All articles abouts เตรียมตัวเที่ยวต่างประเทศ

ทัวร์ครับ ชวนรู้!  วิธีเตรียมตัวรับมือให้พร้อม ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

ทัวร์ครับ ชวนรู้! วิธีเตรียมตัวรับมือให้พร้อม ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

09 พ.ย. 61

           ก่อนเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง นอกจากจะต้องจองทัวร์ต่างประเทศให้พร้อม เรายังต้องเตรียมตัวและร่างกายให้พร้อมก่อนการเดินทางด้วยนะครับ ในปัจจุบันบางครั้งในแต่ละประเทศก็จะมีการเหตุการฉุกเฉินไม่คาดฝันขึ้น เช่น โรคระบาดต่างๆ ซึ่งวันนี้ ทัวร์ครับจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับระดับการเฝ้าระวัง หากจะต้องเดินทางไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยง จะได้ ปฏิบัติตัวกันได้ถูกต้องและเที่ยวต่างประเทศได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น ครับ โดยหากเมื่อประเทศใด เกิดการระบาดของโรคติดต่อในพื้นที่ จะมีระดับการเฝ้าระวัง ซึ่งสามารถ แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 ระดับจับตา ( Travel Watch ) 👁‍🗨         ในระดับที่ 1 นั้น ยังไม่ห้ามการเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ สามารถ เดินทางได้ตามปกติ ครับ เพียงแต่นักท่องเที่ยวอาจจะมีการป้องกันตัวเองเบื้องต้น ด้วยการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือหากใครที่ยังไม่ได่รับวัคซีนของโรคที่กำลังระบาด สามารถไปรับวัคซีนป้องกันได้ แต่ต้อง 21 วันก่อนเดินทางเท่านั้นนะครับ เพื่อให้วัคซีนได้มีเวลาเข้าไปสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเรานั่นเองครับ       ระดับที่ 2 ระดับเฝ้าระวังและแจ้งเตือน ( Travel Alert ) 📢         ในระดับที่ 2 นั้น ก็ยังคง อนุญาตให้เดินทางได้ตามปกติ เพียงแต่ทาง ภาครัฐจะมีคำแนะนำในการปฏิบัติตนให้ถูกต้อง หากต้องเดินทางเข้าไปยังพื่นที่ของโรคระบาด ครับ จะได้เดินทางได้อย่างปลอดภัย ราบรื่นและถูกต้องครับผม     ระดับที่ 3 ระดับเตือนภัย (Travel Warning) ⛔️         สำหรับระดับนี้ เรียกได้ว่าเป็นระดับสุดท้าย หากพื้นที่สุ่มเสี่ยงใดเข้าถึงระดับที่ 3 แล้วนั้นหมายความว่า ห้ามเข้าไปยังพื้นที่โดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความรุนแรงของโรคค่อนข้างสูงซึ่งอาจทำให้เราติดเชื้อได้ครับ จึงไม่ควรเสี่ยง เข้าไปยังพื้นที่ระบาดโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย  นั่นเองครับ               แต่ไม่ว่าระดับการเฝ้าระวังของพื่นที่นั้นจะอยู่ที่ระดับไหน หญิงที่ตั้งครรภ์ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีความเสี่ยงกับทารกในครรภ์ได้ครับครับ ทางที่ดีทัวร์ครับแนะนำให้ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำ หรือหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงนั้นไปก่อนจะดีที่สุดครับ และหากใครกำลังมีแพลนจะเดินทางไปพื้นที่สุ่มเสี่ยง ทัวร์ขอแนะนำให้คอยติดตามข่าวสารให้ดี และปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง รับรองว่าจะได้เที่ยวเพลิน อย่างปลอดภัย สบายใจไร้กังวลแน่นครับผม แน่นอนว่าทัวร์ครับยังมีบทความดีดี ให้ได้ไปฟินกันต่อ กับเคล็ดลับสุดเด็ดเตรียมตัวเที่ยวต่างประเทศ ตามไปอ่านได้เลยที่...   >>> เที่ยวยังไงให้รอด 7 เคล็ดลับ!! เตรียมตัวก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ <<<  

อ่านเพิ่มเติม
แพลนทริปไว้แพลนเงินด้วย! รวม 10 ไอเดียออมเงินไว้ไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ
แพลนทริปไว้แพลนเงินด้วย! รวม 10 ไอเดียออมเงินไว้ไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ

10 ธ.ค. 61

นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ รู้กันดีอยู่แล้วว่า การจะไปเที่ยวแต่ละทีต้องใช้เงินเยอะขนาดไหน เอาแค่ต่างจังหวัดบ้านเรา บางทีแค่แบงค์พัน 5 ใบยังแทบจะเอาไม่อยู่ และถ้าหากต้องไปแบบเหนียมๆ มีงบแบบจำกัดก็คงจะเที่ยวไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นวันนี้ ทัวร์ครับ เลยขอเสนอ 10 ไอเดียออมเงิน ที่ได้ผลดี๊ดี เอาไว้เป็นบัดเจ็ทในการไปเที่ยวทริปต่อกันไปครับ 1. เก็บแบงค์ 50 วิธียอดฮิตตลอดกาล ที่หลายๆ คนคงใช้วิธีนี้อยู่ และบอกเลยว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากๆ ด้วยนะครับ ถึงแม้บางครั้งอาจจะเก็บได้ช้าหน่อย เพราะเราไม่ค่อยได้รับแบงค์ 50 แต่พอได้มาแล้วเราเก็บอย่างเดียว ไม่ใช้ ไม่ไปแตะต้องมันเลย สะสมไว้มากๆ ก็กลายเป็นเงินก้อนได้เหมือนกันนะ 2. เก็บแบงค์ใหม่ เวลาได้รับแบงค์ใหม่มาจากเงินทอน ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ยี่สิบ แบงค์ร้อย หรือแบงค์พัน ก็ต้องเก็บเข้ากระปุกทั้งหมดนะครับ วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีวินัยและแน่วแน่ เพราะบอกเลยว่าแอบโหดนิดๆ เวลากดเงินจากตู้ ATM แล้วเจอแบงค์ใหม่ก็ต้องเก็บเช่นเดียวกัน แต่บอกเลยว่าได้ผลดี แถมเห็นผลไวอีกต่างหาก 3. เก็บเหรียญทั้งหมด ห้ามมีกระเป๋าใส่เหรียญแยกเด็ดขาด ใครมีเอาไปทิ้งด่วนๆ เพราะต่อจากนี้เราจะไม่เก็บเหรียญกัน! ได้ทอนมา หรือได้จากไหนมาต้องนำมาหยอดกระปุกให้หมด ห้ามเบี้ยว ห้ามขี้โกงเด็ดขาด ผ่านไปหนึ่งปีแล้วนำออกมานับกันว่าได้กี่บาทน๊า 4. เก็บเงินแต่ละชนิด ในแต่ละวัน ตั้งกฎเหล็กในแต่ละวันเลย ว่าจะเก็บเงินอะไรบ้าง เช่น วันจันทร์ เราจะเก็บแบงค์ยี่สิบ เพราะฉะนั้นได้จากไหนมาก็ห้ามใช้ วันอังคาร เราจะเก็บเหรียญสิบทั้งหมด อะไรแบบนี้ วิธีนี้ก็จะทำให้เราเก็บเงินได้ไว แล้วก็ไม่อึดอัดเกินไปด้วยครับ 5. เก็บเงินตามวันที่ แบบเบๆ อนุบาลๆ เพิ่งเริ่มต้น ก็เอาแค่วันที่ 1 - 31 หรือ 1 - 100 พอ แต่ระดับรุ่นใหญ่เค้านับกันเป็นปี! ตั้งแต่วันที่ 1 - 365 เลยทีเดียว วิธีนี้แรกๆนี่ชิลๆ แทบจะหยอดกระปุกเผื่อวันต่อๆ ไป แต่พอผ่านไปสักสามเดือนเริ่มปาดเหงื่อเพราะยอดมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่บอกเลยผลคุ้มค่ามาก เพราะหากทำครบปีจะมีเงินเก็บเกือบ 70,000 เลยล่ะ!! 6. เก็บเงินวันละ 20 - 100 บาท วิธีนี้ง่ายมากๆ ตั้งเป้าหมายไปเลยว่าเราจะเก็บนานแค่ไหน และอยากมีเงินเก็บเท่าไหร่ แต่บอกก่อนว่า ต้องทำทุกวัน ห้ามขาดเลยนะครับ วันไหนลืมก็ต้องเอามาหยอดกระปุกคืนด้วยนะ ถึงแม้จะดูว่าเราเก็บเงินทีละนิด แต่สะสมจนถึงวันที่เราตั้งเป้าไว้ ก็เรียกรอยยิ้มได้เหมือนกันนะ 7. เก็บเงินแยกกระปุก ในที่นี้หมายถึง เรามีเป้าหมายชัดเจนไปเลยครับ ว่าเราอยากจะไปเที่ยวที่ไหน แล้วลองคำนวณงบคร่าวๆ นำมาหารกับระยะเวลาที่เหลือก่อนไปเที่ยว เราก็จะได้รู้ว่าเราต้องเก็บวันละกี่บาท หรือหากใครยังไม่มีแพลน ก็เก็บแยกกระปุกเฉยๆ ไปก่อนก็ได้ เป็นค่าช้อปปิ้ง ค่าทริป หรือเก็บไว้เผื่อฉุกเฉิน เป็นต้น 8. แบ่งเงินใช้เป็นรายวัน ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ เราก็จะได้ค่าขนมจากผู้ปกครองกันใช่ไหมล่ะ วิธีนี้ก็เหมือนกันเลย เป็นการให้ค่าขนมตัวเองในแต่ละวันนั่นเอง กำหนดให้เราใช้เงินได้แค่นี้เท่านั้นในแต่ละวัน ถ้าอยากใช้เกินให้ไปยืมของวันถัดไปมา แล้ววันถัดไปก็ต้องเหลือใช้น้อยลง หากไว้ไหนใช้ไม่หมด อนุญาตให้ทบไว้ใช้วันถัดไปได้ หรือจะหยอดลงกระปุกก็ได้นะ 9. เศษของเงินเดือนคือเงินเก็บ หลายๆ บริษัทมักจะจ่ายเงินเดือนเป็นเศษ เพราะต้องหักค่าประกัน หรือค่าอื่นๆ เพราะฉะนั้นเราก็แค่เอาเศษพวกนั้นมาออมเป็นเงินเก็บ แล้วเหลือเงินใช้จ่ายเป็นเลขกลมๆ พอครับ แต่วิธีนี้ขอแนะนำให้หักเศษหลักพันขึ้นไป ถึงจะได้ผลดีนะจ๊ะ 10. จ่ายค่าข้าวเท่าไหร่ เก็บเงินเท่านั้น จะมื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น เอาที่สะดวกเลยครับ (หรือใครโหดๆ หน่อยจัดสองมื้อไปเล้ย) วันไหนทานน้อย ก็ออมน้อย วันไหนทานมื้อใหญ่ ก็ออมเยอะตามราคาที่จ่ายไป นอกจากนี้ใครจะนำไปปรับเป็นการออมเงินเท่าค่าเสื้อผ้า ค่าช้อปปิ้ง ก็ไม่ผิดนะ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของวิธีออมเงินเท่านั้นนะครับ จริงๆ ยังมีอีกหลากหลายวิธีเลย ลองหาวิธีที่เข้ากับตัวเองมากที่สุดแล้วทำดูนะ หรือจะนำหลายๆ วิธีมาผสมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็ได้ สำคัญคือเราต้องมีวินัย กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปตึงหรือหย่อนไป เงินออมคือเงินที่เหลือจากค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นไม่ควรทำให้ตัวเองลำบากเพราะการออมเงินน๊า   บทความแนะนำ  >> 10 อุบายที่สายเที่ยวควรระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อในต่างแดน <<    

อ่านเพิ่มเติม
แบกเป้เที่ยว กับ 10 ที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ !! เที่ยวสนุก ถ่ายรูปเพลินในต่างแดน
แบกเป้เที่ยว กับ 10 ที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ !! เที่ยวสนุก ถ่ายรูปเพลินในต่างแดน

12 ธ.ค. 61

พร้อมจะไปออกทริปไปเที่ยวกับเราแล้วหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปหยิบกล้องถ่ายรูปมาให้พร้อม แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย เกาะให้แน่นๆ ดูให้ดีๆ เพราะวันนี้ ทัวร์ครับ จะพาไปแนะนำให้รู้จักที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ ชิคๆ คูลๆ ถ่ายรูปออกมาสวยมว๊าก! อย่ารอช้าเวลาไม่คอยท่า มีที่ไหนบ้างไปดูกันเล้ยยย 1. วังเวียง - ลาว พิกัด : Vang Vieng เริ่มต้นกันแบบใกล้ๆ กันก่อน กับสถานที่ท่องเที่ยวที่สายฮิปสเตอร์ทั้งหลาย ไม่มีใครไม่รู้จัก ถือว่าเป็น destination หลักๆ ที่คนมักจะคิดถึงถ้าอยากจะเที่ยวแบบชิคๆ เลยล่ะ วัยรุ่นไทยไปเช็คอินกันให้พรึ่บ เพราะค่าครองชีพไม่แพง เดินทางง่าย มีเวลาแค่ 2 วันก็ไปตะลอนเที่ยว และถ่ายรูปเก๋ๆ กันที่วังเวียงได้แล้ววววว 2. The Cafe Apartment - เวียดนาม พิกัด : The Cafe Apartment cr.baanlaesuan.com ขยับออกไปอีกนิด กับประเทศที่มาแรงสุดในซีซั่นนี้! ใครๆ ก็ไปเวียดนามกันทั้งนั้น และแน่นอนว่า มาถึงโฮจิมินห์ ถ้าไม่ไปเยือนที่คาเฟ่อพาร์ทเม้นท์ถือว่าพลาดมั่กๆเลยแก คือมันชิค มันคูล มันฮิปสเตอร์อย่าบอกใครเชียวล่ะ สายคาเฟ่ต้องไป! ไม่ไปถือว่าผิด! พูดแค่นี้ !!! ใครที่ไปทัวร์เวียดนาม สามารถหาวันอิสระไปได้นะครับ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน 3. ดาลัด - เวียดนาม พิกัด : Dalat cr.wechoice.vn ยังอยู่กันที่เวียดนามกันต่อ ก็บอกแล้วว่าซีซั่นนี้เค้ามาแรงเว่อร์ วัยรุ่นไทยจองตั๋วบินไปเช็คอินกันให้พรึ่บ! วางแพลนทริปดีๆ วันนึงอยู่โฮจิมินห์ อีกวันก็ออกมาดาลัดซะหน่อย ที่นี่มีมุมให้เหล่าฮิปสเตอร์ได้ลั่นชัตเตอร์กันพรึ่บ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำแพงสีเหลืองสดใสที่เธอเห็นกันเต็มไอจี ก็อยู่ที่นี่น้าาา 4. ตึกตึก Montane Mansion - ฮ่องกง พิกัด : Montane Mansion ใครกำลังแพลนไปทัวร์ฮ่องกง ต้องมีตึกนี้อยู่ในลิสต์ด้วยแน่ๆ เพราะถือว่าเป็นมุมที่ฮิตมากมุมนึงเลยล่ะ ใครๆ ก็คุ้นเคยตึกนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นฉากหนึ่งในหนังดัง เรื่องทรานส์ฟอร์เมอร์นั่นเอง แต่ขอแนะนำอย่างนึงว่า ตึกนี้เป็นที่พักอาศัยของคนฮ่องกงเค้า ถึงแม้จะอนุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพได้ แต่เหล่าฮิปสเตอร์ทั้งหลายก็ต้องรักษามารยาท ไม่เสียงดังให้เค้ารำคาญใจนะครับ เพิ่มเติมอีกสถานที่หนึ่งในฮ่องกงที่ห้ามพลาด .. คือ ตึก Choi Hung ครับ สำหรับอาคาร Choi Hung ลงสถานี Choi Hung ออกประตู C3 เดินตรงไปที่โรงเรียนเลยครับเเล้วทะลุตึกไปถึงเลย ซึ่งที่นี่มีมุมให้ถ่ายหลายมุมมาก ไฮไลท์ก็ไม่พ้นตึกแถวสีสันสวยงามนี่แหละครับ แถมพื้นสนามก็ยังเป็นเฉดสีที่เหมาะกับฉากหลังด้วย ใครมาเที่ยวฮ่องกงแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปที่นี่ถือว่าพลาดจริงจังครับ 5. เสียมเรียบ - กัมพูชา พิกัด : Siem Reap จะบอกว่า ตอนนี้เหล่านักท่องเที่ยวสายฮิปสเตอร์หลายๆ คนได้จดที่นี่ไว้ในใจแล้วล่ะครับ เมืองที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ขอบอกว่ามีมุมชิคๆให้ลั่นชัตเตอร์เต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือจุดที่เป็นไฮไลท์อย่าง อังกอร์วัด หรือนครวัด-นครธม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั่นเอง ใครที่มองข้ามไป อยากให้ลองมองดูใหม่น๊า 6. มะละกา - มาเลเซีย พิกัด : Melaka กลับลงมายังประเทศทางใต้ของไทยเราบ้าง กับเมืองมรดกโลก อย่างมะละกา ถึงแม้ว่ากว่าจะไปถึงมะละกา จะต้องนั่งรถออกจากกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซียมาเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ก็คุ้มค่าที่จะมาแน่นอน เพราะเป็นเมืองที่มีความสวยงามตามแบบฉบับของเมืองมรดกโลก และมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายภาพอัพโซเชียลเพียบเลย 7. ฮาจิเลน - สิงคโปร์ พิกัด :  Haji lane Singapore เขยิบไปประเทศข้างเคียงมาเลเซีย ที่วัยรุ่นไทยนิยมไปสุดๆ อย่างสิงคโปร์กันครับ ที่นี่ก็มีหลากหลายมุมให้ไปเช็คอินพร้อมกับถ่ายภาพเช่นกัน อย่างฮาจิเลน Street Art ชื่อดัง ที่มีสีสันสดใส มีลวดลายความอาร์ตที่สวยงามฝุดๆ ไปสิงคโปร์ห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาดนะครับ 8. Fort Canning Park - สิงคโปร์ พิกัด : Fort Canning Park หรือที่เราเรียกกันว่า อุโมงค์ต้นไม้ ครับ ใครเช็คอินที่สิงคโปร์ จะต้องมีภาพมุมนี้มาอวดกันด้วยแน่ๆ เป็นสวนสาธารณะที่มีความเก๋และชิคสุดๆ ถ่ายภาพออกมาได้ความฮิปสเตอร์เต็ม 100 บินไปถึงเมืองสิงโตทั้งที ต้องไปเยือนที่นี่สักหน่อยนะครับ 9. บาหลี - อินโดนีเซีย พิกัด : Bali ชื่อนี้การันตีความเก๋อย่างแน่นอน ไม่ได้มีแต่ความสวยของน้ำทะเลเท่านั้น แต่ที่บาหลียังมีความชิคของเมือง คาเฟ่ ร้านอาหารต่างๆ เรื่อยไปจนถึงโรงแรมเลยล่ะครับ ออกตัวเป็นฮิปสเตอร์ทั้งที พลาดบาหลีไปถือว่าผิดมหันต์เลยนะจะบอกให้ 10. ภูเก็ต - ประเทศไทย พิกัด : Phuket ปิดท้ายกันที่ ภูเก็ตบ้านเรา เมืองที่มีความชิคแอนด์คูล อู้หู!!สุดๆ ทั้งกำแพงสตรีทอาร์ต ทั้งถนนคนเดิน ทั้งตึกต่างๆ แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่นำสายไฟลงดิน เปิดเผยความสวยงามของตึกเก่าๆ ตามย่านต่างๆ ของภูเก็ตมากขึ้น ยิ่งต้องไปเช็คอินเลยนะ สายฮิปสเตอร์ที่อ่านจบแล้ว อยากไปเช็คอินถ่ายรูปชิคๆ กลับมาอัพโซเชียลที่ไหนกันบ้าง ไหนลองคอมเม้นท์บอกกันหน่อยนะ หรือใครที่ซื้อทัวร์กับ ทัวร์ครับ ไปเที่ยววันอิสระ อย่าลืมส่งรูปกลับมาอวดกันหน่อยน๊าาาาา   อ่านต่อ >> รวม 7 สไตล์เที่ยวต่างประเทศ ตามวันเกิด ไปเถิดมันดี… <<    

อ่านเพิ่มเติม
10 ข้อต้องรู้! เตรียมตัวเที่ยวยุโรปให้ดี มีแต่ความฟิน
10 ข้อต้องรู้! เตรียมตัวเที่ยวยุโรปให้ดี มีแต่ความฟิน

20 ก.พ. 62

และเพื่อให้เพื่อนๆ ของทัวร์ครับได้เดินทางท่องเที่ยว ยุโรป แบบฟินๆ เสมือนว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี วันนี้ ทัวร์ครับ เลยขอนำทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการเตรียมตัวเที่ยวยุโรปที่จะทำให้การเดินทางของเพื่อนๆ ง่ายขึ้นมาฝากกันครับ ...   1.เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - เวลา แน่นอนว่าข้ามไปอีกซีกโลก ใช้เวลาบินข้ามน้ำข้ามทะเลกว่า 10 ชั่วโมง ก็ถือว่าเป็นการข้ามเวลาด้วย จะให้มาปรับตัวได้ง่ายๆ รวดเร็วเหมือนไปประเทศในเอเชียที่เวลาต่างกันแค่ 2 ชั่วโมงคงไม่ใช่ เพราะฉะนั้นควรเตรียมตัวเที่ยวยุโรป ศึกษา Time Zone ของประเทศที่เราไปให้ดี จะได้กำหนดเวลานอนได้ถูกต้อง แรกๆ ก็คงมีอาการ Jet lag กันบ้าง ทัวร์ครับ เลยขอแนะนำว่าอย่าฝืนนอนกลางวัน แต่ให้นอนให้ดึกที่สุดในช่วง 2 วันแรก แล้วร่างกายก็จะค่อยๆ ปรับได้เองครับ   2. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - กระเป๋าเดินทาง ไปยุโรปส่วนมากก็ไปกันในฤดูหนาว ทำให้ต้องนำเสื้อกันหนาวที่กินพื้นที่ในกระเป๋าไปหลายตัว และยิ่งใครที่เป็นสายแฟชั่นก็อาจจะเตรียมเสื้อผ้าไปเยอะหน่อย ข้อแนะนำของแอดมินเลยก็คือ นำกระเป๋าใบที่จุได้เยอะที่สุดไปเพียงใบเดียวก็พอ จะได้ไม่ต้องลำบากขนกระเป๋า และที่สำคัญควรคำนวณน้ำหนักดีๆ อย่าให้เกิดที่สายการบินกำหนด และควรทำสัญลักษณ์พิเศษไว้ที่กระเป๋าของเราเพื่อป้องกันการหยิบผิดด้วยนะครับ   3. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - เครื่องแต่งกาย ก่อนไปก็ควรเช็คสภาพอากาศให้ดี และที่สำคัญอยากแนะนำว่าอย่าเอาเสื้อผ้าไปเผื่อเลือกนะครับ ควรวางแผนชุดที่จะใส่ในแต่ละวันให้ดี จะได้ไม่ต้องเอาของมากไปเกินจำเป็น หากไปฤดูหนาว ถุงมือ ถุงเท้า หมวกไหมพรม และลองจอร์นหรือฮีทเทคให้พร้อม ส่วนรองเท้าหากเป็นคู่ใหม่ควรทดลองใส่เดินก่อนสัก 2 - 3 ครั้ง เพื่อให้รองเท้ารับได้พอดีกับเท้า และฝึกความคุ้นชินครับ   4. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - กระเป๋า หนึ่งอย่างที่อยากบอกให้รู้ไว้เลยก็คือ ที่ยุโรปมิจฉาชีพค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นการสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ หรือสะพายกระเป๋า crossbody ที่โดดเด่นอาจทำให้ตกเป็นเป้าหมายของโจรพวกนี้ได้ สิ่งที่อยากแนะนำคือ ควรสะพายกระเป๋าคาดเอว คาดอก หรือกระเป๋าใบเล็กๆ ไว้ด้านในเสื้อผ้า ใส่พวกพาสปอร์ต เงิน และของที่สำคัญไว้ แล้วกระเป๋าด้านนอกก็สะพายแค่ไว้เป็นพร็อบ ใส่พวกกระดาษชำระ แว่นกันแดด หรือของที่ไม่ใช่ของสำคัญก็พอครับ  >>10 อุบายที่สายเที่ยวควรระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อในต่างแดน<<   5. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - กล้องถ่ายรูป ใจความสำคัญไม่ได้อยู่ที่กล้องถ่ายรูป แต่อยู่ที่แบตเตอรี่และเมมโมรี่การ์ดมากกว่า เพราะมันคงจะไม่สนุกแน่ หากกำลังลั่นชัตเตอร์ในจุดที่สวยงาม แต่แบตดันมาหมดและไม่ได้เตรียมแบตเตอรี่สำรองมา หรือลั่นชัตเตอร์เพลินจนเมมโมรี่การ์ดเต็ม เพราะฉะนั้นเตรียมไปเผื่อดีกว่าขาดนะครับ   6. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - ยาสามัญประจำตัว แต่ละคนอาจจะมีโรตประจำตัวแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นยาประจำตัวคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่ยุโรปไม่ได้ซื้อยาง่ายเหมือนที่เมืองไทยเรานะครับ นอกจากนี้ใครที่ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไรก็อย่าชะล่าใจ ควรเตรียมพวกยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ไปด้วย เพราะเราไปเจอภูมิสภาพของเมืองที่เปลี่ยน อากาศเอย เชื้อโรคเอย ก็อาจจะทำให้เราป่วยได้ก็ได้ครับ กันไว้ดีกว่าแก้นะครับ   7. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - เงิน ห้าม! บอกเลยว่าห้ามเด็ดขาดที่จะพกเงินทั้งหมดติดตัวออกไปเที่ยว เพราะหากเกิดหายขึ้นมาก็จะเดือดร้อนทั้งทริปเป็นแน่ แต่หากใครพักที่โฮสเทล หรือไม่ใช่ตามโรงแรมที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดี ก็ไม่อยากให้เก็บเงินไว้ที่ห้องพักเช่นเดียวกัน ทางแก้ง่ายๆ เลยก็คือ อยากให้ทุกคนทำบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินที่เป็น Visa หรือ Mastercard มาจากไทยครับ แล้วกดเงินจากตู้ ATM เอา อาจจะ 3 วันกดทีก็ได้ เสียค่าบริการครั้งละ 100 - 150 บาท แต่แลกมาด้วยความสบายใจก็คุ้มนะครับ   8. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - ภาษา แม้จะไปเที่ยวยุโรปกับทัวร์ แต่ก็ต้องรู้ภาษาไว้บ้างนะครับ ง่ายๆ เลยก็คือภาษาอังกฤษ พวกคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันง่ายๆ ศึกษาไว้บ้าง และภาษาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ พวกคำว่า สวัสดี, ขอบคุณ, ขอโทษ รู้ไว้ไม่เสียหาย และจะทำให้การเดินทางครั้งนี้สนุกขึ้นเยอะเลยครับ   9. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - อาหาร ไปต่างถิ่นแน่นอนว่าอาหารคงจะไม่ถูกปากไปทั้งหมด แล้วอย่างยิ่งใครที่ทานรสจัด คงไม่อินกับอาหารยุโรปที่มีแต่แป้ง นม ชีส เลี่ยนๆ แน่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำเลยก็คือการพกเครื่องปรุงส่วนตัวไปครับ อาจจะเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำพริก หรือน้ำปลาขวดเล็กๆ และพกอาหารสำเร็จรูป หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดกระเป๋าไปด้วย ทานข้างนอกไม่ถนัด อาจจะไม่อิ่ม อย่างน้อยกลับมาที่โรงแรมแล้วได้เจอรสชาติที่คุ้นเคยก็ยังดีครับ   10. เตรียมตัวเที่ยวยุโรป - ซ้อมอาบน้ำแต่งตัว ข้อสุดท้ายนี้อาจจะฟังดูตลก แต่นี่คือเรื่องจริงนะครับ เพราะการไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือแพลน และหากเวลาผิดไปก็อาจจะทำให้แพลนคลาดเคลื่อนได้ ยิ่งไปกับคนหมู่มากยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามากๆ  เพราะฉะนั้นหากเพื่อนๆ คนไหนรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนทำอะไรนาน หรือมีหลายขั้นตอนกว่าจะออกจากบ้านได้ ก่อนไปก็ลองซ้อมดู ว่าตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงพร้อมออกไปข้างนอกเนี่ยเราใช้เวลาเท่าไหร่ เมื่อไปเที่ยวแล้วจะได้กะเวลาตื่นถูกครับ ทั้ง 10 ทริคที่ ทัวร์ครับ เราจัดมาให้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ และสามารถนำไปปรับใช้กันนะครับและไม่ใช่แค่ไปยุโรปเท่านั้น แต่ทริคเหล่านี้ยังปรับใช้ได้กับการไปเที่ยวทุกที่เลย เตรียมตัวให้พร้อมในทุกด้าน จะช่วยให้ทริปสนุกและราบรื่นขึ้นอีกเยอะเลย เที่ยวให้สนุกกันนะครับ  หากใครสนใจไปเที่ยวยุโรป สามารถปรึกษาหรือดู ทัวร์ยุโรป กับ ทัวร์ครับ กันก่อนได้เลยครับ รับลองว่าสะดวกฟินแน่นอนนน !!      

อ่านเพิ่มเติม
13 ข้อห้ามที่ห้ามทำบนเครื่องบิน..ขึ้นเครื่องครั้งแรกทำตัวอย่างไรดีนะ ??
13 ข้อห้ามที่ห้ามทำบนเครื่องบิน..ขึ้นเครื่องครั้งแรกทำตัวอย่างไรดีนะ ??

22 ก.พ. 62

ไม่เป็นไรวันนี้เรามีทริคเด็ดๆมาให้ทุกคน จะได้ไม่ต้องไปแก้เขินกันบนเครื่องไม่ใช่อะไรหรอกเพราะตัวเราก็มีประสบ การณ์แบบนั้นเหมือนกัน 5555 จะเป็นยังไงไปดูกันเลยจ้า   1.หาข้อมูลการเดินทาง ใครที่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกควรเช็คข้อมูลการเดินทางไปสนามบิน และตรวจสอบเวลาเครื่องบินให้ดีๆคงไม่มีใครอยากวิ่งหน้าตั้งไปขึ้นเครื่องใช่ไหมล่ะครับ ไม่คูลเลยว่าไหม เพราะฉะนั้นเราควรเผื่อเวลาล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ไปถึงสนามบินเร็วก็มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นกันตกเครื่องด้วย ถ้าบินไกลส่วนใหญ่จะต้องไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ถ้าในประเทศส่วนใหญ่ก็จะขึ้นที่ดอนเมือง แนะนำเช็คเส้นทางเลี่ยงรถติดกันให้ดีๆ นะครับ แหล่งข้อมูลเวลา นาฬิกา โลก : http://th.thetimenow.com/worldclock.php   2.ขั้นตอนการเช็คอิน เมื่อไปถึงสนามบินแล้วต่อไปจะเป็นขั้นตอนในการเช็คอินและตรวจสอบเอกสารใครที่ไม่เคยขึ้นเครื่องแนะนำให้อ่านข้อนี้หนักๆ เลยยย !!   2.1 การเช็คอินและโหลดกระเป๋า เมื่อไปถึงแล้วให้ดูที่จอดิจิตอลที่สนามบิน ซึ่งจะแสดงเลขเที่ยวบินสายการบิน และเวลาเดินทางไว้ (ดูได้จากใบรายละเอียดการเดินทาง)พร้อมระบุหมายเลขเค้าเตอร์สำหรับเช็คอินให้นำบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต(กรณีไปต่างประเทศ)และใบรายละเอียดการเดินทางยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสร็จแล้วเราจะได้รับ Boarding Pass และใบตม.(สำหรับเดินทางออกนอกประเทศ) 2.2 การสแกนสัมภาระ เมื่อมาถึงจุดตรวจให้แสดงพาสปอร์ตและBoarding Pass กับเจ้าหน้าที่ วางกระเป๋าหรือสัมภาระทั้งหมดลงในถาดที่จัดไว้ 2.3 สำหรับผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศให้มองหาป้ายตรวจหนังสือเดินทาง Passport Control เมื่อถึงจุดตรวจ ให้ยื่นพาสปอร์ตและใบตม.ที่กรอกแล้วให้กับเจ้าหน้าที่ 2.4 ดูเกตที่เราจะต้องขึ้นเครื่องบน Boarding Pass จากนั้นให้เดินเข้าไปรอในเกตดีกว่าเพราะบางที่เกตอยู่ไกลพอสมควร   3. สิ่งต้องห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน รู้ไว้ก่อนสิ่งของต้องห้ามนำขึ้นเครื่องบินถ้าไม่อยากถูกโยนของใช้ทิ้งลงถังขยะ อ่านก่อนเถิดหนา 3.1 ของเหลวทุกชนิดที่มีความจุต่อชิ้นเกิน 100 มล. เช่น เจล น้ำหอม สบู่เหลว สเปรย์ ห้ามพกติดตัวขึ้นเครื่องบินแนะนำให้ใส่กระเป๋าที่จะโหลดดีกว่าหรือใครจำเป็นต้องใช้จริงๆให้แบ่งใส่ขวดเล็กๆ เอาไว้ก็ได้ครับ ชิ้นต่อไป 3.2 แบตเตอรี่สำรองต้องมีค่าความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh 3.3 อาวุธ 3.4 ของมีคมต่างๆ เช่น กรรไกรตัดเล็บ คัตเตอร์ 3.5 วัตถุไวไฟ เช่น ไฟแช็ค 3.6 อาหารที่มีกลิ่นแรง ต้องแพ็คมาอย่างเหมาะสม 3.7 สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้าย 3.8 สารอันตรายต่างๆ เช่น สารกำจัดแมลง สารหนู 3.9 สิ่งของอื่นๆ เช่น แม่เหล็ก น้ำแข็งแห้ง   4.สัมภาระขึ้นเครื่องอย่าใหญ่จนเกินไป เพราะตอนยกขึ้นเก็บบนช่องเก็บเหนือศีรษะอาจไปกระแทกหัวคนอื่นเขาได้ แถมยังลำบากตอนเอาขึ้นเอาลงเครื่องอีกต่างหากโดยกฎทั่วไปมักจะกำหนดกฎเกณฑ์ของกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องได้แบบ 1+1 ครับ คือกระเป๋าส่วนตัว 1 ใบ บวกกับสัมภาระอีก 1 ใบ โดยทั้งสองใบต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม บางครั้งสายการบินอาจจะไม่ได้เคร่งเรื่องขนาดมากเท่าไร แต่แนะนำไว้จะได้หมดปัญหาเพื่อนร่วมทางมองแรง   5.ควรยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นช่องเก็บเหนือศีรษะด้วยตนเอง ไม่ต้องรอให้แอร์โฮสเตสเข้ามาช่วยเหลือยิ่งถ้าหากเป็นผู้ชายแล้วล่ะก็ยกเองดีกว่าน้าจะให้ผู้หญิงมาช่วยก็ดูจะเป็นการไม่เหมาะเท่าไรเพราะอันนี้เป็นหน้าที่นอกเหนือของแอร์แล้วถือว่าช่วยกันเป็นน้ำใจน่ารักๆ ของชาวไทยเรา เพื่อประหยัดเวลาในการออกเดินทางด้วย แต่ถ้าใครตัวเล็กยกไม่ไหวจริงๆก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ครับ   6.มองซ้ายขวาก่อนยกกระเป๋า ก่อนยกกระเป๋ามองด้านหลังก่อนเผื่อมีคนเดินตามเรามาหลบทางให้เขาก่อนที่เราจะยกกระเป๋าขึ้นเพื่อความรวดเร็วในการเตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่อง ถ้าจะให้ผู้โดยสารทั้งลำหยุดชะงักเพราะเราแค่คนเดียวดูจะไม่เวิร์คเท่าไรใช่ไหมครับ เผลอๆ เราอาจเป็นต้นเหตุทำให้เครื่อง Delay แบบไม่รู้ตัวด้วยก็ได้นะ กันไว้ดีกว่าแก้นะทุกคนนนน   7.เอาเบาะที่นั่งพอประมาณ อย่าให้ถึงกับติดขาคนข้างหลังยิ่งถ้าเป็นชั้นประหยัดนี่บอกเลยว่าแน่นมากครับ สบายเราแต่ลำบากคนอื่นก็อาจจะโดนก่นด่ากันไปตลอดทางไม่น่าเป็นไอเดียที่เวิร์คเท่าไรครับ เอาแต่พอประมาณดีกว่าและที่สำคัญตอนเสิร์ฟอาหารแนะนำให้เอนเบาะตั้งตรงก่อนเพราะไม่งั้นแถวด้านหลังอาจจะกินไม่สะดวก   8.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่นั่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคนอยากให้เคารพกฎตรงนี้กันเนอะ เพราะอุบัติเหตุทางอากาศเราไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไร ถ้าเกิดเครื่องบินตกหลุมอากาศเครื่องกระแทกแรง ตัวเราอาจลอยไปกระแทกกับผนังด้านบนได้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้แนะนำให้คาดเข็มขัดเอาไว้ตลอดดีกว่าน้า สามารถปรับระดับให้พอดีตัวเราได้แบบไม่อึดอัด ทำกันให้เป็นนิสัยเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง   9.นั่งที่นั่งตามเลขบนบอร์ดดิ้งพาส นั่งที่นั่งตามเลขที่ที่ปรากฏบนบอร์ดดิ้งพาส  ไม่ย้ายที่นั่งด้วยตัวเองบางไฟล์ทอาจจะมีคนน้อยทำให้มีที่นั่งว่าง แต่ รู้หรือไม่ว่าทุกเที่ยวบินนักบินต้องดูเรื่องของการกระจายน้ำหนักผู้โดยสารบนเครื่องบิน เพื่อให้เครื่องบินเกิดความสมดุลด้วย การย้ายที่นั่งด้วยตัวเองถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเท่าไรนัก   10.ดูหนัง ฟังเพลงบนเครื่องบิน บางสายการบิน ที่พนักของที่นั่งด้านหน้าจะมีจอที่สามารถเล่นเกมส์ ฟังเพลงหรือชมภาพยนตร์ได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือถ้าต้องการอ่านหนังสือ ก็จะมีไฟสำหรับอ่านหนังสืออยู่เหนือศรีษะ สามารถกดใช้ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากจะดูหนังแนะนำให้ใส่หูฟังจะได้ไม่เป็นการรบกวนผู้อื่นขณะโดย สารด้วยครับ   11.ดูสัญญาณไฟบนเครื่อง เมื่อเครื่องขึ้นบินได้ระดับแล้ว ไฟสัญญาณสีเขียวจะสว่างสามารถลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำตามจุดต่าง ๆ บนเครื่องได้แต่บนเครื่องจะมีห้องน้ำน้อยอย่างชั้น Economy โดยเฉลี่ยแล้วจะมี 1ห้องต่อผู้โดยสารประมาณ 28-30 คนเพราะฉะนั้นอย่าใช้ห้องน้ำนานเกินไป รักษาความสะอาดและที่สำคัญคืออย่าทิ้งขยะลงไปในส้วมเพราะอาจจะทำให้ส้วมตันแล้วต้องปิดห้องน้ำไปจนถึงที่หมายก็เป็นได้   12.ขึ้น-ลงเครื่องบิน มีปัญหาปวดหู หูอื้อ ทำอย่างไรดี แนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยได้มากครับ  เพื่อให้มีการกลืนน้ำลายบ่อยๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องหูเวลาขึ้น/ลงเครื่องบินหนักๆควรพกยาหดหลอดเลือดชนิดพ่น และชนิดรับประทานไว้ด้วยเสมอเท่านี้  โดยต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์อีกที เท่านี้การเดินทางก็จะราบรื่นปราศจากอาการของหูที่จะรบกวนอีกต่อไป   13.ข้อแนะนำก่อนลงเครื่อง เมื่อถึงที่หมายหยิบสัมภาระต่าง ๆ ให้เรียบร้อยระวังไม่ให้กีดขวางทางเดิน และไม่ควรลุกออกจากที่นั่งก่อนเครื่องจอดสนิท หากเป็นเที่ยวบินในประเทศจะสามารถไปที่สายพานเพื่อรับกระเป๋าได้เลย แต่ถ้าเป็นเที่ยวบินต่างประเทศ จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ แสดงบอร์ดดิ้งพาสพาสปอร์ต และใบตม.ที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เจ้าหน้าที่จากนั้นอาจจะมีการถามตอบเล็กน้อยก่อนประทับตราเข้าเมืองได้ จบไปแล้วกับ 13 ข้อห้ามที่ห้ามทำบนเครื่องบินนะครับ ถ้าหากใครที่กำลังเดินทางไปต่างประเทศหรือขึ้นเครื่องบินครั้งแรกก็อย่าลืมปฏิบัติตามกฎกันด้วยนะครับบ และทัวร์ครับก็ขอให้ทุกท่านที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เที่ยวให้สนุก จบทริปกันด้วยดี แล้วไว้เจอกันใหม่ครับ ...    อ่านต่อ >>แพลนทริปไว้แพลนเงินด้วย! รวม 10 ไอเดียออมเงินไว้ไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ<<  

อ่านเพิ่มเติม
10 ไอเทมที่ห้ามลืมพก เมื่อต้องไปเที่ยวต่างประเทศ
10 ไอเทมที่ห้ามลืมพก เมื่อต้องไปเที่ยวต่างประเทศ

26 ก.พ. 62

  1.หนังสือเดินทาง จะไปต่างประเทศทั้งทีลืมหนังสือเดินทางนี่อาจต้องเดินทางกลับบ้านก่อนขึ้นเครื่องนะจ๊ะ ของสำคัญเพื่อยืนยันตัวตนขณะอยู่ต่างประเทศสำคัญพอๆกับบัตรประชาชนเมื่ออยู่ประเทศไทยเลยก็ว่าได้แนะนำควรเตรียมกระเป๋าพกติดตัว เพื่อไว้เก็บหนังสือเดินทางโดยเฉพาะเลย และสิ่งสำคัญที่หลายคนมักพลาดไปก็คือ หนังสือเดินทางควรมีอายุมากกว่า 6 เดือน หรือ 180 วัน นับตั้งแต่วันที่เราเดินทางไป ถ้าหนังสือเดินทางของคุณใกล้จะหมดอายุแนะนำให้ไปต่อก่อนดีกว่าเพราะมีหลายคนพลาดเดินทางไปอย่างน่าเสียดายด้วยกรณีหนังสือเดินทางใกล้หมดอายุ กันมาหลายรายแล้วล่ะ     2.ยาประจำตัว ใครที่เป็นโรคประจำตัวอะไรสิ่งที่ลืมไม่ได้คือยาประจำตัวของคุณหรือใครที่ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรก็ควรพกยาแก้ปวดสามัญประจำบ้านอย่างเช่น พาราเซตามอล ยาแก้ปวด แก้แพ้ แก้ท้องเสีย เป็นต้น  ติดตัวกันไว้ดีกว่าเพราะบางประเทศอาจจะต้องเจอกับสภาพอากาศที่แปรปรวนอาจจะป่วยกันได้ง่าย จะได้ไม่ต้องวุ่นวายหายากันที่ต่างแดนที่เราไม่รู้ว่าควรกินยาอะไร พกไว้ให้อุ่นใจดีกว่า     3.กล้องถ่ายรูป ของสำคัญเวลาไปต่างแดนถึงแม้เราจะมีกล้องโทรศัพท์ที่ถ่ายได้อย่างรวดเร็ว แต่ไหนๆ ไปไกลทั้งทีก็อยากจะเก็บรูปถ่ายที่คุณภาพชัดๆ แน่นๆกันใช่ไหมล่ะเพราะฉะนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของทริปอีกอย่างนั่นก็คือ "กล้องถ่ายรูปดีๆ สักตัว" ถ้าให้ดียิ่งกว่านั้นลองหาตากล้องคู่ใจไปด้วยสักคนทีนี้ก็เป็นทริปที่มีเก็บความทรงจำกันได้ยาวๆ แล้วสำหรับใครที่ไปคนเดียวการใช้ขาตั้งกล้องที่พับเก็บได้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เราว่าเวิร์คในยุคสมัยนี้เพราะสะดวก แล้วก็ไม่ต้องวุ่นวายใครด้วยแต่แนะนำว่าเลือกสถานที่ที่คนไม่พลุกพล่านเท่าไรจะได้ไม่รบกวนเขาด้วยเนอะ     4.อุปกรณ์แปลภาษา ไปต่างประเทศจะไปงูๆ ปลาๆก็พอได้สำหรับบทสนทนาง่ายๆแต่หากเกิดเรื่องฉุกเฉินหรือเกินความสามารถเราขึ้นมาทีนี้ล่ะเรื่องใหญ่แนะนำให้พกอุปกรณ์แปลภาษาไปด้วยดีกว่าเผื่อบางประเทศเขาไม่พูดภาษาอังกฤษเราจะลำบากได้ สำคัญมากๆเวลาซื้อของจะได้คุยกับเขารู้เรื่อง ไม่ใช่สั่งเนื้อไก่ แต่ได้เนื้อสุนัขอะไรแบบนี้ดูจะล้ำเกินไปจริงไหม 555     5.หัวปลั๊กไฟ หัวปลั๊กประจำประเทศนั้นๆ ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะใช้ปลั๊กแบบเราเพราะฉะนั้นทางที่ดีควรศึกษาก่อนว่าประเทศที่เราจะไปนั้นเขาใช้หัวปลั๊กแบบไหนจะได้ไม่พลาด ทางที่ดี ควรนำหัวปลั๊ก universal ที่ใช้ได้กับทุกประเทศไปด้วย หรือทำการบ้านว่าประเทศที่เราจะไปนั้นใช้หัวปลั๊กแบบไหนแล้วเตรียมไปให้ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่กันที่ต่างประเทศกันให้วุ่นวายใจ     6.เงินสด เงินสด ควรพกเงินสดติดตัวไว้ด้วยเผื่อเหตุฉุกเฉินหรือต้องการใช้เล็กๆ น้อยๆ จะได้มีเงินใช้จ่ายในกรณีที่บางร้านค้าอาจจะไม่รับบัตรแล้วควรแลกเงินจากไทยไปก่อนเพราะสวนใหญ่จะได้ rate ดีกว่าแลกเมืองนอก ร้านที่ใช้บริการบ่อยคือ Super Rich ลองดูใน googleได้เลยครับ มีSuper rich thailand กับ super rich 1992 ต้องลองเช็คเรทราคาดูอีกทีเพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดอยู่แล้ว     7.ร่มหรือเสื้อกันฝน เพราะเราไม่รู้เลยว่าอากาศต่างประเทศจะเป็นยังไง บางประเทศฝนตกตลอดปี ก็มีถึงจะดูกรมอุตุของบ้านเขาไว้แล้วก็เถอะแต่เราก็ไม่อยากเปียกขณะเดินทางจริงไหม เผลอๆ ก็อาจจะป่วยยาวไปทั้งทริปจะหมดอรรถรสในการเดินทางซะเปล่าๆเพราะฉะนั้นอย่าลืมกันไว้ดีกว่าแก้เสมอ     8.เสื้อกันหนาว สำคัญมากๆยิ่งเดินทางไปในประเทศยุโรปโซนที่หนาวจัดๆ ควรมีเสื้อกันหนาวแน่นๆไว้สักตัวเพราะอากาศดีของเขาอาจจะหนาวมากสำหรับชาวไทยอย่างเราๆที่ไม่เคยเจออากาศหนาวจัดมาก่อนเครื่องกันหนาวไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันหนาว รองเท้าบู๊ท ถุงมือหรือผ้าพันคออุ่นๆจะช่วยปกป้องร่างกายของคุณให้ปลอดภัยจากอากาศหนาวของบ้านเขาได้ดี แนะนำให้เตรียมไปให้พร้อมจะได้ไม่ไปเป็นหวัดที่นู่น     9.รองเท้าสำรอง ควรพกติดตัวมาด้วยเผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินไม่ว่าจะรองเท้ากัดหนักมากเพราะการมาต่างประเทศแต่ละทีบอกเลยว่าเดินเยอะแน่นอนหรือรองเท้าเปียกฝนหลายเหตุการณ์ฉุกเฉินทางที่ดีเราควรนำรองเท้ามาเปลี่ยนด้วยจะได้สนุกกับทริปให้เต็มที่แบบหมดห่วง ไม่ต้องคอยมานั่งพัก นั่งเซ็งว่ารองเท้ากัดส่วนการเลือกรองเท้าก็ต้องดูสภาพแวดล้อมของสถานที่ท่องเที่ยวด้วย เช่น หากเดินเที่ยวในเมือง รองเท้าผ้าใบดีๆ สักคู่ก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องเดินป่า หรือต้องไปตะลุยหิมะก็ควรเลือกรองเท้าที่เป็นแบบเฉพาะกันหิมะไม่ให้กัดเท้าเราได้     10.แผนที่ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรลืมไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตามเพราะเราไปต่างถิ่นต่างที่แถมภาษาบ้านเขาเราก็จะอาจจะงงๆถามทางแต่ละทีก็ต้องรวบรวมความกล้าจนปวดใจเพราะกลัวสื่อสารกับเขาไม่รู้เรื่องแนะนำให้พกแผนที่หรือไฮเทคหน่อยก็หาโหลดแอพแผนที่ที่ใช้กับประเทศเขาได้ เอาที่แบบเราดูแล้วเข้าใจไม่งงกว่าเดิมเพื่อที่จะได้ไม่พลาดเที่ยวชมสถานที่สำคัญๆ หรือเกิดหลงทางขึ้นมาจะได้กลับถูก หลงทางบ้านเขาไม่คูลเลยจริงไหม เสียทั้งเวลา เสียทั้งโอกาส ทางที่ดีเตรียมจดลิสต์สถานที่ที่เราอยากไปเอาไว้ด้วยพร้อมกับพิกัดเดินทางเอาไว้ด้วยดีกว่าจะได้รวดเร็ว ไม่เสียเวลาเดินทาง และยังคำนวณเวลาการเที่ยวได้ จะได้เป็นทริปที่น่าจดจำอีกทริปหนึ่ง บทความแนะนำ >>13 ข้อห้ามที่ห้ามทำบนเครื่องบิน..ขึ้นเครื่องครั้งแรกทำตัวอย่างไรดีนะ ??<<

อ่านเพิ่มเติม
Checklist ง่ายๆ เตรียมตัวไว้ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ!
Checklist ง่ายๆ เตรียมตัวไว้ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ!

25 ธ.ค. 63

 ช่วงนี้อยู่ไทยก็เหงาๆ หน่อย นึกถึงภาพตัวเองตอนไปเที่ยวต่างประเทศก็ยิ่งคิดถึงคพอนึกว่าได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศทีไร ใจมันก็ตื่นเต้นทุกที ถึงแม้ตอนนี้จะยังเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ แต่เปิดประเทศได้เมื่อไรเราต้องพร้อมเดินทางไปเที่ยวให้ไวก่อนใคร และเพื่อจะได้ไม่พลาดทุกการเดินทาง Tourkrub เตรียมลิสต์มาให้ ก่อนเดินทาง Checklist ง่ายๆ เตรียมตัวไว้ก่อนตามนี้ เมื่อเปิดประเทศเมื่อไหร่ก็เก็บเสื้อผ้า ลากกระเป๋าเดินทาง พร้อมพุ่งตัวไปได้เลย! เช็คลิสต์ที่ 1 : เตรียมข้อมูลและเอกสารสำคัญต่างๆ ในการเดินทางต่างประเทศ●       ตั๋วเครื่องบิน : เตรียมให้พร้อม ทั้งขาบินไปและขาบินกลับ อันนี้สำคัญมาก●       หลักฐานการจองที่พัก : ถ้ามีสถานที่พักแล้ว หากตม. ขอดูเอกสารก็ผ่านเข้าประเทศเขาได้ไม่ยากเลย●       วีซ่า (ถ้ามี) : บางประเทศอาจต้องใช้ ทำและพกไว้ติดตัวตลอดระหว่างอยู่ในประเทศนั้นๆ●       พาสปอร์ต (Passport) : หลายคนไม่ได้เดินทางนาน พาสปอร์ตอาจจะหมดอายุได้ อย่างน้อยต้องมีอายุ 6 เดือนก่อนหมดอายุ ถ้าน้อยกว่านี้บางประเทศเดินทางไม่ได้ อย่าลืมตรวจเช็คและอัปเดตวันหมดอายุพาสปอร์ตอยู่เสมอ ไม่งั้นปุบปั๊บต้องเดินทางออกนอกประเทศ ไปไม่ได้ไม่รู้ด้วยนะ●       เอกสารการอนุญาตการใช้ยา ยาบางประเภท เข้าไม่ได้และถ้าคุณมีโรคประจำตัว แล้วต้องใช้ยาบางชนิด ขอเอกสารพกไปด้วยนะ  เช็คลิสต์ที่ 2 : เตรียมของใช้ส่วนตัวให้ครบถ้วน●       เสื้อผ้า เช็คอุณหภูมิประเทศนั้นๆ ในช่วงที่เราจะเดินทางไปเที่ยว แฟชั่นต้องได้ แต่ก็ต้องใส่ให้ตรงกับฤดูของเขาด้วยนะ●       ชุดชั้นใน เอาไปให้เพียงพอ ไม่ควรใส่ซ้ำเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องอะนะ●       เครื่องสำอาง / อุปกรณ์อาบน้ำ ต่างๆ หากสิ่งไหนสำคัญมากๆ เป็นของเหลวจำเป็นต้องหิ้วขึ้นเครื่องไปด้วยกัน คุณจะต้องแบ่งลงขวดเล็ก ที่มีปริมาณขวดละไม่เกิน 100 มล.●       โทรศัพท์ / แบตสำรอง (ความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh และห้ามโหลดลงใต้เครื่องบิน)●       กระเป๋าใบเล็กสำหรับหิ้วเสริมขึ้นเครื่อง (ขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว)●       กล้องถ่ายรูป (ห้ามโหลดลงใต้เครื่องเด็ดขาด)●       Pocket Wifi (ถ้ามี)●       ยาประจำตัว ทั่วไป เช่นยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง เป็นต้น●       หน้ากากอนามัย / เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สำคัญมากๆ ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนการ์ดอย่าตก พกไปด้วยดูแลตัวเองให้ดีที่สุดและรับผิดชอบต่อสังคม เช็คลิสต์ที่ 3 : เตรียมประกันไว้ให้พร้อมรองรับทุกการเดินทางเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ควรมีประกันการเดินไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งก็มีหลากหลายแพ็คให้เราได้เลือกซื้อ แต่เราแนะนำนี่เลยประกันเดินทางจาก Cigma จะช่วยให้คุณหมดห่วงทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าหาย ไฟลท์ดีเลย์ กรณีเจ็บป่วย ไม่สบาย หรืออุบัติเหตุเกิดขึ้นได้แบบไม่ตั้งใจ ทุกปัญหาฉุกเฉิน ประกัน Cigma ก็พร้อมจะดูแลคุณไปทุกการเดินทาง สามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่นี่ >> https://www.cigna.co.th หรือคลิกดู ประกันการเดินทาง ได้เลย เช็คลิสต์ที่ 4 : เตรียมเงินสำหรับใช้จ่าย●       เงินต่างประเทศ แลกให้เพียงพอ ตามสกุลของประเทศนั้นๆ ที่เราจะไปเที่ยว●       เงินไทย (ติดไว้เผื่อสำรอง)●       ATM / บัตรเครดิต ที่ทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้ เกิดฉุกเฉินช้อปเงินสดเพลิน บัตรเครดิต ต่างๆ ช่วยเราได้ เมื่อเตรียมพร้อมทั้งสิ่งของ ทั้งกายและใจ แถมยังมีผู้ช่วยดูแลให้การเดินทางของคุณสะดวกมากขึ้นขนาดนี้ แบบนี้ก็สามารถไปเที่ยวได้สบายอย่างหายห่วงแล้วล่ะค่ะ ขอให้เดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยนะ อย่าลืมซื้อ ประกันการเดินทาง ทุกครั้งเมื่อต้องเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยนะและถ้าเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้เมื่อไร ไม่ว่าจะบินไปเที่ยวที่ไหน จองไปเที่ยวกับทัวร์ครับ รับรองว่า ทุกอย่างสะดวกสบาย เพราะทัวร์ครับจัดการไว้ให้หมดแล้ว จองทัวร์ครบจบที่ทัวร์ครับ

อ่านเพิ่มเติม
พาสปอร์ตหมดอายุ ทำใหม่ออนไลน์ ได้พาสปอร์ตมีอายุ 10 ปี
พาสปอร์ตหมดอายุ ทำใหม่ออนไลน์ ได้พาสปอร์ตมีอายุ 10 ปี

02 ก.ค. 64

พาสปอร์ตหมดอายุต่อที่ไหน…ได้เวลาเดินทางไปต่างประเทศกันแบบรัวๆ แล้ว พาสปอร์ตก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ หากหมดอายุก็ต้องทำใหม่ให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งปัจจุบันการทำพาสปอร์ต ออนไลน์ ลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าได้แล้ว เพื่อลดความเสียงการเกิดโควิด 19 อีกทั้งยังประหยัดเวลา สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.qpassport.in.th และทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้จองทัวร์ต่างประเทศ ปี 2566 กับ ทัวร์ครับ คลิกเลย    ขั้นตอนการลงทะเบียน ทำพาสปอร์ตออนไลน์เข้าสู่เว็บไซต์ www.qpassport.in.thลงทะเบียนและสมัครสมาชิกกรอกข้อมูลส่วนตัวไปยังอีเมลเพื่อกดลิงค์ยืนยันการลงทะเบียนกดเข้าใช้ระบบจองคิว กรอกอีเมล และรหัสยืนยันเพื่อเข้าสู่ระบบจองคิวระบบออนไลน์ได้เลยอัตราค่าธรรมเนียมในการทำพาสปอร์ต อัพเดตปี 2564 ทำพาสปอร์ต อายุไม่เกิน 5 ปีเล่มปกติ ราคา 1,000 บาทเล่มด่วน ราคา 3,000 บาททำพาสปอร์ต อายุไม่เกิน 10 ปีเล่มปกติ  ราคา 1,500 บาทเล่มด่วน ราคา 3,500 บาท  ทำพาสปอร์ต ใช้เอกสารอะไรบ้าง สำหรับคนที่ทำพาสปอร์ตครั้งแรกบัตรประจำตัวประชาชน หรือสูติบัตรฉบับจริงถ้ามีการเปลี่ยนชื่อนามสกุล ต้องมีเอกสารหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ด้วยสำหรับคนพาสปอร์ตหมดอายุบัตรประจำตัวประชาชน หรือสูติบัตรฉบับจริงพาสปอร์ตเล่มเก่าหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล (กรณีมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล) ทําพาสปอร์ตที่ไหนได้บ้างสถานที่ทำพาสปอร์ตทั่วกรุงเทพ 1. กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะที่อยู่: 123 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210โทรศัพท์: Call Center 02 572 8442หรือ 02 203 5000 กด 1 เพื่อติดต่อกรมการกงสุล2. สำนักงานหนังสือเดินทาง ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา(รับทำเฉพาะหนังสือเดินทางราชการเท่านั้น)ที่อยู่: ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (อาคารบี ประตูฝั่งทิศตะวันออก) ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210โทรศัพท์: 02 143 76803. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา - ศรีนครินทร์ที่อยู่: ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ชั้น 1 โซน Cโทรศัพท์: 02 136 3800, 02 136 3802 และ 093 -01052464. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ - ตลิ่งชันที่อยู่: อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนีโทรศัพท์: 02 422 34315. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรีที่อยู่: ศูนย์การค้าบิ๊กซี สาขาสุวินทวงศ์ 29 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. 10510โทรศัพท์: 02 024 8362-646. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตยที่อยู่: สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) คลองเตย ถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. 10110โทรศัพท์: 02-024-8896, 093-010-52477. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวันที่อยู่: ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ (MBK CENTER) ชั้น 5 โซน A ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯโทรศัพท์: 02 126 76128. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรีที่อยู่: ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 3 ถนนพหลโยธิน ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานีโทรศัพท์: Call center กรมการกงสุล 0-2572-84429. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่ที่อยู่: ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต ชั้น G ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ นนทบุรีโทรศัพท์: Call center กรมการกงสุล 0-2572-8442สำหรับสถานที่ทำพาสปอร์ตตามจังหวัดต่างๆ จะตั้งอยู่ตามศาลากลาง อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือห้างสรรพสินค้า สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองหนังสือเดินทาง โทรศัพท์ 0 2981 7257 ถึง 60 และ 0 2203 5000 ต่อ 32303ก่อนไปทำพาสปอร์ตอย่าลืมเช็คเอกสารให้ครบถ้วน และที่สำคัญอย่าลืมจองคิวทำพาสปอร์ต ออนไลน์ ก่อนเดินทางไปทำพาสปอร์ต นอกจากประหยัดเวลาแล้ว และยังลดความเสี่ยงของโควิด19 อีกด้วย ได้รับพาสปอร์ต 10 ปีเรียบร้อยก็จองทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศกับทัวร์ครับได้เลย จองทัวร์เที่ยวแล้ว ก็แนะนำให้ ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ ไว้ให้พร้อมเดินทางไกล เจ็บป่วยขึ้นมาเข้าโรงพยาบาลค่าใช้จ่ายสูงมาก มีประกันเดินทางท่องเที่ยวไว้อุ่นใจกว่ามากๆ  จองทัวร์ต่างประเทศ ปี 2566 กับ ทัวร์ครับ คลิกเลย  

อ่านเพิ่มเติม
ขั้นตอน ทำวัคซีนพาสปอร์ต ออนไลน์ ทำง่าย สะดวกสบาย ที่สำคัญ ฟรี!
ขั้นตอน ทำวัคซีนพาสปอร์ต ออนไลน์ ทำง่าย สะดวกสบาย ที่สำคัญ ฟรี!

25 พ.ค. 65

ได้เวลาออกเที่ยวต่างประเทศกันแล้ว หลังจากไม่ได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศนานกว่า 2 ปี สถานการณ์โรคต่างๆ เริ่มคลี่คลาย ทำให้เราสามารถเดินทางเที่ยวตา่งประเทศได้แล้ว แต่อาจมีขั้นตอนและเอกสารสำคัญเพิ่มขึ้น อย่าง วัคซีนพาสปอร์ต เป็นหนึ่งเอกสารที่ต้องมีเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ สามารถทำวัคซีนพาสปอร์ต ออนไลน์ เองได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น หมอพร้อม ทัวร์ครับ เอาขั้นตอนการทำ วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) ออนไลน์ มาฝากทุกคนแล้ว ทำตามขั้นตอนรับรองว่าได้ วัคซีนพาสปอร์ต พร้อมเดินทางไปเที่ยวกับทัวร์ครับได้เลย   วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) คืออะไรวัคซีนพาสปอร์ต ไทย คือ เอกสารรับรองสำหรับผู้ได้รับวัคซีนป้องกัน Covid-19 เพื่อใช้เป็นเอกสารสำคัญในการเดินทางระหว่างประเทศ  ขั้นตอน การทำ วัคซีนพาสปอร์ต ออนไลน์   ดาวน์โหลแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม  android  iOS และลงทะเบียนเข้าแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม เมื่อทำการลงทะเบียนเรียบร้อย คลิกที่ Internationnal Certificaticate   2. จากนั้นไปที่เมนู “ขอหนังสือรับรองฯ”  3. กรอกข้อมูล และอัปโหลดเอกสารให้ถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งข้อมูลต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ตรวจสอบข้อมูลการรับวัคซีนถ้าถูกต้องก็กดยืนยันได้เลย  4. เลือกรูปแบบการขอหนังสือรับรอง วัคซีน พาสปอร์ต ทัวร์ครับ แนะนำให้เลือก แบบชนิดอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากรวดเร็วกว่า และไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง แต่ต้องมีอเีเมลด้วยนะ ซึ่งการเลือกรับแบบ e-Vaccine จะไม่มีค่าใช้จ่าย เบื้องต้นฟรีถึงวันที่ 30 มิถุนายน  2565 ใครมีแพลนเดินทางก็ขอล่วงหน้าไว้ได้เลย แต่หากเลือกรับแบบรับด้วยตัวเอง หรือส่งตามที่อยู่ จะมีค่าธรรมเนียม 50 บาท ซึ่งอันนี้จะได้เป็นเล่มสีเหลือง เมื่อเลือกช่องทางการรับเอกสาร เลือกวันที่รับเอกสารแล้ว จากนั้นกดเมนูยืนยันขอเอกสารการออกหนังสือรับรอง ฯ ได้เลย  5.ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในหนังสือรับรองฯ ให้เรียบร้อยก่อนกดยืนยันขอออกหนังสือรับรองฯ เพียงเท่านี้ก็รอ พาสปอร์ต วัคซีน ได้แล้ววัคซีนพาสปอร์ต ไม่มีวันหมดอายุสามารถใช้ได้ตลอด แต่หากมีการรับวัคซีนเพิ่มก็ต้องขอวัคซีนพาสปอร์ตใหม่ วัคซีน พาสปอร์ต ทำที่ไหนสะดวกสบายมากขึ้น เพราะตอนนี้ขอผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อมได้แล้ว ไม่ต้องเดินทางที่สำคัญคือ ฟรี!  ไม่เสียเงิน แต่จะไม่ได้เป็นเล่มสีเหลือง จะเป็น e-Vaccine Pasport เพียงเท่านั้นเองหากใครอยากได้เป็นเล่มสีเหลือง ก็สามารถขอผ่านหมอพร้อมได้เช่นกัน ใสามารถเลือกวิธรับได้  2 แบบ คือ ส่งมาให้ที่บ้าน หรือไปรับเองก็ได้ แต่อันนี้จะมีค่าใช้จ่าย 50 บาทหรือถ้าใครอยากเดินทางไปทำ วัคซีน พาสปอร์ต ด้วยตัวเอง ก็มีพื้นที่ให้บริการหลายแห่ง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัด สแกน QR Code ในภาพได้เลย 1.กองโรคติดต่อทั่วไป (ณ อาคารศูนย์การแพทย์บางรัก) เบอร์โทรศัพท์ 096-190-9879 , 096-190-9290 (สำหรับคนไทย) และ 096-190-9462 (สำหรับชาวต่างชาติ)  เว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/dcd 2. สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมืองเบอร์โทรศัพท์ 02-521-0943 ถึง 5 , 02-521-1668 และ 02-521-0943 เว็บไซต์ https://vacn.ddc.moph.go.th 3. โรงพยาบาลเมดพาร์ค เบอร์โทรศัพท์ 083--990-6951เว็บไซต์ https://vaccinepassportmedpark.ddc.moph.go.th 4.โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เบอร์โทรศัพท์ 02-306-9199เว็บไซต์ https://www.tm.mahidol.ac.th/hospital 5.โรงพยาบาลกลางเบอร์โทรศัพท์ 02-220-800เว็บไซต์ https://www.klanghospital.go.th 6.สถาบันบำราศนราดูร เบอร์โทรศัพท์ 02-590-3427 , 02-590-3402 , 02-590-3605 , 02-590-3430 , 02-951-1170 ถึง 79 ต่อ 3430 เว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/bidi  การขอ วัคซีนพาสปอร์ต – Vaccine Passport ผ่านสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมืองผ่านเว็บไซต์  http://ossiudc.ddc.moph.go.th/Appointment1.ใส่เลขบัตรประชาชน 13 หลัก หรือ หมายเลขพาสปอร์ต2.เลือกวันเวลานัดรับเอกสาร จากนั้นกดถัดไป3.ใส่ข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วน และกดยืนยันได้เลย กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน 1. เอกสารของผู้เดินทาง- บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง- พาสปอร์ตตัวจริงและสำเนา ที่มีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง- เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เมื่อครบ 1 เข็ม พร้อมสำเนา โดยต้องมี QR code เพื่อสแกนตรวจสอบข้อมูลได้ - ค่าใช้จ่ายในการขอออกหนังสือรับรอง Vaccine Passport 50 บาทต่อ 1 เล่ม 2. เอกสารของผู้ได้รับมอบอำนาจ- บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา- หนังสือมอบอำนาจ ตัวจริง (1 ฉบับต่อ 1 พาสปอร์ต)- มอบอำนาจได้ไม่เกิน 5 คนต่อผู้รับมอบอำนาจ 1 คนต่อ 1 วัน และจะต้องลงทะเบียนชื่อ-นามสกุล ในขั้นตอนการจองสิทธิทุกคนดาวน์โหลด เอกสารมอบอำนาจ >> https://ddc.moph.go.th/uploads/files/1901120210614025823.pdf 

อ่านเพิ่มเติม