All articles abouts ทัวร์ครับ

โครเอเชีย ฤดูไหน ? เที่ยวอะไรดี ?

โครเอเชีย ฤดูไหน ? เที่ยวอะไรดี ?

03 ส.ค. 61

        เพิ่งจบเทศกาลฟุตบอลโลก 2018 กันไปได้ไม่นาน แม้ว่าประเทศฝรั่งเศสจะได้แชมป์ไปครองในครั้งแต่กระแสของประเทศรองแชมป์อย่าง โครเอเชีย (Croatia) กลับมาแรงสุดๆ หลายคนให้ความสนใจกับชื่อของโครเอเชียกันมากขึ้น โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวโครเอเชียกับความสวยงามระดับมรดกโลก วันนี้ทัวร์ครับจะพาทุกคนไปรู้จักกับฤดูต่างๆของโครเอเชียกันให้มากขึ้น จะได้เตรียมตัวไปเที่ยวโครเอเชียกันได้ถูกค่ะ ว่าแล้วตามทัวร์ครับมาเลยค่ะ         โครเอเชีย (Croatia) ประเทศใน ทวีปยุโรปที่มีรูปทรงเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ตั้งอยู่แถบแถบคาบสมุทรบอสข่าน ได้ชื่อว่าเป็น “ ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติค ” เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสุดอลังการทั้งด้านสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ รวมถึงสภาพอากาศที่เรียกได้ว่าเหมาะสมกับการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี แต่ะละฤดู ก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกัน โดยโครเอเชียนั้นมีฤดูกาลทั้งหมด 4 ฤดูกาลด้วยกันได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เดือน :  มีนาคม - มิถุนายน           ในฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงเวลาที่ต้นไม้เริ่มผลิใบอีกครั้งหลังจากสิ้นสุดฤดูหนาว เราเริ่มจะได้เห็นสีเขียวเล็กๆตามพื้นที่ต่างๆ แต่อากาศยังเรียกได้ว่ายังแอบหนาวอยู่ค่ะ อุณภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 8 องศา - 17 องศา สามารถสวมใส่เสื้อผ้ากันหนาวแบบไม่ต้องหนามาก ถือว่าเป็น ช่วงฤดูที่เหมาะกับการมาท่องเที่ยว สำหรับคนที่ชอบอากาศเย็นสบายๆแต่ไม่หนาวมาก ซึ่งความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว จัดได้ว่าสวยไม่แพ้ฤดูกาลอื่นๆค่ะ  ฤดูร้อน (Summer) เดือน : กรกฏาคม - สิงหาคม           คำว่าฤดูร้อนของคนไทย อาจเป็นเรื่องน่ากลัว แต่ทัวร์ครับบอกเลยว่า ฤดูร้อนของโครเอเชีย ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาเที่ยวโครเอเชียสุดๆค่ะ เพราะหลังจากเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัว ธรรมชาติทั่วทุกพื้นที่ของโครเอเชียก็เต็มไปด้วยสีสันของสีเขียวที่ดูแล้วสดชื่นสุดๆ ตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเล และสีส้มแดงจากสถาปัตยกรรมโบราณ ส่วนผสมอันแสนจะลงตัวจนกลายเป็นสเน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโครเอเชีย ซึ่งในฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 องศา - 25 องศา อากาศเย็นสบาย กับบรรยากาศสุดแสนจะคลาสสิคแบบนี้ แค่คิดก็รู้สึกฟินแล้วค่ะ  ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือน : สิงหาคม - ตุลาคม           หากใครอยากเปลี่ยน สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี โครเอเชียคือคำตอบเลยค่ะ เพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ใบก็เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีส้มแดง ตัดกับสีเขียวฟ้าของน้ำ เป็นภาพความสวยงามของธรรมชาติที่เข้ากั๊นเข้ากัน ท่ามกลางบรรยากาศของสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณ เป็นอีกหนึ่งช่วงที่น่าไปเที่ยวโครเอเชียสุดๆ ฤดูหนาว (Winter) เดือน : ตุลาคม - กุมภาพันธ์           แม้จะเป็นประเทศในทวีปยุโรป แต่โครเอเชียนั้นตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปยุโรปและมีพื้นที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จึงไม่ได้มีอากาศหนาวจัดแบบประเทศในแถบยุโรปทางเหนือ อุณหภูมิเฉลี่ยอยูที่ 9 องศา - 11 องศา เราอาจได้เห็นภาพของ หิมะสีขาวปกคุลมพื้นที่ บางส่วน เกิดเป็นความสวยงามอีกรูปแบบเฉพาะของฤดูหนาว ที่สวยงามไม่แพ้กันและที่สำคัญ ราคาที่พักต่างๆจะราคาถูกในช่วงปลายปีอีกด้วยค่ะ          โครเอเชียถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เราสามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี ซึ่งแต่ละฤดูเราก็จะได้เห็นความสวยงามของบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป เป็นมนต์เสน่ห์ชวนหลงใหลของโครเอเชีย แต่การเดินทางไปโครเอเชียเราต้องทำการขอวีซ่า แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยากเรื่องเอกสาร ได้เที่ยวโครเอเชียแบบสบายๆ ชมธรรมชาติสุดตระการตา ก็ต้องไปทัวร์โครเอเชียกับทัวร์ครับเลย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่เริ่มอยากจะไปเที่ยวโครเอเชีย แต่กำลังมองหารีวิวโครเอเชีย ทัวร์ครับมีรีวิวทัวร์โครเอเชียจากลูกค้าของทัวร์ครับ มาให้ติดตามกัน ตามไปอ่านได้เลยที่ >>>Croatia...This is not Asia! ลองสักครั้ง แล้วจะคุณจะหลงรักโครเอเชีย!<<<

อ่านเพิ่มเติม
5 เมืองน่าเที่ยว ตะลอนทัวร์จีน แบบไม่เข้าร้าน!
5 เมืองน่าเที่ยว ตะลอนทัวร์จีน แบบไม่เข้าร้าน!

06 ส.ค. 61

        เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของการไปเที่ยวทัวร์จีน แล้วต้องพบเจอกับการพาเข้าร้านรัฐบาลจนทำให้หลายคนหมดสนุก หากใครไม่อยากไปเที่ยวทัวร์จีน แล้วต้องเสียอารมณ์กับการเข้ารัฐบาล ทัวร์ครับ มีทัวร์จีน แบบไม่เข้าร้านรัฐบาล พร้อมตะลุย 5 เมืองน่าเที่ยวสุดจี๊ดของจีน ว่าแต่จะมีทัวร์จีน แบบไม่เข้าร้านไปเมืองไหนบ้าง ? ตามมาดูกันเลย… จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)           เเริ่มต้นกับเมืองท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีน ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติสุดตระการตา ที่หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ มันดีจริงๆ ” หลังจากจางเจียเจียได้รับอิทธิพลจากกระแสของ ภาพยนต์ อวตาร ที่ได้ยกกองถ่ายมาเนรมิตรหุบเขาจางเจียเจี้ย ให้กลายเป็นอาณาจักแพนโดร่า ทำให้จางเจียเจี้ย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับต้นๆของจีนค่ะ นอกจากความสวยงามของหุบเขา ที่มีลักษณะเป็นแท่งหิน สูงยาวสลับกับท่ามกลางความสมบูรณ์ของธรรมชาติแล้ว ในจางเจียเจี้ยยังมีอีก หลากหลายความสวยงามของธรรมชาติแปลกตา ยิ่งหากไปกับทัวร์จีน ไม่เข้าร้านรัฐบาลจากทัวร์ครับแล้วล่ะก็ จะได้ฟินกับจางเจียเจี้ยได้มากกว่าเดิมอีกค่ะ   ซีอาน (Xi’an)           ไม่ใช่เพียงแค่ธรรมชาติสุดอลังการเท่านั้น เพราะประเทศจีนยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในดินแดนต้นกำเนิดอารยธรรมโลก ดังนั้นจีนจึงเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะ เมืองซีอาน อดีตเมืองหลวงสุดยิ่งใหญ่ของจีน ที่ยังคงเหลือร่องรอยอารยธรรมโบราณให้เราได้เรียนรู้ สัมผัสกับ สุสานของอดีตจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ของจีน สุสานจิ๋นซี 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ภายในยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวความมหัศจรรย์ของประวัติศาสตร์จีนโบราณ รอคอยให้คุณไปสัมผัส โดยเฉพาะสายเที่ยวที่ชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ ต้องหลงใหลและชื่นชอบเมืองซีอานแห่งนี้แน่นอนค่ะ กุ้ยหลิน (Guilin)           กุ้ยหลิน อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวของจีนที่คนเรารู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะกุ้ยหลินนั้นเต็มไปด้วยความสวยงามของของธรรมชาติ ขุนเขา แม่น้ำ จนได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนสวรรค์บนดิน เลยทีเดียวค่ะ แน่นอนว่ากุ้ยหลินนั้นไม่ได้มีดีเพียงแค่ นาขั้นบันได เท่านั้น แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกหลายที่ที่ดีงามไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น การล่องแพชมแม่น้ำหลี่เจียง หรือจะชมความสวยงามของหินงอก หินย้อยของถ้ำขลุ่ยอ้อ ทัวร์ครับรับรองเลยว่ากุ้ยหลินจะไม่ทำให้ผิดหวัง และสมกับฉายา ดินแดนสวรรค์บนดินแน่นอนค่ะ ฉงชิ่ง (Chongqing)           หากใครชื่นชอบบรรยากาศของเมืองแสนทันสมัย ที่ผสมผสานกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัวแล้วล่ะก็ ฉงชิ่ง เป็นอีกจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ ซึ่งเฉิงตูนั้นถือเป็น 1 ใน 4 มหานครของจีน ในตัวเมืองเฉิงตู จึงเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างแสนทันสมัย ไม่แตกต่างจากเมืองหลักๆอย่าง เซี่ยงไฮ้ หรือปักกิ่งเลยค่ะ นอกจากจะเพลิดเพลินกับความทันสมัยของเมืองแล้ว ที่เฉิงตูยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก กับภาพของโรงเตี๊ยมจีนๆ ท่ามกลางหุบเขารูปทรงแปลกตา ซึ่งที่นี่ก็คือ อุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ หนึ่งในไฮไลท์เด็ดของทัวร์จีน ไม่เข้าร้าน เส้นทางฉงชิ่งนั่นเองค่ะ  เฉินตู (Chengdu)           และสุดท้ายกับทัวร์จีน ไม่เข้าร้านเส้นทางเฉินตู ดินแดนต้นกำเนิดหมีแพนด้า เฉินตู เมืองหลวงของมณฑณเสฉวน เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่มรดกโลก เพราะว่ารอบๆเมืองเฉินตูนั้นเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกของจีนที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าต้องอยู่ในโปรแกรมทัวร์จีน ไม่เข้าร้านอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น อุทยานจิ่วจ้ายโกว แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกทางธรรมชาติที่สวยงามราวกับภาพวาด หรือพระพุทธรูปเล่อซาน พระพุทธรูปหินแกะสลักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และต้องไม่พลาดชิมหม้อไฟเสฉวน เมนูท้องถิ่นสุดเด็ดที่ใครๆก็ติดใจค่ะ          แต่ละเมืองนั้นจัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของจีนทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ถ้าจะเที่ยวได้ฟิน สนุก และไม่เสียอารมณ์ เสียเวลาเข้าร้านรัฐบาลแล้วล่ะก็ ต้องทัวร์จีน ไม่เข้าร้านจากทัวร์ครับเลย รับรองว่าการไปเที่ยวทัวร์จีนครั้งนี้ จะเด็ดดวงกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ทัวร์ครับขอคอนเฟิร์ม!!   ส่วนใครที่ยังลังเลว่าไปเที่ยวทัวร์จีนดีกว่าเที่ยวจีนเองยังไง ? ทัวร์ครับมี 7 เหตุผลดีดีที่ จะทำให้คุณตัดสินใจไปเที่ยวทัวร์จีนได้ง่ายขึ้นกับ... >>> 7 เหตุผล ที่ควรไปเที่ยวจีนกับทัวร์ <<<

อ่านเพิ่มเติม
5 แบรนด์หรู สุดยอดกระเป๋าเดินทาง ไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่หวั่น!
5 แบรนด์หรู สุดยอดกระเป๋าเดินทาง ไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่หวั่น!

17 เม.ย. 63

การเดินทางจะราบรื่นและเต็มไปด้วยความทรงจำอันน่าประทับ สิ่งสำคัญนอกจากเรื่องสถานที่เที่ยวแล้ว กระเป๋าเดินทางก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เพราะหากกระเป๋าเดินทางของเรา เกิดพังขึ้นมาระหว่างทริป อาจจะทำให้หมดสนุก และต้องนั่งหัวเสียกับกระเป๋าเดินทางเจ้าปัญหาไปตลอดทริปเที่ยว ซึ่งปัญหาพวกนี้จะไม่เกิน ถ้าเราเลือกกระเป๋าเดินทางที่แข็งแรง ทนทาน พร้อมลุยกับเราไปได้ในทุกการเดินทาง ทัวร์ครับจึงไม่รอช้า รีบจัดให้! รวบรวมกระเป๋าเดินทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างยกนิ้วให้ว่า เป็นสุดยอดกระเป๋าเดินทาง ว่าแต่จะมีแบรนด์กระเป๋าเดินทางไหนบ้าง ตามทัวร์ครับมาดูกันเลย เรื่องของกระเป๋าเดินทาง ต้องเลือกที่มีคุณภาพไว้ก่อน เพราะถ้าคุณภาพดีจะมาพร้อมกับความทนทานใช้ได้นานๆ คุ้มค่า ไม่ว่าจะไซส์ไหนก็ต้องเลือกให้ดีๆ ซึ่งสามารถเข้าไปเลือกดูกระเป๋าเดินทาง และซื้อผ่านออนไลน์ได้แล้วที่ Robinson Online (https://www.robinson.co.th/th) ซึ่งมีหลายแบบหลายสไตล์ให้เลือกช้อปกัน ซื้อกระเป๋าเดินทางกับ Robinson Online การันตีได้ว่า เป็นของแบรนด์แท้ 100% และส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำด้วย  ซื้อกระเป๋าเดินทาง กับ Robinson Online >> https://www.robinson.co.th/th/sports-leisure/luggage/hard     5 แบรนด์หรู สุดยอดกระเป๋าเดินทาง   1. กระเป๋าเดินทางหรู - อเมริกัน ทัวร์ริสเตอร์ (American Tourister)           สำหรับ American Tourister เชื่อว่าไม่มีนักเที่ยวคนไหนไม่รู้จัก เพราะเป็นแบรนด์กระเป๋าเดินทางขวัญใจนักเที่ยวทั่วโลก ด้วยรูปทรงการออกแบบที่ทันสมัย มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ ทั้งชนิดของวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นแบบแข็ง หรือแบบผ้า ขนาดไซส์ต่างๆที่มีครบทุกไซส์และได้มาตราฐานสากล เนื่องจากอยู่ในเครือบริษัท Samsonite จึงมั่นใจในคุณภาพได้อย่างแน่นอนค่ะ หลายเสียงบอกมาว่าเป็นกระเป๋าเดินทางที่ทนมากๆ พาไปลุยหลายทริปแล้วยังไม่สะทกสะท้าน หากใครกำลังมองหา กระเป๋าเดินทางที่ทนทาน ทันสมัย ได้มาตราฐาน ในราคาที่เอื้อมถึง American Tourister  เป็นแบรนด์กระเป๋าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ   ซื้อกระเป๋า American Tourister กับ โรบินสัน ออนไลน์ >> https://www.robinson.co.th/th/american-tourister   2. กระเป๋าเดินทางหรู - แซมโซไนท์ (Samsonite) มาต่อกันที่แบรนด์กระเป๋าเดินทางที่ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก กับความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี กับ Samsonite ความโดดเด่นของกระเป๋าเดินทางของ Samsonite คือเรื่องของ วัสดุที่แข็งแรงสุดๆ ไม่ว่าทริปของคุณจะบุกป่า ฝ่าดงขนาดไหน กระเป๋า Samsonite  ก็จะพาคุณเที่ยวต่างประเทศได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัย และหลากหลายขนาดให้เลือกซื้อได้ตามความต้องการ ซึ่งสมัยก่อนเราอาจได้ยินกันมาว่า กระเป๋าเดินทาง Samsonite ราคาค่อนข้างแพง แต่ปัจจุบัน Samsonite มีกระเป๋าที่หลากหลายมากขึ้น จึงมีช่วงราคาสินค้าที่เราสามารถเข้าถึงได้ แต่เรื่องคุณภาพยังสามารถไว้ใจได้เหมือนเดิมค่ะ   3.กระเป๋าเดินทางหรู - เดลซี่ (Delsey)     กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นในประเทศไทย กับแบรนด์ กระเป๋าเดินทางชื่อดังจากฝรั่งเศส อย่าง Delsey ซึ่งเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นในเรื่องการดีไซน์ที่เน้นความคลาสสิคแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับความนวัตกรรมรุ่นใหม่ พร้อมรูปแบบที่ออกมาให้ เน้นการใช้งานที่สะดวกสบาย ผลิตจากวัสดุที่มีความทนทาน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทริปสมบุก สมบันขนาดไหน ก็ผ่านฉลุย และที่สำคัญเลยคืออยู่ในระดับเรทราคากลางๆ ไม่แพง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับกระเป๋าเดินทางที่จะทำให้คุณสบายใจ หายห่วงตลอดทริป    4. กระเป๋าเดินทางหรู - ริโมว่า (Rimowa) ส่วนใครเงินหนักสักหน่อย ก็ต้องแบรนด์นี้เลยค่ะ Rimowa กระเป๋าเดินทางที่ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1898 เป็นที่จดจำในเรื่องของ นวัตกรรมสุดล้ำของกระเป๋าเดินทาง รวมถึงใช้อลูมิเนียมที่มีความทนทาน และน้ำหนักเบา เป็นวัสดุในการผลิตกระเป๋า ทำให้กระเป๋าเดินทาง Rimowa ขึ้นชื่อเรื่องน้ำหนักที่เบา และความแข็งแรงทนทาน ร่วมกับการออกแบบที่หรูหราแต่คลาสสิค ทำให้ราคาของกระเป๋าเดินทาง Rimowa นั้นค่อนข้างจะสูงนิดนึง แต่ทัวร์ครับบอกเลยว่า คุ้มค่ากับคุณภาพแน่นอนค่ะ     5. กระเป๋าเดินทางหรู - ULKA   ปิดท้ายด้วยแบรนด์ ULKA แบรนด์กระเป๋าสุดหรูและเป็นกระเป๋าอัจฉริยะด้วย AI Robotics Auto Follow Suitcase ซึ่งเป็น กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะตัวแรกของโลก! ความเริดคือ สามารถเดินตามเจ้าของได้แบบว่าไม่ต้องลากให้เมื่อยมือ โดยใช้กล้อง Kinect Sensor ที่สามารถจดจำเจ้าของได้อย่างรวดเร็วภายในเสี้ยวนาที ในส่วนของระยะทางสูงสุดถึง 20 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักสัมภาระในกระเป๋าหากใส่ของเยอะก็อาจจะใช้ได้ไม่ถึง 20 กิโลเมตร  การออกแบบหรูหรา การใช้งานที่สะดวกสบาย กระเป๋ามีความทนทาน  ซื้อกระเป๋า ULKA  กับ โรบินสัน ออนไลน์ >> https://www.robinson.co.th/th/ulka   ทัวร์ครับบอกเลยว่าแต่ละแบรนด์ที่ทัวร์ครับคัดสรรมาให้ในวันนี้ ล้วนแต่เป็นแบรด์กระเป๋าเดินทางที่มีมาตราฐานสากล ส่วนเรื่องราคาก็แล้วแต่ความหนักของแบงค์ในกระเป๋าแต่ละท่านว่าจะสะดวกแบบไหน ? แต่ถ้าจะให้ ทริปเที่ยวของคุณสะดวกสบาย ราบรื่น และมีคุณภาพยิ่งกว่าเดิมละก็ เข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์ต่างประเทศคุณภาพจาก ทัวร์ครับ (Tourkrub) ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมกระเป๋าเดินทางคุณภาพคู่ใจได้สนุกยิ่งกว่าเคยค่ะ   เตรียมพร้อมเรื่องกระเป๋าเดินทางกันไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่นักเดินทางทั้งหลายต้องรู้ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ กับพิกัดร้านแลกเงินสุดคุ้ม อ่านต่อได้เลยที่ >>> ชี้เป้าลายแทง! “ ร้านแลกเงิน ” เรทดี เที่ยวต่างประเทศครั้งนี้ คุ้มเว่อร์<<<

อ่านเพิ่มเติม
เตรียมตัวให้พร้อม ! พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น 2018
เตรียมตัวให้พร้อม ! พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น 2018

        มาแว้วววว กับ พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี ประจำปี 2018 ฉบับล่าสุดจาก Zekkei Japan ที่ทัวร์ครับรวบรวมมาให้เหล่านักล่าใบไม้เปลี่ยนสีทั้งหลายได้มีเวลาเตรียมพร้อม โดยในปี 2018 ตามพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี 2018 คาดการณ์ว่าจะเริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเตรียมตัว ศึกษาข้อมูลพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีให้ดี  ว่าแล้วเรามาเริ่มต้นกันเลยที่... ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido)         แน่นอนว่าภูมิภาคแรกที่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมาเยือนก่อนเสมอคือ ฮอกไกโด นั่นเองค่ะ เนื่องจากภูมิภาคฮอกไกโดตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ส่งผลให้ใบไม้ที่จะเปลี่ยนสีเป็นที่แรกในญี่ปุ่นค่ะ ทั่วทั้งฮอกไกโดจะเต็มไปสีส้มแดง สดใสไปทั่วบริเวณเลยทีเดียวค่ะ ช่วงเวลาไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม - ปลายเดือนตุลาคม  สถานที่เด็ดชมใบไม้เปลี่ยนสี : โจซังเค (Jozankei)         เราสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ทั่วบริเวณของฮอกไกโด แต่สถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามขอบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี ทัวร์ครับขอยกให้ที่นี่เลย โจซังเค ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงซัปโปโร เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องน้ำพุร้อนและออนเซ็น และเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี เราจึงสามารถชื่นชมบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมกับแช่ออนเซ็นแบบฟินๆ หรือจะเดินเลียบลำธารดื่มดำกับภาพความสวยงามของธรรมชาติหก็ได้เช่นกัน  ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku)         เมื่อเข้าสู่ปลายเดือนตุลาคม สีสันของใบไม้เปลี่ยนสีก็เข้าสู่ภูมิภาคโทโฮคุค่ะ ภูมิภาคโทโฮคุตั้งอยู่ทางเหนือของเกาะฮอนชู พูดง่ายๆก็คืออยู่ด้านบนโตเกียว เป็นภูมิภาคที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติอันแสนอดมสมบูรณ์ ภูมิภาคโทโฮคุจึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดฮิตของญี่ปุ่นค่ะ ช่วงเวลาไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม - ปลายเดือนตุลาคม  สถานที่เด็ดชมใบไม้เปลี่ยนสี : ภูเขาฮักโกดะ (Hakkodasan)           ภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอะโอโมริ (Aomori) ซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อในการชมใบไม้เปลี่ยนสีประจำภูมิภาคโทโฮคุ โดยเราสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยน หรือจะดื่มด่ำกับบรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสีแบบใกล้ชิดกับเส้นทางเดินชมใบไม้เปลี่ยนสี ก็เป็นอีกกิจกรรมที่นักล่าใบไม้เปลี่ยนสีไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาดค่ะ  ภูมิภาคชูบุ (Chubu)         เขยิบลงมาอีกหน่อยที่ภูมิภาคชูบุ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับภูมิภาคคันโค และคันไซ เป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยเทือกเขาสูง และมีความกหลากหลายทางภูมิศาสตร์ จึงทำให้ภูมิภาคชูบุมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งภูเขา ทะเล ออนเซ็น แต่ที่สำคัญเลยคือสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ในสุดยอดใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นเลยค่ะ ช่วงเวลาไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน สถานที่เด็ดชมใบไม้เปลี่ยนสี : หุบเขาโครังเค (Korankei)         สำหรับสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก หุบเขาโครังเค สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติสุดอลังการ เมื่อฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือน ทั่วทั้งหุบเขาโครังเค ก็จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีส้มแดงไปทั่วทุกพื้นที่ เป็นภาพความสวยงามอันน่าประทับใจ และที่สำคัญอย่าลืมถ่ายรูปคู่กับ สะพานไม้ไทเกะสึเคียว (Taigetsukyo Bridge) สะพานไม้สีแดงอันโดดเด่น ที่ไม่ว่าใครก็ต้องแวะถ่ายรูปค่ะ ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku)         ในที่สุดก็มาถึงภูมิภาคที่อยู่ กลางที่สุดของประเทศญี่ปุ่น  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคไฮไลท์ของประเทศญี่ปุ่น เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายทตโตริ ดังนั้นหากใครอยากชมใบไม้เปลี่ยนสี พร้อมสัมผัสของทะเลทรายเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่น ทัวร์ครับขอแนะนำให้มาภูมิภาคชูโกกุเลยค่ะ ช่วงเวลาไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนตุลาคม - กลางเดือนพฤศจิกายน สถานที่เด็ดชมใบไม้เปลี่ยนสี : เกาะมิยาจิมา (Miyajima)         ภาพของเสาโทริอิสีแดงที่ตั้งอยู่กลางน้ำ อันเป็นสัญลักษณ์ของเกาะมิยาจิมา ในจังหวัดฮิโรชิมา (Hiroshima) โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO อีกด้วยค่ะ แต่เกาะมิยาจิมะนั้นไม่ได้โดดเด่นด้านวัฒนธรรมเท่านั้น เพราะเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูของใบไม้เปลี่ยนสี เราก็จะได้เกาะสีส้มแดงสดใสควบคู่กับเสาโทริอิ จึงทำให้ เกาะมิยาจิมะเป็นสถานที่โด่งดังในการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีประจำภูมิภาคโทโฮกุ นั่นเองค่ะ ภูมิภาคคันโต (Kanto)         ภูมิภาคยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่น เพราะเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแสนทันสมัยอย่าง โตเกียว (Tokyo) แน่นอนว่าโตเกียวนั้นถือเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนิยมเดินทางมาชื่นชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี ท่ามกลางอาคารบ้านเรือนแสนจะทันสมัย และแหล่งช้อปปิ้งระดับโลกนั่นเองค่ะ ช่วงเวลาไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม สถานที่เด็ดชมใบไม้เปลี่ยนสี : อุโมงค์ใบเมเปิ้ล โมมิจิ ไคโร (Momiji Kairo)           อุโมงค์ใบเมเปิ้ล โมมิจิ ไคโร แห่งนี้นั้นตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบคาวากูชิโกะ (Lake Kawaguchigo) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีประจำโตเกียวค่ะ เมื่อเข้าสู่ปลายเดือนพฤศจิกายน เราก็จะได้เห็นสีแดงส้ม ตลอดสองฝั่งคลอง เป็นภาพความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่จัดว่าเด็ดๆสุดๆค่ะ อีกทั้งเมื่อยังมีการประดับตกแต่งไฟ Illumination รอบๆบริเวณอุโมงค์ใบเมเปิ้ลแห่งนี้ ช่วยเพิ่มรสชาติให้การชมใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นไปอีกค่ะ  ภูมิภาคคิวชู (Kyushu)         ถัดลงมาจากโตเกียว ก็เข้าสู่ฝั่งใต้ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของเกาะคิวชู ดินแดนออนเซ็นญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของวิถีชีวิตสไตล์ชนบทของญี่ปุ่น หากใครอยากสัมผัสความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี ท่ามกลางบรรยากาศแบบสโสว์ไลฟ์ของญี่ปุ่น คิวชูคือคำตอบค่ะ ช่วงเวลาไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสี : เดือนพฤศจิกายน - ปลายเดือนพฤศจิกายน สถานที่เด็ดชมใบไม้เปลี่ยนสี : ภูเขาฮิโกะ (Mt. Hiko)         สำหรับสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีประจำภูมิภาคคิวชู ได้แก่ ภูเขาฮิโกะ นักท่องเที่ยวนิยม เดินตามเส้นทางเดินเขาเพื่อชื่นชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี หรือใครอยากจะชมจากด้านบนก็สามารถนั่งกระเช้า ขึ้นไปได้ค่ะ ชื่นชอบแบบไหนก็สามารถเลือกกันได้เลย แต่ไม่ว่าจะสไตล์ไหนก็จะได้ชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีไม่แตกต่างกันค่ะ ภูมิภาคคันไซ (Kansai)         ปิดท้ายด้วยภูมิภาคคันไซ ที่ตามพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของปี 2018 ได้พยากรณ์ไว้ว่าจะเป็นภูมิภาคสุดท้ายที่คุณจะได้มีโอกาสชื่นชมใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากจะได้ชื่นชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ภูมิภาคคันไซ ยังเป็นที่ตั้งของเมืองขนาดใหญ่ อย่างโอซาก้า ที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งช้อปปิ้งละลานตา ถือมาทีเดียวได้เที่ยวแบบครบรสเลยค่ะ  ช่วงเวลาไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม  สถานที่เด็ดชมใบไม้เปลี่ยนสี : วนอุทยานเมจิโนะโมริมิโน (Meiji no Mori Mino Quasi Nation Park)         วนอุทยานเมจิโนะโมริมิโน แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่อุดสมบูรณ์ของโอซาก้า ภายในมีเส้นทางเดินป่าที่ห้อมล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ความสวยจึงเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขาสีเขียวจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง ไล่สีสลับกันอย่างสวยงาม จนได้ชื่อว่าเป็น สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นประจำภูมิภาคคันไซ  เลยทีเดียวค่ะ         ยังไม่หมดค่ะ ทัวร์ครับยังสรุปผลการพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี 2018 มาให้ทุกท่านเข้าใจง่ายๆ ด้วย Infographic สุด Cute! ใครจะเซพเก็บไว้กันลืม แล้วรีบจองทัวร์ใบไม้เปลี่ยนสีจากทัวร์ครับ รับรองว่าไม่พลาดใบไม้เปลี่ยนสีปี 2018 แน่นอนค่ะ!  >>>แพคเกจทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี 2018 คุณภาพจากทัวร์ครับ<<< 

อ่านเพิ่มเติม
กันยานี้ พม่ามาแรง! กับ 5 ที่เที่ยวพม่ายอดฮิต ตะลอนทัวร์พม่าแบบครบรส!
กันยานี้ พม่ามาแรง! กับ 5 ที่เที่ยวพม่ายอดฮิต ตะลอนทัวร์พม่าแบบครบรส!

07 พ.ค. 61

         พม่า (Myanmar) ประเทศเพื่อนบ้านอันเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ถูกใจคนไทย โดยเฉพาะสายบุญ ด้วยความที่พม่าเป็นดินแดนแห่งความเลื่อมใสในพุทธศาสนา พม่าจึงเต็มไปด้วยวัด และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงมากมาย ร่วมกับธรรมชาติอันแสนอุดมสมบูรณ์ คนไทยจึงนิยมไปเที่ยวพม่ากันอย่างคึกคัก ซึ่งทัวร์ครับได้รวบรวม สถานที่เที่ยวพม่ายอดฮิต ที่จะทำให้ทริปพม่าของคุณสนุกแบบครบรส จะมีที่ไหนบ้างนั้น ? ตามทัวร์ครับมาเลย... สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในพม่า          อย่างที่เราทราบกันดีว่าพม่า ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นในเรื่องของวัด ศาสนาสถาน กับเสียงเล่าลือเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่ว่าใครอธิฐานขอพรก็มักจะสุขสมหวังดังใจต้องการ รวมถึงศิลปะวัฒนธรรมเก่าแก่อันเป็นเอกลักษณ์ แน่นอนว่าที่เที่ยวพม่ายอดฮิตที่แรกที่ทัวร์ครับพาไป จะเป็นทีไหนไปไม่ได้ นอกจาก...   มหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)          สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของพม่า ที่มีอายุกว่า 2000 ปี  ตั้งอยู่ใน ย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของพม่าภายในบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า 8 เส้น และเจดีย์ชเวดากองแห่งนี้ยังได้ถูกบันทึกให้เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า  ด้วยความสูง 326 ฟุต และมีความกว้างของฐานเจดีย์ 1355 ฟุต องค์เจดีย์หุ้มด้วยทองหนัก 1100 กิโลกรัม เจดีย์ชเวดากองจึงถือเป็นที่เที่ยวไฮไลท์ยอดฮิตของพม่า ที่ไม่ว่าใครไปก็ต้องไม่พลาด   เจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon Pagoda)         อีกหนึ่งศาสนาสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าให้ความศรัทธาเป็นอย่างมาก กับ เจดีย์ชเวซิกอง ซึ่งตั้งอยู๋ในเมืองพุกาม เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองทะเลเจดีย์  ภายในเจดีย์ชเวซิกองบรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้าหรือที่เรียกกันว่า พระเขี้ยวแก้ว รวมถึงส่วนของกระดูกไหล่ และกระดูกหน้าผาก ภายในบริเวณเจดีย์เป็นที่ตั้งของระฆัง ที่เชื่อว่าบุเรงนองให้นำมาถวายไว้อีกด้วยค่ะ    เจดีย์ชเวมอดอร์ (Shwemawdaw Pagoda)          ศาสนาสถานขึ้นชื่อของ เมืองหงสาวดี และเป็น 1 ใน 5 ศาสนาสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่า  ภายในบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า ซึ่งความโดดเด่นของเจดีย์แห่งนี้คือ ความสูง 114 เมตร ไม่ว่าใครได้มีโอกาสไปเยือน จะต้องแหงนจนคอตั้งบนบ่าเพื่อมองยอดของเจดีย์  จึงเป็นที่มาของชื่อได้ชื่อว่า " ชเวมอดอ " ที่มีความหมายว่าจมูกร้อนนั่นเองค่ะ    เจดีย์โบตะทาวน์ (Botataung Pagoda)          หลายคนรู้จักเจดีย์โบตะทาวน์กันเป็นอย่างดี เพราะที่นี่คือที่ประดิษฐานของ เทพทันใจ และเทพกระซิบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยให้ความเคารพนับถือ จึงนิยมเดินทางมาเที่ยวพม่า เพื่อมาสักการะ ขอพรจากเทพขึ้นชื่อของพม่า หลายคนที่มีโอกาสได้ไปขอพรกันมา ต่างยืนยันกันว่าศักดิ์สิทธิ์และสมปรารถนาในสิ่งที่ขอกันจริงๆ ด้วยค่ะ   พระธาตุอินทร์แขวน (Kyaiktiyo Pagoda)         อีกหนึ่งศานาสถานศักดิ์สิทธิ์ของพม่า และเป็นศาสนาสถานของคนที่เกิดปี จอ  ความมหัศจรรย์ของที่นี่คือก้อนหินสีทองขนาดใหญ่ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 17 เมตร ตั้งอยู่ปลายสุดของหน้าผา สูง 1200 เมตรโดยที่ไม่ตกลงมา เป็นความมหัศจรรย์ที่ยังไม่สามารถหาคำตอบด้านวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลรวมถึงชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของที่นี่ค่ะ          ที่เที่ยวพม่านั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ศาสนาสถานเท่านั้นนะคะ อย่างที่ทัวร์ครับบอกว่า ธรรมชาติของพม่าก็สวยงามไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น  ทะเลของพม่า          ทะเลสาบอินเล (Inle Lake) ในรัฐฉาน หรือ หาดฮาปาลี ( Ngapali Beach) รัฐยะไข่และ หาดซวงทา ( Chaung Tha Beach )ในเมืองอิระวดี หรือใครอยากเที่ยวภูเขา พม่าก็มี ภูเขาโปปา (Mount Popa) อดีตภูเขาไฟในเมืองพุกาม ที่สวยงามและอลังการสุดๆเลยค่ะ แหล่งช้อปปิ้ง        เต็มอิ่มกับศาสนาสถาน และธรรมชาติของพม่ากันไปแล้ว ก็ต้องขอแวะช้อปปิ้งกันสักหน่อย กับแหล่งช๊อปปิ้งที่มีชื่อเสียง อย่าง ตลาดสก๊อต (Scott Market) หรือ ตลาดโบยกอองซาน (Bogyoke Aung San Marke )  ที่ขายสินค้าพวก เสื้อผ้า เครื่องประดับ และของที่ระลึกมากมาย รวมถึง พลอย และอัญมณีที่ขึ้นชื่อของพม่าอีกด้วยค่ะ          สำหรับการเดินทางไปพม่าที่ง่ายและสะดวกที่สุด  แนะนำให้ใช้การเดินทางโดยเครื่องบิน เพราะราคาไม่แพงและช่วยใช้เวลาไม่นาน โดยสายการบินยอดนิยมสำหรับการเดินทางไปพม่า ก็จะมี... สายการบินของไทย -  ไทยแอร์เอเชีย (Thai Air Asia)  -  นกแอร์ (Nok Air)  -  ไทยไลออนแอร์ (Thai Lion Air) -  บางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways)   ส่วนสายการบินพม่า  -  เมียนมาร์ แอร์เวย์ อินเตอร์แนทชั่นแนล (Myanmar Airways International) -  เมียนมาร์เนชันแนลแอร์ไลน์ (Myanmar National Airlines) โดยการเดินทางไปพม่าด้วยเครื่องบินจะใ ช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถือไม่นาน ทำให้เราสามารถตะลอนทัวร์พม่าแบบ 1 เดย์ทริป (1 Day Trip) สบายๆยังได้ ให้จบกระบวนการได้แบบสบายกระเป๋าสุดๆ  แถมยังได้เต็มอิ่มกับธรรมชาติและโบราณสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจสร้างความประทับใจให้คุณแน่นอนค่ะ ซึ่งคุณจะเที่ยวพม่าได้แบบลื่นไหลมากขึ้น หากคุณไปทัวร์พม่ากับทัวร์ครับ ที่จะพาคุณตะลุยทุกไฮไลท์เด็ดพม่า เก็บแต้มบุญกันแบบจัดเต็ม ในราคาสุดคุ้ม  >>>คลิกเลย<<<  

อ่านเพิ่มเติม