Croatia...This is not Asia! ลองสักครั้ง แล้วจะคุณจะหลงรักโครเอเชีย!

        โครเอเชีย (Croatia) ชื่อประเทศที่คนไทยหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ แต่เป็นอีกหนึ่งประเทศขึ้นเรื่อง ความสวยงามของธรรมชาติสุดอลังการ ท่ามกลางร่องรอยของสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณที่ได้ขึ้นทะเบียนกับ UNESCO ในหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่า กำแพงเก่า ภูเขา น้ำตก ป่าไม้ ฯลฯ เรียกว่าทริปนี้เกือบทุกเมืองที่ไปเยือนมาได้ขึ้นทะเบียนกับ UNESCO เกือบทั้งหมด จนหันมาถามคนข้างๆว่าเหมือนเรามาตามรอยมรดกโลกมากกว่ามาตามรอยซีรีย์หนังดังอีกนะงานนี้ 555555  และวันนี้ทัวร์ครับ มี รีวิวทัวร์โครเอเชีย ดีดีจากคุณ OMEGA & SUNIO ซึ่งเป็น FC ของทัวร์ครับ มาอย่างยาวนาน ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวทัวร์โคเอเชีย เรียกว่าไปแบบเจาะลึกเจาะใจเจาะกำแพงเมืองให้เสมือนเป็นจะมาตั้งกล้องเปิดกองถ่ายกันเลยทีเดียวเชียว ร่ายมนต์มาเยอะแยะมากมายแหละเราออกไปตามรอยกับประสบการณ์อันแสนประทับใจที่ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือที่เราเชื่อว่าจะทำให้ทุกท่านตกหลุมรักโครเอเชียไปพร้อมๆกัน จะน่าสนุกตื่นเต้นแค่ไหน รีบไปอ่านกันดีกว่าค่ะ….

        ไปเที่ยวกันมั้ย ? คำถามที่เป็นบทสนทนาของคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆที่มักใช้เริ่มต้นในทุกครั้ง เมื่อร่างกายเริ่มรู้สึกต้องการการพักผ่อน แต่เอ….จะไปที่ไหนดีนะ ? อยากจะเดินเข้าป่าได้ เยี่ยมชมธรรมชาติได้ เอาที่เที่ยวแบบทะเลเยอะๆ ชายฝั่งยาวสุดลูกหูตา ว่าแล้วก็รีบหาข้อมูลว่าจุดหมายปลายทาง จะไปที่ไหนดี ? และแล้วเราก็ไปเจอกับที่หมายปลายทางที่ทำให้เราแทบหยุดหายใจ โครเอเชีย (Croatia) ดินแดนแถบคาบสมุทรบอสข่าน จากนั้นเราจึงไม่รอช้ารีบหาข้อมูลของโครเอเชีย ทั้งจาก Pantip และเว็บอื่นๆ มาเป็นตัวช่วย โอ้โห!! ช่างสวยงามอะไรเบอร์นี้ และ ประกอบกับความที่เราเป็น ติ่งซีรีย์ดังเรื่อง Game of Thrones ซึ่งใช้โครเอเชียเป็นฉากถ่ายทำมากมายด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เราสนใจอยากจะไปผจญภัยที่ดินแดนแถบนี้หวังเล็กว่าจะได้เจอพี่ จอน สโนว์ สักหน่อย หุหุ

        งั้นเราขอรีวิวแบบรัวๆเลยนะคะ เพราะที่เที่ยวโครเอเชียนั้นเยอะมากจริงๆ  จากเมืองไทย บินไปต่อเครื่องที่ดูไป จากนั้นเรามายัง สนามบินซาเกร็บ (Zagreb Airport) ณ เมืองหลวงโครเอเชีย ใช้ระยะเวลาบินทั้งหมด ประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่งค่ะ จากสนามบิน ไกด์ทัวร์ก็พาเราขึ้นรถบัสต่อไปที่ แคว้นอิสเตรีย (Istria) เพื่อไปชมความสวยงามของเมืองโอพาเทีย (Opatija)  เมืองที่มีสมญานามว่าเป็น “ ไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก ” และพลาดไม่ได้เลยคือแลนด์มารค์ “ รูปปั้นหญิงสาวกับนกนางนวล ” (Maiden with the Seagull) บอกเลยว่ามาถึงที่แล้วต้องไม่พลาดขอถ่ายรูปคู่กับรูปั้นนี้สักหน่อย ซึ่งมักจะมีนกนางนวลจริงๆบินมาเกาะที่รูปปั้นนี้เป็นประจำเลยค่ะ

        หลังจากจบเมืองนี้ภาพความสวยงามของธรรมชาติสีเขียวทีเรามักได้เห็นผ่านสายตาในอินเตอร์เน็ตก็มาปรากฏตรงหน้า สายน้ำสวยๆ กับป่าเขียวขจี ตัดกับสีฟ้าของทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาล เป็นภาพของ อุทยานพลิตวิเช่ (Plitvice Lake) ซึ่งความสวยงามของที่นี่นั้นเป็นเลื่องลือระดับโลกค่ะ เพราะได้ขึ้น เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ขอบอกเลยค่ะ ว่าสวยจนตะลึง ไม่ผิดหวังเลยจริงๆค่ะ สวยราวกับภาพของสวรรค์ในเทพนิยาย ราวกับเรากำลังเดินชมสวรรค์อยู่ก็จะดูไม่เว่อร์จนเกินไปค่ะ

        เราขอแนะนำทิปเล็กๆน้อยในการมาเที่ยวที่อุทยานพลิวเช่แห่งนี้ ว่าอย่าคิดอะไรมากค่ะ แค่ เดิน ถ่ายรูป แล้วก็เดิน ถ่ายรูป วนไปค่ะ  เพราะเขาทำเส้นทางเดินเอาไว้ให้แล้ว เราก็เดินๆตามไปตามเส้นทางของเขาเลย เราหลงเดินไปเดินมาหลายชั่วโมงอยู่ จนขาจะแตก ก็ยังไม่เจอมุมเด็ดในตำนาน เลยลองถามคนแถวๆนั้นว่า มุมเด็ดที่ว่านั้นมันอยู่ตรงไหนกัน ? สรุปว่าอยู่ตรงปากทางเข้าที่เราเดินผ่านมานั่นเอง ก็เลยไม่พลาด ขอเก็บรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยค่ะ  ที่เรา เดินกันมาหลายชั่วโมงนี่ยังไม่ถึงครึ่งพื้นที่ของอุทนานพลิตวิเช่แห่งนี้เลยนะคะ ถ้าหากใครยังฟิต ก็สามารถเดินต่อไปยังโซนด้านบน (Upper Zone) ซึ่งว่ากันว่าถ้าจะเดินชมให้ครบ 295 ตารางกิโลเมตรของอุทยานพลิตวิเช่ แห่งนี้ต้องใช้เวลาเกือบ 2 วันเต็มๆ ฉะนั้นเราขอจบที่มุมน้ำตกตรงนี้ก็พอแล้วค่ะ

        จากอุทยานสุดอลังการ ก็กระโดดขึ้นรถตามมาต่อกันที่ เมืองสปริท (Split) ซึ่งเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับ 2 เมืองสปริทมีบรรยากาศแบบชิวๆ ไม่พลุกพล่าน เป็นเมืองที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยค่ะ แต่บอกเลยว่าผิดคาด เพราะว่าที่นี่นั้นมันสวยมากๆค่ะ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่กึ่งกลางประเทศพอดี แนะนำทุกคนให้มากัน มีจุดเด่นเป็นเมืองชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดของโครเอเชีย และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นที่ตั้งของ พระราชวังดิโอคลีเชี่ยน (Diocletian Palace) วังในสมัยอาณาจักรโรมันอีกด้วย จึงยังคงมีบรรยากาศ กลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่าที่สุดแสนจะคลาสสิค มีวิวของต้นปาล์มตลอสองข้างทาง  บ้านเรือนเรียงรายสวยงาม จากนั้นเรานั่งรถต่อไปที่ เมืองสตอน (Ston) เมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องอาหารทะเลรสเลิศ โดยมีกิจกรรมไฮไลต์ก็คือ การล่องเรือออกไปในทะเล เพื่อไปแหงะหอยนางรมสดๆ พร้อมจิบร่วมกับไวน์ขาวชั้นเลิศ รสชาติช่างเข้ากั๊น เข้ากัน หวาน หอม กลมกล่อมไปหมดทั้งหอย ทั้งไวน์ จนเรานั่งเพลินกับรสชาติฟินอยู่นานสองนานเลยค่ะ

        ยังค่ะ ทริปโครเอเชียของเรายังไม่จบ เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็ไปต่อกันที่ เมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) หรือที่เรียกกันว่า เมืองหลังคาสีส้ม เมืองปลายทางในฝันของทริปโครเอเชียของเรา แค่เข้ามาในตัวเมืองเก่าเราก็ได้เห็นวิวของตัวบ้านสีขาวหลังคาสีส้ม แค่ลองคิดเล่นว่าถ้ามีใครมาสร้างบ้านที่มีหลังคาที่ไม่ใช่สีส้ม คงจะดูแปลกพิลึกดีนะคะ และนี่ก็ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากเลยล่ะค่ะ  แบบชนิดห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ซึ่งวิวตลอดสองข้างทาง สวยมากจน... อยากหยุดใจเลยล่ะค่ะ แต่ไม่ได้ เดี๋ยวไม่ได้ชมวิวต่อ งั้นมาต่อดีกว่าค่ะ ไม่ว่าจะมองขวาก็ทะเล ซ้ายก็ทะเล สลับๆ ไปตลอดทางจนอิ่มวิวกันเลยทีเดียว ทุกคนในกรุ๊ปทัวร์ต่างตื่นตาตื่นใจทัศนียภาพความสวยงามของที่ยี่ สมแล้วที่ทีมงานซีรีส์ Game of Throne จะเลือกที่จะมาถ่ายทำที่นี่ค่ะ

       ส่วนใหญ่ก็จะเน้นเที่ยวในโซนเมืองเก่าภายในเมืองดูบรอฟนิค เราจะได้เห็นเป็นกำแพงเมืองเก่า ซึ่งด้านในก็มีที่พัก ร้านอาหาร ทุกอย่างครบ สาวก Game of Throne คงรู้สึกเหมือนได้เข้าสู่ King Landing แล้ว ในเมืองเก่าก็จะมีโบสถ์มากมาย จตุรัส ลานน้ำพุ คือบอกแทบไม่หมด จุดเล็กจุดน้อยเยอะมาก เช่น Dominican Monastery, Church of Saint Blaise, Dubrovnik Cathedral และอื่นๆ ที่รอให้เราไปค้นเจออีกมาก ถ่ายรูปไปได้เรื่อยๆ เลยและสถานที่ท่องเที่ยวก็จะติดๆ กันหมด ทำให้เดินเที่ยวได้ง่ายค่ะ เราก็เดินชมวิว ดื่มด่ำกับบรรยากาศความสวยงามของที่นี่ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าหากใครไม่อยากเดิน ก็สามารถนั่งกระเช้า (Cable Car) ขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงได้ค่ะ ชมสถาปัตยกรรมกันจนเต็มที่ ก็เปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นกันต่อที่ Banje Beach ชายหาดที่สามารเดินมาได้จากย่านเมืองเก่า  เป็นชายหาดที่แสนจะเงียบสงบ เหมาะมากที่จะมาเดินชิวๆ ดูพระอาทิตย์ตกดินค่ะ

       สุดท้ายก่อนกลับเราก็ต้องนั่งรถย้อนกลับขึ้นไปที่ เมืองซาเกรบ เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ โดยเมืองซาเกรบนั้นมีที่เที่ยวไม่เยอะ เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆของโครเอเชีย ก่อนเราจะไปเที่ยวโครเอเชีย มีคนบอกว่าซาเกรบนั้นเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไร แต่สำหรับเราเราว่ามันมีนะ มีโบถส์สวยๆ มีบ้านเมืองที่สวยงามน่าสนใจ มีตลาดผลไม้ขนาดใหญ่ มีรถรางไต่เขาที่สั้นสุดในโลก และมีมุม สวยๆ น่ารักๆเยอะแยะเลย เป็นอีกหนึ่งเมืองของโครเเชียที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

จงจำไว้เสมอว่า “ You only live once ”

May 2018