เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
ท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปาตีชีวจี มุมไบ ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางมุมไบไปทางเหนือ 30 กม. (19 ไมล์) ไม่นานมานี้มีการก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเติม และการปรับปรุงท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปาตีชีวจี มุมไบ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับ และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสาร รวมถึงมีการปรับปรุงเส้นทางถนนไปยังสนามบิน โครงการนี้ครอบคลุมถึงอาคารผู้โดยสาร 2 แห่งใหม่ ที่มีกำหนดเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในสิ้นปี 2014 ส่วนต่อขยายไปยังระบบรถไฟใต้ดิน LRT ของมุมไบใหม่จะสร้างต่อไปจนกระทั่งถึงท่าอากาศยานในปี 2016
เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่อุทิศให้กับท่าน Shri Ganesh ตั้งอยู่ในเขต Prabhadevi ของเมืองมุมไบ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดย Laxman Vithu และ Deubai Patil เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ปี 1801 ภายในวัดมีองค์พระพิฆเนศชื่อ Siddhi Vinayak ซึ่งมีความโด่งดังในฐานะพระพิฆเนศผู้มอบความปรารถนา นอกจากนี้ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวัดที่ร่ำรวยที่สุดในอินเดียด้วย
ซุ้มประตูใหญ่ริมทะเลอาระเบียนสุดอลังการที่รัฐบาลอาณานิคมอังกฤษเคยสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สื่อถึงการสิ้นสุดของยุคอาณานิคมในอินเดีย โดยระบุว่าที่แห่งนี้เป็นจุดซึ่งทหารอังกฤษคนสุดท้ายก้าวลงเรือกลับประเทศ
เป็นสถานีรถไฟอันสวยงามประจำเมืองมุมไบ ที่นี่เกิดขึ้นมาในปี 1887 โดยได้รับการออกแบบโดยวิศวกรสถาปัตยกรรมชาวอังกฤษชื่อเฟรดเดอริก วิลเลียม สตีเวนส์ ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิคผสมสไตล์อิตาเลี่ยน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อการเฉลิมฉลองการปกครองของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งจักรวรรดิอังกฤษ ตามชื่อสถานีรถไฟแห่งนี้ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของการรถไฟแห่งอินเดีย และยังได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ด้วย
เมืองมุมไบ หรือชื่อเดิมอันเป็นที่รู้จักกัน คือ เมืองบอมเบย์ ซึ่งเป็นเมืองท่า และเมืองทางการค้าที่สำคัญของประเทศอินเดีย ชมตึกอาคารบ้านเรือน ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อครั้งเป็นเมืองอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1877 จนได้รับเอกราชเมื่อปี ค.ศ. 1947 และสถาปนาประเทศ เป็นสาธารณรัฐอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 1950 เมืองมุมไบ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอาหรับ มีหาดทรายสีขาวที่ทอดยาวเหยียดของอ่าวราวกับสร้อยพระศอราชินี และเป็นเมืองที่ผลิตภาพยนตร์มากที่สุดในโลกอีกด้วย จนได้รับฉายาว่าเป็นเมือง Bollywood แห่งอินเดีย
เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูที่อุทิศให้กับพระพิฆเนศในฐานะที่เป็นหนึ่งในแปดสถานที่สักการะพระพิฆเนศในแถบนี้ ตัวเทวสถานตั้งอยู่บนเนินเขาล้อมรอบด้วยต้นไม้ตรงบริเวณฝั่งทางเหนือของแม่น้ำบิม่า ในพื้นที่เมืองสิทธาเทก ตัวเทวสถานสร้างในสีชมพู มีทางเข้าที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ มีเพดานหินรูปโดม ภายในอาคารหลักประดิษฐานพระพิฆเนศที่หันไปทางขวาของวัด
เป็นเทวสถานฮินดูที่อุทิศแด่พระพิฆเนศเทวรูปช้าง ตั้งอยู่ในเขต Moragaon โดยอย่ห่างจากเมืองปูเน่ไปทางตะวันออก 65 กิโลเมตร เทวสถานแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการแสวงบุญของพระพิฆเนศแปดองค์ที่เรียกว่า Ashtavinayaka ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นที่ที่สำคัญที่สุดของการเดินทางแสวงบุญนมัสการพระพิฆเนศ
เป็นเทวสถานของฮินดูที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับพระพิฆเนศวรเทพเจ้าแห่งปัญญา ตั้งอยู่ห่างจากเมืองปูเน่ไปทางเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร ประตูใหญ่ของวัดตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนอาคารหลักของวัดมี Chintamani - Ganesha ซึ่งเป็นนามของพระพิฆเนศหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ที่นี่เป็นหนึ่งในแปดสถานที่ที่เป็นที่เคารพนับถือของพระพิฆเนศชื่อดังในรัฐมหาราษฏระ ว่ากันว่า ผู้มาสักการะองค์ "พระศรีจินดามณี" จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี
เป็นเทวสถานของฮินดูที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับพระพิฆเนศวรเทพเจ้าแห่งปัญญา ตั้งอยู่ห่างจากเมืองปูเน่ไปทางเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร ประตูใหญ่ของวัดตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนอาคารหลักของวัดมี Chintamani - Ganesha ซึ่งเป็นนามของพระพิฆเนศหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ที่นี่เป็นหนึ่งในแปดสถานที่ที่เป็นที่เคารพนับถือของพระพิฆเนศชื่อดังในรัฐมหาราษฏระ ว่ากันว่า ผู้มาสักการะองค์ "พระศรีจินดามณี" จะสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณี
เป็นหนึ่งในวัดที่ประดิษฐานของพระพิฆเนศแปดองค์ที่โด่งดังของอินเดีย ถูกสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9 ถึง 10 ภายในวัดนี้ประดิษฐานพระพิฆเนศชื่อ "ศรีมหาคณปติ" และบริจาคโดยตระกูล "Khollam" ซึ่งเป็นตระกูลช่างทองที่อยู่ในแถบนี้ ตัววัดมีวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยมีประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่สวยงาม
เป็นเมืองๆ หนึ่งในเขตนาชิคของรัฐมหาราษฏระ ตั้งอยู่บนทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 3 (ทางหลวงมุมไบ-อักรา) โอซาร์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่กำลังพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็วในเขตนาชิค
เป็นกลุ่มของถ้ำที่เดิมทีเป็นของศาสนาพุทธในช่วงประมาณศตวรรษที่ 1 ที่ได้รับการดัดแปลงให้เป็นวัดฮินดูที่อุทิศแด่พระพิฆเนศประมาณช่วงศตวรรษที่ 7 ในชื่อ Ashtavinayak โดยเป็นหนึ่งในศาลเจ้าพระพิฆเนศแปดองค์ในรัฐมหาราษฏระ ซึ่งการสักการะองค์พระพิฆเนศจะต้องขึ้นบันไดไป 283 ขั้น และที่บริเวณถ้ำแห่งนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเลนยาตรีได้อีกด้วย
เมืองมุมไบ หรือชื่อเดิมอันเป็นที่รู้จักกัน คือ เมืองบอมเบย์ ซึ่งเป็นเมืองท่า และเมืองทางการค้าที่สำคัญของประเทศอินเดีย ชมตึกอาคารบ้านเรือน ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อครั้งเป็นเมืองอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1877 จนได้รับเอกราชเมื่อปี ค.ศ. 1947 และสถาปนาประเทศ เป็นสาธารณรัฐอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 1950 เมืองมุมไบ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอาหรับ มีหาดทรายสีขาวที่ทอดยาวเหยียดของอ่าวราวกับสร้อยพระศอราชินี และเป็นเมืองที่ผลิตภาพยนตร์มากที่สุดในโลกอีกด้วย จนได้รับฉายาว่าเป็นเมือง Bollywood แห่งอินเดีย
เป็นเมืองชนบทหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตรากาด รัฐมหาราษฏระของอินเดีย มีชื่อเสียงจากการเป็นที่ตั้งของ เทวสถานศรีบัลลาเลศวา หนึ่งในสถานที่สักการะพระพิฆเนศที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ
ท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปาตีชีวจี มุมไบ ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางมุมไบไปทางเหนือ 30 กม. (19 ไมล์) ไม่นานมานี้มีการก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเติม และการปรับปรุงท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปาตีชีวจี มุมไบ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับ และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสาร รวมถึงมีการปรับปรุงเส้นทางถนนไปยังสนามบิน โครงการนี้ครอบคลุมถึงอาคารผู้โดยสาร 2 แห่งใหม่ ที่มีกำหนดเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในสิ้นปี 2014 ส่วนต่อขยายไปยังระบบรถไฟใต้ดิน LRT ของมุมไบใหม่จะสร้างต่อไปจนกระทั่งถึงท่าอากาศยานในปี 2016
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย