เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี
เรียกสั้นๆว่า ท่าอากาศยานจูบุ ตั้งอยู่ในตัวเมืองนาโกย่า เปิดใช้งานครั้งแรกเมือปี 2005 มี 1 เทอมินอล สำหรับให้บริการทั้งสายการบินภายในและระหว่างประเทศ
เป็นวัดพุทธที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองนาโกย่า ซึ่งเป็นวัดของนิกายชินงอนในโอสึ และยังเป็นส่วยหนึ่งของกลุ่มวัดทั้ ง39 ของโอวาริ วัดเจ้าแม่กวนอิมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและเป็นวัดที่ได้รับความนับถือจากชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก วัดเจ้าแม่กวนอิมสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อสมัยคามาคุระในจังหวัดกิฟุ จนเมื่อปี 1612 โทกุงาวะ อิเอยาสุมีคำสั่งให้ย้ายศาลเจ้าจากกิฟุมาไว้ยังเมืองนาโงย่า วิหารหลักของวัดเป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม วัดแห่งนี้แม้จะถูกทำลายจากทั้งอุทกภัยและอัคคีภัยหลายครั้งแต่ยังอยู่รอดมาได้
เป็นย่านช้อปปิ้งขนาดใหญ่และเป็นที่นิยมที่มีร้านค้าต่างๆ มากกว่า 1,200 ร้าน ทั้งยังมีร้านอาหาร ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ร้านอาหาร คาเฟ่ และสถานบันเทิงที่เปิดอยู่มากมาย
ปราสาทแห่งนี้นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งเมื่อมาเยือนเมืองอินุยามะ ะนับเป็น 1 ใน 12 อันดับของปราสาทดั้งเดิมในญี่ปุ่น ต่างจากที่อื่นๆที่กลายเป็นซากปรักหักพังเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและสงครามในปลายยุคศักดินาปี ค.ศ.1867
ริมแม่น้ำยามาซากิกาวะ (Yamazakigawa Riverside) ถนนเส้นนี้เรียกว่า Shikinomichi แปลว่าเส้นทางทั้ง 4 ฤดู ซึ่งติดกับแม่น้ำยามาซากิ ติดอันดับ 1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระของประเทศญี่ปุ่น โดยมีต้นซากุระเรียงรายเป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร
เป็นสวนที่จัดแสดงสวนยามค่ำคืนในฤดูหนาวด้วยไฟดวงเล็กมากกว่า 5.8 ล้านดวง ซึ่งทำให้เป็นสถานที่ยอดนิยมของคู่รักทั้งปี ซึ่งไฮไลท์หลักของที่นี่เลยก็คืออุโมงค์ประดับไฟที่มีความยาวประมาณ 600 เมตร ที่มองดูเหมือนอุโมงค์แห่งสวรรค์ที่ใครๆ ก็ไม่ควรพลาดที่จะมีถ่ายรูปในอุโมงค์แห่งนี้
เป็นเมืองแห่งปราสาทที่บ้านเมืองยังคงมีภาพของสะท้อนของประวัติศาสตร์เก่าแก่ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนที่มีโครงหน้าต่างขัดกันเป็นตาราง และวัดที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่
ใช้เป็นทั้งที่ทำงาน และที่อยู่อาศัยของผู้ว่าราชการจังหวัดฮิดะมาเป็นเวลากว่า 176 ปี ภายใต้การปกครองของโชกุนโตกุกาว่า ในสมัยเอะโดะ หรือกว่า 300 ปีที่แล้ว เป็นที่ทำการรัฐในยุคเอะโดะเพียงแห่งเดียวที่ข้ามพ้นยุคสมัยมาได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งภายในนี้ประกอบด้วยบริเวณไต่สวนพิจารณาคดี ห้องขังนักโทษ โรงครัว และห้องพักของเจ้าหน้าที่
เป็นเมืองเก่าสมัยเอโดะ ที่มีอายุกว่า 300 ปี แต่ยังคงอนุรักษ์สภาพแวดล้อม และการดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ ทั้งวัดวาอาราม ศาลเจ้า บ้านแบบดั้งเดิมของชาวนาญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
หมู่บ้านชิราคาวาโกะได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม หมู่บ้านแห่งนี้ใช้โครงสร้างที่เรียกว่า กัสโช ซึ่งแปลว่าสร้างแบบพนมมือ ด้านหน้าทำเป็นหน้าจั่วแบบบ้านทรงไทย มีการเจาะช่องหน้าต่างเพื่อรับแสงสว่างจากภายนอก เมื่อมองจากภายนอกจึงดูมีสัดส่วนสวยงาม
เป็นเมืองหลวงของจังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัด ในอดีตมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในสมัยเซงโงะกุ กล่าวคือบรรดานักรบและไดเมียวสำคัญ เช่น โอดะ โนะบุนะงะ ใช้เมืองกิฟุที่มีทำเลที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของประเทศ ใช้เป็นฐานในการรวบรวมและปกครองแผ่นดินญี่ปุ่น
ให้ท่านได้จับจ่ายใช้ส่อย ซื้อของใช้และอาหารต่างๆ โดยภายในเป็นห้างสรรพสินค้าที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ
ที่นี่เป็นจุดชมซากุระอันสวยงามในเมืองกิฟุ ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศของซากุระที่บานสะพรั่ง อวดโฉมตลอดสองฝั่งแม่น้ำจำนวนกว่า 1000 ต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นซากุระจะบานหรือไม่ หรือบานมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี โดยปกติซากุระจะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายนของทุกปี
เป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและชื่อนั้นได้มาจากเมืองฉางอานของจีน
วัดคิโยมิสึ หรือ “วัดน้ำใส” วัดเก่าแก่บนเนินเขาที่มีอายุเก่าแก่กว่าตัวเมืองเกียวโต เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุด นิยมเดินทางมาเพื่อสักการะและขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ 1000 กร ซึ่งเป็นพระประธานของวัด ตัววัดก่อสร้างด้วยไม้เกือบทั้งหมด แต่ที่น่าสนใจ คือ เสาที่ค้ำยันระเบียงวัดขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยเสาไม้จำนวนร้อยกว่าต้น สูงจากพื้น 12 เมตร โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว โดยใช้วิธีเข้าลิ่มด้วยภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่นโบราณ
หรือศาลเจ้าจิ้งจอกขาว เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าชื่อดังที่นักท่องเที่ยวต่างรู้จักกันดี เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต สร้างขึ้นเพื่อถวายให้แด่เทพอินาริ เทพเจ้าแห่งกสิกรรม เพื่อให้พื้นที่บริเวณนี้มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ปลูกข้าวได้ ผลผลิตดีมีคุณภาพ สิ่งที่น่าสนใจนอกจากจะมาสักการะเทพเจ้าแล้ว ก็คือการเดินเล่นลอดอุโมงค์เสาโทริอิกว่าหมื่นต้นที่เรียงต่อทอดยาวจากด้านล่างขึ้นไปบนยอดเขาสูงถึง 233 เมตร ระยะทางราว 4 กิโลเมตร
มีการออกแบบสมัยใหม่โดยใช้เหล็กเป็นโครงสร้าง ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น โดยมีหลังคาเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น และยังเป็นศูนย์รวมของเส้นทางเดินรถไฟทั้งบนดินอย่างเจอาร์ บริเวณสถานีรถไฟยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของเมือง ที่เป็นศูนย์รวมร้านค้า แหล่งบันเทิง ร้านอาหารมากมายทั้งในและนอกสถานี
เรียกอีกอย่างว่า โอซากาโจ้ เป็นปราสาทที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า และเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นแทนที่วัดอิชิยาม่า ฮอนกันจิ ชั้นบนสุด สามารถชมวิวเมืองโอซาก้าได้ทั้งเมือง
ซื้อสินค้าปลอดภาษี DUTY FREE แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมมากมาย เช่น นาฬิกา แว่นตา เครื่องสำอาง กระเป๋า กล้องถ่ายรูป และสินค้าแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย
เป็นย่านช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในโอซาก้า ย่านดังที่เป็นสวรรค์ของนักช้อป นักกิน ถนนสายทอดยาวกว่า 600 เมตร สองข้างทางเรียงรายด้วยสินค้าหลากหลาย ของใช้ ของกิน เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ
เป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของโอซาก้า ตั้งอยู่ที่เมืองริงกุ ตรงข้ามกับท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ โดยออกแบบให้มีลักษณะเหมือนกับเมืองท่าของสหรัฐอเมริกา และมีบรรยากาศแบบรีสอร์ท ภายในแม้จะไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ซึ่งรวมสินค้านำเข้าและสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นมากมาย
เป็นท่าอากาศยานหลักของโอซาก้า ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งห่างจากตัวเมืองโอซาก้าประมาณ 50 กิโลเมตร เปิดใช้บริการเมื่อปี 1994 มี 2 เทอมินอล โดย เทอมินอล 1 จะเป็นสายการบินธรรมดา ส่วนเทอมินอล 2 จะเป็นสายการบินโลว์คอสต์
เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี