เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในเมืองวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศลิทัวเนีย มีจำนวนประชากรมากกว่า 540,000 คน ในปี พ.ศ. 2546 นอกจากนี้ยังมีฐานะเป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารของเทศบาลนครวิลนีอุส (Vilnius city municipality) และเทศบาลเขตวิลนีอุส (Vilnius district municipality) รวมทั้งเป็นที่ตั้งเทศมณฑลวิลนีอุสด้วย
จุดหมายปลายางด้านการท่องเที่ยวที่เราอยากให้คุณมีโอกาสมาเยือนสักครั้ง ในอดีตเมืองเล็กๆแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลิทัว เนีย ซึ่งปัจจุบันลิทัวเนียมีเมืองหลวงใหม่ชื่อวิลนีอุส (Vilnius) เมืองทราไก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองวิลนีอุส โดยอยู่ห่างไปประมาณ 28 กิโลเมตร ปัจจุบันเมืองเล็กๆที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้ กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของท่องเที่ยว
เมืองเคานัส (Kaunas) เคานัสเคยเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของประเทศลิทัวเนีย ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตั้งอยู่ตรงที่บรรจบกันของแม่น้ำเนริส และแม่น้ำเนมาน เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศลิทัวเนีย และเป็นเมืองหลวงของเทศมณฑลเคานัส เคานัสเคยเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของประเทศลิทัวเนีย
เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศลิทัวเนีย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1236 ในอดีตเป็นเมืองที่เคยถูกเผาในช่วงยุคสงครามถึง 7 ครั้ง 7 คราวด้วยกัน แต่ปัจจุบันสามารถฟื้นฟูได้จนกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของลิทัวเนีย
รูนดาเลพาเลซ ซึ่งเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดของลัตเวีย ก่อสร้างสไตล์บาร็อค และร็อคโคโค ในศตวรรษที่ 18 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน เป็นคนเดียวกันกับผู้สร้างพระราชวังฤดูหนาวในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย พระราชวังแห่งนี้ถือว่าเป็นพระราชวังฤดูร้อนของท่านดุ๊กแห่งคอร์แลนด์ เอิรน์ โจฮันน์ ไบรอน
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในกลุ่มรัฐบอลติก ทั้งยังเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม การศึกษา การเมืองการปกครอง ธุรกรรม พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ ที่สำคัญ ย่านเมืองเก่าหรือศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองริกา ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ยังเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ ทั้งที่เป็นอาคารไม้สไตล์นีโอคลาสสิกและอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว นอกจากนี้ ริกายังได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป ประจำปี 2014 อีกด้วย
เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในเมืองริก้า ที่นี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของเมืองที่เป็นจุดบรรจบของถนนเจ็ดสาย เกิดขึ้นในช่วงประมาณปลายศตวรรษที่ 19 โดยอาคารหลายหลังบริเวณนี้ถูกรื้อออกเพื่อเป็นลานว่างสำหรับเป็นทางเข้าของมหาวิหารริก้าในช่วงนั้น จัตุรัวนี้รายล้อมไปด้วยอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมหลายแห่ง โดยเฉพาะมหาวิหารริก้าที่ถือเป็นแลนมาร์คหลักของที่นี่
โบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่าของเมืองรอเธนเบิร์กซึ่งถูกสร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่13
สร้างขึ้นในปี 1330 เพื่อเป็นที่อยู่ของ Livonian Order เคยถูกทำลายไปในศตวรรษที่ 15 โดยชาวเมืองและได้รับการสร้างขึ้นใหม่โดยชาวเมืองเช่นกันปัจจุบันนอกจากเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีของลัทเวียยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ด้วย
สร้างขึ้นในปีค.ศ.1214 โดยอาร์คบิช็อปแห่งริก้า เป็นปราสาทก่ออิฐแบบโกธิค ซึ่งถูกสร้างต่อเติมและบูรณะมาหลายสมัยจนเป็นลักษณะของป้อมปราสาทที่สวยงาม แต่ในปี ค.ศ.1776ปราสาทได้เสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์ไฟไหม้และไม่ได้รับการบูรณะจนกระทั่งในช่วงทศวรรษที่ 1970 ได้รับการซ่อมแซมและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในที่สุด
เป็นเมืองตากอากาศในประเทศเอสโตเนียซึ่งอยู่ติดกับอ่าวแปร์นู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเพราะชายหาดที่ลากยาวและรีสอร์ทมากมายที่มาเปิดให้บริการ เมืองนี้พึ่งได้เอกราชและเป็นส่วนหนึ่งของเอสโตเนียอย่างเป็นทางการหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่า 3,000 ปี เคยถูกยึดครองโดยเดนมาร์ก สวีเดน และรัสเซีย ภายหลังได้อิสรภาพจากสหภาพโซเวียต ในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก นำท่านเที่ยวชมเขตโอลด์ทาวน์ของเมืองทาลลินน์ที่โอบล้อมด้วยกำแพงเมืองและป้อมปราการในยุคกลาง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุคอัศวิน
ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่า 3,000 ปี เคยถูกยึดครองโดยเดนมาร์ก สวีเดน และรัสเซีย ภายหลังได้อิสรภาพจากสหภาพโซเวียต ในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก นำท่านเที่ยวชมเขตโอลด์ทาวน์ของเมืองทาลลินน์ที่โอบล้อมด้วยกำแพงเมืองและป้อมปราการในยุคกลาง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุคอัศวิน
เป็นมหาวิหารใหญ่ที่มียอดโดมใหญ่ที่สุดในเมืองทาลลินน์ เป็นโมหาวิหารคริสต์ออร์โธด็อกซ์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1900 ในช่วงที่เอสโตเนียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิซาร์แห่งรัสเซีย สถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์แห่งนี้ก็คือ Mikhail Preobrazhenski จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ยาโรสลาวิทซ์ เนฟสกี้ ด้านบนมีหอระฆังใหญ่ มีระฆัง 11 อัน รวมถึงอันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งมีน้ำหนักถึง 15 ตัน
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ ริมชายฝั่งอ่าวฟินแลนด์ ตัวเมืองมีประชากรประมาณ 600,000 คน เฮลซิงกิอยู่ติดกับเมืองวันตาและเอสโปซึ่งรวมกันตั้งเป็นเขตเมืองหลวงหรือมหานครเฮลซิงกิ
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ ริมชายฝั่งอ่าวฟินแลนด์ ตัวเมืองมีประชากรประมาณ 600,000 คน เฮลซิงกิอยู่ติดกับเมืองวันตาและเอสโปซึ่งรวมกันตั้งเป็นเขตเมืองหลวงหรือมหานครเฮลซิงกิ
อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Sibelius Park ถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกชาวฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius (1865-1957) ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินน์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย ลักษณะเป็นอนุสาวรีย์ที่แปลกตามากๆ ถูกออกแบบโดย Eila Hiltunen เป็นการสร้างโดยนำเอาแท่งเหล็กจำนวน 600 แท่ง มาเชื่อมเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรูปร่างของออร์แกนลม ตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่า
เป็นจตุรัสใหญ่กลางเมืองเฮลซิงกิ ที่นี่มักจะเป็นสถานที่ใช้จัดเทศกาลหรือกิจกรรมต่างๆ และจุดนี้เป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ
ซึ่งในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส เป็นมหาวิหารสีขาวบริสุทธิ์สวยงาม ตั้งเด่นตระหง่านอยู่จนเรียกว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กของเฮลซิงก็ว่าได้ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันอย่างเป็นจำนวนมาก มหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) สีขาวบริสุทธิ์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัส ใจกลางจัตุรัสโดดเด่นด้วยอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ทางทิศตะวันออกเป็นทำเนียบรัฐบาล งดงามด้วยเสาหินสไตล์คอรินเทียน และ ทิศตะวันตกเป็นอาคารหลักของมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ซึ่งก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไอออนิกที่ไม่ควรพลาดชม
เป็นโบสถ์นิกายออร์ธอดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ออกแบบโดย Aleksei Gornostajev สร้างตามสไตล์โบสถ์เก่าแก่ใกล้กรุงมอสโก ประเทศรัสเซียในศตวรรษที่ 16 หลังคาทรงโดมทองและสร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลแดง แสดงถึงความมีอิทธิพลของรัสเซียต่อประวิติศาสตร์ฟินแลนด์ได้เป็นอย่างดี
รู้จักกันในนาม "โบสถ์หิน" (Rock Church) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "โบสถ์แห่งความรัก" ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 และเสร็จวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป และมีความเชื่อว่าหากใครก็ตามมาจุดเทียนอธิฐานเรื่องเกี่ยวกับความรักใน โบสถ์นี้ก็จะสมหวังในสิ่งที่อธิฐานทุกประการ จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่กันเป็นจำนวนมาก เพราะว่ากันว่าคู่รักที่มาจัดพิธีแต่งงานที่โบสถ์แห่งนี้จะครองรักกันยืนยาว จนแก่เฒ่า
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำเมืองเฮลซิงกิ ตั้งอยู่ในเขตวานตา ห่างจากเมืองเฮลซิงกิขึ้นไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฟินแลนด์และเป็นอันดับที่สี่ในประเทศแถบนอร์ดิกในแง่ของจำนวนผู้โดยสาร
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย