
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย

เป็นท่าอากาศยานหลักขอเมืองฟุกุโอกะและภูมิภาคคิวชู ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากเป็นอันดับสี่ในญี่ปุ่น ท่าอากาศยานนี้มีทางเชื่อมต่อกับเมืองโดยรถไฟใต้ดินเมืองฟูกูโอกะและรถไฟใต้ดินจากท่าอากาศยานไปยังย่านธุรกิจ

เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ก่อนหน้านั้นเคยเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม มีคลองใช้เพื่อการชลประทาน ภายในตัวเมืองจึงเต็มไปด้วยคลองมากมาย เมืองนี้จึงได้รับฉายาว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ


เป็นเมืองเล็กบนเกาะคิวชูที่ดังเรื่องบ่อน้ำร้อน ถ้าได้ไปที่นี่ต้องได้ลงแช่น้ำแร่อุณหภูมิสูงเพื่อสุขภาพ

การอาบน้ำแร่สามารถรักษาและบรรเทาอาการต่างๆได้ เช่นบรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อช่วยให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นช่วยขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนังและรูขุมขนทำให้ผิวหนังสะอาดบำรุงผิวพรรณให้สดใสคลายความตรึงเครียด
%2C%20red%20pond%20in%20Umi%20Jigoku%20at%20Beppu%2C%20Kyushu_Autumn.jpg)
เป็นพื้นที่รวมบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ แต่ละจุดประกอบด้วยแร่ธาตุที่เข้มข้นแตกต่างกันไป เช่น กำมะถัน แร่เหล็ก โซเดียม คาร์บอเนต เรเดียม เป็นต้น และมีความร้อนเกินที่จะลงอาบได้ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเมื่อต้องมาเยือนเปบบุ

เป็นหมู่บ้านจำลองสไตล์ยุโรป มีกลิ่นอายยุโรปโบราณ บ้านอิฐที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ถือเป็นไฮไลท์หนึ่งประจำเมืองยูฟุอิน เหมาะแก่การเดินเล่นและถ่ายรูป ภายในบริเวณประกอบด้วยร้านอาหาร ร้ายขายของที่ระลึก งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ของเล่น ของสะสมทั้งญี่ปุ่นและต่างประเทศ

เป้นทะเลสาบน้ำใสเล็กๆ ที่อยู่ไกล้กับสถานี JR Yufuin Station น้ำนั้นทะลักมาจากบ่อน้ำพุร้อนทำให้มีไอน้ำระเหยขึ้นมาเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม

เป็นเมืองที่มีลักษณะคล้ายกับเมืองหลวงของเกาะคิวชู เพราะเป็นเมืองที่มีความเจริญสูง และมีประชากรคับคั่ง แต่ก็ยังรักษาสถานที่สำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ไว้หลายๆ ที่

หนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้สามารถฝ่าทำลายเข้าไปได้ แต่ก็เคยถูกไฟไหม้จนต้องบูรณะ ทั้งๆที่ตัวปราสาทนั้นไม่เคยถูกบุกรุกยึดครองได้สำเร็จ

นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหญ่ที่ตั้งอยู่ในตำบลซากุระโนบาบะของปราสาทคุมาโมโตะ ที่เปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี 2011 สถานที่แห่งนี้ได้จัดแสดงหน้าจอสัมผัสสำหรับให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของวาคุวาคุซะ และแหล่งชอปปิ้งซากุระโนโคจิ ศูนย์บริการข้อมูลการท่องเที่ยวและห้องอเนกประสงค์ต่างๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวบรวม 23 ร้านดัง และร้านอาหารที่ขายเมนูพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดคุมาโมโต้ด้วย

เป็นช่องเขาแคบๆ ที่ตัดผ่านก้อนหินริมแม่น้ำโกกาเซะ โดยมีหน้าผาหินบะซอลต์สูงชันประมาณ 80-100 เมตร ตั้งอยู่ริมสองฝั่งน้ำซึ่งมีลักษณะคล้ายเกล็ดของมังกร ช่องเขานี้เกิดจากที่แม่น้ำโกคาเซะถูกลาวาที่ประทุขึ้นมาจากภูเขาไฟอะโสะกัดเซาะจนเกิดเป็นช่องขึ้นมา ภาพของหินผาสูง สายน้ำสีฟ้าคราม ป่าอันเขียวขจี รวมเป็นความสวยงามที่ดูแสนจะลึกลับ

การอาบน้ำแร่สามารถรักษาและบรรเทาอาการต่างๆได้ เช่นบรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อช่วยให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นช่วยขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนังและรูขุมขนทำให้ผิวหนังสะอาดบำรุงผิวพรรณให้สดใสคลายความตรึงเครียด

ศาลเจ้าที่เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าอามาเทราสึ ภายในอาคารศาลเจ้าทั้งหมดเป็นสีแดง เพื่อสื่อถึงความเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ ศาลเจ้าแห่งนี้ผ่านการบูรณะขึ้นมาใหม่หลายครั้ง เนื่องจากถูกทำลายโดยการระเบิดของภูเขาไฟ ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพนินิกิ (Ninigi no Mikoto) ซึ่งเป็นหลานของเทพีแห่งดวงอาทิตย์ เชื่อกันว่าถูกส่งลงมาเพื่อสร้างและปกครองโลกที่เถือกเขาคิริชิม่าแห่งนี้ หลังจากที่ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงในพื้นที่ก็กลายเป็นมนุษย์และสร้างอาณาจักรของญี่ปุ่น ศาลเจ้านี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคมูโรมาชิ(Muromachi) แต่ได้ถูกทำลายจากการระเบิดของภูเขาไฟหลายครั้งแต่ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่และบูรณะมาโดยตลอด อาคารที่เห็นปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1715 เป็นอาคารศาลเจ้าขนาดใหญ่ สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ให้ทิวเขา

คาโกชิม่า (Kagoshima) หรือจังหวัดคาโกชิม่า (Kagoshima Ken) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะคิวชู โดยมีเมืองคาโงะชิม่าเป็นเมืองหลวง เดิมชื่อ ซัทซึมะ ถือเป็นเมืองใหญ่สุดทางตอนใต้ของญี่ปุ่น จึงกลายเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม วัฒนธรรมและคมนาคมของคิวชูใต้ เป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่ใกล้ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นห่างไปเพียง 4 กิโลเมตร คาโงะชิม่าเป็นเมืองที่มีความทันสมัยมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว เนื่องจากตระกูลซัตสึมะผู้ปกครองเมืองได้เปิดรับแนวคิดของชาติตะวันตกเอาไว้หลายอย่างด้วยกัน

โดยใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15 นาที นำท่านชมความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟซากุระจิมะ ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิท ภูเขาไฟแห่งนี้มียอดเขา 3 ยอด คือ คิตาดาเกะ(Kita-dake) ที่สูงที่สุดที่ 1117 เมตร, นาคาดาเกะ(Naka-dake) ที่สูงรองลงมา 1,060 เมตร และมินามิดาเกะ(Minami-dake) ที่สูงน้อยที่สุดเพียง 1,040 เมตร แต่เป็นยอดเขาที่ยังปะทุอยู่มากที่สุด ในอดีตก่อนการระเบิดครั้งใหญ่ในปีค.ศ.1914 ภูเขาไฟแห่งนี้จะเป็นเกาะอยู่ใกล้ๆ กับอ่าวคาโกชิม่า แต่ผลจากการที่ภูเขาไฟระเบิดทำให้ลาวาจำนวนมหาศาลทะลักออกมาจนเกาะแห่งนี้เชื่อมต่อกับแหลมโอซุมิ

อาบทรายร้อน ให้ท่านได้สัมผัสกับการอาบทรายร้อนที่เลื่องชื่อที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าในทรายร้อนนั้นจะอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ทำให้ผิวพรรณสดใสสุขภาพดี และยังมีสรรพคุณทางการรักษาอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ได้อีกด้วย

การอาบน้ำแร่สามารถรักษาและบรรเทาอาการต่างๆได้ เช่นบรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อช่วยให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นช่วยขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนังและรูขุมขนทำให้ผิวหนังสะอาดบำรุงผิวพรรณให้สดใสคลายความตรึงเครียด

ให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟความเร็วสูงหรือที่เรียกว่า ชินคันเซน (รถไฟหัวกระสุน) ที่สถานีรถไฟคาโกชิม่า

เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟสำคัญของเมืองฟุกุโอกะ ที่นี่ถือว่าเป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุดและคึกคักที่สุดในคิวชู ทั้งยังเป็นสถานีชุมทาง (Terminal Station) สำหรับเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของญี่ปุ่น นอกจากนี้บริเวณโดยรอบของสถานียังเต็มไปด้วยร้านค้า ห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้ง และร้านอาหารต่างๆ มากมาย

เป็นย่านที่เรียกว่าเป็นหัวใจของเมืองฟูกุโอกะหรือเกาะคิวชูเลยก็ได้ เรียกว่าเป็น downtown area ของเมืองฟูกุโอกะ โดยในบริเวณนี้จะมีร้านรวง ถนนคนเดิน และห้างใหญ่ๆ มารวมตัวกันอยู่มากมาย มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า แบรนเนมด์ หนังสือ เครื่องสำอางค์ต่างๆ รวมไปถึงร้านอาหารอีกมากมาย

เป็นท่าอากาศยานหลักขอเมืองฟุกุโอกะและภูมิภาคคิวชู ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากเป็นอันดับสี่ในญี่ปุ่น ท่าอากาศยานนี้มีทางเชื่อมต่อกับเมืองโดยรถไฟใต้ดินเมืองฟูกูโอกะและรถไฟใต้ดินจากท่าอากาศยานไปยังย่านธุรกิจ

เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย