เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ที่อยู่ทางใต้ของกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ตั้งอยู่ห่างไปประมาณ 30 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเตหะรานใกล้กับเมือง Robat Karim และ Eslamshahr เที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดให้บริการที่นี่ จึงเป็นท่าอากาศยานที่สำคัญในฐานะเป็นเสมือนประตูทางเข้า-ออกหลักของประเทศอิหร่าน
เมืองคาชาน ซึ่งอยู่ถัดไป ทางตอนเหนือประมาณ 1.30 ชั่วโมง เมืองคาชานเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่ประมาณ 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล ตัวเมืองที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่11-13 สมัยที่พวกเซลจุก มีอำนาจปกครองเหนือ อาณาจักร เปอร์เซีย (ประมาณ ปี 1051-1220) และเริ่มมีชื่อเสียงทางด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ และการทอผ้า ทอพรม ต่อมาในยุคราชวงศ์ ซาฟาวิด ปกครองเมืองคาชาน ก็ยิ่งเจริญรุ่งเรือง มากยิ่งขึ้น ในฐานะเมืองศูนย์กลางการค้า และเป็นด่านประตูสูเมืองต่างๆ ในพื้นที่ทะเลทรายด้านตะวันออก
เป็นคฤหาสน์ที่มีมาตั้งแต่ยุคที่เมืองคาชานเคยรุ่งเรืองบนเส้นทางการค้าในอดีตสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครองเปอร์เซีย (ศตวรรษที่ 16-18) เป็นยุคการค้ารุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุด และเมืองคาชานก็เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งยุคที่มีความสำคัญอีกเมืองหนึ่ง มีพ่อค้าวาณิชย์ที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย คฤหาสน์เศรษฐีหลังนี้ ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนยุคปัจจุบันให้ได้ย้อนรอยระลึกถึง
เป็นสวนสไตล์เปอร์เซีย อยู่ติดกับที่ราบเชิงเขาซาโกรซ ถูกสร้างขึ้นในราชวงศ์ซาฟาวิด โดย ชาห์ อับบาสที่ 1 ภายในสวนได้ถูกตกแต่งด้วยน้ำพุ ที่สร้างโดยใช้เทคนิคแรงดันน้ำธรรมชาติเรียงราย สามารถให้มีกําลังน้ำที่ไหลไปตามท่อต่างๆ และไหลไปหล่อเลี้ยงต้นไม้ต่างๆ ภายในสวนด้วย
หมู่บ้านอะบียาเนห์ Abyaneh Village หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากเมือง อิศฟาฮานประมาณ 2.45 ชั่วโมง แต่ยังอยู่ในเขตจังหวัดอิศฟาฮาน เมื่อถึงแล้วให้ท่านได้ชื่นชมความงามของหมู่บ้าน ซึ่งเชื่อว่ามีอายุเก่าแก่ถึง 2,000 ปีเศษ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามและมีอากาศเย็นสบายแม้ในฤดูร้อนชาวบ้านที่นี่แต่งกายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและเชื่อว่า เป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายมาจากพวกอีลาไมท์ ในอาณาจักรอีแลมซึ่งเก่าแก่ราวๆ 3,000 ปีมาแล้ว แต่ปัจจุบันคนเหล่านี้คือชาวอิหร่านตามกฎหมายและนับถือศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับชาวอิหร่านทั่วไป พูดภาษาพื้นเมืองฟาซีเช่นเดียวกับคนพื้นราบโดยไม่ผิดเพี้ยน
เมืองอิสฟาฮาน เมืองที่มีอายุเก่าแก่ร่วม 1,800 ปี ตั้งแต่ยุคราชวงศ์ซัสซาเนียนและเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียระหว่างปี ค.ศ.1587-1749 ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครอง อดีตเมืองหลวงแห่งนี้เคยรุ่งเรืองสูงสุดใน ศตวรรษที่ 16-17 จนได้รับสมญานามว่า Esfahan is haft of the world และปัจจุบันนี้เป็นเมืองมรดกโลกโดยการขึ้นทะเบียนขององค์การยูเนสโก
ตั้งอยู่บนถนนอีกเส้นหนึ่งด้านหลังพระราชวังอะลีคาปูประมาณ 200 เมตร สร้างในปี 1614 สมัยชาห์อับบาสที่ 1 แล้วเสร็จในปี1647 สมัยกษัตริย์ชห์อับบาส ที่ 2 เพื่อใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและงานสังสรรค์ต่างๆ โดยเลียนแบบสถาปัตยกรรมในแบบอะคามินิด ซึ่งเป็นยุคแรกของเปอร์เซีย โถงด้านในมีภาพเขียนแบบเฟรสโกขนาดใหญ่หลายภาพที่มีชื่อเสียงโดยฝีมือของศิลปินประจำยุคซาฟาวิด ส่วนรอบๆ ตัววังนั้นร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ใหญ่น้อยที่อยู่รายรอบ จึงถือเป็นต้นแบบของสวนแบบเปอร์เซียที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
พระราชวังอะลีคาปู Ali Qapu Palace สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของจัตุรัสอิหม่าม เป็นอาคาร 6 ชั้น ที่ใช้ ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างบนชั้น 3 ของพระราชวังสร้างเป็นห้องโถงใหญ่และมีระเบียงหันหน้าเข้าหาจัตุรัสอิหม่ามสำหรับพระมหากษัตริย์ และพระราชวงศ์ไว้ประทับทอดพระเนตรการละเล่นต่างๆ และปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพมุมสูงที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นทุกมุมและ ทุกอย่างที่อยู่บนจัตุรัสได้อย่างชัดเจน
มัสยิดชีคล้อตฟุลเลาะห์ Sheikh Lotfollah Mosque ซึ่งเป็นมัสยิดเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้นที่จะเข้ามาทำการละหมาดได้ สร้างโดยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ระหว่างปี 1602-1619 ขึ้นชื่อว่าวิจิตรสวยงามที่สุดในการตกแต่งภายในโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โดมประธานซึ่งอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่
มัสยิดอิหม่าม Imam Mosque ตั้งอยู่ปลายสุดทางด้านทิศใต้ของจัตุรัส เป็นหนึ่งในมัสยิดที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เริ่มสร้างในปี 1611 สมัยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 และเสร็จสมบูรณ์ในอีก 4 ปีต่อมา นอกจากขนาดที่ใหญ่โตโอฬารแล้ว ยังเป็นมัสยิดที่มีองค์ประกอบทางด้านสถาปัตย์ที่สวยงามที่สุดในประเทศอิหร่าน โดยเฉพาะโดมประธานขนาดมหึมาที่สร้างคร่อมกันเป็นสองชั้นขนานกันตลอดทุกตารางนิ้ว ซึ่งมีผลต่อการระบายอากาศและการกระจายของเสียงผู้นำสวดให้แผ่ออกไปจนได้ยินอย่างชัดเจนในทุกซอกทุกมุมของมัสยิดโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน
สะพานคาจู Khaju Bridge เป็นสะพานที่สร้างข้ามสองฝั่งของแม่น้ำสาย เดรู๊ด โดยกษัตริย์ ซาห์อับบาสที่ 2 แห่งราชวงศ์ ซาฟาวิด เมื่อปี ค.ศ 1650 เป็นสะพานที่สร้างสองระดับ โครงสร้างตอนล่างเป็นหิน ส่วนตอนบนเป็นอิฐ มีพลับพลาที่ประทับสำหรับการเดสร็จประทับชั่วคราว ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่กึ่งกลางบนชั้นที่สองสะพานแห่งนี้เมื่อปี ค.ศ.1650 สะพานแห่งนี้ยังสร้างเพื่อกักเก็บน้ำอีกด้วย
เป็นโบสถ์ของชาวอาร์เมเนียนที่นับถือศาสนาคริสต์ ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1655 ในรูปแบบผสมผสานศิลปะของยุโรปและของเปอร์เซีย ภายในมีพิพิธภัณฑ์ของโบสถ์ ซึ่งจะแสดงเกี่ยวกับหนังสือฯ เครื่องแต่งกายประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เป็นเมืองหลวงของเขต Meybod จังหวัด Yazd ประเทศอิหร่าน เป็นเมืองโบราณที่กลับไปสู่ยุคก่อนอิสลามและเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง
เป็นปราสาทที่มีลักษณะเป็นเสมือนป้อมปราการในเมืองเมย์บอร์ดของอิหร่าน มีจุดสูงสุดที่ 40 เมตร สร้างขึ้นในกำแพงขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีลักษณะที่คล้ายกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการออกแบบที่คล้ายพระราชวังอาลีกาปูของอิสฟาฮัน มีระเบียงสูงที่ด้านบน ทั้งยังมีห้องใต้ดินขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีการพังทลายของหลายๆ ส่วนตามกาลเวลาแต่ก็ยังมีหลายส่วนที่ยังมีความสมบูรณ์เพียงพอ
เป็นที่พักรับรองรบกลุ่มพ่อค้ากองคาราวานในเมืองเมย์บอร์ด ที่รอนแรมผ่านทะเลทรายทางตะวันออกมาใช้เป็นที่พัก ที่มีสถานส่งข่าวด่วน ในแบบ “ม้าเร็ว” (Post House) อยู่ภายใน
เป็นหอคอยที่มีโครงสร้างแปลกๆ ด้วยลักษณะเป็นหลุมๆ ตามเสาเพื่อให้เป็นที่อยู่ของนกพิราบที่เคยมีนับพันๆ ตัว เนื่องจากสมัยก่อนการสื่อสารระยะไกลนั้น นกพิราบถือเป็นสิ่งประกอบที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งในการส่งสาล์น ข้อความ หรือแม้แต่วัตถุขนาดเล็กจากที่หนึ่งไปอีกที่
เป็นเมืองหลวงของจังหวัด Yazd ในประเทศอิหร่าน ตัวเมืองยังคงสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซียในสภาพแวดล้อมทะเลทรายที่มีความโดดเด่น เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนามเมืองแห่งจักรยานเนื่องจากมีประวัติเก่าแก่ของนักปั่นจักรยานและจำนวนสูงสุดของจักรยานต่อคนในอิหร่าน มีรายงานว่าวัฒนธรรมจักรยานถูกป้อนและพัฒนาจาก Yazd เพื่อติดต่อกับชาวยุโรปและนักท่องเที่ยวในศตวรรษที่ผ่านมา
เป็นเมืองหลวงของจังหวัด Yazd ในประเทศอิหร่าน ตัวเมืองยังคงสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซียในสภาพแวดล้อมทะเลทรายที่มีความโดดเด่น เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนามเมืองแห่งจักรยานเนื่องจากมีประวัติเก่าแก่ของนักปั่นจักรยานและจำนวนสูงสุดของจักรยานต่อคนในอิหร่าน มีรายงานว่าวัฒนธรรมจักรยานถูกป้อนและพัฒนาจาก Yazd เพื่อติดต่อกับชาวยุโรปและนักท่องเที่ยวในศตวรรษที่ผ่านมา
เป็นวัดลัทธิไฟโซโรอัสเตอร์ในเมืองยาร์ดของประเทศอิหร่าน เป็นที่ประดิษฐาน Atash Bahram ซึ่งมีความหมายว่า "ชัยชนะแห่งพลังไฟ Victorious Fire" ลัทธิไฟโซโรอัสเตอร์ว่ากันว่าอยู่มาตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งนอกจากอิหร่านแล้วกก็มีอินเดียที่มีการบูชาลัทธินี้ ส่วนวิหารแห่งนี้มีการก่อสร้างขึ้นมาในปี 1934 ด้วยเงินทุนสมาคม Parsi Zoroastrians ของอินเดีย สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรม Achaemenid ด้วยการออกแบบที่จัดทำโดยสถาปนิกจากบอมเบย์ ล้อมรอบด้วยสวนซึ่งมีต้นไม้ร่มรื่น
เป็นหอคอยทรงกลมหลังคาเปิดที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มโซโรอัสเตอร์ อยู่ใกล้ทะเลทรายและภูเขาทางด้านใต้ของเมืองยาซ์ด ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเปอร์เซียโบราณนับถือพระเจ้าอะฮูรา มาสดาในศาสนาโซโรแอสเตียน เพราะมีความเชื่อว่าคนที่ตายไปแล้วไม่ควรที่จะนำไปฝัง แต่ต้องนำศพมายังสถานที่แห่งนี้ ให้แร้งกินซากศพจนเหลือแต่กระดูก แล้วค่อยเก็บกระดูกไปทำพิธีต่อ
เป็นกลุ่มคอมเพล็กซ์ของโรงเรียนรูปโดมสมัยศตวรรษที่ 15 ตั้งอยู่ติดกับสำนักงานการท่องเที่ยวในเมืองเก่าของยาซ์ด ถูกสร้างขึ้นเป็นมัสยิดและโรงเรียนศาสนา Ziaiyeh แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บางคนมองว่าที่นี่คือคุกของอเล็กซานเดอร์ เนื่องจากมีการอ้างอิงในบทกวีของ Hafez ว่าที่นี่เคยถูกใช้งานเป็นคุกโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์เพื่อใช้สำหรับผู้ประท้วงและนักโทษการเมืองชาวเปอร์เซีย ที่แห่งนี้นี้มีหลุมอิฐทรงกลมเรียงรายด้วยความลึกเกือบ 10 เมตร ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคุกใต้ดินโบราณที่พบในใจกลางของเก่า นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำและมีซอกในลานที่ตั้งอยู่รอบๆ และยังมีคอลเลกชันของสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณคดีที่มีป้ายกำกับที่ถูกขุดขึ้นรอบๆ เมือง
เป็นกลุ่มของมัสยิดที่ตั้งอยู่ในเมืองยาซ์ดของอิหร่าน ถูกสร้างในศตวรรษที่ 12 โดย Ala'oddoleh Garshasb ของราชวงศ์ Al-e Bouyeh ด้วยสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซีย มีจุดเด่นคือหออะซานที่สูงที่สุดในอิหร่านบนมัสยิดซึ่งมีความสูง 52 เมตร มัสยิดดังกล่าวยังแสดงอยู่ในธนบัตรฉบับ 200 เรียลของอิหร่านด้วย
เป็นหนึ่งในไม่กี่สวนเปอร์เซียของอิหร่านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและมีชื่อเสียงระดับชาติ มีพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร สวนนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ Zand ในช่วงปี 1747 จุดเด่นของสวนคือมีกังหันลมที่สูงที่สุดในโลกที่ประมาณ 34 เมตร ทั้งยังมีสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ ในพื้นที่ที่สะดุดตาของสวนและอาคารเก่าแก่ มีต้นองุ่น ต้นซีดาร์ และต้นสนมีให้เห็นในทุกส่วน ทั้งยังมีคาเฟ่แบบดั้งเดิมให้นั่งพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติอันสุดร่มรื่นของสวนในเมืองกลางทะเลทรายแห่งนี้
เป็นอนุสรณ์อันโดดเด่นที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสของเมืองยาซ์ด ถูกสร้างขึ้นโดยจาดิน อัล อาเมียร์เช็คห์แมก ในขณะที่เป็นผู้ว่าการของยาซ์ดในสมัยของราชวงศ์ตีมูร์ โครงสร้างที่โดดเด่นมีอาคารสามชั้นที่มีความซับซ้อนของซุ้มโค้งที่มีความสมมาตร มีพื้นที่นั่งเล่นแยกเป็นสัดส่วนสำหรับชาวอิรักและชาวอัฟกันนี่ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ในเวลากลางคืนอาคารอนุสรณ์นี้จะสว่างขึ้นด้วยแสงสีส้มในซุ้มอันสวยงาม
พระราชวังโบราณเปอร์ซีโปลิส Persepolis ซึ่งอยู่ทางด้านเหนือของเมืองชีราซขึ้นไปประมาณ 1 ชั่วโมง พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นแห่งที่สองนับตั้งแต่สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียขึ้นเมื่อปี 559 ก่อนคริสตศักราช (พระราชวังแห่งแรกคือพระราชวังพาซากาดสร้างโดยกษัตริย์ไซรัสมหาราช) สำหรับพระราชวังที่เปอร์ซีโปลิสนี้ เริ่มสร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราชในปี 512 ก่อนคริสตศักราช หลังจากนั้นก็มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในอีก 5 รัชกาลต่อมา แต่ก็ยังไม่เคยเสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งมาถูกยึดครองและเผาทำลายอย่างย่อยยับโดยกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งอาณาจักรกรีซในปี 330 ก่อนคริสตศักราช แต่กระนั้นก็ตาม พระราชวังแห่งนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์อันยิ่งใหญ่ตลอดกาลทั้งความใหญ่โตโอฬารของตัวพระราชวังและความอลังการทางด้านสถาปัตยกรรม ดังนั้น เวลา 2 ชั่วโมงของการเที่ยวชมพระราชวังเปอร์ซีโปลิสแห่งนี้ จึงเป็น 2 ชั่วโมงที่คละเคล้าไปด้วยความระทึกใจ ความประหลาดใจและความประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
เป็นมัสยิดอันสวยงามที่อยู่ทางเหนือของเมืองชิราช ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ภายนอกมีโดมสีฟ้าเขียวที่งดงาม ภายในมีการตกแต่งด้วยกระจกที่ส่องแสงแวววาวจำนวนมากที่มีความสวยงามระยิบระยับ ซึ่งห้องกระจกที่อยู่รอบๆ หลุมศพนั้นมีความคล้ายกับของ Shah-e Cheragh
เป็นเมืองที่มีประชากรเป็นอันดับ 6 ของประเทศอิหร่าน และเป็นเมืองหลวงของจังหวัดฟาร์ส ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ที่นี่มีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองแห่งกวี วรรณกรรม ไวน์และดอกไม้[5] เป็นเมืองอุตสาหกรรม ซีเมนต์ น้ำตาล ปุ๋ย สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ไม้ งานโลหะ และพรม[6] ยังมีโรงกลั่นน้ำมันและเป็นเมืองอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็น 53% ของประเทศ
เป็นสุเหร่าที่มีความสวยงามและสำคัญที่สุดของอิหร่านตอนใต้ เอกลักษณ์ของสุเหร่านี้ คือ ส่วนต่างๆจะถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องสีชมพู ถูกสร้างขึ้นโดยมีร์ซา ฮาซาน อลี นาซีร์อัลมอล์ค ในปี 1876 และสำเร็จเรียบร้อยในปี 1887
เป็นอนุสรณ์สถานที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1936 ให้กับฮ่าเฟซซึ่งเป็นกวีเอกที่มีชื่อเสียงเกิดที่เมืองชีราซในปี 1324 ทีความสามารถแต่งบทกวีที่ได้ความไพเราะที่ใช้คำง่ายๆและมีความเข้าในวิถีชีวิตของผู้คน ซึ่งบทกวีเป็นคติสอนคนให้เป็นคนดี
เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองชีราซประเทศอิหร่าน ถูกสร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของความซับซ้อนในช่วงราชวงศ์แซนด์ มันถูกตั้งชื่อตาม Karim Khan ซึ่งที่นี่เป็นที่อยู่ของเขาในอดีต ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดำเนินการโดยองค์การมรดกวัฒนธรรมของอิหร่าน
เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเทือกเขาอัลบอร์ช อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 900 กรุงเตหะรานมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 13 ล้านคน เป็นศูนย์กลางทางการค้าขาย การคมนาคม เศรษฐกิจ และการธนาคาร ซึ่งมีเครือข่ายการติดต่อกับต่างประเทศทั่วโลก
เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเทือกเขาอัลบอร์ช อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 900 กรุงเตหะรานมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 13 ล้านคน เป็นศูนย์กลางทางการค้าขาย การคมนาคม เศรษฐกิจ และการธนาคาร ซึ่งมีเครือข่ายการติดต่อกับต่างประเทศทั่วโลก
พิพิธภัณฑ์อัญมณี Jewelry Museum ซึ่งตั้งอยู่ในห้องนิรภัยของธนาคารกลางแห่งชาติอิหร่าน กลางกรุงเตหะราน ที่นี่ได้เก็บรวบรวมอัญมณีจากทุกยุคทุกสมัยของกษัตริย์ทุกราชวงศ์ ที่เคยปกครอง อาณาจักรเปอร์เชีย (ยกเว้นราชวงศ์แรก) จนกระทั่งกลายมาเป็นประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ที่มีจำนวนมากมายสุดอลังการที่สุดในโลก คนส่วนใหญ่มักใฝ่ฝันที่จะได้มาชม เพชรสีชมพูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักถึง 182 กะรัต และบัลลังก์นกยูงอันลือชื่อ ในพิพิธภัณฑ์อัญมณีแห่งนี้ยังมีสมบัติ มีค่าอีกมากมายที่ได้จัดแสดงใว้ให้ผู้มาเยือนได้ชม
พระราชวังโกเลสตาน Golestan Palace ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งหลังการปฏิวัติโดยอิหม่ามโคมัยนี พระราชวังแห่งนี้ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถูกปล่อยทิ้งร้างอย่างน่าอัปยศอดสูเช่นเดียวกับวังอื่นๆ เพิ่งจะมีการบูรณะเมื่อเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งราวๆ ห้าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามวังแห่งนี้ก็ยังคงความงดงามในการตกแต่งภายในด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยมแบบเพชรที่สุดอลังการ และการตกแต่งภายนอกด้วยกระเบื้องเคลือบที่มีสีสันและลวดลายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะยุคกอญัร ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาได้ในทุกตารางนิ้วของพระราชวังแห่งนี้ก็ด้วยพระปรีชาของกษัตริย์องค์หนึ่งของราชวงศ์กอญัรคือ Nasser Al-Din Shah (1848-1896) โปรดให้สร้างและตกแต่งขึ้นตามแบบยุโรป ตามที่ท่านเคยเสด็จประพาสมาก่อนหน้านั้น
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ที่อยู่ทางใต้ของกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ตั้งอยู่ห่างไปประมาณ 30 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเตหะรานใกล้กับเมือง Robat Karim และ Eslamshahr เที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดให้บริการที่นี่ จึงเป็นท่าอากาศยานที่สำคัญในฐานะเป็นเสมือนประตูทางเข้า-ออกหลักของประเทศอิหร่าน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย