All articles abouts สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

เคล็ด (ไม่) ลับ ชมใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ให้ฟินกว่าเดิม!
เคล็ด (ไม่) ลับ ชมใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ให้ฟินกว่าเดิม!

18 ก.ค. 61

        เมื่อเข้าสู่ปลายเดือนตุลาคม ถือเป็นอีกช่วงที่นักท่องเที่ยวมากมายต่างหลั่งไหลกันไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างคึกคัก เพื่อไป ชื่นชมความงดงามของเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีที่่ญี่ปุ่น นั่นเองค่ะ ทั่วทุกพื้นที่จะเต็มไปด้วยสีเหลือง แดง สีส้ม มองไปทางไหนก็รู้สึกฟินและ สดใสสุดๆ เลยค่ะ แถมอากาศก็ดีมากๆสามารถแต่งตัวสวยๆ เดินถ่ายรูปเพลินๆ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ         เชื่อว่าหลายๆ คนก็มีแพลนที่จะไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี ช่วง เดือนตุลาคม - เดือนพฤศจิกายน กันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ทัวร์ครับเลยขอนำเสนอเคล็ดลับดีๆ ตั้งแต่เรื่องการแต่งตัว จนไปถึงจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีเลยค่ะ ให้ได้ไปศึกษา เพื่อจะได้เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนเดินทางค่ะ  อากาศ         เดือนนี้เป็นช่วงที่อากาศกำลังดีเลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนเมืองร้อนอย่างเรา ที่ชื่นชอบอากาศแบบเย็นๆสบาย อุณหภูมิประมาณ 10 องศา สูงสุดไม่เกิน 20 องศา ค่ะ แต่ถ้าหากปีไหนฝนตกมาก ก็อาจจะลงมาต่ำกว่านั้นนิดหน่อย ถึงแม้อากาศจะเย็น แต่ก็ยังมีแสงแดดมาช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้เราในตอนกลางวัน และยังทำให้บรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี ยิ่งสวยงามมากขึ้นไปอีกค่ะ  การแต่งกาย         อย่างที่บอกว่า อากาศจะยังไม่หนาวมากนัก ทัวร์ครับจึงขอแนะนำให้ใส่เป็น เสื้อผ้ากันหนาวที่ยังไม่หนามากนัก ด้านในอาจจะใส่เป็นเสื้อคอเต่า หรือฮีทเทคสีสดใสหน่อย แล้วคลุมด้านนอกด้วยเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ หรือแจ็กเก็ตหนังเก๋ๆ ให้ความรู้สึกแฟชั่นนิสต้าเหมือนกัน ส่วนด้านล่างใส่แค่กางเกงยีนส์ก็พอบรรเทาความเย็นได้แล้วนะคะ หรือหากใครเป็นคนขี้หนาวก็หากางเกงบุขนเก๋ๆ ที่ไม่หนามากมาใส่เพิ่มความชิคได้เหมือนกัน ส่วนรองเท้าผ้าใบคู่ใจสักคู่ก็โอแล้วล่ะค่ะ         แต่ไม่ใช่ว่าจะใส่เสื้อผ้าแบบ Winter Style ไม่ได้นะคะ ใครอยากจะจัดเต็มด้วยการใส่เสื้อโค้ท คู่กับรองเท้าบู้ท ก็ไม่ได้ผิดกฎข้อไหนเลย ด้านในก็ใส่เสื้อที่บางหน่อย ช่วงกลางวันที่เจอแดดจะได้ไม่ร้อนมาก จริงๆ แล้วในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เป็นฤดูที่สามารถ แฟชั่นจัดเต็มได้มากกว่าทุกฤดูอยู่แล้ว ค่ะ จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้แต่งตัวจับนู่นนี่มา Mix & Match ให้สนุกกันไปเลยค่ะ  กิจกรรม         แน่นอนว่ากิจกรรมหลักในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็คือการชมใบไม้แดง หรือใบไม้เปลี่ยนสี นั่นเอง ซึ่งสามารถชมได้หลายจุดทั่วประเทศเลยค่ะ ถ้างั้นตามทัวร์ครับมาดูกันเลยค่ะ แหล่งที่คนนิยมไปชมใบไม้เปลี่ยนสี มีที่ไหนกันบ้าง ? วัดคิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera)           เริ่มกันที่แรก กับวัดชื่อดังของเกียวโต จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังของญี่ปุ่น ภายในวัดมีความเป็นธรรมชาติมาก เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี ทั่วทั้งบริเวณวัดจะกลายเป็นสีส้มแดง เป็นภาพบรรยากาศที่สวยสะกดตามากๆค่ะ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีจุดชมวิว ที่เราจะได้เห็นเมืองเกียวโตในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจากศาลากลางขนาดใหญ่ของวัดอีกด้วยล่ะ  *** ขณะนี้ศาลากลางของวัดกำลังทำการปิดปรับปรุง ซ่อมแซมอยู่ค่ะ โดยจะเปิดให้บริการณอีกครั้งใน 2020 *** หุบเขามิโนะ (Minoh park)           อีกหนึ่ง จุดสำหรับชมใบไม้แดงชื่อดังของภูมิภาคคันไซ ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นเอง และชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาชมใบไม้เปลี่ยนกันอย่างคึกคักค่ะ เราสามารถเดินเที่ยวลัดเลาะไปรอบๆ เขา เพื่อชื่นชมกับธรรมชาติอันสวยงาม ซึ่งเส้นทางของที่นี่ ถูกจัดทำขึ้นอย่างปลอดภัย สะอาด เดินง่าย ต่อให้มีผู้สูงอายุมาด้วย ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอุบัติเหตุเลยค่ะ  ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko)           ไม่ใช่เพียงแค่เป็นจุดชมฟูจิที่ฮิตที่สุดเท่านั้น แต่เป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้แดงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วยค่ะ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่ก็คือ อุโมงค์เมเปิ้ลที่มีชื่อว่า โมมิจิ ไคโร (Momiji Kairo) และที่สำคัญ อาจโชคดีได้เจอฟูจิซังไปพร้อมๆ กับชมใบไม้แดงด้วยแล้วล่ะก็ คงเป็นความทรงจำที่ดีสุดๆแน่นอนเลยค่ะ  หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)         หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณที่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ในช่วงที่หิมะตกเท่านั้นที่ควรมาเยือน แต่ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ก็สวยไม่น้อยเลยค่ะ บ้านหลังคาญี่ปุ่นโบราณทุกหลัง จะถูกโอบล้อมไปด้วยใบไม้สีแดง เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและธรรมชาติที่ลงตัวสุดๆเลยค่ะ อีกหนึ่งสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง          หวังว่า เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ จากทัวร์ครับในวันนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ที่มีแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่น ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้ ได้นำไปใช้เตรียมตัวก่อนการเดินทางกันนะคะ  รับรองว่ากลับมาแล้วจะยังนอนฝันหวานถึงญี่ปุ่น และรอไม่ไหวสำหรับทริปต่อไปเลยค่ะ หากใครอยากรู้ว่ายังมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่ไหนเด็ดอีกบ้าง ตามไปดูได้เลยที่  >>> ใบไม้เปลี่ยนสีมาแล้ว...เปิดวาร์ปพิกัดชม ใบไม้เปลี่ยนสี 2018 <<<

อ่านเพิ่มเติม
ของดีนำโชค! แนะนำ 10 เครื่องรางจากญี่ปุ่น ต้องมีไว้ครอบครอง
ของดีนำโชค! แนะนำ 10 เครื่องรางจากญี่ปุ่น ต้องมีไว้ครอบครอง

03 ก.ค. 61

ทัวร์ครับ รวบรวม 10 เครื่องรางนำโชคของญี่ปุ่น เด็ดๆ ที่ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องซื้อกลับมา แล้วเป็นของที่ต้องมีจริงๆ นะเออสำหรับชาวสายมูฯ ใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่าพลาดเด็ดขาด จะต้องซื้อติดไม้ติดมือ ติดกระเป๋า หรือเป็นของฝากได้ด้วยนะ   1. เครื่องรางญี่ปุ่น - เหรียญ 5 เยน เริ่มกันที่เครื่องรางแรก เป็นเครื่องรางชั้นยอดที่หาง่ายมากๆ ไม่ต้องไปบูชาที่วัดไหน เพราะเป็นเหรียญที่ทุกคนสามารถมีได้เมื่อไปญี่ปุ่นค่ะ แต่ถ้าจะให้เราแนะนำ เราขอแนะนำให้นำเหรียญไปล้างน้ำมนต์ที่วัดที่ญี่ปุ่นก่อนนะคะ สำหรับเหรียญ 5 เยนนั้น คนญี่ปุ่นเชื่อว่ารูตรงกลางของเหรียญ คือรูที่ทำให้สิ่งเลวร้ายต่างๆ เรื่องไม่ดี ความโชคร้ายลอดผ่านออกไป นอกจากนี้คำว่า 5 เยน ในภาษาญี่ปุ่น อ่านว่า โกะ-เอ็น ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่า โกะ-เอ็น (ご縁) ที่แปลว่า การขอพรจากเทพเจ้า เพราะฉะนั้น เหรียญ 5 เยน จึงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีนั่นเองค่ะ ใครไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมเก็บเหรียญ 5 เยนไว้ แล้วนำมาพกติดตัวนะคะ หรือจะทำเป็นพวงกุญแจห้อยก็ได้นะ   2. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านความรัก วัดอาซากุสะ พูดถึงชื่อวัดนี้แล้ว เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องรู้จัก เพราะถือว่า เป็นวัดชื่อดังที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปโตเกียวต้องไปนั่นเองค่ะ บอกเลยว่า คนส่วนมากที่มาขอพรที่วัดนี้ สมหวังกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเครื่องรางจากวัดนี้เลยเป็นของแรร์ไอเท็ม ที่หลายๆ คนต้องบูชากลับไปค่ะ แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก ใครๆ ก็อยากมี หรือที่มีแล้วก็อยากให้มันดีขึ้นไปอีก และ เครื่องรางความรัก วัดอาซากุสะ ก็ศักดิ์สิทธิ์จนทำให้หลายๆ คนเห็นผลกันมามากแล้วค่ะ คนที่บูชาไปพกติดตัวไว้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คนจีบเพียบ ที่มีแฟนอยู่แล้วก็รู้สึกว่าดี๊ดี ไม่มีเรื่องมากวนใจ มาทะเลาะกันเลยล่ะ ใครอยากมีโชคเรื่องความรัก ก็อย่าลืมไปบูชามาติดตัวไว้นะคะ   3. เครื่องรางญี่ปุ่น - ขอให้สมปรารถนา วัดอาซากุสะ ยังอยู่กับ วัดอาซากุสะ หรืออีกชื่อคือ วัดเซนโซจิ ค่ะ (คนไทยหลายคน รู้จักในชื่อ วัดโคมแดง) นอกจาก เครื่องรางความรัก ที่บอกไปข้างต้นแล้ว ที่วัดนี้ยังมีเครื่องรางอีกมากมายให้เราไปบูชา ดังเช่น เครื่องรางสมปรารถนา อันนี้นั่นเอง เครื่องรางสมปรารถนา วัดอาซากุสะ เป็นเครื่องรางที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า เหมือนเป็นตัวแทนของเทพเจ้าของวัดเลยล่ะค่ะ พกติดตัวไว้แล้ว ไม่ว่าเราจะขอพรในเรื่องอะไร ท่านก็จะอวยพรให้เราสมปรารถนา ดังที่ใจเราต้องการ ถ้าเราอธิษฐานด้วยใจจริง สิ่งที่เราอธิษฐานก็จะเป็นจริงค่ะ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้นะคะ   4. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านการเงิน วัดอาซากุสะ บอกแล้วว่า วัดอาซากุสะ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะคะ เพราะเครื่องรางของวัดนี้ มีหลายชิ้นมากๆ ให้พรในแต่ละด้าน ต่างกันไป ถ้าใครมีโอกาสไปก็อย่าลืม เลือกเรื่องที่เราอยากให้ประสบความสำเร็จ แล้วบูชาเครื่องรางมาพกติดตัวไว้นะคะ สำหรับ เครื่องรางการเงิน จากวัดอาซากุสะ นั้น ดลบันดาลให้ผู้ที่บูชา เห็นผลมานักต่อนักแล้วค่ะ ใครที่กำลังกระเป๋าเบา หรือเงินขาดมือ รู้สึกสภาพการใช้จ่ายไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ หรือใครค้าขาย ทำธุรกิจ แล้วอยากได้กำไร แนะนำให้บูชาเครื่องรางอันนี้ไว้ เค้าว่ากันว่า ขอแสนได้แสน ขอล้านได้ล้านเลยนะจะบอกให้ Cr: https://pbs.twimg.com/media/DMU_UMLUIAUsOQd.jpg   5. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านการเรียน วัดอาซากุสะ จริงๆ แล้วเครื่องรางของวัดอาซากุสะ ยังมีอีกหลายชิ้นที่น่าสนใจ และน่าบูชาติดตัวไว้ แต่วันนี้เราคัดมาแต่ชิ้นที่เด็ดๆ ที่โด่งดังและถือว่าเป็น the must ที่ต้องบูชาจริงๆ มาแนะนำให้ทุกคน และเครื่องรางอันนี้ก็เหมาะกับ น้องๆ ในวัยเรียนค่ะ เครื่องรางด้านการเรียนของวัดอาซากุสะ นั้น เด็กนักเรียนญี่ปุ่นหลายคนบูชาพกติดตัวไว้ตลอด เพราะจะช่วยส่งเสริมในเรื่องของ การเรียน การสอบต่างๆ และเชื่อว่าจะช่วยให้มีสมาธิ มีใจจดจ่อกับเรื่องเรียนมากขึ้นด้วยค่ะ ใครที่กำลังจะสอบเข้า หรือสอบเลื่อนขั้น เลื่อนชั้นต่างๆ อย่าลืมไปหามาพกติดตัวไว้นะคะ   6. เครื่องรางญี่ปุ่น - เทพเจ้าจิ้งจอก คิสึเนะ ข้ามภูมิภาค จากโตเกียว มาที่เกียวโต กันบ้างค่ะ กับ วัดฟูชิมิอินาริ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ศาลจิ้งจอกขาว ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ของเทพเจ้าจิ้งจอกมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ ซึ่ง เครื่องรางเทพเจ้าจิ้งจอก นี้นั้น เป็นเครื่องรางแห่งความสำเร็จ หากใครที่กำลังจะทำอะไร หรือทำอะไรอยู่ แล้วต้องการให้ผลออกมาสำเร็จ สมปรารถนาที่ใจต้องการ ไม่ว่าจะเรื่อง การงาน การเรียน การสอบต่างๆ บูชาเครื่องรางนี้ เค้าว่าเทพเจ้าจิ้งจอก จะบันดาลให้สมความปรารถนาค่ะ หากใครสนใจไปเที่ยวญี่ปุ่น ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอก ดูตามโปรแกรมนี้เลย >> คลิก!! 7. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมความรัก เก็นจิ ยังอยู่กันที่เกียวโต กับอาราชิยามะ หรือสวนไผ่ชื่อดัง ที่ใครไปเที่ยวแถบ คันไซ ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนนั่นเอง และที่นี่ก็ยังเป็น จุดกำเนิดของนิยายความรักสุดคลาสสิคอย่าง เก็นจิโมโนกาตาริ ด้วยล่ะค่ะ สำหรับ เครื่องรางความรัก เก็นจิ ต้องบูชาที่ ศาลเจ้า โนโนมิยะ ค่ะ สาวๆ ญี่ปุ่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บูชาไว้แล้วพบเจอแต่คนดีๆ มีแต่คนดีๆ เข้ามาจีบ นอกจากนี้ ยังให้พรในเรื่องของ คู่ครอง และการมีลูกด้วยนะคะ ใครที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ สามารถบูชามาแล้วขอพรให้ลูกคลอดง่ายๆ และเชื่อว่าลูกที่คลอดออกมานั้นจะเป็นคนดีด้วยค่ะ   8. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมความรัก วัดน้ำใส วัด คิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส ที่คนไทยรู้จักกันดี ก็มีเครื่องรางชื่อดังเหมือนกันนะคะ นอกจากจะแวะไปขอพรจากเทพเจ้า และดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว เราขอแนะนำให้บูชาเครื่องรางกลับมาพกติดตัวไว้ด้วย โดยเฉพาะคนที่อยากมีโชคในด้านความรักค่ะ เนื่องจาก เทพเจ้าโอคุนินูชิ นั้น เป็นเทพที่มีลูกกว่า 180 คนเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นจึงเชื่อว่า ท่านเป็นเทพนักรัก และสามารถช่วยดลบันดาลให้สมปรารถนาในเรื่องความรักได้ นักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา รวมถึงคนญี่ปุ่นเองจึงนิยมเดินทางมาขอพรเรื่องความรัก และขอลูกจากท่านค่ะ   9. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมดวงดี ศาลเจ้าไคจู มาถึงเครื่องรางอันนี้ ที่บอกเลยว่ากำลังเป็นกระแสมาแรงในทวิตเตอร์มากๆ กับ เครื่องรางดวงดี จาก ศาลเจ้าไคจู อินาริ (Kaichu Inari) ค่ะ ศาลเจ้านี้มีชื่อในเรื่องของการเสี่ยงดวงต่างๆ อย่างเช่น ลอตเตอรี่ หรือแม้กระทั่ง การกดบัตรคอนเสิร์ต !! ใครที่กำลังจะเสี่ยงโชคในเรื่องต่างๆ เช่น ไปเล่นเกมไว้ตามเพจ ตามเว็บ แล้วอยากให้ชื่อเราเป็นผู้ถูกเลือก หรืออยากไปดูคอนเสิร์ตนึงมากๆ และกลัวว่าจะกดซื้อบัตรไม่ทัน ลองบูชาเครื่องรางนี้ติดตัวไว้ เค้าว่ากันว่าสมปรารถนามานักต่อนักแล้วค่ะ หรือหากใครชอบซื้อลอตเตอรี่ อยากมีดวงในเรื่องการเสี่ยงโชคบ้าง ก็สามารถขอพรจากเครื่องรางนี้ได้เช่นเดียวกันนะคะ   10. เครื่องรางญี่ปุ่น - สุขภาพ ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ ปิดท้ายกันที่เครื่องรางจาก ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ จังหวัดโอกินาว่า กันค่ะ เนื่องจากตอนนี้เส้นทาง โอกินาว่า กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเลยทีเดียว เราเลยหยิบเครื่องรางหนึ่งชิ้น ที่เค้าว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ มาแนะนำกันค่ะ สำหรับศาลเจ้านามิโนะอุเอะนั้น เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดโอกินาว่า เป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดยอาณาจักรริวกิวค่ะ เครื่องรางสุขภาพ ของที่นี่นั้น เค้าว่ากันว่าให้ผลดีมากๆ เลย ใครที่ป่วยเรื้อรังมานานไม่หายสักที ก็กลับดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ซื้อเป็นของฝากของเยี่ยมไข้ คนป่วยก็มีหน้าตาที่สดใสดูดีขึ้น อาการทุเลาลงมากเลยล่ะค่ะ เหมาะมากสำหรับบูชาเป็นของฝาก หรือจะบูชาไว้ให้ตัวเองก็ดีเหมือนกันนะคะ ส่งท้าย ก่อนจากกัน ขอแนะนำเพิ่มเติมในเรื่องของ วิธีการบูชาเครื่องรางญี่ปุ่น สักนิดนะคะ เพื่อให้ได้พรที่ศักดิ์สิทธิ์ ให้การบูชาได้ผลที่สุด แนะนำว่า ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา พกใส่ในกระเป๋า หรือถ้าในกระเป๋าสตางค์ได้ยิ่งดีเลยค่ะ และเครื่องรางญี่ปุ่นนั้นมีวันหมดอายุ โดยส่วนมากจะอยู่ที่ 1 ปี เพราะฉะนั้นจดจำวันที่บูชามาดีๆ เมื่อครบปีแล้ว แนะนำให้เอาไปคืนที่วัดที่บูชามา แล้วบูชาเครื่องรางอันใหม่มาแทน หรือหากไม่สะดวกนำไปคืนที่วัดเดิม ก็สามารถนำไปคืนไว้ที่ศาลเจ้าหรือวัดอื่นก็ได้เช่นกัน สำหรับเครื่องรางญี่ปุ่น ทั้ง 10 ชิ้นที่ทัวร์ครับเลือกมาแนะนำนั้น มีหลากหลายด้านเลยนะคะ หากใครได้ไปญี่ปุ่น อย่าลืมบูชาเครื่องรางติดตัวกลับมาด้วย หรือจะบูชาเป็นของฝากให้กับคนที่คุณรักก็ไม่ผิด ถือว่าเป็นของฝากชั้นยอดเลยค่ะ   ❤️ บทความแนะนำ >> 5 อันดับของฝาก น่าสนใจ จากญี่ปุ่น ❤️  

อ่านเพิ่มเติม