เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการบินของประเทศจอร์แดน ถูกตั้งชื่อตาม Queen Alia ผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในปี 1977
มีอีกชื่อว่าเมืองแห่งโมเสก มีประชากรประมาณ 60,000 คน เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับไบเซนไทน์ โมเลส และอื่นๆ, ภายในมีโบสถ์กรีก – ออโธดอกซแห่งเซนต์จอร์น ถูกสร้างในราวปี คศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้น แสดงถึงพื้นที่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเลม
เป็นดินแดนศักดิ์สิทธ์ที่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่า น่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวส์เดินทางจากอิยิปต์มายังเยรูซาเลม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ภายในเก็บสิ่งของต่างๆ ที่ขุดพบภายในบริเวณนี้
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่ มีทิวทัศน์อันงดงามของหุบเขาทั้งสองข้างทางจนได้ฉายาเป็น “แกรนด์แคนยอนแห่งจอร์แดน”
เป็นปราสาทครูเสดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในเมืองเครัค การก่อสร้างปราสาทเริ่มขึ้นในปี 1140 ด้วยพระราชโองการของกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม พวกครูเซดเรียกปราสาทแห่งนี้ว่า Crac des Moabites หรือ "Karak in Moab"
เป็นเมืองชายฝั่งเพียงแห่งเดียวในจอร์แดนและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศจอร์แดน เมืองนี้เป็นเมืองท่าอันสำคัญของพื้นที่ทะเลแดงระหว่างทวีปเอเชียและแอฟริกามาหลายพันปี ทุกวันนี้อควาบามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของจอร์แดนผ่านทางการค้าและการท่องเที่ยว
เป็นเรือท้องกระจกของจอร์แดนที่นักท่องเที่ยวจะได้ล่องเรือชมความงดงามของท้องทะเลอ่าวอควาบารวมถึงความงดงามใต้ทะเลผ่านท้องกระจกของเรือ
ทะเลทรายวาดีรัมก็ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในประเทศจอร์แดนเลยก็ว่าได้ และทะเลทรายวาดีรัมก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองอัคคาบา (Aqaba) เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของประเทศจอร์แดนโดยมีระยะห่างประมาณ 60 กิโลเมตร และใช้เวลาในการเดินทางมาทะเลทรายวาดีรัมเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินและปีนเขา นอกจากนั้นยังมีการขี่อูฐ และเที่ยวซาฟารีด้วยม้า หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากจาเภตราหรือเมืองอควาบา
ที่นี่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในแนวหุบเขา มีภาพสลักของลอว์เรนซ์แห่งอาระเบีย ว่ากันว่าที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่อดีตนายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ทหารข่าวกรองชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พักและคิดแผนการต่อสู้กับจักรวรรดิออตโตมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ที่นี่เป็นเมืองหินสีกุหลาบแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบา ชนกลุ่มแรกที่เดินทางเข้าสู่นครเพตราคือพวก เอโดไมท์ ซึ่งเข้ามาราว 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล แต่ชนเผ่าที่สร้างเมืองเพตราขึ้นมานั้นคือ ชาวนาบาเทียน ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล คนกลุ่มนี้สกัดผาหินทรายเป็นที่อยู่อาศัย และนครแห่งนี้เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ ซึ้งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อเมื่อนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์โยฮันน์ ลุค วิก บวร์ก ได้ค้นพบนครศิลาแห่งนี้ ในปี ค.ส 1812 และได้นำไปเขียนในหนังสือชื่อ Travel in Syria จนทำให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
ที่นี่เป็นเมืองหินสีกุหลาบแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบา ชนกลุ่มแรกที่เดินทางเข้าสู่นครเพตราคือพวก เอโดไมท์ ซึ่งเข้ามาราว 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล แต่ชนเผ่าที่สร้างเมืองเพตราขึ้นมานั้นคือ ชาวนาบาเทียน ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล คนกลุ่มนี้สกัดผาหินทรายเป็นที่อยู่อาศัย และนครแห่งนี้เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ ซึ้งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อเมื่อนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์โยฮันน์ ลุค วิก บวร์ก ได้ค้นพบนครศิลาแห่งนี้ ในปี ค.ส 1812 และได้นำไปเขียนในหนังสือชื่อ Travel in Syria จนทำให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ระหว่างอาณาเขตประเทศจอร์แดนและอิสราเอลในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ดูเด่นและกลายเป็นสัญลักษณ์ของมันคือความเค็มที่มากกว่าทะเลอื่นหลายเท่านัก เค็มจนกระทั่งจะหาสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ได้ยากเต็มที ด้วยความเค็มที่เข้มข้นของทะเลนี้ นักท่องเที่ยวสามารถลอยในทะเลได้โดนไม่จม
เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของจอร์แดน ที่นี่เป็นศูนย์กลางการปกครองของเขตปกครองเจอราช วันนี้เป็นที่ตั้งของหนึ่งในเมือง Greco-Roman ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดซึ่งทำให้ได้รับฉายาว่า "Pompeii of the East"
เป็นวิหารโรมันของเทพีอาร์เทมิส ซึ่งเป็นเทพีประจำเมืองเจอราช ถูกสร้างขึ้นบนจุดสูงสุดของเมือง ซากปรักหักพังของวิหารนี้ยังคงเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่น่าทึ่งที่สุดที่ยังเหลืออยู่จากเมืองโบราณแห่ง Gerasa ซึ่งก็คือเจอราชในปัจจุบัน
เป็นวิหารที่สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 ในสมัยโรมัน
เป็นท่าอากาศยานหลักที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการบินของประเทศจอร์แดน ถูกตั้งชื่อตาม Queen Alia ผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในปี 1977
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย