เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศญี่ปุ่น และเป็นจุดเชื่อมต่อของการเดินทางระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ สามารถรองรับผู้โดยสารที่เดินทางไปมาโตเกียว โยโกฮาม่า และจังหวัดใกล้เคียงได้กว่า 35 ล้านคนต่อปี และเป็นสนามบินที่รองรับเที่ยวบินสำหรับผู้โดยสารมากเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น (รองจากสนามบินฮาเนดะ โตเกียว) โดยสามารถรองรับสายการบินระหว่างประเทศได้กว่า 65 สายการบิน
เป็นชื่อตลาดปลา แต่ตลาดนี้ขายผักผลไม้และของสดอื่นๆ ด้วย เป็นตลาดที่อยู่ใจกลางเมืองโตเกียวและชื่อดังที่สุด ซึ่งมีปลาสดมากกว่า 2,000 ตันต่อวันผ่านเข้ามา ซึ่งตลาดปลาสดชื่อดังของโตเกียวแห่งนี้ ได้มีการย้ายไปยังตลาดปลาแห่งใหม่ชื่อ “โทโยสุ” (Toyosu) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะโอไดบะ (Odaiba) โดยตลาดแห่งเดิมได้ถูกปิดตัวไปในวันที่ 6 ตุลาคม 2018 และที่ใหม่ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันแรกในวันที่ 11 ตุลาคม 2018 ถึงแม้จะย้ายตลาดไป แต่ที่นี่ก็มีสินค้าของขายมากมายที่น่าสนใจยังคงอยู่
มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดเซนโซ หรือเซนโซจิ แต่นิยมเรียกว่าวัดอาซากุสะเนื่องจากตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะนั่นเอง เป็นวัดในศาสนาพุทธ สัญลักษณ์ของวัดนี้ที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันก็คือ โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่
ประตูทางเข้าที่อยู่ด้านหน้าสุดของวัดอาซากุสะ และมีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่ เป็นสัญลักษณ์ของวัด
เป็นถนนคนเดินที่อยู่ติดกับวัดอาซากุสะ วัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ถนนเส้นนี้มีร้านค้ามากมายตลอดความยาวทั้ง 250 เมตร ไม่นับร้านค้าที่อยู่ในซอยแยกย่อยไปอีก ทำให้ตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาหาซื้อของฝากอย่างไม่ขาดสาย
เป็นหอที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่และยังเป็นเหมือนแลนด์มาร์คของโตเกียว ตั้งอยู่ใจกลางของ Sumida City Ward ไม่ไกลจาก วัดอาซากุสะ มีความสูงถึง 634 เมตร บริเวณรอบๆเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ รวมทั้งมีอควอเรียมอยู่ในนั้น
ซื้อสินค้าปลอดภาษี DUTY FREE แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมมากมาย เช่น นาฬิกา แว่นตา เครื่องสำอาง กระเป๋า กล้องถ่ายรูป และสินค้าแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย
ที่นี่เป็นแหล่งบันเทิงและแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ เป็นศูนย์รวมแฟชั่นเก๋ๆ เท่ห์ๆ ของเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้า มีสถานีรถไฟชินจูกุที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของย่านนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีที่คึกคักที่สุดในญี่ปุ่น เป็นย่านที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า, ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่าง Big Camera และย่านบันเทิงยามราตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
เป็นงานประดับไฟฤดูหนาวสุดงามในหมู่บ้านเยอรมันแห่งโตเกียว โดยจะประดับหลอดไฟทั้งสิ้น 3 ล้านดวงจนสว่างพร่างพราวไปทั่วทั้งบริเวณ ที่นี่มีทั้งอุโมงค์สายรุ้งที่ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟ 7 สีสวยงาม ไฟประดับสามมิติขนาดมหึมา ทั้งยังมีการแสดงแสงสีเสียงที่เน้นศิลปะและเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน ช่วยสร้างบรรยากาศให้ยิ่งคึกคัก ที่สร้างความประทับใจในทริปหน้าหนาวนี้อย่างไม่รู้ลืม
เป็นองค์พระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้รับการบันทึกอยู่ในกินเนสบุ๊คด้วยความสูง 120 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปภายในองค์พระพุทธรูปและขึ้นลิฟท์ที่มีความสูง 85 เมตรไปยังส่วนหน้าอกขององค์พระได้ นอกจากนี้ ภายในสวนก็เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ที่บานตามแต่ละฤดูกาลทั้งสี่และสวนแบบนิกายโจโด และยังมีสวนสัตว์เล็กๆ ที่เลี้ยงกระรอกกับกระต่ายให้วิ่งเล่นอย่างอิสระ
เป็นเมืองเล็กๆ ในจัหวัดโทชิกิที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพื้นที่ของครอบครัวในตระกูลโทกุกาว่า โดยเฉพาะโขกุนอิเอยะสุ โทกุกาว่า ผู้สร้างเมืองเอโดะให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ (โตเกียว) มาจนถึงปัจจุบันนี้ อัฐฐิของโชกุนท่านนี้ก็ยังบรรจุที่สุสาน ภายในบริเวณศาลเจ้าโทโชกุที่ยิ่งใหญ่ สวยงามด้วยผลงานศิลปะที่แปลกตา สลับซับซ้อน
เป็นน้ำตกที่ได้เกิดขึ้นเมื่อลาวาไหลมากระทบแม่น้ำไดยา และทำให้เกิดน้ำตกอีก 12 แห่งซึ่งน้ำตกแห่งนี้นั้นสวยที่สุดและมีความสูงถึง97เมตร และคนนิยมมาดูช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่ช่วงฤดูอื่นก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน
เป็นสะพานที่ติดอันดับหนึ่งในสามของสะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า สะพานอสรพิษคู่ เป็นสะพานโค้งสีแดงที่ทอดข้ามแม่น้ำไดยะ
เป็นศาลเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพแห่งแสงสว่างของภาคตะวันออก ในตอนแรกนั้นบริเวณศาลเจ้าแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับฝั่งศพ ต่อมาจึงก็มีการสร้างอาคารและขนายศาลเจ้าเพิ่มเติมจนมีขนาดใหญ่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน อาคารต่างๆ ของศาลเจ้านั้นมีการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และสร้างอยู่ภายในป่าเขาจึงทำให้มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
เป็นประตูใหญ่ที่อยู่ตรงทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ อลังการด้วยผลงานศิลปะเกี่ยวกับการแกะสลักไม้อันวิจิตรและหลากหลายประดับไว้บนซุ้มประตูแทบทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งรูปสัตว์ อาทิ ไก่ฟ้า นกน้ำ เป็ดป่า ช้าง เต่า กระต่าย มังกร เสือ สิงโตเป็นต้นฯ และรูปแกะสลักอย่างอื่นก็มีเช่น ต้นไผ่ ต้นสน ต้นโบตั๋น ก้อนเมฆ และรูปเด็ก โดยมีเสาที่รองรับน้ำหนักหลังคาที่ดูหนักอึ้งนี้จำนวน 12 ต้น กำแพงด้านข้างของประตูทั้งสองก็มีผลงานการแกะสลักที่วิจิตรอลังการไม่แพ้กัน
การแช่น้ำแร่ ธรรมชาติของทางโรงแรม ซึ่งสามารถรักษาโรคเหน็บชา โรคกระดูก ฯลฯ ให้ท่านอิสระกับกิจกรรมการอาบน้ำแร่ภายในสระรวม ซึ่งจะแยกสระชายและหญิง การแช่น้ำแร่สระรวม ส่วนมากเขาไม่ใส่เสื้อผ้ากันนะคะ
เป็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น โดยหน้าผาริมแม่น้ำโอคาวะนี้ถูกกัดเซาะโดยน้ำที่ไหลผ่านกว่าจะสึกกร่อนเป็นเวลานานเป็นล้านปี จนกลายมาเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ชื่อโทโนะเฮทสึริ เป็นภาษาถิ่นของไอสึ แปลว่าหน้าผา และด้วยรูปร่างหน้าตาของหน้าผาชันๆ ที่ดูคล้ายกับเจดีย์ จึงเป็นที่มาของชื่อโทโนะเฮทสึริ หรือ หน้าผารูปเจดีย์
ที่นี่เป็นสถานีรถไฟเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่นที่มีอาคารสถานีทำจากหลังคาแบบญี่ปุ่นโบราณ อีกทั้งติดกันยังมีจุดออนเซนเท้าให้ใช้บริการได้ฟรีระหว่างที่รอรถไฟด้วย ผู้โดยสารที่มารอรถไฟหรือมาเดินเล่นจะชอบมานั่งแช่เท้ากันที่นี่
เป็นหมู่บ้านสไตล์ญี่ปุ่นที่มีบ้านแบบมุงหลัง ปัจจุบันยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี และมีการดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านพักแบบโฮมสเตย์ต่างๆ อาหารยอดนิยมคือบะหมี่โซบะ และปลาเทร้าต์ย่าง นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าและวัดประจำเมืองโออูจิจูคุ นักท่องเที่ยวสามารถชมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองได้จากบริเวณด้านบนของวัดได้ตามอัธยาศัย
เมืองไอสุวาคามัสสึ หรือมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่าเมืองไอสุ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟูกุชิมะ มีจุดท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเยอะแยะมากมาย โด่งดังในงานฝีมือดั้งเดิมที่เรียกว่า“เครื่องเคลือบไอสึ”นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งผลิตข้าวและเหล้าสาเกอีกด้วย
เป็นปราสาทที่เป็นศูนย์รวมการปกครองทางทหารในแถบเมือง Aizu-wakamatsu ปัจจุบัน ภายในปราสาทถูกจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ มีการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของปราสาทแห่งนี้ รวมถึงวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรอีกด้วย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นไปชมได้ถึงชั้นบนสุดของปราสาท ส่วนบริเวณสวนรอบปราสาทนั้นรายรอบไปด้วยต้นซากุระ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนปราสาทแห่งนี้ในช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปี
ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ จะมีฝูงหงส์จำนวนมากอพยพมาริมทะเลสาบมากมายหลายตัวเลยทีเดียว แม้จะมีหิมะปกคลุมแต่ที่นี่ก็สวยงาม ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดฟุคุชิมะ บางครั้งเราสามารถมองเห็นวิวภูเขาบันไดสะท้อนลงบนผิวน้ำ เลยทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบกระจกสวรรค์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายภาพตลอดทุกฤดู
ภูเขาซาโอะ (Mount Zao) เป็นภูเขาไฟที่ตั้งอยู่เป็นแนวกันพรมแดนระหว่าง Yamagata กับ Miyagi ของภูมิภาคโทโฮคุ ทางฝั่งจังหวัดยามากาตะ มีแหล่งน้ำพุร้อนซาโอะ (Zao Onsen) ซึ่งมีความเป็นกรดสูง ในช่วงฤดูร้อนคนรักธรรมชาตินิยมมาเที่ยวปล่องภูเขาไฟโอคาม่า(Okama Crater) ส่วนในช่วงฤดูหนาวซาโอะออนเซนจะกลายเป็นสกีรีสอร์ทชั้นนำ และเป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ที่จะพบกับต้นไม้แช่แข็ง (snow monsters)
เป็นกระเช้าที่นำพานักท่องเที่ยวขึ้นชมวิวอันงดงามของภูเขาซาโอะ กระเช้าลอยฟ้าซาโอะไม่เพียงแต่ใช้ในการเดินทางเท่านั้นแต่ยังเป็นวิธีการชมวิวที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ด้วยภูมิทัศน์อันงดงามทำให้ที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และในแต่ละซีซั่นก็จะมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงด้วย
เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดจากเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามใบของต้นเฟอร์จนเกิดเป็นรูปร่างที่แปลกประหลาด คล้ายกับมนุษย์หิมะ จึงได้ชื่อว่า Ice Monster หรือ Snow Monster นั่นเอง อีกทั้งยังมีกิจกรรม อาทิ การเล่นสกีและสนุกกับสโนว์บอร์ดในฤดูหนาว นั่งสโนว์โมบิลขบวน “Wild Monster” ไปเที่ยวชมบริเวณที่มีปีศาจน้ำแข็งอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นต้น
เป็นหนึ่งในสกีรีสอร์ทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในยามากาตะ บนความสูง 880 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลบนเนินเขาของภูเขาไฟซาโอะ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ท่ามกลางภูเขาที่สวยงาม ในหมู่บ้านน้ำพุร้อนดั้งเดิมแห่งนี้ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ช่วงฤดูหนาวจะมีลานสกีขนาดใหญ่อันหลากหลายซึ่งเหมาะกับทุกคนทุกทักษะ อีกทั้งหิมะที่นี่ยังได้ชื่อว่ามีความละเอียดเนียมนุ่มราวผงแป้ง หรือที่เรียกว่าพาวเดอร์สโนว์ (powder snow) อีกด้วย
เป็นซากปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1600 โดยเจ้าเมืองเซนไดชื่อ Date Masamune ในช่วง 400 ปี หลังยุคศักดินาถูกต่อต้านในช่วงสมัยเมจิเกิดไฟใหม้ในปี 1882 และโดนระเบิดในปี 1945 จึงทำให้ปัจจุบันเหลือเพียงเศษซากกำแพงหินด้านนอกและหอรักษาความปลอดภัย จากทำเลที่ตั้งของปราสาทเดิมทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเซนไดด้านล่างที่งดงามได้
เป็นย่านช้อปปิ้งหลักที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซนได ตรงบริเวณสถานีรถไฟเซนไดและสถานีรถไฟใต้ดินโอบะ โดริ อิจิบังโจ ย่านนี้ถือเป็นย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางยาวไปหลายช่วงตึก เริ่มตั้งแต่อาคาร AER และ Parco ยาวไปจนถึงโคคุบุนโช มีทั้งสินค้าต่างๆ มากมาย ร้านแบรนด์เนม ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ร้านอาหารหลากชนิด คาเฟ่ ไปจนถึงร้าน 100 เยน
เป็นค่าเฟ่นกฮูกที่ถือเป็นหนึงในไฮไลท์หลักของย่านช้อปปิ้งใจกลางเมืองเซนได ซึ่งภายในจะมีนกฮูกที่ถูกฝึกจนเชื่องอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แต่ละตัวล้วนมีความน่ารักที่ต่างกันไป ที่สำคัญยังสามารถลูบหรือจับได้ภายในการดูแลของพนักงานผู้ชำนาญการ
เป็นท่าอากาศยานระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ในเมืองนาโตริมิยางิ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเซนได ถูกสร้างขึ้นในปี 1940 เพื่อใช้เป็นหนึ่งในโรงเรียนการบินและฐานทัพอากาศอีกแห่งของจักรวรรดิญี่ปุ่น หลังแพ้สงครามโลกที่นี่ค่อยๆ ถูกปรับให้มาเป็นสนามบินพลเรือนอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย