All articles abouts เที่ยวญี่ปุ่น ฟูจิ

ตามเก็บให้ครบ !! รวม 5 จุดไฮไลท์สำหรับชมวิวภูเขาไฟฟูจิ

ตามเก็บให้ครบ !! รวม 5 จุดไฮไลท์สำหรับชมวิวภูเขาไฟฟูจิ

25 ธ.ค. 61

และพอนึกถึง “จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ” 🗻 เบอร์หนึ่งตลอดกาลที่เป็น Landmark สำหรับนักท่องเที่ยว ก็คงเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจาก ทะเลสาบคาวากูชิโกะ และ เจดีย์แดง 5 ชั้น แต่วันนี้ สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ อยากให้ลืมแลนด์มาร์กทั้ง 2 แห่งนี้ไปก่อนนะครับ เพราะทัวร์ครับ เรามีอีก 5 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยไม่แพ้กัน แถมยังได้รูปในมุมมองแปลกใหม่ไม่เหมือนใครอีกด้วย มาฝากกันล่ะครับ มาดูกันเลยครับว่าจะมีที่ไหนบ้าง  1. ศาลเจ้า Fujisan Hongu Sengen Taisha พิกัด : Fujisan Hongu Sengen Taisha หนึ่งสิ่งที่ยืนยันว่าเป็น ญี่ปุ่นของแท้ ก็คือเสาแดงนั่นเอง และที่ศาลเจ้านี้เพื่อนๆ จะได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ที่โดดเด่นอยู่ด้านหลัง ตัดกับสีแดงอันสดใสของเสาแดงครับ นอกจากวิวที่ตระการตาแล้ว ศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีประวัติความเป็นมาอันน่าสนใจ เพราะเป็นศาลเจ้าแห่งความศรัทธา ที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นมาเพื่อระงับการปะทุของภูเขาไฟฟูจินั่นเอง สำหรับการเดินทาง บอกเลยว่ามาง่ายมากๆ เพียงนั่งรถไฟ JR สาย Minobu Line ไปลงสถานี Nishi-Fujinomiya แล้วเปิดแมพเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที ก็ถึงที่หมายแล้วครับ   2. Gotemba Premium Outlets พิกัด : Gotemba Premium Outlets ขอเอาใจนักท่องเที่ยวที่รักการช้อปปิ้งกันบ้างนะครับ กับที่นี่เลยที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะ Gotemba Premium Outlets คือแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ที่มีร้านค้าและสินค้าราคาถูกมากมาย รวมถึงร้านอาหารอร่อยๆ กว่า 200 ร้านเลยทีเดียว มาที่นี่นอกจากจะได้ละลายทรัพย์แล้ว ยังจะได้ดูวิวภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย มาเที่ยวเดียวได้ถึงสอง ดีไปอีก การเดินทางนี่ง่ายแสนง่าย เพราะเพียงเพื่อนๆ นั่งรถไฟ JR สาย Gotemba Line เพียงต่อเดียวเท่านั้น ไปลงที่สถานี Gotemba แล้วนั่งรถ Shuttle Bus มาลงที่เอาท์เล็ท ก็จะถึงแล้วครับ 3. Mishima Skywalk พิกัด : Mishima Skywalk cr.cultured creatures แลนด์มาร์กแห่งใหม่ สำหรับการชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเลยครับที่นี่ เพราะเพิ่งเปิดได้ไม่กี่ปี แต่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามมากๆ โดยที่นี่เพื่อนๆ จะสามารถเดินทอดน่อง รับอากาศชิลๆ บนความสูงระดับ 70 เมตร ระยะทางกว่า 400 เมตร ไปพร้อมๆ กับการชมวิวและถ่ายรูปกับภูเขาไฟฟูจิ ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้นและแปลกใหม่สุดๆ ไปเลย อ้อ! เสียค่าเข้านะครับ แต่ราคาไม่แพงเลย เพียงแค่ 1,000 เยนเท่านั้นครับ เทียบกับวิวที่ได้แล้วนั้น เรียกว่าจ่ายเงินหลักร้อย แต่ได้วิวหลักล้านเลยน๊า วิธีเดินทางก็คือ เพื่อนๆ สามารถนั่งรถไฟ JR สาย Tokaido Line ไปลงสถานี Mishima แล้วต่อรถบัสหมายเลข 5 ไปลงที่ Mishima Sky Walk ได้เลยครับ 4. หมู่บ้านโอชิโนะฮักไค พิกัด : Oshino Hakkai ใครที่อยากเห็นหมู่บ้านที่มีหลังคาโบราณ แบบชิราคาวะโกะ แต่ก็อยากชมวิวภูเขาไฟฟูจิไปพร้อมๆ กัน ขอแนะนำที่นี่เลยครับ ที่นี่คือแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีบ่อน้ำ 8 บ่อ ที่น้ำใสมากๆ เพราะเป็นน้ำจากหิมะที่ละลายในช่วงฤดูร้อน และไหลมาจากทางลาดใกล้ๆ ภูเขาไฟฟูจิ โดยผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนอายุกว่า 80 ปีเลยล่ะ มาที่นี่นอกจากจะได้ถ่ายภาพกับบ้านหลังคาโบราณแล้ว ยังได้เห็นภูเขาไฟฟูจิใกล้ขึ้นอีกด้วยนะครับ การเดินทางอาจจะต้องใช้เวลาสักนิด เพราะต้องนั่งรถบัสจาก Gotemba Station หรือ Kawaguchiko Station มาอีกราวๆ 1 ชั่วโมงครับ แต่แลกกับวิวระดับนี้ นั่งนานกว่านี้ก็ยอมนะ 5. สถานี Shin-Fuji ปิดท้ายกับจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ที่เพื่อนๆ สามารถมองเห็นฟูจิซังแบบ Full HD เลยทีเดียว นอกจากจะใกล้มากๆ แล้ว ยังถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม และมาง่ายมากๆ ไม่ต้องเหนื่อยเดินหรืออะไรทั้งนั้น แต่ได้วิวหลักล้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ Shinkansen วิ่งผ่าน แล้วเราลั่นชัตเตอร์ได้พอดิบพอดี ก็จะออกมาเป็นภาพที่แสนสวยงาม มองเห็นภูเขาไฟฟูจิลูกโตๆ ตั้งอยู่ด้านหลัง เป็นคำตอบได้ดีทีเดียวว่า เจ้าภูเขาไฟลูกนี้ มันใหญ่โตมโหฬารขนาดไหน !! อย่างที่บอกว่า จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิแห่งนี้ ไม่ต้องเหนื่อยอะไรเลย เพราะเพื่อนๆ สามารถนั่งรถไฟ Tokaido-Sanyo Shinkansen จากสถานีโตเกียว มาลงที่สถานี Shin-Fuji ได้เลย ต่อเดียวถึง สบ๊ายสบาย เป็นอย่างไรบ้างครับ กับ 5 จุดไฮไลท์สำหรับชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ในมุมมองใหม่ๆ ที่เราคัดมาแนะนำให้ได้รู้จักกัน เริ่มลังเลแล้วล่ะสิว่าจะเลือกไปที่ไหนดี ?? จริงๆ จะบอกว่า ทั้ง 5 สถานที่ที่เราเลือกมาให้ ก็อยู่ไม่ได้ไกลกันเลยนะครับ ลองวางแผนดีๆ อาจจะสามารถไปชมวิวได้มากกว่า 1 ที่ก็ได้ และนอกจาก 5 สถานที่นี้แล้ว ยังมีอีกหลายที่เลยที่สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้เช่นเดียวกัน เช่น ไร่ชาเขียว Nihondaira , ป่าสน Mihono Matsubara หรือหากใครไม่มีเวลาออกจากโตเกียว ก็สามารถไปชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้ที่ ภูเขาทาคาโอะ , Tokyo Sky Tree ได้เช่นเดียวกัน และสำหรับใครที่ไม่มีเวลาแวะ ก็ยังชมวิวจากบนรถไฟ หรือแม้กระทั่งบนเครื่องบินก็ได้เหมือนกันนะ อย่างที่บอกว่า ภูเขาไฟฟูจิ ยิ่งใหญ่จริงๆ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในรัศมีไม่ไกลเกินไป ก็สามารถเห็นภูเขาไฟลูกโตๆ นี้ได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ     บทความแนะนำ >> TOKYO – FUJI 5D3N : รีวิวทัวร์โตเกียว ไปทัวร์คนเดียว..ก็เปรี้ยวได้ !! <<    

อ่านเพิ่มเติม
หนาวนี้ต้องมีฟิน!! รวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ในญี่ปุ่น
หนาวนี้ต้องมีฟิน!! รวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ในญี่ปุ่น

08 ม.ค. 62

ญี่ปุ่น ฤดูหนาว ก็ถือว่าเป็นอีกช่วงยอดนิยมของคนไทยเรา คงด้วยเพราะความเบื่ออากาศเมืองไทยที่ไม่หนาวสักที กับความอยากสัมผัสปุยหิมะขาวโพลนสักครั้งในชีวิต ทำให้ ทัวร์ญี่ปุ่น ฤดูหนาว ขายดีเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ ทัวร์ครับ เลยหยิบ 10 สถานที่น่าพาตัวเองไปฟิน เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น ฤดูหนาว มาฝากกัน จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกันเลยยยย 💨 1.หมู่บ้านชิราคาวะโกะ พิกัด : Shirakawago สถานที่ยอดฮิตและคงจะฮิตไปอีกนานสำหรับทริปเที่ยวญี่ปุ่น ฤดูหนาวนี้ เพราะมันสวยจริงๆ แถมเล่นตัวนิดๆ ด้วยเพราะช่วงเวลาที่สวยสุดๆ 1 ปี มีแค่ 4 วันนะจ๊ะ คือวันที่เค้าเปิดไฟ Light Up นั่นเอง ซึ่งในแต่ละปีก็ต้องมารอลุ้นกันครับว่าเค้าจะกำหนดวันเป็นวันที่เท่าไหร่ แต่ถ้าใครไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องไปดู Light Up ก็สามารถไปเที่ยวได้ตลอดฤดูหนาวเลยนะ สวยไม่แพ้กันนนน ☃️ 2. คลองโอตารุ พิกัด : Otaru ไปฮอกไกโดยังไงก็ต้องไปที่นี่ เพราะถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ใครๆ ก็ต้องมาเช็คอินไม่งั้นแปลว่ามาไม่ถึงครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาวที่จะมีช่วงเวลา Otaru Snow and Light Path ที่เค้าจะเปิดไฟเรียงรายตามแนวคลอง โรแมนติกได้อีก ถ้าหากใครไปช่วงนี้แล้วเจอคนคุกเข่าขอแต่งงานกันเพียบก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ ก็บรรยากาศมันพาไปอ่า ~ 3. Sapporo Snow Festival ยังอยู่กันที่เกาะเหนือของญี่ปุ่นกันบ้าง ฤดูหนาวแบบนี้ หิมะแบบนี้ จะหนีเทศกาลนี้ไปไหนพ้นได้ล่ะครับ เพราะเป็นเทศกาลสุดฮิตที่ผู้คนนิยมไปกัน แถมที่พีคกว่านั้นก็คือการแกะสลักหิมะ ที่ทีมจากประเทศไทยเราไปคว้าแชมป์มาได้ตั้งหลายสมัย ทีนี้ล่ะเจออากาศหนาวให้จุใจกันไป พร้อมกับเจอภาพที่สวยงามของเทศกาลนี้ไปพร้อมๆ กันเลยนะครับ 4. คิโรโระ สกี รีสอร์ท พิกัด : Kiroro Ski Resort เอ่ยชื่อไปอาจจะยังทำหน้างงๆ กันอยู่ แต่ถ้าพูดว่า รีสอร์ทในหนังเรื่อง “แฟนเดย์” ร้องอ๋อกันอย่างแน่นอน เพราะที่นี่คือต้นแบบของความโรแมนติก และเป็นที่ที่เหล่านักท่องเที่ยว เหล่าคู่รักต่างจับจองที่เพื่อจะมาที่นี่กันทั้งนั้น นอกจากจะได้เล่นสกีสนุกๆ สร้างประสบการณ์ใหม่แล้ว “ระฆังแห่งความรัก” ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายๆ คนตั้งใจมาขอพรเช่นเดียวกันครับ 5. สวนสัตว์อาซาฮิยามะ พิกัด : Asahiyama Zoo ใครเป็น Animals Lover ต้องมาที่นี่เลยค่ะ เพราะที่นี่คือสวนสัตว์ที่ไม่เหมือนสวนสัตว์ที่ไหนๆ เพราะสัตว์ต่างๆ ของที่นี่ไม่ได้อยู่ในกรง แต่อาศัยอยู่อย่างธรรมชาติครับ ส่วนไฮไลท์ของที่นี่มันสุดแสนจะน่าร๊าก เพราะนั่นคือ ขบวนพาเหรดของเหล่าเพนกวิ้นตัวน้อย ที่พากันเดินเรียงแถวไปหาอาหารนั่นเอง รับรองใครที่ชอบเพนกวิ้นมีกรี๊ดดังๆ แน่นอน 6. ทะเลสาบคาวากูชิโกะ พิกัด : Kawaguchiko อาจจะดูธรรมด๊า...ธรรมดา แต่จริงๆ แล้ว ทะเลสาบคาวากูชิโกะ ก็เป็นที่ยอดฮิตในฤดูหนาวเช่นเดียวกันนะครับ เพราะด้วยความที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน โดยมีเบื้องหลังเป็นฟูจิซังอันยิ่งใหญ่ ที่ใส่หมวกแบบเต็มที่ ทำให้เป็นภาพที่น่าประทับใจสุดๆ และขอบอกไว้เผื่อใครยังไม่ทราบ ว่าในฤดูหนาวนี้เป็นฤดูที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งที่สุด มีโอกาสได้เห็นภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มๆ แน่นอนครับ 7. ดิสนีย์แลนด์ และ ดิสนีย์ซี พิกัด : Tokyo Disneysea จูงมือแฟน ควงแขนคนรักไปที่นี่ด่วนๆ ถ้าอยากได้บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก เพราะในช่วงฤดูหนาวนี่แหละที่ทางดิสนีย์จะประดับไฟ 🎠 ตกแต่งบรรยากาศให้มีความ Festive สุดๆ ก้าวเท้าเข้าไปด้านในแล้วเหมือนหลุดเข้าไปในโลกเทพนิยายเลยครับ แล้วถ้าหากวันไหนโชคดีมีหิมะตก คงไม่ต้องอธิบายนะคะว่าจะโรแมนติกมากขนาดไหน 🎡 8. Yamagata Zao Onsen Resort พิกัด :  Yamagata Zao Onsen Resort อีกหนึ่งสกีรีสอร์ทที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก นั่งรถไฟราวๆ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายครับ ทำให้เหล่านักท่องเที่ยวที่ไม่อยากขึ้นไปภาคเหนือก็ต่างตบเท้ามาที่นี่กัน นอกจากความกว้างใหญ่ให้เล่นสกีได้อย่างจุใจแล้ว ไฮไลท์ของที่นี่อย่าง Snow Monster ที่เป็นต้นสนที่มีหิมะปกคลุม ดูคล้ายตุ๊กตาสโนว์แมน ก็เรียกแขกได้ดีทีเดียวเลยครับ 9. Strawberry Farm กิจกรรมยอดฮิตในญี่ปุ่น ฤดูหนาว ถ้าไม่ชอบหิมะก็มีการเก็บสตรอว์เบอรี่นี่แหละ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนจองตั๋วมาเที่ยวในฤดูนี้ ด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่ากันว่าสตรอว์เบอรี่ของญี่ปุ่นลูกใหญ่ แถมยังสดและหวาน ฟินสุดๆ ทำให้หลายๆ คนอยากมาสัมผัสด้วยตนเอง แต่ขอบอกว่าควรจะจองล่วงหน้าก่อนนะครับ เพราะฟาร์มสตรอว์เบอรี่ที่ญี่ปุ่นเต็มไวมากๆ เลย ซึ่งเมืองที่ใกล้ๆ โตเกียวที่ฮิตๆ ก็ที่เมืองจิบะ  10. Jigokudani Monkey Park พิกัด : Jigokudani Monkey Park เหล่าลิงภูเขา หรือลิงหิมะกว่า 200 ตัว จะลงมาแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นในฤดูหนาว โดยหน้าตาของมันช่างน่ารักมากๆ ใบหน้าแดงกล่ำ บวกกับอริยาบทที่กำลังแช่ออนเซ็นอย่างเพลิดเพลินเรียกรอยยิ้มของนักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียวค่ะ แต่มาที่นี่ไม่ใช่แค่การชมลิงออนเซ็นเท่านั้นนะ แต่ยังรวมไปถึงการชมวิวภูเขาที่มีหิมะปกคลุมเต็มไปหมดด้วยต่างหาก มองไปทางไหนก็มีแต่สีขาว เพลิดเพลินตามากๆ   ใครมีแพลนไปญี่ปุ่นในฤดูหนาว ก็ลองดู 10 สถานที่ไฮไลท์ที่เรานำมาฝากกันดูนะครับ แต่บอกเลยว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะในฤดูหนาวของญี่ปุ่นยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลประดับไฟต่างๆ, ตลาดคริสมาสต์ หรือสถานที่ต่างๆ ที่ประดับไฟและตกแต่งให้บรรยากาศของเทศกาลสิ้นปีสุดๆ เลย   ดู ทัวร์ญี่ปุ่น ราคาสุดคุ้ม ได้ที่ https://tourkrub.co/japan-tour อ่าน >> ตามเก็บให้ครบ !! รวม 5 จุดไฮไลท์สำหรับชมวิวภูเขาไฟฟูจิ     

อ่านเพิ่มเติม
จดไว้เลย! 10 เมืองอากาศดีเที่ยวได้ตลอดกาล ไร้กังวลเรื่องมลพิษ
จดไว้เลย! 10 เมืองอากาศดีเที่ยวได้ตลอดกาล ไร้กังวลเรื่องมลพิษ

05 มิ.ย. 62

               แต่! ไม่ต้องกังวลไป ต้นปีแบบนี้วันลายังเหลือชัวร์ๆ เพราะฉะนั้นเตรียมเขียนไปลา ขออนุญาตเจ้านายที่รักไปพักผ่อน สูดอากาศดีๆ สัก 2 - 3 วันกันหน่อยดีกว่า พร้อมแล้วลุย! 1. เชียงคาน : จ.เลย แผนที่ : เชียงคาน             ขอเริ่มแบบเบาๆ ซอฟท์ๆ กันก่อนกับเมืองในประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อว่ามีอากาศที่ดี๊ดี อย่าง เชียงคาน อยู่ที่จ.เลยนั่นเองครับแทบไม่ต้องลางานเลย หาเวลาว่างวันเสาร์ - อาทิตย์ นั่งเครื่องบินตรงลงไปพักผ่อน นอนโฮมสเตย์ ดูวิถีชีวิตของชาวบ้าน เย็นๆ จะเดินเล่นหรือปั่นจักรยานริมแม่น้ำโขงก็ได้ แล้วเช้าๆ ก็ตื่นมาตักบาตรข้าวเหนียว และจิบกาแฟที่คาเฟ่ชิคๆ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการชาร์จแบตให้ตัวเองแล้วครับ 2. หมู่บ้านคีรีวง : จ.นครศรีธรรมราช แผนที่ : หมู่บ้านคีรีวง  แพ็คกระเป๋าลงใต้ ไปสูดออกซิเจน และอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ฟอกปอดจาก pm 2.5 กันไปกับที่ หมู่บ้านคีรีวง ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย เพราะเป็นหมู่บ้านกลางหุบเขา รายล้อมไปด้วยต้นไม้ ลำธาร และความเป็นธรรมชาติ อากาศเย็นสบายเที่ยวได้ทั้งปี ถึงแม้จะอยู่ในฤดูร้อน แต่กลางคืนนอนกันแบบไม่ต้องเปิดพัดลมยังได้เลยนะจะบอกให้ Cr. Fidayvacation.com          3. วังน้ำเขียว : จ.นครราชสีมา แผนที่ : วังน้ำเขียว             หากพูดถึงแหล่งโอโซนชั้นดี ใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อม ยังไง๊...ยังไงก็ต้องมีชื่อของวังน้ำเขียวติดอันดับมาด้วยอย่างแน่นอน เพราะขับรถแค่ 3 ชั่วโมงกว่าๆ จากกทม. แป๊บเดียวก็ถึงที่หมาย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์แทนฝุ่นพิษแล้วจ้า ซึ่งที่วังน้ำเขียวนี้ก็สามารถเที่ยวได้ทั้งปีเช่นกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาเฉพาะในช่วงฤดูหนาวนะจ๊ะ เอ้า! รอไรล่ะแพ็คกระเป๋าได้แล้ววว 4. ฮอกไกโด : ญี่ปุ่น             มาแล้วจ้าสำหรับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวอากาศดี๊ดี ณ ต่างประเทศ ฮอกไกโดนี้ติดมาเป็น 1 แคนดิเดทด้วยอย่างแน่นอน เพราะเป็นเมืองหนึ่งของญี่ปุ่นที่เรียกได้ว่าอากาศดีโดนใจตลอดทั้งปีเลยทีเดียว จะมาเดือนไหน วันไหน ก็รับรองว่าฟินอย่างแน่นอน ขนาดเดือนที่ร้อนที่สุดอย่างเดือนสิงหาคมยังมีอุณหภูมิเฉลี่ยแค่ 22 องศาเอง! และด้วยความที่ฮอกไกโดมีความเป็นธรรมชาติสูง ทุ่งดอกไม้เยอะ ต้นไม้แยะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องอากาศเลยครับ เพราะรับรองว่าบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีมลพิษ มากวนใจ สนใจทัวร์ฮอกไกโดราคาสุดคุ้มจากทัวร์ครับ คลิกที่นี่ เลย  5. โตเกียว : ญี่ปุ่น             แหม! ญี่ปุ่นนี่เค้ามาแรงจริงๆ เพราะนอกจากฮอกไกโดแล้ว โตเกียวก็ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่อากาศดี เที่ยวได้ตลอดทั้งปีเหมือนกันครับ ซึ่งถึงแม้ว่าในช่วงฤดูร้อนนั้น อาจจะมีอากาศที่ร้อนพอๆ กับบ้านเรา แต่ก็ยังมีลมพัดอยู่ตลอด ทำให้ไม่เหนียวตัว เดินช้อปปิ้งได้สบายๆ เหงื่อออกนิดเดียวเท่านั้น แถมในช่วงนั้นยังมีเทศกาลดอกไม้ไฟ และเทศกาลต่างๆ อีกมากมายที่น่าสนใจอีก ใครอยากไปญี่ปุ่นแบบโลว์คลอส งบจำกัด เลือกฤดูร้อนเลยรับรองว่าสบายกระเป๋าแน่ๆ สนใจ ทัวร์โตเกียว เที่ยวครบทุกสถานที่ไฮไลท์ คลิกเลย !! 6. คุนหมิง : จีน             เมืองหนึ่งของจีนที่มีอากาศดี เสมือนว่ามีฤดูใบไม้ผลิทั้งปีก็ต้องที่คุณหมิงนี่แหละครับ เพราะขึ้นชื่อเรื่องของธรรมชาติสวยงาม มียอดเขาสูงชัน ข่าเก๋อป๋อ แห่งทิวเขาหิมะเหมยหลี่ ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนไปทักทายตลอด นอกจากนี้ยังมีอุทยานป่าหิน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และปิดท้ายด้วยการไปเดินลอดประตูมังกรหลงเมิน แห่งเขาซีชาน ที่เชื่อกันว่าใครได้ลอดประตูนี้จะมีแต่โชคลาภไม่ขาดสายเลยล่ะ! 7. ซิดนีย์ : ออสเตรเลีย             อีกหนึ่งเมืองที่ได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่อากาศดีมากเว่อร์! หากใครได้ลองมาซิดนีย์สักครั้งแล้วจะติดใจเลยล่ะครับ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และธรรมชาติ เรียกได้ว่ามาเที่ยวทั้งทีได้สัมผัสทุกอย่างครบเลย แถมยังได้สัมผัสกับอากาศดีๆ อีกด้วย คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มเลยนะเนี่ย 8. เซาเปาโล : บราซิล             ในหนึ่งปีจะมีนักท่องเที่ยวกว่า 13 ล้านคนทั่วโลกแวะเวียนมาเที่ยวที่เซาเปาโล เนื่องจากมีอากาศที่ดีตลอดทั้งปี จะมาเที่ยวเดือนไหนฤดูไหนก็ฟินทั้งนั้น เป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของบราซิล ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายเต็มไปหมด ทั้งพิพิธภัณฑ์เอย ทั้งที่เที่ยวธรรมชาติ หรือแหล่งช้อปปิ้งก็เพียบ! จึงไม่แปลกเลยที่เมืองนี้จะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวกันจนชิน 9. เก็นติ้ง : มาเลเซีย             สองเมืองสุดท้ายขอพาเพื่อนๆ วกกลับมาที่เมืองใกล้ๆ บ้านเรากันบ้าง อย่างเก็นติ้งไฮแลนด์ ประเทศมาเลเซีย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่อากาศดีตลอดทั้งปีเช่นกัน เพราะด้วยความที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2,000 เมตร จึงทำให้เก็นติ้งมีหมอก และมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีเลยครับ นอกจากจะชมความงามของธรรมชาติ และสูดอากาศบริสุทธิ์แล้ว ที่เก็นติ้งยังมีความบันเทิงอื่นๆ ให้ทำอีกหลากหลาย เช่น คาสิโน สวนสนุก หรือการเก็บสตรอว์เบอร์รี่ ใครที่กำลังมองหาเมืองอากาศดีๆ ไปง่ายๆ เลือกเก็นติ้งไว้ไม่มีผิดหวัง 10. ดาลัท : เวียดนาม             โฮจิมินห์จะร้อนก็ร้อนไป แต่ดาลัทจะเย็น! เป็นแบบนี้จริงๆ ครับ เพราะที่ดาลัทเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่อากาศดี๊ดี ตลอดทั้งปีเลยล่ะเพื่อนๆ จึงทำให้เป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี มาฤดูร้อนก็ยังได้ นอกจากจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปฟอกปอดแล้ว ยังได้เพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรม และความน่ารักของเมืองนี้ เที่ยวเพลินจนไม่อยากกลับมาดมฝุ่นดมควันกันเลยล่ะ!             ทั้ง 10 เมืองที่ทัวร์ครับเลือกมาให้ สะดวกที่ไหนก็ไปที่นั่น ไปฟอกปอดกันเถอะ~ เพราะตอนนี้เราว่าฝุ่นมันจะเกินไปไม่ไหวแล้ววว หรือหากใครยังไม่สามารถปลีกตัวไปเที่ยวได้ ก็อย่าลืมหาหน้ากากกันฝุ่นมาใส่กันด้วยนะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง ทัวร์ครับเป็นห่วง ♡

อ่านเพิ่มเติม