เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
ท่าอากาศยานชิโตเสะ เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของภูมิภาคฮอกไกโด ให้บริการด้านการคมนาคมทางอากาศสำหรับนครซัปโปโร ซึ่งจัดว่าเป็นท่าอากาศยานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด และเป็นท่าอากาศยานที่มีคนใช้บริการมากเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น
เป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์แบบชนบทที่งดงาม ซึ่งในเดือนกรกฎาคมจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ และในช่วงฤดูหนาวเมืองแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นที่นิยมสำหรับเล่นสกีเนื่องจากเป็นอีกเมืองที่มีหิมะลงพอสมควร
เป็นฟาร์มทุ่งลาเวนเดอร์ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากฉากหลังเป็นภูเขาโทกะชิ ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรีอย่างอิสระ ใกล้ๆ กับทุ่งดอกไม้ยังมีร้านกาแฟ ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์อีกด้วย
ทุ่งสีสันต่างๆที่ถูกตัดผ่านด้วยถนนเส้นเล็กๆมองดูราวกับชิ้นงานต่อผ้า ห่างจากสถานีรถไฟบิเอไปทางทิศเหนือตามทางสายนี้ประมาณ 2 กิโลเมตร คุณผู้อ่านก็จะเห็นพ็อพลาร์ –ไม้ผลัดใบที่จะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาลต้นนี้เด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ สวยงามด้วยสีสันของดอกไม้และพืชผลในวงล้อมของภูเขาไดเซะทซึซัน
เป็นสวนดอกไม้ 4 ฤดู ที่มีดอกไม้หลากหลายชนิดรวมถึงดอกลาเวนเดอร์ และมีหุ่นฟางขนาดใหญ่ชื่อโรลคุงและโรลจังเป็นสัญลักษณ์ของสวน ) สวนดอกไม้สุดสวยแห่งเมืองบิเอ ที่สวนแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าเนินสี่ฤดู เนื่องจากมีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์จัดเรียงสลับสีกันอย่างสวยงาม และดูได้ตลอดทุกฤดูกาลนั่นเอง สวนดอกไม้ ขนาดใหญ่มีพื้นที่ 7 เฮคเตอร์ ในช่วงฤดูร้อนเต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ให้ท่านได้เพลินเพลินกับการชมและเก็บภาพความสวยงามของดอกไม้นานาพรรณตามอัธยาศัย ณ สวนแห่งนี้ท่านสามารถเลือกเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การนั่งรถ NOROKKO (รถลากที่ถูกลากโดยรถแทร็คเตอร์) นั่งรถกอล์ฟสำหรับ 4 ท่าน หรือจะเลือกเล่นรถ ATV ก็ได้
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงได้ไม่นานของฮอกไกโด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบิเอะ มีน้ำสีฟ้าที่สดใสเกินกว่าบ่อน้ำตามธรรมชาติทั่วไป และตอไม้สูงจำนวนมากที่สะท้อนให้เห็นความใสแปลกตาที่แสนพิเศษของน้ำในบ่อ
เมืองอาซาฮิคาว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากซัปโปโร ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นหลังคาของฮอกไกโดและเป็นเมืองที่หนาวที่สุดแห่งหนึ่งของญีปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองส่วนใหญ่จึงมักเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความหนาวเย็นและฤดูหนาวของญี่ปุ่น
หมู่บ้านราเมนอาซาฮิคาว่า ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1996 โดยรวบรวมร้านราเมนชื่อดังของเมืองอาซาฮิคาว่านี้มีร้านราเมง 8 ร้านมาอยู่รวมกันเป็นอาคารหลังคาเดียว เสมือนหมู่บ้านราเมนที่รวบรวมร้านดังขั้นเทพไว้ในที่เดียว โดยราเมนที่อาซาฮิคาว่านั้น เป็นราเมนที่มีประวัติมายาวนาน สามารถนับย้อนหลังไปตั้งแต่สมัยต้นโชวะ โดยมีการผสมผสานบะหมี่หลายชนิดของจีนจนกลายมาเป็นราเมงขึ้นชื่อที่ได้รับการกล่าวขานถึงความอร่อยมายาวนานกว่าทศวรรษ
เป็นการสร้างภาพวาดอันสวยงามบนนาข้าวของฮอกไกโด โดยการใช้นาข้าวแทนผืนผ้าหรือกระดาษ โดยการใช้พันธุ์ข้าวแต่ละชนิดแทนสีต่างๆ เพื่อสรรค์สร้างผลงานภาพ จนกลายเป็นภาพวาดขนาดใหญ่และมีความสวยงามบนผืนแผ่นดิน
ภายในเป็นสวนเชอรี่ที่กว้างขวางถึง 20 เฮกตาร์มีต้นเชอรี่มากกว่า 4000 ต้น! ภายในมีกระท่อมกันฝนอยู่ด้วยดังนั้นแม้ว่าอากาศจะไม่ดีก็ไม่มีปัญหา การเก็บลูกเชอรี่ในสวนนี้นั้นไม่เพียงแต่จะสามารถเก็บกินได้ไม่อั้นเท่านั้น แต่ยังสามารถเก็บกลับบ้านไปได้อีก 100g ด้วย
เป็นเมืองท่าเล็กๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของฮอกไกโด ที่นี่เป็นแหล่งวัตถุดิบทางทะเลที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดหากได้มาเยือนฮอกไกโด
คลองโอตารุขนาบข้างด้วยโกดังเก่าที่ถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์และร้านค้า น้ำในคลองใสสะอาดสะท้อนภาพทิวทัศน์อาคารและในยามอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าก็จะสะท้อนภาพออกมาเป็นเงาที่ดูแล้วรู้สึกถึงความโรแมนติก
เป็นแหล่งรวบรวมกล่องดนตรีสารพัดรุปแบบ หลากหลายสไตล์ ลักษณะเป็นอาคารเก่าแก่ 3 ชั้น ภายนอกถูกสร้างขึ้นจากอิฐแดง และโครงสร้างภายในทำด้วยไม้ โดยได้รับอิทธิพลจากชาวยุโรปที่เข้ามาตั้งรกรากที่นี่ในสมัยก่อน จนในปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งผลิตกล่องดนตรีที่มีอายุร้อยกว่าปีที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
เมืองเอกบนฮอกไกโดซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของญี่ปุ่น แม้ในเมืองซัปโปโรจะไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายนักแต่ในฤดูหนาวที่นี่จะมีการจัดเทศกาลน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นโดยทุกๆปีจะมีนักแกะสลักน้ำแข็งฝีมือดีจากทั่วโลกเดินทางมาแสดงฝีไม้ลายมือให้ได้เห็นกัน
แหล่งช้อปปิ้งเก่าแก่ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก เหมาะสำหรับจับจ่ายซื้อหาของฝากจากฮอกไกโด เป็นชุมชนร้านค้าประมาณ 200 ร้านทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตรตลอดทิศตะวันออกและตะวันตกของใจกลางเมืองซัปโปโร เชื่อมต่อกันด้วยหลังคาโครงสร้างที่รองรับทุกสภาพอากาศตั้งแต่เขตนิชิ 1 โจเมะจนถึงนิชิ 7 โจเมะ จึงสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลถึงฝนหรือหิมะ แสงแดด
ย่านซูซูกิโนะ เป็นย่านบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เต็มไปด้วยร้านค้า บาร์ ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ และตู้ปาจิงโกะ รวมกว่า 4,000 ร้าน ป้ายร้านค้าสว่างไสวยามค่ำคืนจนถึงเที่ยงคืนเลยทีเดียว ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ย่านซูซูกิโนะจะจัดเทศกาลหิมะ เป็นเจ้าภาพการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็ง ประจำทุกปี
การแช่น้ำแร่ ธรรมชาติของทางโรงแรม ซึ่งสามารถรักษาโรคเหน็บชา โรคกระดูก ฯลฯ ให้ท่านอิสระกับกิจกรรมการอาบน้ำแร่ภายในสระรวม ซึ่งจะแยกสระชายและหญิง การแช่น้ำแร่สระรวม ส่วนมากเขาไม่ใส่เสื้อผ้ากันนะคะ
อิสระเต็มวันให้ท่านได้เดินทางท่องเที่ยว สัมผัสบรรยากาศ ซัปโปโร และช๊อปปิ้งได้อย่างเต็มอิ่มหรือจะชมวิวทิวทัศน์ จากมุมสูง ที่อาคาร JR TOWERเจอาร์ทาวเวอร์ เป็นตึกที่สูงที่สุดในซัปโปโร ตั้งอยู่ติดกับสถานีเจอาร์ ซัปโปโร เป็นทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงภาพยนตร์ และศูนย์อาหาร โดยมีจุดชมวิวตั้งอยู่ที่ชั้น 38 เรียกว่า T38 (Tower Three Eight) ที่ระดับความสูง 160 เมตร จึงมองเห็นทิวทัศน์เหนือเมืองซัปโปโรได้กว้างไกลสวยงามทั้งกลางวัน กลางคืน โดยเฉพาะยามค่ำคืนจะมองเห็นทีวีทาวเวอร์ตั้งอยู่กลางสวนโอโดริ โดยมีแสงไฟจากกลุ่มตึกย่านซูซูกิโนะ ส่องสว่างที่จุดกลางเมืองติดๆ กันมีตึก ESTA ซึ่งที่ชั้น 10 เป็นศูนย์รวมร้านราเมน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ร้าน ให้เลือกชิมอร่อยไม่แพ้ตรอกราเมนในย่านซูซูกิโน่ (ไม่รวมตั๋วขึ้นจุดชมวิวราคาประมาณ 700-1000 เยน)
ท่าอากาศยานชิโตเสะ เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของภูมิภาคฮอกไกโด ให้บริการด้านการคมนาคมทางอากาศสำหรับนครซัปโปโร ซึ่งจัดว่าเป็นท่าอากาศยานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด และเป็นท่าอากาศยานที่มีคนใช้บริการมากเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย