เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศญี่ปุ่น และเป็นจุดเชื่อมต่อของการเดินทางระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ สามารถรองรับผู้โดยสารที่เดินทางไปมาโตเกียว โยโกฮาม่า และจังหวัดใกล้เคียงได้กว่า 35 ล้านคนต่อปี และเป็นสนามบินที่รองรับเที่ยวบินสำหรับผู้โดยสารมากเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น (รองจากสนามบินฮาเนดะ โตเกียว) โดยสามารถรองรับสายการบินระหว่างประเทศได้กว่า 65 สายการบิน
เป็นองค์พระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้รับการบันทึกอยู่ในกินเนสบุ๊คด้วยความสูง 120 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปภายในองค์พระพุทธรูปและขึ้นลิฟท์ที่มีความสูง 85 เมตรไปยังส่วนหน้าอกขององค์พระได้ นอกจากนี้ ภายในสวนก็เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ที่บานตามแต่ละฤดูกาลทั้งสี่และสวนแบบนิกายโจโด และยังมีสวนสัตว์เล็กๆ ที่เลี้ยงกระรอกกับกระต่ายให้วิ่งเล่นอย่างอิสระ
เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคมากกว่า 150 กิโลเมตร ลึกเข้าไปในภูเขาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู พื้นที่ 10% เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่วนที่เหลืออีก 90%(พื้นที่กว้างในภาคตะวันตกของฟูกุชิมะ รวมถึงภูเขา และเมืองประวัติศาสตร์อาอิซุ-วาคามัตสึ(Aizu-Wakamatsu) ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
เป็นที่จัดแสดงสัตว์น้ำที่มีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัยทางธรรมชาติ การแสดงจะมีแท็งค์น้ำขนาดใหญ่ 2 แท็งค์ ที่มีขนาดตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 4 ปรับปรุงใหม่เหมือน ชิโอเมะ โนะ อุมิ (Shiome no Umi) พื้นที่มหาสุมทรแปซิฟิกออกจากชายฝั่งของฟุคุชิมะ ที่ที่โคโรชิโอะ Kuroshio (Black Current) และ โอยาชิโอะ Oyashio (Kurile Current) มาบรรจบกัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินผ่านอุโมงกระจกที่สามารถมองเห็นความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้
เป็นห้างอิออนมอลล์สาขาฟุกุชิมะ ที่เป็นศูนย์รวมแห่งสินค้าชั้นนำนานาชนิด อาทิ นาฬิกา, กล้อง, กระเป๋า, รองเท้า, เสื้อผ้า และยังมี “ร้าน 100 เยน” สินค้าทีมีคุณภาพดีจากประเทศญี่ปุ่นที่มีราคาแสนจะถูก
เมืองไอสุวาคามัสสึ หรือมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่าเมืองไอสุ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟูกุชิมะ มีจุดท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเยอะแยะมากมาย โด่งดังในงานฝีมือดั้งเดิมที่เรียกว่า“เครื่องเคลือบไอสึ”นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งผลิตข้าวและเหล้าสาเกอีกด้วย
การแช่น้ำแร่ ธรรมชาติของทางโรงแรม ซึ่งสามารถรักษาโรคเหน็บชา โรคกระดูก ฯลฯ ให้ท่านอิสระกับกิจกรรมการอาบน้ำแร่ภายในสระรวม ซึ่งจะแยกสระชายและหญิง การแช่น้ำแร่สระรวม ส่วนมากเขาไม่ใส่เสื้อผ้ากันนะคะ
เป็นจุดชมวิวที่อยู่ระหว่างสถานี Aizu-hinohara Station และ Aizu-nishikata Station มีบรรยากาศที่เติมเต็มความสวยงามกับฉากหลังที่เป็นภูเขา ดูมีสีสันและมีชีวิตชีวา สร้างความตื่นเต้นกับความสวยงามของ Tadami Line ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่แล้วเรื่องทัศนียภาพอันงดงาม
เป็นปราสาทที่เป็นศูนย์รวมการปกครองทางทหารในแถบเมือง Aizu-wakamatsu ปัจจุบัน ภายในปราสาทถูกจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ มีการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของปราสาทแห่งนี้ รวมถึงวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรอีกด้วย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นไปชมได้ถึงชั้นบนสุดของปราสาท ส่วนบริเวณสวนรอบปราสาทนั้นรายรอบไปด้วยต้นซากุระ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนปราสาทแห่งนี้ในช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปี
เป็นหมู่บ้านสไตล์ญี่ปุ่นที่มีบ้านแบบมุงหลัง ปัจจุบันยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี และมีการดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านพักแบบโฮมสเตย์ต่างๆ อาหารยอดนิยมคือบะหมี่โซบะ และปลาเทร้าต์ย่าง นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าและวัดประจำเมืองโออูจิจูคุ นักท่องเที่ยวสามารถชมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองได้จากบริเวณด้านบนของวัดได้ตามอัธยาศัย
เทศกาลยูนิชิคาว่า คามาคุระ เป็นเทศกาลบ้านหิมะที่จัดขึ้นบริเวณยูนิชิคาว่าออนเซ็น ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยในเทศกาลนี้นักท่องเที่ยวจะได้ตืนตาตื่นใจไปกับการประดับไฟบนหิมะที่ทั่วทั้งบริเวณยูนิชิคาว่าออนเซ็น จะถูกแต่งแต้มไปด้วยโคมไฟหิมะจิ๋วเรียงรายตลอดทาง เป็นบรรยากาศของเทศกาลบ้านหิมะอันสุดแสนโรแมนติคที่น่าจดจำยิ่ง
การแช่น้ำแร่ ธรรมชาติของทางโรงแรม ซึ่งสามารถรักษาโรคเหน็บชา โรคกระดูก ฯลฯ ให้ท่านอิสระกับกิจกรรมการอาบน้ำแร่ภายในสระรวม ซึ่งจะแยกสระชายและหญิง การแช่น้ำแร่สระรวม ส่วนมากเขาไม่ใส่เสื้อผ้ากันนะคะ
เป็นสะพานที่ติดอันดับหนึ่งในสามของสะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า สะพานอสรพิษคู่ เป็นสะพานโค้งสีแดงที่ทอดข้ามแม่น้ำไดยะ
เป็นศาลเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพแห่งแสงสว่างของภาคตะวันออก ในตอนแรกนั้นบริเวณศาลเจ้าแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับฝั่งศพ ต่อมาจึงก็มีการสร้างอาคารและขนายศาลเจ้าเพิ่มเติมจนมีขนาดใหญ่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน อาคารต่างๆ ของศาลเจ้านั้นมีการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และสร้างอยู่ภายในป่าเขาจึงทำให้มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
เป็นเมืองเก่าในสมัยเอโดะที่ยังคงอนุรักษ์บรรยากาศความโบราณตั้งแต่ในอดีตให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบันจนได้รับฉายาว่าเป็น 'ลิตเติ้ลเอโดะ' (Koedo) ที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว โดยเมืองนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะ สามารถชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมเก่า ๆ ของญี่ปุ่นในถนนบางสายของเมืองที่อนุรักษ์บ้านเรือนหรือห้างร้านเก่าแก่เอาไว้เป็นอย่างดี เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องของ ‘มันหวาน’ ที่มีรสชาติอร่อยอีกด้วย
ตรอกที่มีชื่อเสียง ซึ่งถนนปูด้วยหินและฝังด้วยแก้วหลากสี เต็มไปด้วยร้านขายขนมหวาน ลูกกวาดแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
กรุงโตเกียว เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น โตเกียวเคยถูกเรียกว่าเอโดะ ซึ่งแปลว่าปากแม่น้ำ เมื่อกลายเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในปี 1868 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว ซึ่งแปลว่าเมืองหลวงทางตะวันออก
ที่นี่เป็นแหล่งบันเทิงและแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ เป็นศูนย์รวมแฟชั่นเก๋ๆ เท่ห์ๆ ของเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้า มีสถานีรถไฟชินจูกุที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของย่านนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีที่คึกคักที่สุดในญี่ปุ่น เป็นย่านที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า, ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่าง Big Camera และย่านบันเทิงยามราตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดเซนโซ หรือเซนโซจิ แต่นิยมเรียกว่าวัดอาซากุสะเนื่องจากตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะนั่นเอง เป็นวัดในศาสนาพุทธ สัญลักษณ์ของวัดนี้ที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันก็คือ โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่
ประตูทางเข้าที่อยู่ด้านหน้าสุดของวัดอาซากุสะ และมีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่ เป็นสัญลักษณ์ของวัด
เป็นเอาท์เล็ตซึ่งเปิดเมื่อปีพศ2556 และห่างจากสนามบินนาริตะไปเพียงประมาณ 15นาที ซึ่งมีร้านแบรนด์ต่างๆมากถึง 120ร้าน
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศญี่ปุ่น และเป็นจุดเชื่อมต่อของการเดินทางระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ สามารถรองรับผู้โดยสารที่เดินทางไปมาโตเกียว โยโกฮาม่า และจังหวัดใกล้เคียงได้กว่า 35 ล้านคนต่อปี และเป็นสนามบินที่รองรับเที่ยวบินสำหรับผู้โดยสารมากเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น (รองจากสนามบินฮาเนดะ โตเกียว) โดยสามารถรองรับสายการบินระหว่างประเทศได้กว่า 65 สายการบิน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย