Avant-Garde  อีกหนึ่งสิ่งที่ฉันสังเกตได้จากพิพิธภัณฑ์และแกลลอรี่หลายๆ แห่งในมอสโควนั้น ส่วนใหญ่เป็นภาพที่ได้รับการบริจาค ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรุ่มรวย การใช้ชีวิตที่หรูหราของชาวรัสเซีย และทุกแห่งที่ไปจะมีไกด์นำชม หากเป็นพิพิธภัณฑ์เชิงศิลปะ จะมีการถกเถียงหรือสเก็ตวาดภาพกัน  และแล้วก็ถึงห้องพระเอกของฉัน Wassily Kandinsky เขาเป็นศิลปินคนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อวงการศิลปะโลกอย่างมาก โดยให้กำเนิดศิลปะแนว abstract expressionism ทั้งนี้เขายังเคยเขียนตำราศิลปะ Punkt und Linie zu Flache : Beitrag zur Analyze der malerischen Elemente ในขณะที่ทำงาน Bauhaus ประเทศเยอรมัน สองปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ผลงานของเขาส่วนหนึ่งถูกฮิตเลอร์นำไปขาย เพื่อหาเงินเข้าประเทศ หากชิ้นไหนที่ขายไม่ได้ก็จะเผาทิ้ง  อีกหนึ่งกิมมิคของ New Tretyakov Gallery คือแต่ละห้องสีจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยไล่เรียงโทน เพื่อปรับมู้ดให้เข้ากับบรรยากาศผลงานศิลปะ  ทุกๆ สถานที่ของมอสโคว โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั้งพระราชวังเคลมลินหรือทั่วๆ ไป จะมีพื้นที่นั่งพัก ทั้งแบบม้านั่งและโซนแยก  _____________________________________________________________________   Garage Museum of Contemporary Art หลังจากที่ชมศิลปะ ภาพวาดคลาสิคต่างๆ มาทั้งสองแห่งแล้ว ยอมรับว่าค่อนข้างเหนื่อยเหมือนกัน ฉันจึงตัดสินใจไปนั่งพักผ่อนในสวน Gorky Central Park of Culture and Leisure แม้แต่ทางเข้าสวนสาธารณะที่นี่ก็ยังคงคอนเซปต์ความอลังการได้ดีจริงๆ แต่เห็นแบบนี้มีอายุเกือบร้อยปีแล้วนะ เปิดตั้งแต่ค.ศ 1982 แต่ทางเข้า บรรยากาศสิ่งต่างๆ ในสวนแห่งนี้กลับดูล้ำสมัย เพราะสร้างโดย Konstantin Melnikov สถาปนิกชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียงในสไตล์ Soviet avant-garde    ด้านหน้า ขวามือของสวนแห่งนี้เป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ สามารถพายเรือ ถีบปั่นหรือจะนั่งพักผ่อนดูฝูงเป็ดว่ายน้ำไปมาก็ได้เช่นกันที่บริเวณหาดทราย  เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆ ฉันพบว่าที่นี่ช่างใหญ่เสียเหลือเกินจากที่แพลนไว้ว่าจะแวะเพียง 45 นาทีเท่านั้นก็ต้องเปลี่ยนใจทันที เพราะดูเหมือนว่าสวนแห่งนี้จะมีส่วนต่างๆ ให้สำรวจอย่างมากมาย สวนแห่งนี้มีผู้คนประปรายเพราะเป็นวันธรรมดาช่วงบ่าย แต่เมื่อสังเกตดูแล้ว ต้นไม้ สวนหรือม้านั่ง ถูกดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงสนามเด็กเล่นที่อุปกรณ์ใหม่เหมือนกับติดตั้งเมื่อวานนี้เอง  แต่ไฮไลท์ที่ฉันปักหมุดไว้ คือ Garage Museum of Contemporary Art สถานที่จัดแสดงงานศิลปะของวัยรุ่นหรือกลุ่มคนชาวรัสเซียที่น่าสนใจนั่นเอง เนื่องจากสองวันที่ผ่านมาดูแต่ภาพวาด งานศิลปะคลาสิคจนหมดพลังงาน ก็เลยคิดว่าน่าจะหางานศิลปะร่วมสมัยที่ฉันก็คาดเดาไม่ออกเหมือนกันว่า วัยรุ่นรัสเซีย เขาสนใจอะไรกัน  โอโห โคตรล้ำเลย อาคารขนาดยาวสีเงินสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย เดินจนหอบเลยทีเดียว นอกจากจะมีส่วนของที่จัดแสดงงานแล้ว ที่นี่ยังมี Garage Screen โรงหนังกลางแจ้งที่ฉายเฉพาะตอนกลางคืน  แน่นอนว่าต้องฉายหนังทางเลือก หนังอิสระ ช่วงที่ฉันไปที่นี่จัดโปรแกรมเทศกาลภาพยนตร์เกาหลี ซึ่งฉันเดาว่าน่าจะเป็นเพราะผู้กำกับ Bong Joon Ho ได้รับรางวัล Cannes นั่นเอง  น่าเสียดายที่แพลนนี้ต้องถูกพับเก็บไปเพราะซาวน์แทร็กเป็นภาษาเกาหลี ส่วนซับเป็นภาษารัสเซียนั่นเอง แม้ตั๋วจะราคา 200-400 RUB เท่านั้นแต่ก็ไม่น่าจะดูรู้เรื่องแน่ๆ เลยตัดใจรีบไปดูส่วนจัดแสดงงานศิลปะดีกว่า  ค่าเข้าที่นี่ราคา 500 RUB แต่ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษาจะอยู่ที่ 250 RUB เท่านั้น หากใครนึกภาพที่นี่ไม่ออก จริงๆ ก็คล้ายกับหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร (BACC) บ้านเรานี่แหละ มีส่วนของร้านค้า ของที่ระลึก หนังสือ แผ่นไวนิลล์ ภาพงานศิลปะ , คาเฟ่ที่ขายทั้งกาแฟและเครื่องดื่ม แอลกกอฮอล์ ในบริเวณชั้น 1  ส่วนของชั้น 2 จะเป็นที่จัดแสดงงานโซนต่างๆ โดยวันที่ฉันเป็นการจัดแสดงงานเกี่ยวกับมนุษย์ โลก อย่างห้องแรกว่าด้วยการตัดแต่งพันธุกรรม  แต่ห้องหนึ่งที่ฉันชื่นชอบมากเป็นพิเศษของงานแสดงครั้งนี้ คือ ห้องที่นำชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ Volkswagen , ปืน M16 มาดัดแปลงเป็นลูกบาสก์ หลากสีสันตามชิ้นส่วนต่างๆ ที่นำมาดัดแปลง  The Museum of Cosmonautics พิพิธภัณฑ์อวกาศมอสโคว ด้วยอนุสรณ์ประติมากรรมจรวดที่พุ่งทยายท้องฟ้า ทำให้ฉันลิสต์สถานที่นี้เป็นที่แรกในแพลน ด้วยความที่อยู่ค่อนข้างนอกเมืองบวกกับร้านอาหารเช้าที่ค่อนข้างใกล้จากรถไฟฟ้า Metro ฉันตัดสินใจเรียกแท็กซี่อีกครั้งหนึ่ง สนนราคาที่ 600 RUB หรือถ้าใครต้องการนั่งรถไฟฟ้า Metro ไป สามารถลงได้ที่สถานี VDNKh ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงจุดกำเนิดการเดินทางสู่อวกาศของรัสเซีย ตั้งแต่ชิ้นส่วนของยาน สุนัขที่ขึ้นไปอวกาศอย่าง Laika หรือเรื่องเล่าของ Yuri Gagarin นักบินอวกาศคนแรกของโลกที่เดินทางท่องอวกาศและกลับมาอย่างปลอดภัย โดยเขาเสีย ชีวิตจากอุบัติเหตุการฝึกบินในเครื่องบินขับไล่ด้วยวัยเพียง 34 ปีเท่านั้น    นอกจากนั้นแล้วยังมีภาพคณะทีมงานแต่ละภาคส่วน ยานอวกาศจำลองที่ให้คนเข้าไปสัมผัสบรรยากาศได้ ชุดยูนิฟอร์ม และด้านหน้าทางเข้ายังมีจุดขายของที่ระลึกพินรูปต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่กินในยานอวกาศแบบหลอด ซึ่งจำหน่ายในตู้กดอัตโนมัติราวๆ 400 RUB    Cathedral of Christ the Saviour สถานที่สุดท้ายทริปครั้งนี้ที่อยู่ใกล้ที่พักที่สุด ฉันจึงเก็บไว้เป็นวันสุดท้าย ว่ากันว่าโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ Orthodox ที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตลอดทั้งวันไม่ว่าจะช่วงเช้า บ่าย เย็นหรือยามค่ำคืนที่นี่ก็คึกคักไปด้วยผู้คนตลอด เพราะโบสถ์แห่งนี้เกิดขึ้นจากการระดมทุนของประชาชน และติดกับแม่น้ำ Moskva เป็นจุดท่าเรือสัญจรทางน้ำ    ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้ยังใช้ประกอบพิธีทางศาสนา จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม สามารถเดินเข้าไปได้เลยและไม่อนุญาตให้บันทึกภาพใดๆ รวมถึงบางพื้นที่ในโบสถ์ไม่สามารถเดินเข้าชมได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ใช้งาน    เรื่องและภาพ : ณิชา พัฒนเลิศพันธ์

อ่านเพิ่มเติม