
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
%2C_Zayed_International_Airport%2C_Terminal_A_(08)-min.jpg)
ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่กรุงอาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินเอติฮัดแอร์เวย์ และเป็นท่าอากาศยานสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคต่างๆ ของโลก

เป็นท่าอากาศยานนานาชาติประจำเมืองคาซาบลังกาของประเทศโมร๊อกโก ตั้งอยู่ห่างจากเมืองคาซาบลังกาไปทางทิศใต้ 30 กิโลเมตร ชื่อท้องถิ่นของที่นี่คือท่าอากาศยานโมฮัมเหม็ดที่ 5 โดยตั้งชื่อตามกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 แห่งโมร็อกโก ที่นี่ถือเป็นท่าอากาศยานที่คึกคักที่สุดในโมร็อกโก

คาซาบลังก้า หมายถึง บ้านสีขาว คำว่า “คาซา” แปลว่า บ้าน และ “บลังกา” แปลว่า สีขาว เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่าราชอาณาจักรโมรอคโคด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca โดยที่ไม่ได้ถ่ายทำในคาซาบลังก้า โดยเป็นเรื่องราวความรักระหว่างนายทหารอเมริกันและหญิงคนรัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

เมืองราบัต เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม นำท่านชม ป้อมไอดูยะ ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ ด้านในเป็นเมดิน่า บ้านเรื อนทาทาบด้วยสีฟ้า ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น เหมือนศิลปะบนกำแพง

สุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า เพื่อประกอบศาสนกิจ

เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 538 ปี จุดเด่นคือบ้านเรือนที่ทาสีฟ้านวลตา โดยชาวยิวที่อพยพมาตั้งรกราก

เป็นประตูเมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เป็นอนุสรณ์สถานในเมืองเฟส ประเทศโมร็อคโก ซึ่งถูกสร้างโดยชาวฝรั่งเศสเมื่อต้นศตรวรรษที่20

เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้ มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กระทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆ อยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆ ในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น

สุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์

สุเหร่าใหญ่ไคราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น)

เป็นเมืองโบราณแบบโรมันที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต โวลูบิลิสมีชื่อเสียงเนื่องจากมีกระเบื้องโมเซคที่สวยงามและอยู่ในสภาพสมบูรณ์หลายแห่ง เมืองนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของโมร็อคโคในปี 1997

เมืองเมคเนส เป็นเมืองหลวงโบราณในสมัย สุลต่านมูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty) กษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามใน ค.ศ. ที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมคเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ

เป็นประตูเมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองเมคเนส ถูกสร้างโดย Moulay Abdallah บุตรชายของ Moulay Ismail ในปี 1732 ตัวประตูประดับไปด้วยกระเบื้องโมเสคสีเขียวที่มีศิลปะอันสลับซับซ้อน เสาสีขาวสองด้านที่ด้านข้างของประตูเป็นหินอ่อนที่นำมาจากอิตาลี ด้านบนของประตูจารึกภาษาอาหรับ

เป็นเมืองที่อยู่บนระดับความสูง 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่พักตากอากาศซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วงปี 1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้บาน และทะเลสาบสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน

เป็นเมืองๆ หนึ่งที่ตั้งอยู่ในประเทศโมร็อกโกตอนกลาง ล้อมรอบแม่น้ำ Moulouya ในที่ราบสูงระหว่างเทือกเขามิดเดิ้ลแอตลาสและเทือกเขาไฮแอตลาสบนระดับความสูง 1,508 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของโมร็อกโกสำหรับอุตสาหกรรมการขุดแร่หลายชนิด

เมืองเออร์ฟูด์ (Erfoud) ซึ่งเป็นโอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน ติดกับเมือง เมืองเมอร์ซูก้า ระหว่างทางท่านจะได้ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิลของหาอยและแมงกะพรุนโบราณในอดีตเมื่อ 350 ล้านปีก่อน

สัมผัสประสบการณ์อันตื่นเต้นกับการนั่งรถตะลุยทะเลทราย พร้อมชมวิวอันงดงามของท้องทะเลทรายและเนินทรายอันสวยงาม

เมืองเมอร์ซูก้าร์ เป็นเมืองหนึ่งที่สามารนำนัก่องเที่ยว เพื่อ ไปทำกิจกรรมที่เอดเวนเจอร์ เช่น การขับรถ4WD ตะลุยทะเลทราย ซาฮาร่า ” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขน าดใหญ่เป็น อันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้า (MERZOUGA) ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า

เมืองเมอร์ซูก้าร์ เป็นเมืองหนึ่งที่สามารนำนัก่องเที่ยว เพื่อ ไปทำกิจกรรมที่เอดเวนเจอร์ เช่น การขับรถ4WD ตะลุยทะเลทราย ซาฮาร่า ” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขน าดใหญ่เป็น อันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้า (MERZOUGA) ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า

ทอด้าจอร์จ (Todra Gorge)ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิสลำน้ำใสไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตาเป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย

เมืองทินเฮียร์ ซึ่งดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อน จึ่งเป็นที่กำเนิดของซากฟอสซิลต่างๆ ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิสและต้นปาล์ม ...เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซต พวกเราสนุกกับการถ่ายภาพสวย ๆ กันมาก จากนั้นจึงเดินทางสู่ทอด้าจอร์จ ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส ลำน้ำใสไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตา

เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ.1928 เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอ ภาพยนตร์ และมีการพัฒน าพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.-เม.ย.) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว วอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันออก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ จุดกึ่งกลางแห่งนี้ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน

ป้อมทาเริท “Kasbah Taourirt” เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ภายใต้หมู่อาคารขนาดใหญ่ ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน
เป็นป้อมปราการประจำเมืองเอ็ทเบน ฮาดดู ที่โด่งดังจากการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง เป็นป้อมหินทรายซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดัง ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้

เป็นจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาดทั้ง 4 ด้าน เป็นความมีชีวิตชีวาที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้

เมืองมาราเกช สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้
เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น แต่ด้วยความที่มีการวางแผนก่อสร้างและตกแต่งอย่างเร่งรีบ จึงเป็นที่วิจารณ์กันว่ารายละเอียดหลายๆอย่างในพระราชวังแห่งนี้ยังไม่สมบูรณ์ลงตัว พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) มีการวาดลายบนไม้ และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก

เป็นสวรรค์น้อยๆ ย่านเมืองมาราเกช สวนแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาจากทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบองเพชรนับพันต้น หลากหลายสายพันธุ์ มีสวนบัว และป่าไม่ดูร่มรื่น กับบรรดากระถางดินที่ศิลปินเจ้าของเดิม Jacques Majorelle ที่สรรหาสีมาป้ายทาทับ ตกแต่งทำให้สวนแห่งนี้ดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ สวนแห่งนี้เดิมเป็นบ้านของศิลปินชาวฝรั่งเศส เขาสร้างบ้าน และสวนเอาไว้อยู่เอง พร้อมสร้างงานศิลปะของเขาต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวมเอาศิลปะของโมรอคโคไว้ และมีมุมแสดงงานศิลปะของเจ้าของเดิมเอาไว้ด้วย

คาซาบลังก้า หมายถึง บ้านสีขาว คำว่า “คาซา” แปลว่า บ้าน และ “บลังกา” แปลว่า สีขาว เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่าราชอาณาจักรโมรอคโคด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca โดยที่ไม่ได้ถ่ายทำในคาซาบลังก้า โดยเป็นเรื่องราวความรักระหว่างนายทหารอเมริกันและหญิงคนรัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นสุเหร่าที่สวยงามใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในคาซาบลังกาและใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากสุเหร่าที่เมืองเมกกะ

เป็นโบสถ์ชาวยิวของเมืองคาซาบลังกา ภายในมีภาพกระจกสีสวยงามแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับศาสนา

เป็นท่าอากาศยานนานาชาติประจำเมืองคาซาบลังกาของประเทศโมร๊อกโก ตั้งอยู่ห่างจากเมืองคาซาบลังกาไปทางทิศใต้ 30 กิโลเมตร ชื่อท้องถิ่นของที่นี่คือท่าอากาศยานโมฮัมเหม็ดที่ 5 โดยตั้งชื่อตามกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 แห่งโมร็อกโก ที่นี่ถือเป็นท่าอากาศยานที่คึกคักที่สุดในโมร็อกโก
%2C_Zayed_International_Airport%2C_Terminal_A_(08)-min.jpg)
ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่กรุงอาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินเอติฮัดแอร์เวย์ และเป็นท่าอากาศยานสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคต่างๆ ของโลก

เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย