เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศโอมาน มีประชากรอยู่ในเขตเมืองมัสกัด 1,090,797 คน[1] เขตเมืองหลวงมีพื้นที่ครอบคลุมราว 1500 ตร.กม. ตั้งแต่ในอดีตมัสกัตถูกปกครองโดยชนพื้นเมืองหลายเผ่า เช่นเดียวกับชาวต่างชาติ อย่างเช่นชาวเปอร์เซียและจักรวรรดิโปรตุเกส ในหลายครั้งของประวัติศาสตร์ กองทหารท้องถิ่นในศตวรรษที่ 18 ของมัสกัตได้แผ่อิทธพลขยายถึงแอฟริกาตะวันออกและแซนซิบาร์ และในความเป็นเมืองท่าที่สำคัญของอ่าวโอมาน มัสกัตจึงเป็นที่ดึงดูดของพ่อค้าและผู้ตั้งรกรากชาวเปอร์เซีย ชาวบาล็อช ชาวกูจาราตี และตั้งแต่การขึ้นครองราชย์ของสุลต่านกอร์บูส บิน ซาอิดแห่งโอมาน ในปี ค.ศ. 1970 มัสกัตก็มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างรวดเร็ว และเป็นผู้นำด้านการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมหลายเชื้อชาติ
เมือง Wadi Shaab ตั้งอยู่ในรัฐ Al Sharqiyah มีสถานที่ชื่อ Bimmah sinkhole ซึ่งเป็นโอเอซิสที่สวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ท่ามกลางช่องแคบที่อยู่ระหว่างภูเขาหินสูงชัน แหล่งน้ำธรรมชาติที่สีน้ำสีครามสดใส ที่สามารถว่ายน้ำไปยังถ้ำและน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา หุบเขาตีวี (Tiwi) เป็นเมืองที่มีด้านหนึ่งเป็นภูเขา และ อีกด้านหนึ่งเป็นมหาสมุทร มีทิวทัสน์ที่สวยงามแปลกตา
Bimmah sinkhole โอเอซิสที่สวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ท่ามกลางช่องแคบที่อยู่ระหว่างภูเขาหินสูงชัน แหล่งน้ำธรรมชาติที่สีน้ำสีครามสดใส ที่สามารถว่ายน้ำไปยังถ้ำและน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา
หุบเขาตีวี (Tiwi) เป็นเมืองที่มีด้านหนึ่งเป็นภูเขา และ อีกด้านหนึ่งเป็นมหาสมุทร มีทิวทัสน์ที่สวยงามแปลกตา
เมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย ทะเลอารเบียน และทะเลโอมาน ท่าเรือเมืองซูร์ถือเป็นหนึ่งในท่าเรือเก่าแก่ ที่เป็นจุดขนถ่ายสินค้าของเรือเดินสมุทรจากหลายชาติกว่า100 ปี ทั้งในคาบสมุทรอารเบียน อินเดีย แอฟริกา
ศูนย์อนุรักษเต่า ( Ras AI Hadd Turtle Reserve) เพื่อ ชมเต่าตนุวางไข่บนชายหาด ในเวลากลางคืน เต่าจะขึ้นฝั่งขุดหลุมทราย วางไข่ แล้วกลบอย่างดีก่อนกลับลงสูทะเล เต่าตัวหนึ่งอาจวางไข่ถึง 100 ฟอง และ 60 วันไข่จะฟักเป็นลูกเต่าเล็กๆมุดออกมา แล้วรีบคลานสู่ทองทะเลอันปลอดภัย
แวะถ่ายรูปกับหมู่บ้านชาวประมง (Fishing Village) เพื่อเก็บบรรยากาศของเมืองท่าอย่างแท้จริง
ย่าน Dhow yard ที่ท่านจะได้เห็นเรือที่สร้างจากไม้สัก ที่มีรูปร่างเป็นสวยงาม
เมืองนิซวาเป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่งของศาสนดายิราสของประเทศโอมาน ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มตามแม่น้ำ พืชสวนใหญ่คือปาล์ม ,มีป้อมโบราณนิซวาตั้งอยู่ศูนย์กลางของเมืองนี้ ป้อมโบราณนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 17 เพื่อปกป้องเมืองนี้ ร้านค้าส่วนใหญ่ในเมืองนี้เต็มไปด้วยเครื่องหัตกรรม เครื่องเงิน
ป้อมโบราณนิซวา (Nizwa Fort) ป้อมปราการขนาดใหญ่ อนุสรณ์สถานแห่งชาติของโอมาน หอคอยขนาดใหญ่ ที่มีห้องมากมายสลับซับซ้อนเหมือนกับเขาวงกต
ปราสาทจาบริน (Jabrin Castle) ปราสาทสามชั้นที่สร้างขึ้นในช่วงกลางคริสตวรรษที่ 16 เป็นศูนย์กลางของการศึกษาโหราศาสตร์ (Astrology) ยา (Medicine) กฎหมายอิสลาม (Islamic Law) เป็นปราสาทที่สร้างในรูปแบบศิลปะอิสลาม ที่ภายในโดดเด่นด้วยงานแกะสลักไม้ และภาพเขียนดาวเพดานที่สวยงาม
ย่านการค้าพื้นเมืองนิซวา (Nizwa Souq) ที่ท่านสามารถเลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง เป็นตลาดที่มีชีวิตชีวาตามแบบชาวโอมาน สินค้าที่มีเสน่ห์ ทั้งเครื่องประดับทำมือ เครื่องเงิน เครื่องหนัง กาแฟ และของประดับตกแต่งบ้านสไตล์โอมาน
สุเหร่าประจำกรุงมัสกัต (Grand Mosque) นับว่าเป็นสุเหร่าที่มีความสวยงามและสำคัญของโอมาน และเป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศโอมาน ภายในสุเหร่าแห่งนี้ท่านจะได้เห็น พรมทอมือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีขนาด 70X60 เมตร มีน้ำหนักถึง 21 ตัน ใช้ช่างฝีมือที่เป็นผู้หญิงในการถักทอถึง 600 คน และใช้ระยะ เวลาในการทอกว่าจะแล้วเสร็จถึง 4 ปี ในส่วนทางเดินทางที่เชื่อมต่อกันแต่ละห้องนั้นจะถูกประดับประดาไปด้วยกระจกสีต่าง ๆ สวยงามมาก (นักท่องเที่ยวต้องแต่งกายให้เรียบร้อย สุภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุภาพสตรี จะต้องแต่งกายให้สุภาพและมิดชิดที่สุด ต้องมีผ้าคลุมศีรษะ กรุณาเตรียมไปด้วย เพื่อเป็นการเคารพสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์)
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักในประเทศโอมาน ตั้งอยู่ห่างไป 32 กม. เมืองมัสกัต เป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ให้บริการธงสายการบินโอมานแอร์ มีบริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางในภูมิภาคหลายแห่งรวมถึงบริการข้ามทวีปไปยังเอเชียแอฟริกาและยุโรป
พระราชวัง อัล อาลาม พาเลซ (Al Alam Royal Palace) เป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่าน คาบูส ซึ่งด้านข้างจะเป็น ป้อมโบราณของโปรตุเกส มิรานี และ จาลาลี (Mirani & Jalali) สร้างในศตวรรษที่ 16 ตัวป้อมมิรานี ส่วนที่เห็นในปัจจุบันเป็นการขยายในศตวรรษที่ 18 โดยอิหม่ามอาห์เมด บิน ซาอิด และหลานในศตวรรษที่ 19 ส่วนป้อมจาลาลีถูกเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ใน ยุคของผู้ปกครองในปัจจุบัน และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของกรุงมัสกัต
พิพิธภัณฑ์ Bait Al Zubair เดิมเป็นบ้านของครอบครัว Al Zubair ต่อมาได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงอาวุธ เครื่องประดับ และ เครื่องแต่งกาย พร้อมกับสิ่งของเครื่องใช้และภาพถ่ายอันเก่าแก่ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สะท้อนถึงความร่ำรวยทางวัฒนธรรมและประเพณีของโอมาน
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
พิพิธภัณฑ์ ดูไบ (DUBAI MUSEUM) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลาง สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 บูรณะครั้งล่าสุดปี ค.ศ.1970 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น การค้นพบ งานศิลป์ ในหลุมฝังศพที่ AL QUSAIS ที่มีอายุถึง 4,000 ปีและเรื่องราวการค้าขายมุก ในประวัติศาสตร์ก่อนการค้นพบน้ำมัน และท่านจะประทับใจกับการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาถ่ายทอดเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอาหรับโบราณ
Dubai Creek เป็นทะเลที่สร้างขึ้นโดยการขุดเข้ามาในชายฝั่ง เพื่อแบ่งนครดูไบออกเป็น 2 ส่วน คือ Deira Dubai และ Bur Dubai มีความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร
ตลาดทอง (GOLD SOUK) เป็นที่ 1 ของตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยขายทุกอย่างที่เป็น JEWELRY เช่น มุก อัญมณี ต่างๆร้านเล็กๆมากมายกว่าร้อยร้านค้า และท่านยังสามารถเลือกซื้อของที่ตลาดเครื่องเทศ (SPICE SOUK) ซึงเป็นตลาดเครื่องเทศทั้งตลาดตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศหลากหลายชนิดจากทั่วทุกมุมโลก โดยสินค้าเด่นๆ ก็มีจำพวกไม้หอม อบเชย ถั่ว กระวาน กานหลู และถั่วร้อยแปดชนิดจากทุกที่ในตะวันออก
โรงแรมแห่งนี้เป็นรีสอร์ทบนเกาะธีมทะเลที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผสมผสานระหว่างความหรูหรากับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โรงแรมแอตแลนติส เป็นจุดศูนย์กลางที่หรูหราโอ่อ่าของ Palm Jumeirah เกาะอันน่าตระการตาที่มนุษย์สร้างขึ้น ห้องพักขนาดกว้างใหญ่จำนวน 1,373 ห้องรวมถึงห้องสวีทจำนวน 166 ห้องของโรงแรม Atlantis ทุกห้องออกแบบตกแต่งตามอิทธิพลอาหรับและมหาสมุทรอันลึกลับ มีทิวทัศน์อันสวยงามของแนวชายฝั่งทะเลดูไบหรือตัวเกาะ Palm Jumeirah เอง
อับร่า (ABRA) เรือท้องถิ่น ซึ่งเป็นพาหนะที่ชาวดูไบใช้กันมาแต่โบราณและยังคงอนุรักษ์ไว้ในปัจจุบัน
ย่าน Bastakiya เป็นย่านที่เรียกได้ว่าเป็นย่านเมืองเก่าถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม และ แกลอรี่ศิลปะ ของที่นี่เลยทีเดียว บริเวณดังกล่าวนี้เป็นเพียงทางแคบๆ โดยมีหอกังหันลมตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ทำให้นึกย้อนไปในอดีตที่บริเวณ Bastakiya นี้มักจะเต็มไปด้วยหอกังหันลม ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณที่เรียกว่า The Creek ซึ่งหอกังหันลมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยประดับประดาตกแต่งย่าน Bastakiya ให้สวยงามน่าชมแล้ว ยังช่วยให้บรรเทาความร้อนให้กับบ้านเรือนที่ตั้งอยู่แถวนั้น ก่อนที่จะมีไฟฟ้าใช้อีกด้วย
ตะลุยทัวร์ทะเลทราย ท่านจะสนุกกับการนั่งรถตะลุยไปเนินทราย ตื่นเต้นระทึกใจ พร้อมชมพระอาทิตย์ตก มีกิจกรรมมากมายให้ท่านได้สัมผัส อาทิ ให้ท่านแต่งกายพื้นเมืองแบบชาวอาหรับ แค้มปิ้งกลางทะเลทราย ถ่ายรูปเก็บไว้ป็นที่ระลึก การขี่อูฐ ฯลฯ และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย
สัมผัสประสบการณ์อันตื่นเต้นกับการนั่งรถตะลุยทะเลทราย พร้อมชมวิวอันงดงามของท้องทะเลทรายและเนินทรายอันสวยงาม
เป็นพระราชวังที่งดงามสุดอลังการ ทั้งยังมีความยิ่งใหญ่ มีความร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด และมีบรรดาฝูงนกยูงหลายสิบตัวบริเวณโดยรอบ
เป็นสุเหร่าคู่บ้านคู่เมืองของดูไบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมอิสลามที่ทันสมัยสวยงามมากที่สุดในตะวันออกกลางสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง มีความงดงามในรูปแบบฟาติมิดยุคกลาง มีหออาซานคู่ตั้งตระหง่านสวยงาม แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าไปในมัสยิดได้ ยกเว้นหากเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับกลุ่มทัวร์เท่านั้น
ชายหาดตากอากาศที่สวยงามยอดนิยมของดูไบ ตั้งอยู่ที่เกาะเทียมอลังการ เดอะปาล์ม ไอร์แลนด์ สุดยอดโปรเจคการถมทะเล และที่พลาดไม่ได้ คือ การนั่งรถผจญภัยตะลุย เนินทะเลเลทรายและขี่อูฐชมวิวและพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติก
เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อันสำคัญของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตึกบุรจญ์ อัล อาหรับ ปัจจุบันเป็นโรงแรมรูปทรงเรือใบที่สวยและหรูหราที่สุดระดับโลกที่มีชื่อเสียงของตะวันออกกลาง มีความสูง 321 เมตร หรือ 1,050 ฟุต ตั้งอยู่บนเกาะเทียมที่ถูกถมขึ้นห่างจากแถบชายหาดจูเมร่าห์ 280 เมตร รูปทรงของตึกถูกสร้างให้เหมือนกับใบเรือของเรือใบแบบชาวอาหรับ ซึ่งตัวตึกมีเสา 2 เสาแยกออกมาเป็นรูปตัว V ในขณะที่ช่องว่างระหว่างตัว ส่วนหนึ่งก็ปิดให้เป็นห้องใหญ่ๆ และแบ่งออกเป็นชั้นๆ สถาปนิกได้กล่าวว่า "สิ่งก่อสร้างนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบ"
เวนิสแห่งดูไบ เป็นตลาดติดแอร์ ตั้งอยู่ในส่วนซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับ โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว คือ Mina Al Salam ของตระกูล Al Maktoum ซึ่งออกแบบและตกแต่งเป็นศิลปะคลาสสิคในแบบอาหรับ ดูคลาสสิคแบบพื้นเมือง ภายในมีสินค้า ระดับPremiumมากมาย อาทิ ของที่ระลึก พวงกุญแจ, ขวดทราย, พรม อีหร่าน, หัวน้ำหอม อาหรับ, โคมไฟ และของประดับตกแต่งบ้าน, ขนมหวาน อาหรับ, ถั่วรสช็อกโกแลต รสชาติต่างๆ ส่วนด้านหลังจะมี คลองแบบเวนิส ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ โรงแรม Mina Al Salam นั่นเอง
ห้างเอมิเรตส์มอลล์ (Mall of the Emirates) เป็นห้างขนาดใหญ่ มีโรงภาพยนตร์ ลานโบว์ลิ่ง และร้านค้าอีกมากมาย รวมถึงร้านต่างๆ มีเวลาให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าแฟ่ชั้นมากมาย หรือท่านจะเข้าเล่นที่ Ski Dubai หนึ่งในสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สามารถเลือกเล่นระหว่างสกี สโนว์บอร์ด เลื่อนหิมะ หรือโยนบอลหิมะในสวนหิมะ
หนึ่งในสัญลักษณ์อันสำคัญของนครดูไบ และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกทั้งยังเป็นฉากเสี่ยงตายสำคัญของพระเอกทอม ครูซ จากภาพยนตร์เรื่อง Mission Impossible 4 ตัวตึกมีความสูงถึง 828 เมตร ปัจจุบันมีทั้งหมด 160 ชั้น เป็นตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก ปัจจุบันการตกแต่งภายในจะตกแต่งโดย จอร์โจ อาร์มานี Giorgio Armani โดยเป็นโรงแรมอาร์มานี สำหรับ 37 ชั้นล่าง โดยชั้น 45 ถึง 108 จะเป็นอพาร์ตเมนต์ โดยที่เหลือจะเป็นสำนักงาน และ ชั้นที่ 123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึกที่สำคัญ ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสาร นอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำ กลางแจ้งขนาดใหญ่ โดยตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 65 ก.ม./ชม.
น้ำพุแห่ง ดูไบ หรือ น้ำพุเต้นระบำ ตั้งอยู่ในทะเลสาบเบิร์จคาลิฟา ทะเลสาบที่เป็นศูนย์กลางของเมืองดูไบ ถูกรายล้อมไปด้วยตึกที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ดูไบมอลล์ เบิร์จคาลิฟา หรือ หอคอยคาลิฟา เดิมชื่อ เบิร์จดูไบ เป็นตึกระฟ้าสูงยวดยิ่ง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่ง ของโครงการพัฒนาขนาดยักษ์ของ ดูไบ
ห้างเอมิเรตส์มอลล์ (Mall of the Emirates) เป็นห้างขนาดใหญ่ มีโรงภาพยนตร์ ลานโบว์ลิ่ง และร้านค้าอีกมากมาย รวมถึงร้านต่างๆ มีเวลาให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าแฟ่ชั้นมากมาย หรือท่านจะเข้าเล่นที่ Ski Dubai หนึ่งในสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สามารถเลือกเล่นระหว่างสกี สโนว์บอร์ด เลื่อนหิมะ หรือโยนบอลหิมะในสวนหิมะ
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย