เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งเดียวของประเทศภูฏาน อยู่ห่างจากเมืองพาโรไปทางใต้ประมาณ 6 กิโลเมตรในหุบเขาลึกริมฝั่งแม่น้ำพาโรชู ตั้งอยู่บนระดับความสูง 2235 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงชัน ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่ท้าทายที่สุดในโลกในการปฏิบัติการ
เป็นพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมประจำประเทศภูฏาน ตั้งอยู่ในเมืองพาโร ก่อตั้งขึ้นในปี 1968 ในอาคารโบราณที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ภายใต้คำสั่งของพระเจ้าอยู่หัวนาม Jigme Dorji Wangchuck ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ที่สามแห่งภูฏาน ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างของการเก็บสะสมคอลเลคชั่นงานศิลปะที่ดีที่สุดของภูฏาน รวมถึงผลงานชิ้นเอกของรูปปั้นสำริด และภาพวาด ซึ่งมีมากกว่า 3,000 ชิ้น ครอบคลุมมรดกทางวัฒนธรรมของภูฏานกว่า 1,500 ปี
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศภูฏาน ตั้งอยู่ในหุบเขาทางตอนกลางของประเทศ โดยเมืองหลวงโบราณที่ชื่อปูนาคาได้ถูกแทนที่สถานะเมืองหลวงโดยเมืองนี้ในปี 1961 ซึ่งประกาศโดยพระเจ้าอยู่หัว Druk Gyalpo Jigme Dorji Wangchuck ที่นี่เป็นศูนย์กลางการเมืองและเศรษฐกิจของภูฏาน มีฐานการเกษตรและปศุสัตว์ที่โดดเด่น
เป็นอาคารสำคัญในเขตเมืองทิมพูทางตอนเหนือ สร้างขึ้นเสร็จในปลายทศวรรษ 1630 โดยซับดรุง งาวัง นัมเกล เนื่องจากท่านซับดรุงได้ปราบลามะห้านิกายภายใต้การนำของนิกายฮาปาได้สำเร็จ ชื่อของป้อมมีตวามหมายว่า "ป้อมแห่งศาสนาอันเป็นมงคล" ปัจจุบันใช้เป็นอาคารที่ทำการของรัฐบาล สำนักราชเลขาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง ท้องพระโรง และคณะกรรมการบริหารปกครองเมืองทิมพู
เป็นพื้นที่จุดชมวิวที่มีสถูป 108 องค์ประดิษฐานอยู่ ตั้งอยู่ระหว่างทางเมืองทิมพูกับปูนาคาตรงบริเวณช่องเขาโดชูลา (Dochula Pass) บนเนินสูงสุดจะมีสถูปทรงสี่เหลี่ยมซึ่งมีหลังคาครอบแบบอย่างของภูฏาน โดยสถูปเหล่านี้สร้างขึ้นเป็นมงคล ปกป้องคุ้มครองผู้ที่เดินทางผ่านไปมาให้ปลอดภัย รอบๆ บริเวณถูกประดับไปด้วยธงมนต์หลากสีสันเพื่อบูชาเทพแห่งป่าเขา
เป็นอารามที่ตั้งอยู่บริเวณโดชูลาพาส (Dochula Pass) ที่นี่เป็นเจดีย์อันสวยงามที่ตั้งอยู่บนระดับความสูง 3,150 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากอารามนี้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาหิมาลัยอันตระการตาได้
เป็นหมู่บ้านที่มีความแปลกใหม่อันน่าสนใจแห่งหนึ่งหนึ่งของภูฏาน เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่ได้ตกแต่งผนังอาคารบ้านเรือนของตนด้วยรูปอวัยวะเพศชาย ตามความเชื่อเรื่องสิริมงคลแห่งการป้องกันสิ่งชั่วร้ายและพลังของการให้กำเนิดชีวิต
เป็นวัดๆ หนึ่งในเมืองปูนาคา ถูกค้นพบในปี 1499 โดยพระงาหวัง ซอคเยล วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา สร้างเพื่อถวายแด่ท่านดรุกปา คิลเลย์ คนภูฏานเชื่อว่าหากไม่ประสบความสำเร็จเรื่องคู่ครอง จะต้องมาแสวงบุญที่นี่ วัดแห่งนี้ยังมีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องการมาขอพรให้ตั้งครรภ์มีลูกด้วย
เป็นศูนย์กลางการปกครองหนึ่งใน 20 อำเภอของประเทศภูฏาน ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของภูฏานและเป็นที่ตั้งของรัฐบาลจนถึงปี 1955 สถานะเมืองหลวงถูกย้ายไปที่เมืองทิมพูซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 73 กิโลเมตร
เป็นอารามขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1629 โดย Zhabdrung Ngawang Namgyal หนึ่งในผู้ร่วมสถาปนาภูฏาน ที่นี่เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและอดีตอารามชาวพุทธ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหนึ่งในสถาบันการเรียนรู้ภาษา Dzongkha ชั้นนำของประเทศที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่
เป็นเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าโดยเฉพาะตัวทาคิน ซึ่งถือเป็นสัตว์ประจำชาติของภูฏาน จากเหตุผลในการประกาศว่าทาคินเป็นสัตว์ประจำชาติของภูฏานเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2005 โดยการประกาศนี้ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากตำนานการสร้างสัตว์ในภูฏานในศตวรรษที่ 15 โดย Lama Drukpa Kunley
เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูฏาน ตัววัดตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตร มีทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่เป็นสถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏานเลื่อมใสศรัทธามากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตหิมาลัย แม้แต่ลามะชั้นสูงและชาวทิเบตก็ยังเดินทางข้ามเขาเพื่อมาสักการะอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต
เป็นวัดพุทธหิมาลัยที่สำคัญ ตั้งอยู่ในเขต Lango Gewog ของเมืองพาโร ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภูฏาน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 โดยจักรพรรดิซ่งซองซองเซนกัมโป วัดนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย 12 วัดที่จัดขึ้นรอบๆ วัดโจกังที่ลาซาของทิเบต
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติแห่งเดียวของประเทศภูฏาน อยู่ห่างจากเมืองพาโรไปทางใต้ประมาณ 6 กิโลเมตรในหุบเขาลึกริมฝั่งแม่น้ำพาโรชู ตั้งอยู่บนระดับความสูง 2235 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงชัน ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่ท้าทายที่สุดในโลกในการปฏิบัติการ
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย