เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศบราซิล และเป็นหนึ่งในสองท่าอากาศยานของนครริโอเดจาเนโร อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสนามบินแห่งนี้จะใหญ่ที่สุดในบราซิลในแง่พื้นที่ แต่ก็มีปริมาณผู้โดยสารมากอยู่ในอันดับ 4 ของประเทศ ซึ่งท่าอากาศยานในบราซิลที่มีผู้โดยสารมากที่สุดคือท่าอากาศยานนานาชาติกัวรูลลูสในเซาเปาโล ท่าอากาศยานแห่งนี้เดิมมีชื่อว่ากาเลียโอ (Galeão) ซึ่งเป็นชื่อของชายหาดที่อยู่หน้าอาคารผู้โดยสารหลังเก่า ก่อนที่ต่อมาใน พ.ศ. 2542 ได้เปลี่ยนไปตั้งชื่อตาม อังโตนีอู การ์ลูช โชบิง นักร้องผู้บุกเบิกเพลงแนวบอสซาโนวา
เป็นเมืองหลวงของรัฐรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล โดยเป็นเมืองที่กล่าวขานกันว่างดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และเป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยวและการถ่ายทำภาพยนตร์ของบราซิลที่โด่งดังไปทั่วทั้งโลก
เป็นจุดสูงสุดของพื้นที่เมืองรีโอเดจาเนโรของบราซิล ที่ปากอ่าว Guanabara บนคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในมหาสมุทรแอตแลนติก มีความสูงอยู่ที่ 396 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ภูเขานี้เป็นหนึ่งในหินแกรนิตขนาดใหญ่และหินควอทซ์ที่ขึ้นตรงจากขอบน้ำรอบ ๆ เมืองริโอ ได้รับการคุ้มครองโดยภูเขาชูการ์โลฟและอนุสาวรีย์ธรรมชาติ Urca Hill และกลายเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกที่ประกาศโดยยูเนสโกในปี 2012
รูปปั้นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญยิ่งของนครริโอเดจาเนโร ตั้งอยู่บนยอดเขากอร์โกวาดูของประเทศบราซิล มีความสูงราว 38 เมตร ออกแบบโดยโดยปอล ลันดอฟสกี ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ และเอโตร์ ดา ซิลวา กอชตา วิศวกรชาวบราซิลดำเนินการสร้าง ใช้เวลาในการสร้างประมาณ 5 ปี โดยทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1931 ซึ่งประติมากรรมรูปปั้นนี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ด้วย
เป็นสนามฟุตบอลหลักในรีโอเดจาเนโร เป็นส่วนหนึ่งของคอมเพล็กซ์ที่มีสนามกีฬาที่รู้จักกันในชื่อ Maracanãzinho ซึ่งหมายถึง "The Little Maracanã" ในภาษาโปรตุเกส เปิดให้บริการในปี 1950 เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีนั้น
เป็นเทศกาลคาร์นิวัลสุดยิ่งใหญ่ประจำปีของประเทศบราซิล และถือเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่มีผู้คนนับล้านคนต่อวันบนถนน เทศกาลคาร์นิวัลนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1723 ซึ่งภายในงานเทศกาลนี้จะได้เห็นถึงความครื้นเครงรื่นเริงของประเทศบราซิลในแบบที่ไม่มีทางหาที่ไหนได้ ซึ่งจะมีทั้งการร่วมเต้นระบำแซมบ้า การเดินพาเหรดที่ครึกครื้น การละเล่นดนตรีที่สุดเร้าใจ และไฮไลท์อื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วนในงาน ซึ่งงานเทศกาลนี้ถือว่าเป็นงานเทศกาลที่นักท่องเที่ยวควรจะได้เข้าร่วมสักครั้งหนึ่งในชีวิต
เป็นย่านชุมชนแออัดอันโดดเด่นที่ถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของประเทศบราซิล ซึ่งเป็นภาพของบ้านเรือนปลูกไล่กันไปบนภูเขาหลายร้อยหลายพันหลังซึ่งแลดูสวยงามอย่างแปลกตา มีนักเตะชื่อดังของบราซิลหลายคนก็เกิดมาจากย่านนี้
เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศบราซิล และเป็นหนึ่งในสองท่าอากาศยานของนครริโอเดจาเนโร อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสนามบินแห่งนี้จะใหญ่ที่สุดในบราซิลในแง่พื้นที่ แต่ก็มีปริมาณผู้โดยสารมากอยู่ในอันดับ 4 ของประเทศ ซึ่งท่าอากาศยานในบราซิลที่มีผู้โดยสารมากที่สุดคือท่าอากาศยานนานาชาติกัวรูลลูสในเซาเปาโล ท่าอากาศยานแห่งนี้เดิมมีชื่อว่ากาเลียโอ (Galeão) ซึ่งเป็นชื่อของชายหาดที่อยู่หน้าอาคารผู้โดยสารหลังเก่า ก่อนที่ต่อมาใน พ.ศ. 2542 ได้เปลี่ยนไปตั้งชื่อตาม อังโตนีอู การ์ลูช โชบิง นักร้องผู้บุกเบิกเพลงแนวบอสซาโนวา
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการเขตในรัฐ Parana ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศบราซิล ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากเซาร์เปาโล
อุทยานนี้อยู่ฝั่งอาร์เจนตินา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำอีกวาซู ตรงบริเวณชายฝั่งประเทศอาร์เจนติน่าและบราซิล น้ำตกแบ่งแม่น้ำออกเป็นตอนบนและตอนล่าง ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองกูรีตีบา แม่น้ำส่วนใหญ่ไหลผ่านประเทศบราซิล แม้กระนั้นน้ำตกส่วนใหญ่อยู่บนฝั่งอาร์เจนตินา ด้านล่างบรรจบกับแม่น้ำซานอันโตนิโอแม่น้ำอีกวาซู ที่ถือเป็นเขตแดนระหว่างอาร์เจนตินาและบราซิล เป็นน้ำตกที่ถือได้ว่าเป็นมรดกทางธรรมชาติที่สำคัญของโลก
นั่งเรือชมน้ำตกอีกวาซู น้ำตกขนาดใหญ่ชื่อดังแห่งหนึ่งของโลก เรือจะนำเราลอดผ่านชั้นต่าง ๆ ของน้ำตกน้อยใหญ่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศน้ำตกอันยิ่งใหญ่แบบใกล้ชิด
อุทยานอยู่ฝั่งบราซิล เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำอีกวาซู ตรงบริเวณชายฝั่งประเทศอาร์เจนติน่าและบราซิล น้ำตกแบ่งแม่น้ำออกเป็นตอนบนและตอนล่าง ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองกูรีตีบา แม่น้ำส่วนใหญ่ไหลผ่านประเทศบราซิล แม้กระนั้นน้ำตกส่วนใหญ่อยู่บนฝั่งอาร์เจนตินา ด้านล่างบรรจบกับแม่น้ำซานอันโตนิโอแม่น้ำอีกวาซู ที่ถือเป็นเขตแดนระหว่างอาร์เจนตินาและบราซิล เป็นน้ำตกที่ถือได้ว่าเป็นมรดกทางธรรมชาติที่สำคัญของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการเขตในรัฐ Parana ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศบราซิล ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากเซาร์เปาโล
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศเปรู ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของเขตคาลโล ห่างจากจากลิมาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 17 กิโลเมตร ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งชื่อตาม Jorge Chávez นักบินผู้มีชื่อคนหนึ่งของประเทศเปรู
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศเปรู ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของเขตคาลโล ห่างจากจากลิมาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 17 กิโลเมตร ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งชื่อตาม Jorge Chávez นักบินผู้มีชื่อคนหนึ่งของประเทศเปรู
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองกุสโก ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักเมืองหนึี่งในแถบลาตินอเมริกา ที่นี่ให้เที่ยวบินภายในประเทศหลายเที่ยวบินรวมทั้งเที่ยวบินระหว่างประเทศบางแห่ง ท่าอากาศยานนี้ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบินชาวเปรู คือ Alejandro Velasco Astete ซึ่งเป็นนักบินคนแรกที่บินข้ามภูเขาแอนเดสได้ในปี 1925
รู้จักกันในอีกชื่อว่า "จัตุรัสนักรบ Warrior Square" เป็นจัตุรัสหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองกุสโก
เป็นมหาวิหารของอัครสังฆมณฑลโรมันคาทอลิกแห่งเมืองกุสโก ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสอาร์ม ก่อสร้างขึ้นมาในปี 1654 มีสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค-เรอเนสซองส์ที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ในช่วงที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของสเปน ซึ่งนอกเหนือจากสถานะในการเป็นสถานที่สักการะของชาวคริสต์ประจำเมืองแล้ว ที่นี่ยังทำหน้าที่เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ ที่เป็นเป็นแหล่งเก็บข้อมูลสำคัญของศิลปะยุคอาณานิคมของกุสโก ซึ่งภายในมีวัตถุสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่างๆ มากมาย ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1983
เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่บริเวณเขตชานเมืองกุสโกตรงพื้นที่สูงทางทิศเหนือของเมือง ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกโดยกลุ่มวัฒนธรรม Killke ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งของอินคาในช่วงประมาณศตวรรษที่ 13 กำแพงหินแห่งที่สร้างขึ้นจากหินก้อนใหญ่ที่จัดแต่งอย่างระมัดระวังและวางเข้ากันอย่างแน่นหนาโดยไม่ใช้ตัวเชื่อมใดๆ ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ในปี 1983
เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เทือกเขาแอนดีส ตรงบริเวณทางตอนเหนือของเมืองกุสโกไปประมาณ 20 กิโลเมตร ในเอกสารอาณานิคมมันถูกเรียกว่า Sacred Valley ที่นี่จัดได้ว่าเป็นเส้นทางศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากในอดีตเชื่อกันว่าหุบเขานี้เคยเป็นเส้นทางแสวงบุญเส้นสำคัญของชาวอินคา ที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่มาชู ปิกชู สถานที่ท่องเที่ยวอันสำคัญยิ่งที่โด่งดังไปทั่วโลก
เป็นเมืองที่เป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ของเปรู ตั้งอยู่ในพื้นที่หุบเขาสูงชั้น บนระดับความสูง 2,792 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองกุสโกประมาณ 72 กิโลเมตร ที่นี่เป็นอีกเมืองประวัติศาสตร์ของอาณาจักรอินคาที่น่าสนใจ และเป็นหนึ่งในสถานที่เริ่มต้นในการมุ่งสู่มาชู ปิกชู สถานที่ท่องเที่ยวอันสุดลือชื่อของประเทศเปรู
เป็นซากอารยธรรมโบราณที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาในประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่คาดว่าถูกสร้างขึ้นในราวปี 1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชาวอินคา เป็นสถานที่ที่มีเรื่องเกี่ยวกับการบูชายันมนุษย์และความลึกลับที่น่าสนใจ อารยธรรมแห่งนี้ได้ถูกลืมโดยคนภายนอกจนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งโดยนักโบราณคดีที่ชื่อไฮแรม บิงแฮม เมื่อปี 1911 และในปี 1983 องค์กรยูเนสโกได้กำหนดมาชูปิกชูให้เป็นมรดกโลก โดยที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ไปเยือนเปรู
เป็นเมืองที่เป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ของเปรู ตั้งอยู่ในพื้นที่หุบเขาสูงชั้น บนระดับความสูง 2,792 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองกุสโกประมาณ 72 กิโลเมตร ที่นี่เป็นอีกเมืองประวัติศาสตร์ของอาณาจักรอินคาที่น่าสนใจ และเป็นหนึ่งในสถานที่เริ่มต้นในการมุ่งสู่มาชู ปิกชู สถานที่ท่องเที่ยวอันสุดลือชื่อของประเทศเปรู
เป็นชื่อเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีสส่วนที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเปรู โดยอยู่บนความสูงประมาณ 3,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิอินคา หลังจากสเปนมายึดครองและตั้งเมืองหลวงใหม่ที่ลิมา กุสโกก็ลดความสำคัญลง แต่หลังจากที่มีการค้นพบมาชูปิกชูในปี 1911 เมืองกุสโกก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญยิ่งเมืองหนึ่งของเปรู
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองกุสโก ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักเมืองหนึี่งในแถบลาตินอเมริกา ที่นี่ให้เที่ยวบินภายในประเทศหลายเที่ยวบินรวมทั้งเที่ยวบินระหว่างประเทศบางแห่ง ท่าอากาศยานนี้ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบินชาวเปรู คือ Alejandro Velasco Astete ซึ่งเป็นนักบินคนแรกที่บินข้ามภูเขาแอนเดสได้ในปี 1925
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศเปรู ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของเขตคาลโล ห่างจากจากลิมาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 17 กิโลเมตร ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งชื่อตาม Jorge Chávez นักบินผู้มีชื่อคนหนึ่งของประเทศเปรู
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเปรู และยังเป็นศูนย์กลางการขนส่ง การเงิน อุตสาหกรรมและวัฒนธรรมของประเทศ ตั้งอยู่บริเวณที่ห้อมล้อมด้วยหุบเขาชียอง แม่น้ำรีมัก และแม่น้ำลูริง เมืองลิมาตั้งขึ้นโดยฟรันซิสโก ปีซาร์โร ผู้พิชิตชาวสเปน เมื่อวันที่ 18 มกราคม ปี 1535 โดยให้ชื่อว่า นครแห่งเหล่ากษัตริย์ (City of Kings) ปัจจุบันจำนวนประชากรเกือบหนึ่งในสามของทั้งประเทศเปรูอาศัยในเขตนครหลวงของเมืองนี้
เป็นสถานที่แลนมาร์คสำคัญที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านประวัติศาสตร์ของเมืองลิม่า ล้อมรอบไปด้วยอาคารอันเก่าแก่หลายหลัง ที่นี่มีประวัติอันยาวนานที่ย้อนกลับไปได้ตั้งแต่ช่วงประมาณศตวรรษที่ 15 ในช่วงที่สเปนเป็นเจ้าอาณานิคมเปรู
เป็นโบราณสถานที่มีลักษณะเป็นพีระมิดทรงแปลกในเปรู ตั้งอยู่ในเขต San Isidro ในเมืองลิมา จากการสืบสวนทางประวัติศาสตร์ได้สันนิษฐานข้อมูลที่เปิดเผยสามช่วงเวลาการยึดหลักของวัฒนธรรมฮัวยา ซึ่งอยู่ก่อนและระหว่างวัฒนธรรมลิมา (ประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาลถึง 700 ปี) โดยผู้ตั้งถิ่นฐานโบราณชื่อ "Hualla" เชื่อกันว่าได้สร้างไว้เพื่อบูชาเทพเจ้าโดยสร้างจากอิฐผสมกับดิน ซึ่งปัจจุบันทางรัฐบาลเปรูได้ทำการบูรณะซ่อมแซม ให้อยู่ในสภาพเดิม
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศเปรู ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของเขตคาลโล ห่างจากจากลิมาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 17 กิโลเมตร ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งชื่อตาม Jorge Chávez นักบินผู้มีชื่อคนหนึ่งของประเทศเปรู
เป็นท่าอากาศยานหลักแห่งหนึ่งของประเทศชิลิ ตั้งอยู่ในเขต Pudahuel ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงซานติอาโกประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นของรัฐบาลชิลีและดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2015 มีบริการเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศไปยังจุดหมายปลายทางในยุโรป โอเชียเนีย เอเชีย และอเมริกา
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศชิลี เมืองนี้ตั้งอยู่ในหุบเขากลางของประเทศ ก่อตั้งขึ้นในปี 1541 โดยเจ้าอาณานิคมสเปนผู้พิชิตคนหนึ่งคือเปโดร เดอ วัลดิเวีย โดยเป็นเมืองหลวงของชิลีมาตั้งแต่สมัยอาณานิคม เมืองนี้มีใจกลางเมืองที่มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกในศตวรรษที่ 19 และถนนที่คดเคี้ยวด้านข้างซึ่งแต่งแต้มด้วยอาร์ตเดโคสไตล์นีโอโกธิคและรูปแบบอื่นๆ ทิวทัศน์ของเมืองซันติอาโกนั้นถูกสร้างขึ้นจากเนินเขาหลายแห่งและแม่น้ำมาปูที่งดงาม
เป็นที่ตั้งหลักของที่ทำงานประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐชิลี ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองซันติอาโกในย่านที่รู้จักกันในชื่อ Civic District แต่เดิมที่นี่เป็นโรงกษาปณ์อาณานิคมออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นที่ทำการของรัฐบาลในช่วงปี 1845 ช่วงการปกครองของประธานาธิบดีชื่อมานู เอลบุล เนสวัง ที่นี่มีสถาปัตยกรรมในสไตล์นีโอคลาสสิกพร้อมอิทธิพลแบบโรมันโดริค ด้วยองค์ประกอบหลักของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและความมั่นคง
เป็นอาคารที่ทำการศาลฏีกาของชิลี ซึ่งยังมีทั้งศาลอุทธรณ์และศาลทหารของกองทัพประจำอยู่ด้วย อาคารนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงประมาณปี 1905 ถึง 1930 ในสไตล์นีโอคลาสสิก อาคารแห่งนี้มีอาร์เคดสามชั้นซึ่งขนานไปกับซุ้มหลักและมีสกายไลท์แก้ว ทั้งยังมีรูปปั้น Caryatids ถือดาบสีบรอนซ์ทำโดยประติมากรชื่อ Coll y Pi
เป็นจัตุรัสหลักประจำเมืองซานติอาโกซึ่งเป็นเมืองหลวงของชิลี ที่นี่เป็นจุดศูนย์กลางของเค้าโครงเริ่มต้นของการวางผังเมืองซานติอาโกที่มีระเบียบ ส่วนรอบๆ จัตุรัสมีอาคารเก่าแก่หลายแห่งตั้งล้อมรอบอยู่
ที่นี่เป็นตลาดกลางปประจำเมืองซานติอาโก เปิดให้บริการในปี 1872 แทนที่ Plaza del Abasto ซึ่งถูกทำลายจากเหตุการณ๋ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1864 จุดเด่นคือหลังคาเหล็กหล่อและโครงสร้างรองรับที่ดูเป็นเอกลักษณ์ การออกแบบหลังคาที่สลับซับซ้อนประกอบด้วยหลังคาทรงเสี้ยมกลางซึ่งครอบโดยหอคอยทรงโดมสวยงาม
เป็นท่าอากาศยานหลักแห่งหนึ่งของประเทศชิลิ ตั้งอยู่ในเขต Pudahuel ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงซานติอาโกประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นของรัฐบาลชิลีและดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2015 มีบริการเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศไปยังจุดหมายปลายทางในยุโรป โอเชียเนีย เอเชีย และอเมริกา
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย