เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดเล็กที่ให้บริการเมืองพาราณสี ตั้งอยู่ในเมือง Babatpur ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองพาราณสีประมาณ 26 กิโลเมตร ให้บริการเที่ยวบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
เป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี ในสมัยพุทธกาล เป็นเมืองที่ศักดิสิทธิ์ที่สุดหนึ่งในเจ็ดเมืองศักดิสิทธิ์ ในความเชื่อของศาสนาฮินดูและศาสนาเชน
สังเวชนียสถานแหล่งที่ 2 สารนาถ สถานที่แสดงปฐมเทศนา นมัสการสถูปเจาคันธี สถานที่พระพุทธเจ้าพบปัจจัคคีอีกครั้งหลังจากตรัสรู้แล้ว นำนมัสการธรรมเมขสถูป ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาหัวข้อธรรมจักกัปปวัตตนสูตรทำให้พระโกณฑัญญะบรรลุโสดาบันพระพุทธศาสนาจึงมีพระรัตนตรัยครบ 3 ประการ
เป็นวัดพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่ตั้งอยู่ในเมืองพาราณสี สร้างโดยความอนุเคราะห์จากบุคคลสำคัญชาวไทยในปี 1933 ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนสีเขียวชอุ่ม มีรูปปั้นของพระพุทธเจ้าอยู่ตรงหน้าวัด มีพระพุทธรูปอีกสามรูปอยู่ในชุดโคลนดินใต้ต้นไม้และดอกไม้สีสันสดใสที่อยู่รอบๆ ทางด้านซ้ายของวัดมีพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ ด้วยความสงบท่ามกลางธรรมชาติในในวัดไทยแห่งนี้ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นประสบการณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก
สถูปเจาคันธี (Chaukhandi Stupa) สถานที่พระพุทธเจ้าพบปัจจัคคีอีกครั้งหลังจากตรัสรู้แล้ว
เป็นสถูปเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน หรือสารนาถในปัจจุบัน ซึ่งที่แห่งนี้มีบันทึกว่าพระเจ้าอโศกมหาราช โปรดให้สร้างพระสถูปสร้างครอบตรงจุดที่เชื่อกันว่า พระโคตมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมเทศนาที่ชื่อว่า อนัตตลักขณสูตร แก่ ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 ท่านอันได้แก่ พระโกณฑัญญะ, พระวัปปเถระ, พระภัททิยเถระ, พระมหานามเถระ และพระอัสสชิเถระ ปัจจุบันธรรมราชิกสถูปเหลือเพียงแต่ฐานรากเท่านั้น
ที่นี่เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาแรกและพรรษาที่ 12 สร้างขึ้นตรงบริเวณอดีตกระท่อมเล็กๆ ซึ่งเป็นของเศรษฐีใจบุญคนหนึ่งของเมือง ซึ่งเขาได้อุทิศสถานที่แห่งนี้เพื่อสร้างเป็นที่ประทับถวายพระพุทธองค์หลังจากที่ได้ทรงแสดงปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” ที่นี่จะได้เห็นเสาหัวสิงห์ 4 ทิศ ซึ่งเป็นหัวสิงห์ 4 ตัวหันหลังชนกัน โดยหันหน้าไปทางทิศทั้ง 4 แบกวงล้อธรรมจักร ซึ่งแสดงถึงการแสดงธรรมทั่วสารทิศ
เป็นอีกสถานที่ที่ตั้งอยู่ในสารนาถ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมให้กับยสกุลบุตร ซึ่งเป็นลูกมหาเศรษฐีของเมืองพาราณสีคนหนึ่ง ณ สถานที่แห่งนี้ ซึ่งทำให้ยสกุลบุตรได้สำเร็จธรรมจนเป็นพระอรหันต์ไปอีกคน ปัจจุบันพื้นที่นี้มีเหลือเพียงเสา 4 ต้นที่มีความสูงประมาณเกือบ 3 เมตรซึ่งคลุมพื้นอิฐโบราณอยู่
ธรรมเมขสถูป ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาหัวข้อธรรมจักกัปปวัตตนสูตรทำให้พระโกณฑัญญะบรรลุโสดาบันพระพุทธศาสนาจึงมีพระรัตนตรัยครบ ๓ ประการ
พิพิธภัณฑ์แห่งเมืองสารนาถ มีพระพุทธรูปโบราณซึ่งน่าทึ่ง และงดงามตามแบบฉบับของคนอินเดีย อายุนับพันปีมากมายครับ แต่เสียดายที่ถูกห้ามนำกล้องมาถ่ายภาพภายใน ต้องใช้เทคนิคพิเศษ จึงมีรูปมาให้ชมกันไม่มาก พอดูเป็นสังเขป อย่างพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา (รูปพระพุทธองค์แรก) เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยคุปตะ อายุประมาณปี พ.ศ.800 - 1,200
พิธีบวงสรวง บูชา พระแม่คงคาเกิดขึ้นทุกค่ำคืนในจุดที่สำคัญ ๆ บนฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่อแสดงความเคารพและกตัญญู โดยจะมีการลอยประทีป หรือคล้ายๆกับการลอยกระทงของไทย
เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล เป็นพุทธสังเวชนียสถาน 4 ตำบลเพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย ลุมพินีวัน เดิมเป็นสวนป่าสาธารณะหรือวโนทยานที่ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน ในสมัยพุทธกาลลุมพินีวันตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ ในแคว้นสักกะ บนฝั่งแม่น้ำโรหิณี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้สร้างเสาหินขนาดใหญ่มาปักไว้ตรงบริเวณที่ประสูติ เรียกว่า เสาอโศก ที่จารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่ตรงนี้
เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ
ที่นี่เป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธองค์ เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ จุดสำคัญที่ห้ามพลาดในการเดินทางตามรอยพระพุทธเจ้า
สังเวชนียสถานแหล่งที่ ๓ สวนลุมพินีวัน เป็นสถานที่พระนางสิริมหามายาประสูติเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร เมื่อวันศุกร์ วันเพ็ญเดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ปี ซึ้งภายในบริเวณมีวิหารมหามายา สระโบกขรณี และเสาพระเจ้าอโศกที่มีขนาดความสูง ๒๒ ฟุต ๔ นิ้วและมีข้อความจารึกเป็นหลักฐานว่า “ณ ที่นี่คือ สถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชาในปีที่ ๒๐ แห่งรัชกาลของพระองค์” (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ )
เสาอโศก เป็นเสาหินโบราณที่สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พระมหาจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมารยะ ที่ปกครองอนุทวีปอินเดียในช่วงยุคพุทธศตวรรษที่ 4 พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างเสาหินทราย (ซึ่งต่อมาเรียกกันว่า "เสาอโศก") ขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อระบุสถานที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เสาหินนี้ตั้งกระจายอยู่หลายๆ ที่ในพุทธสังเชนียสถานของอินเดีย-เนปาล
เป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศเนปาล จัดสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพุทธบริษัทแห่งประเทศไทยในช่วงปี 1992 เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองศิริราชสมบัติครบ 50 ปี ที่นี่ตั้งอยู่ภายในปริมณฑลสังเวชนียสถานเขตลุมพินีวัน บริเวณสถานที่ประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางเขตตะวันตกของเนปาล ใกล้กับชายแดนประเทศอินเดีย
เมืองกุสินาราซึ่งเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
เป็นสถานที่ที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานอยู่ภายใน มหาปรินิพพานสถูปแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของปูชนียสถานอื่นๆ ที่สร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณนั้น
ที่นี่เป็นสถานที่ที่โทณพราหมณ์ ศิษย์สำคัญคนหนึ่งของพระพุทธเจ้า ได้นำแจกพระบรมสารีริกธาตุแก่เจ้าผู้ครองนครทั้ง 8 ในกุสินารา ที่นี่ตั้งอยู่บริเวณอุปวัตตนะสาลวัน ซึ่งในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สาลวโนทยาน แปลว่าสวนป่าไม้สาละ ปัจจุบันคือบริเวณลานที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ซึ่งมีพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ที่ใต้ต้นดังกล่าว
เป็นเจดีย์ที่มีความสูงประมาณ 50 ฟุต ตั้งอยู่บนเนินดินซึ่งหันหน้าเข้าหาถนน Buddha Marg ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองกุสินาราเพียง 1 กิโลเมตร สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า 'มกุฏพันธนเจดีย์' ได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช บริเวณด้านตะวันออกของเมืองกุสินารา หรือปัจจุบันคือ 'ตำบลกาเซีย' รัฐอุตตรประเทศ ตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าในวันอัฏฐมีบูชา
เป็นวัดไทยสำคัญที่หนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกุสินารา มีเนื้อที่ประมาณ 14 ไร่ ก่อตั้งในปี 1994 จากการระดมทุนของผู้มีจิตศรัทธา อยู่ห่างจากสาลวโนทยาน สถานที่ดับขันธปรินิพพานของพระสัมมาสัมพูทธเจ้าไปประมาณ 500 เมตร
เมืองโบราณในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของคณะเจ้าลิจฉวี ที่มีปกครองแคว้นวัชชีด้วยระบอบคณาธิปไตยแห่งแรก
วัดป่ามหาวัน (Wat Mahawan) เป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จมาประทับทุกครั้งที่มาเมืองไวสาลี และวัดแห่งนี้ ยังเป็นที่กำเนิดภิกษุณีเป็นครั้งแรก คือ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดี และบริวารบวชได้ และที่วัดป่ามหาวันแห่งนี้ บริเวณกูฏาคารศาลา ยังมีเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งนับว่าเป็นเสาที่มีความสมบูรณ์ และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งยังคงตั้งตระหง่านอยู่
เป็นสถานที่พระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยปลงอายุสังขาร หลังจากพระองค์ทรงพิจารณางานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทรงเห็นว่าพระพุทธศาสนาตั้งปักหลักฐานมั่นคงในแคว้นต่างๆ เอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุดของชีวิต พุทธสาวกทั้งหลายของพระองค์ได้ตั้งมั่นอยู่ในพระธรรมวินัยและปฏิบัติธรรมเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งแล้ว
ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของมหาสถูปพบใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย สถานที่ประดิษฐานบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงประทานแก่ชาววัชชี เมื่อครั้งพุทธกาลเกสเรียอยู่ในเขตพรมแดนของแคว้นวัชชีและมัลละต่อกัน จากบันทึกของพระถังซำจั๋งที่เคยจาริกแสวงบุญมายังสถานที่แห่งนี้ ท่านได้กล่าวไว้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของพระมหาสถูปที่ประดิษฐานบาตรของพระพุทธองค์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแก่ชาววัชชีเมืองไวสาลีที่ตามมาส่งเสด็จพระพุทธองค์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเสด็จไปยังเมืองกุสินาราเพื่อเสด็จดับขันธปรินิพพาน
เมืองราชคฤห์ นครหลวงแห่งแคว้นมคธ ราชคฤห์เป็นเมืองตั้งหลักพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสารผู้ครองนคร เป็นเมืองที่มีประวัติความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามากที่สุด
เขาคิชฌกูฎ หนึ่งในเบญจคีรี ได้แก่เวภาระ เวปุละ คิชฌกูฏ อิสิคิลิ และปัณฑวะชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
เป็นกุฏิของพระอานนท์ที่ตั้งอยู่บนเขาคิชฌกูฏ ที่ซึ่งพระเทวทัตกลิ้งหินทับพระพุทธเจ้าด้วยหวังจะประหารพระบรมศาสดาในเวลาเสด็จขึ้นบนภูเขาคิชฌกูฏก็ไม่อาจทำอันตรายพระพุทธเจ้าได้
ถ้ำพระโมคคัลลาน์ สาเหตุที่พระมหาโมคคัลลาน์จำพรรษาที่ถ้ำแรกนี้เพราะต้องทำหน้าที่กลั่นกรองผู้จะขึ้นเขาไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะว่าท่านมีฤทธิ์มาก เกิดใครคิดมิดีมิร้ายต่อพระศาสดาก็จะได้ป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ
วัดชีวกัมพวัน โรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกของโลก “ชีวกัมพวัน” เป็นสวนป่ามะม่วงที่หมอชีวกโกมารภัจจ์อุทิศถวายเป็นสังฆารามแด่พระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ ปัจจุบันเหลือซากโบราณสถานให้เห็นเป็นซากหินเรียงรายกันอยู่ เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงประชวรห้อพระโลหิตจากการที่สะเก็ดหินมากระแทกถูกพระบาทเพราะพระเทวทัตกลิ้งหินลงมาหมายปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า พระภิกษุสงฆ์ได้พาพระพุทธองค์มาที่ชีวกัมพวัน และหมอชีวกเป็นผู้ถวายการรักษาโดยการผ่าตัดเอาสะเก็ดหินออก ชีวกัมพวันจึงถูกเรียกว่าเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกในพระพุทธศาสนา
วัดเวฬุวนารามมหาสังฆยิกาวาส (วัดเวฬุวัน) วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาและเป็นสถานที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระอริยสงฆ์1250องค์ มีสถูปที่บรรจุพระอัฐิธาตุของพระโมคคัลลานะและพระอัญญาโกญฑัญญะ
มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นศูนย์การศึกษาในสมัยพุทธกาล ต่อมาในปี พ.ศ.1742 กองทัพมุสลิมเติร์กได้ยกทัพมารุกราน รบชนะกษัตริย์แห่งชมพูทวีปฝ่ายเหนือกองทัพมุสลิมเติร์กได้เผาผลาญทำลายวัดและปูชนียสถาน ในพุทธศาสนาลงแทบทั้งหมดและสังหารผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา นาลันทามหาวิหารก็ถูกเผาผลาญทำลายลงในช่วงระยะเวลานั้นว่ากันว่าไฟที่ลุกโชนเผานาลันทานานถึง 3 เดือนกว่าจะเผานาลันทาได้หมด
นมัสการหลวงพ่อดำซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยหินแกรนิตสีดำซึ่งสร้างรุ่นราวคราวเดียวกับพระพุทธเมตตา เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวเท่านั้นที่เหลือจากการทำลายของคนศาสนาอื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ กล่าวคือ เมื่อปี พ.ศ. ๑๗๖๖ พวกมุสลิมเติร์ก (ตุรกี) ได้ใช้วิธีเผยแผ่พระศาสนาโดยใช้กำลังอาวุธ ถ้าใครไม่นับถือศาสนาของตนจะต้องถูกทำร้าย โดยเฉพาะผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นศัตรูตัวสำคัญจะต้องถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือทรัพย์สมบัติในพระพุทธศาสนา จนกระทั่งพวกมุสลิมสามารถเข้ายึดครองดินแดนชมพูทวีปฝ่ายเหนือและแคว้นมคธได้ทั้งหมด ด้วยการใช้กำลังอำนาจเข้าห้ำหั่น ฆ่าฟัน ข่มเหง และย่ำยีด้วยวิธีการต่างๆ
เป็นเมืองที่อยู่ในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ 100 กิโลเมตรทางใต้ของเมืองปัฏนา ตัวเมืองทอดยาวไปตามชายฝั่งของแม่น้ำเนรัญชรา เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสำคัญทั้งของศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู เพราะเป็นทั้งที่ตั้งของสถานที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนา และสถานที่ๆ ถูกกล่าวถึงในตำนานอินเดียต่างๆ
“พระพุทธเมตตา” ซึ่งเป็นพระพุทธปฏิมาอันงดงามยิ่ง ประดิษฐาน ณ ห้องบูชาชั้นล่างสุดของพระมหาเจดีย์พุทธคยา ทางประตูด้านทิศตะวันออก มีอายุกว่า ๑,๔๐๐ กว่าปี ไล่เลี่ยกับยุคสมัย ของหลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ หรือ “หลวงพ่อองค์ดำ” เมืองนาลันทา ซึ่งก็เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธศรัทธานับถือเช่นกัน
สถูปพุทธคยา ทรงศิขระที่ได้รับการบูรณะใหม่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป “พระพุทธเมตตา” ปางมารวิชัย แล้วนำนมัสการต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้นำพันธุ์มาปลูกตรงที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้สมโพธิญาณ
สัตตมหาสถาน คือ สถานที่สำคัญ 7 แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข หลังจากได้ตรัสรู้ธรรมวิเศษแล้วเป็นเวลาแห่งละ 1 สัปดาห์
อยู่ที่หมู่บ้านอุรุเวลา เสนานิคม นางสุชาดาผู้ที่ถวายข้าวมธุปายาสให้กับพระมหาบุรุษก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ตามตำนานเล่าว่า นางสุชาดาเคยบนไว้กับเทวดาใต้ต้นไทร เมื่อสำเร็จความประสงค์จึงนำข้าวมธุปายาสไปถวายแก่พระมหาบุรุษเพราะนึกว่าเป็นเทวดามารับเครื่องสังเวย
เป็นแม่น้ำสายสำคัญสายหนึ่งในประเทศอินเดีย ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน” มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ” แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด แม่น้ำสายนี้ถือเป็นแม่น้ำสำคัญที่เป็นจุดเกิดเรื่องราวหลายๆ อย่างที่บันทึกไว้ในพุทธประวัติ
เป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี ในสมัยพุทธกาล เป็นเมืองที่ศักดิสิทธิ์ที่สุดหนึ่งในเจ็ดเมืองศักดิสิทธิ์ ในความเชื่อของศาสนาฮินดูและศาสนาเชน
เป็นท่าอากาศยานขนาดเล็กที่ให้บริการเมืองพาราณสี ตั้งอยู่ในเมือง Babatpur ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองพาราณสีประมาณ 26 กิโลเมตร ให้บริการเที่ยวบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย