เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักขอเมืองฟุกุโอกะและภูมิภาคคิวชู ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากเป็นอันดับสี่ในญี่ปุ่น ท่าอากาศยานนี้มีทางเชื่อมต่อกับเมืองโดยรถไฟใต้ดินเมืองฟูกูโอกะและรถไฟใต้ดินจากท่าอากาศยานไปยังย่านธุรกิจ
ศาลแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเสาโทริอิสีแดง และยังเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีกล่องรับเงินบริจาคสุดท้าทายให้คุณโยนเหรียญทำบุญอีกด้วยศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประทับของดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่แยกออกจากศาลเจ้า Taikodani Inari ในจังหวัดชิมาเนะ เมื่อประมาณ 60 ปีก่อน เล่ากันว่าเทพเจ้าแปลงกายเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวไปปรากฏกายในฝันของชาวประมงคนหนึ่งเพื่อบอกให้ตั้งศาลเจ้าในพื้นที่นี้ จุดที่โดดเด่นน่าประทับใจที่สุดของศาลเจ้าแห่งนี้เห็นจะเป็นเสาโทริอิ 123 ต้นที่ตั้งเรียงรายเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร (328 ฟุต) นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมเดินใต้เสาโทริอิที่ทอดยาวคล้ายอุโมงค์พลางอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น ขอให้ประกอบธุรกิจสำเร็จ ขอให้เดินทางปลอดภัย เป็นต้น ว่ากันว่าเทพเจ้าสามารถช่วยให้คำขอต่างๆ เป็นจริงได้ซึ่งรวมไปถึงการขอให้พบเนื้อคู่ และการมีบุตร
เป็นถ้ำหินปูนที่ความยาวประมาณ 9 กิโลเมตร แต่จะเปิดให้เข้าชมเพียงแค่ 1 กิโลเมตรแรกเท่านั้น ภายในถ้ำนั้นจะมีหินปูน หินงอก หินย้อยในรูปทรงประหลาดแล้วแต่ธรรมชาติจะรังสรรค์ออกมาให้ได้ชมและยังมีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งอุณหภูมิในถ้ำนี้จะอยู่ที่ 17 °c ตลอดปี อีกทั้งยังมีแสงสว่างที่เพียงพอที่จะทำให้เดินชมภายในถ้ำได้อย่างสะดวกสบาย
การอาบน้ำแร่สามารถรักษาและบรรเทาอาการต่างๆได้ เช่นบรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อช่วยให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นช่วยขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนังและรูขุมขนทำให้ผิวหนังสะอาดบำรุงผิวพรรณให้สดใสคลายความตรึงเครียด
สะพานคินไตเคียว เป็นสะพานโบราณแบบญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าสวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น เป็นสะพานไม้ 5 โค้ง ทอดข้ามแม่น้ำนิชิกิไปยังปราสาทอิวาคุนิ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาอีกด้านหนึ่งของแม่น้ำ ตัวสะพานมีความยาว 193 เมตร กว้าง 5 เมตร วงโค้งบนสุดอยู่สูงจากแม่น้ำ 12 เมตร ตัวสะพานยึดติดกันโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ทำให้สะพานได้รับความเสียหายเมื่อเกิดพายุไต้ฝุ่นหลายต่อหลายครั้ง แต่ชาวเมืองอิวาคุนิก็ได้ซ่อมแซมบูรณะขึ้นมาใหม่ให้เหมือนเดิมทุกครั้งเหมือนกัน สะพานที่เห็นในปัจจุบัน จึงใช้เทคนิคก่อสร้างสมัยใหม่เสริมเข้าไปให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดยใช้แผ่นเหล็กและแท่งเหล็กตอกยึดพื้นไว้เป็นระยะๆ
เริ่มสร้างขึ้นในต้นสมัยเอโดะ ปี 1608 ที่ตั้งของปราสาทมีข้อดีทางธรรมชาติคือ อยู่บนภูเขา ล้อมรอบด้วยคูน้ำธรรมชาติของแม่น้ำนิชิกิ ด้วยความสูงของปราสาทที่มีถึง 4 ชั้น ทำให้สามารถเห็นเมืองจากชั้นบนออกไปได้ไกลถึง 200 เมตร ทั้งยังมองเห็นสะพานคินไตเคียวได้อย่างชัดเจน
เกาะมิยาจิม่านับเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ เพราะเป็นสถานที่ตั้งของศาลเจ้าและวัดชินโตสำคัญๆ หลายแห่ง คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเขามิเซ็ง ภูเขาที่สูงที่สุดบนเกาะเป็นที่อยู่ของพระเจ้าด้วย ฉะนั้น ในสมัยก่อน มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนเกาะต้องตั้งบ้านเรือนให้ห่างออกจากบริเวณศาลเจ้า หญิงท้องแก่ใกล้คลอดและคนแก่ที่ใกล้ตายก็ต้องออกไปจากเกาะ เพราะการเกิดแก่เจ็บตายของมนุษย์จะทำให้เกาะอันบริสุทธิ์เปื้อนมนทิน
ศาลเจ้าเก่าแก่ของ เกาะมิยาจิม่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 ต่อมาได้มีการสร้างเพิ่มเติมรวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้สวยงามและใหญ่โตมากขึ้น ภายในเป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าในศาสนาชินโต ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้า ที่ตั้งอยู่ริมทะเลโดยเฉพาะในเวลาที่น้ำขึ้นจะเห็นเสมือนว่าศาลเจ้านั้นล่องลอยอยู่กลางทะเล ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก
การอาบน้ำแร่สามารถรักษาและบรรเทาอาการต่างๆได้ เช่นบรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อช่วยให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นช่วยขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนังและรูขุมขนทำให้ผิวหนังสะอาดบำรุงผิวพรรณให้สดใสคลายความตรึงเครียด
เป็นวัดของศาสนาพุทธในเมืองยามากูจิและเป็นสมบัติของชาติที่รู้จักกันดี คือ เจดีย์ห้าชั้น ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1442 นับเป็นเจดีย์ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 เจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น (เจดีย์อีก 2 แห่งตั้งอยู่ที่ วัดโฮริวจิ ใกล้นารา และ วัดไดโกจิ ในเกียวโต บริเวณวัดรูริโคจิเป็นที่ตั้งของสวนโกซัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารอื่นๆเช่น ห้องโถงใหญ่ โกดัง หอระฆัง และพิพิธภัณฑ์ ขนาดเล็กที่จัดแสดงโมเดลของเจดีย์ห้าชั้นและ เจดีย์อื่นๆอีก 50 แห่งทั่วญี่ปุ่น และในสวนโกซันยังมีพื้นที่สุสานฝังศพของสมาชิกบางส่วนในครอบครัวโมริผู้ปกครองภูมิภาคในช่วงสมัยเอโดะ (1603-1867) ทางเดินไปยังสุสานปูด้วยหินสะท้อนเสียง มีลักษณพิเศษคือ เมื่อเท้าเหยียบลงบนหิน หรือปรบมือ ก็จะได้ยินเสียงสะท้อนกลับ โดยตั้งชื่อตามผู้สร้างคือ ทางเท้ายูกุอิซูบาริ
พิธีชงชาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยการใช้เวลาอย่างสุนทรีย์ ด้วยการดื่มและการชงชาผงสีเขียวหรือมัทชา นับตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 14 ต้นฉบับของพิธีชงชา และให้ท่านได้สัมผัสกับบรรยากาศของการจำลองเรื่องราวเกี่ยวการพบปะกันในวงสังคมเกี่ยวกับการดิ่มและชงชาที่ได้แพร่หลายในบรรดาชนชั้นสูงที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น
เมืองคิตะคิวชู เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง ของจังหวัดฟุกุโอกะ
เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองคิตะคิวชู ถูกสร้างขึ้นโดย Hosokawa Tadaoki ในปี 1602 โดยเป็นสมบัติของตระกูล Ogasawara ตัวปราสาทมีรูปแบบการสร้างตามสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมแท้ๆ มีความสูง 5 ชั้น สภาพปราสาทที่เห็นในปัจจุบันรับการบูรณะอย่างเต็มที่ในปี 1990 ที่นี่ได้ถูกบันทึกด้วยว่าเป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่น่าสนใจของญี่ปุ่นในปี 2017
วัดแห่งนี้คือแหล่งท่องเที่ยวที่ดังที่สุดของเมือง เป็นวัดขนาดใหญ่ที่ฝังตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งมักอยู่บนภูเขาและเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่วัยคุณทวด แต่ที่นี่พิเศษกว่านั้นตรงที่ภายในวัดยังมีถ้ำ ลำธาร น้ำตก การเดินในวัดจึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
กันดั้ม ปาร์ค ฟุกุโอกะ กันดั้มปาร์ค
เป็นย่านที่เรียกว่าเป็นหัวใจของเมืองฟูกุโอกะหรือเกาะคิวชูเลยก็ได้ เรียกว่าเป็น downtown area ของเมืองฟูกุโอกะ โดยในบริเวณนี้จะมีร้านรวง ถนนคนเดิน และห้างใหญ่ๆ มารวมตัวกันอยู่มากมาย มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า แบรนเนมด์ หนังสือ เครื่องสำอางค์ต่างๆ รวมไปถึงร้านอาหารอีกมากมาย
เป็นท่าอากาศยานหลักขอเมืองฟุกุโอกะและภูมิภาคคิวชู ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากเป็นอันดับสี่ในญี่ปุ่น ท่าอากาศยานนี้มีทางเชื่อมต่อกับเมืองโดยรถไฟใต้ดินเมืองฟูกูโอกะและรถไฟใต้ดินจากท่าอากาศยานไปยังย่านธุรกิจ
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย