All articles abouts เคล็ดลับเที่ยวต่างประเทศ

5 ซีรีย์ Netflix ดูเพลิน นั่งเครื่องนานแค่ไหน ก็ไม่เบื่อ...

5 ซีรีย์ Netflix ดูเพลิน นั่งเครื่องนานแค่ไหน ก็ไม่เบื่อ...

24 ก.ค. 61

        เวลาต้องเดินทางไกล นั่งเครื่องนานๆทีไรมักจะประสบปัญหาพบเจอความเบื่อ จะนอนก็นอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำอะไรดี โดยเฉพาะการเดินทางกับสายการบิน Low Cost ที่ไม่มีความบันเทิงให้บริการระหว่างการเดินทาง จึงทำให้หลายคนหันมาใช้บริการ Netflix แหล่งความบันเทิงที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะเต็มไปด้วยภาพยนต์ ซีรีย์มากมาย แถมสามารถโหลดไว้ชมออฟไลน์บนมือถือ จึงสามารถนำไปชมระหว่างนั่งเครื่องบินได้แบบสบายๆ วันนี้ทัวร์ครับได้รวบรวม 5 รายชื่อซีรีย์และภาพยนต์บน Netflix ที่หลายเสียงการันตีว่าเด็ด เอาไว้ชมแก้เบื่อบนเครื่องกันค่ะ 13 บันทึกรักหัวใจสลาย (13 Reasons Why)           ซีรีย์สไตล์วัยรุ่นอเมริกันที่กำลังเป็นที่ยอดนิยมไปทั่วโลก กับเรื่องราวสุดดราม่าจากการฆ่าตัวตายของ แฮนนาห์ เบเคอร์ พร้อมกับการทิ้งเทปไว้  13 เทปที่อธิบายถึงสาเหตุของการฆ่าตัวตาย ในแต่ละตอนก็จะค่อยๆเปิดเผยความจริงของเพื่อน 13 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายของแฮนนาห์ เป็นซีรีย์ที่ชวนติดตามสุดๆ ยิ่งดูยิ่งเข้มข้นขึ้นทุกตอนเลยค่ะ  ริเวอร์เดล (Riverdale)           เรื่องราวของเมืองเล็กๆของอเมริกาที่มีชื่อว่า ริเวอร์เดล ที่ดูเหมือนจะเป็นเมืองคันทรี่ทั่วไปๆ แต่กลับ เต็มไปด้วยเรื่องราวความลึกลับ เมื่อ เจสัน บลอสซัม ลูกชายของตระที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองริเวอร์เดลถูกฆ่าตายอย่างเป็นปริศนา แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดเผยเรื่องราวความลับต่างๆของเมืองนี้ที่ถูกซ่อนมาอย่างยาวนาน นอกจากการสืบสวนแล้วซีรีย์เรื่องนี้ยังมีเรื่องของ มิตรภาพของเพื่อน ครอบครัว ที่สนุกสนานจนหยุดดูไม่ได้เลยค่ะ และที่สำคัญมีแต่หนุ่มฮอตๆทั้งนั้นเลย สาวๆจะต้องกรี๊ดกันแน่นอน ความทรงจำพิศวง (Forgotten)           มาต่อกันที่ภาพยนต์กันบ้างค่ะ เป็นภาพยนต์เกาหลีที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ ทัวร์ครับขอคอนเฟิร์ม เป็นเรื่องราวของพี่น้องคู่หนึ่ง ที่อยู่มาวันหนึ่งพี่ชายได้ถูกจับตัวไป ผ่านไป 19 วันอยู่ดีๆพี่ชายก็กลับมาบ้าน พร้อมความเปลี่ยนแปลงราวกับไม่ใช่พี่ชายคนเดิม เป็นภาพยนต์แนวทริลเลอร์ พร้อมกลิ่นอายของดราม่า ที่เราคาดเดาเนื้อเรื่องกันไม่ได้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ ดูไปลุ้นไปจริงๆค่ะ รับรองว่านั่งเครื่องครั้งนี้ไม่มีเบื่อแน่นอน เดอะ คิสซิ่ง บูธ (The Kissing Booth)           แนวดราม่าหนักๆกันไปบ้างแล้ว ขอพักสมองมาแนววัยรุ่นอเมริกาใสๆกันบ้างค่ะ กับเรื่องราวของคู่เพื่อนซี้ที่สนิทกันตั้งแต่เด็ก โดยทั้งคู่ได้ตั้งกฎขึ้นมา หนึ่งในนั้นคือ การห้ามรักกับพี่น้องของเพื่อน แต่แล้วนางเอกของเราดันไปตกหลุมรักกับพี่ชายของเพื่อนสนิทเอาซะงั้น จึงต้องหาทางปิดบัง ไม่งั้นความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานอาจต้องจบลง เป็นภาพยนต์ตลกๆ มีเรื่องดราม่าเล็กๆให้พอกรุบกริบ ดูแล้วอยากเป็นนางเอกซะเหลือเกินเพราะว่า พระเอกเรื่องนี้ฮอตสุดๆเลยค่ะ สเตรนเจอร์ ธิงส์ (Stranger Things)            ปิดท้ายด้วยซีรีย์แนว Sci-Fi ชื่อดังของ Netflix อีกเรื่องที่ใครๆต่างพูดถึง เรื่องราวการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็กชายคนหนึ่งในเมืองฮอว์คินส์ ทำให้เกิดการตามหาและค้นพบความลึกลับที่เกี่ยวข้องกับการทดลองลับด้านพลังเหนือธรรมชาติของเด็กพิเศษ แต่ละตอนนั้นตื่นเต้นสุดๆ ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้กลายเป็นอีกหนึ่งซีรีย์จาก Netflix ที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ          ทัวร์ครับหวังว่าจะถูกอกถูกใจกับ 5 ซีรีย์ที่ทัวร์ครับนำมาฝากทุกคนกันในวันนี้ แต่ละเรื่องเด็ดๆทั้งนั้น แค่โหลดไปดูแบบออฟไลน์บนเครื่องชิวๆ ก็ไม่ต้องนั่งเบื่อแล้วค่ะ ส่วนครั้งหน้าทัวร์ครับจะมีเรื่องราวเด็ดๆอะไรมานำเสนออีก อย่าลืมติดตามกันให้ดีค่ะ ส่วนใครที่ไม่กลัวเบื่อ แค่กลัว Jet Lag ทัวร์ครับมีเคล็ดลับนั่งเครื่องบินยาวๆยังไง ให้ไร้ Jet Lag มาฝากกันค่ะ  >>>5 เคล็ด (ไม่) ลับ ฉบับคนขี้เที่ยว ตอน “ Jet lag เหรอ...ฉันไม่กลัวหรอก! ”<<<

อ่านเพิ่มเติม
5 แบรนด์หรู สุดยอดกระเป๋าเดินทาง ไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่หวั่น!
5 แบรนด์หรู สุดยอดกระเป๋าเดินทาง ไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่หวั่น!

17 เม.ย. 63

การเดินทางจะราบรื่นและเต็มไปด้วยความทรงจำอันน่าประทับ สิ่งสำคัญนอกจากเรื่องสถานที่เที่ยวแล้ว กระเป๋าเดินทางก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เพราะหากกระเป๋าเดินทางของเรา เกิดพังขึ้นมาระหว่างทริป อาจจะทำให้หมดสนุก และต้องนั่งหัวเสียกับกระเป๋าเดินทางเจ้าปัญหาไปตลอดทริปเที่ยว ซึ่งปัญหาพวกนี้จะไม่เกิน ถ้าเราเลือกกระเป๋าเดินทางที่แข็งแรง ทนทาน พร้อมลุยกับเราไปได้ในทุกการเดินทาง ทัวร์ครับจึงไม่รอช้า รีบจัดให้! รวบรวมกระเป๋าเดินทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างยกนิ้วให้ว่า เป็นสุดยอดกระเป๋าเดินทาง ว่าแต่จะมีแบรนด์กระเป๋าเดินทางไหนบ้าง ตามทัวร์ครับมาดูกันเลย เรื่องของกระเป๋าเดินทาง ต้องเลือกที่มีคุณภาพไว้ก่อน เพราะถ้าคุณภาพดีจะมาพร้อมกับความทนทานใช้ได้นานๆ คุ้มค่า ไม่ว่าจะไซส์ไหนก็ต้องเลือกให้ดีๆ ซึ่งสามารถเข้าไปเลือกดูกระเป๋าเดินทาง และซื้อผ่านออนไลน์ได้แล้วที่ Robinson Online (https://www.robinson.co.th/th) ซึ่งมีหลายแบบหลายสไตล์ให้เลือกช้อปกัน ซื้อกระเป๋าเดินทางกับ Robinson Online การันตีได้ว่า เป็นของแบรนด์แท้ 100% และส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำด้วย  ซื้อกระเป๋าเดินทาง กับ Robinson Online >> https://www.robinson.co.th/th/sports-leisure/luggage/hard     5 แบรนด์หรู สุดยอดกระเป๋าเดินทาง   1. กระเป๋าเดินทางหรู - อเมริกัน ทัวร์ริสเตอร์ (American Tourister)           สำหรับ American Tourister เชื่อว่าไม่มีนักเที่ยวคนไหนไม่รู้จัก เพราะเป็นแบรนด์กระเป๋าเดินทางขวัญใจนักเที่ยวทั่วโลก ด้วยรูปทรงการออกแบบที่ทันสมัย มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ ทั้งชนิดของวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นแบบแข็ง หรือแบบผ้า ขนาดไซส์ต่างๆที่มีครบทุกไซส์และได้มาตราฐานสากล เนื่องจากอยู่ในเครือบริษัท Samsonite จึงมั่นใจในคุณภาพได้อย่างแน่นอนค่ะ หลายเสียงบอกมาว่าเป็นกระเป๋าเดินทางที่ทนมากๆ พาไปลุยหลายทริปแล้วยังไม่สะทกสะท้าน หากใครกำลังมองหา กระเป๋าเดินทางที่ทนทาน ทันสมัย ได้มาตราฐาน ในราคาที่เอื้อมถึง American Tourister  เป็นแบรนด์กระเป๋าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ   ซื้อกระเป๋า American Tourister กับ โรบินสัน ออนไลน์ >> https://www.robinson.co.th/th/american-tourister   2. กระเป๋าเดินทางหรู - แซมโซไนท์ (Samsonite) มาต่อกันที่แบรนด์กระเป๋าเดินทางที่ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก กับความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี กับ Samsonite ความโดดเด่นของกระเป๋าเดินทางของ Samsonite คือเรื่องของ วัสดุที่แข็งแรงสุดๆ ไม่ว่าทริปของคุณจะบุกป่า ฝ่าดงขนาดไหน กระเป๋า Samsonite  ก็จะพาคุณเที่ยวต่างประเทศได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัย และหลากหลายขนาดให้เลือกซื้อได้ตามความต้องการ ซึ่งสมัยก่อนเราอาจได้ยินกันมาว่า กระเป๋าเดินทาง Samsonite ราคาค่อนข้างแพง แต่ปัจจุบัน Samsonite มีกระเป๋าที่หลากหลายมากขึ้น จึงมีช่วงราคาสินค้าที่เราสามารถเข้าถึงได้ แต่เรื่องคุณภาพยังสามารถไว้ใจได้เหมือนเดิมค่ะ   3.กระเป๋าเดินทางหรู - เดลซี่ (Delsey)     กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นในประเทศไทย กับแบรนด์ กระเป๋าเดินทางชื่อดังจากฝรั่งเศส อย่าง Delsey ซึ่งเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นในเรื่องการดีไซน์ที่เน้นความคลาสสิคแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับความนวัตกรรมรุ่นใหม่ พร้อมรูปแบบที่ออกมาให้ เน้นการใช้งานที่สะดวกสบาย ผลิตจากวัสดุที่มีความทนทาน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทริปสมบุก สมบันขนาดไหน ก็ผ่านฉลุย และที่สำคัญเลยคืออยู่ในระดับเรทราคากลางๆ ไม่แพง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับกระเป๋าเดินทางที่จะทำให้คุณสบายใจ หายห่วงตลอดทริป    4. กระเป๋าเดินทางหรู - ริโมว่า (Rimowa) ส่วนใครเงินหนักสักหน่อย ก็ต้องแบรนด์นี้เลยค่ะ Rimowa กระเป๋าเดินทางที่ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1898 เป็นที่จดจำในเรื่องของ นวัตกรรมสุดล้ำของกระเป๋าเดินทาง รวมถึงใช้อลูมิเนียมที่มีความทนทาน และน้ำหนักเบา เป็นวัสดุในการผลิตกระเป๋า ทำให้กระเป๋าเดินทาง Rimowa ขึ้นชื่อเรื่องน้ำหนักที่เบา และความแข็งแรงทนทาน ร่วมกับการออกแบบที่หรูหราแต่คลาสสิค ทำให้ราคาของกระเป๋าเดินทาง Rimowa นั้นค่อนข้างจะสูงนิดนึง แต่ทัวร์ครับบอกเลยว่า คุ้มค่ากับคุณภาพแน่นอนค่ะ     5. กระเป๋าเดินทางหรู - ULKA   ปิดท้ายด้วยแบรนด์ ULKA แบรนด์กระเป๋าสุดหรูและเป็นกระเป๋าอัจฉริยะด้วย AI Robotics Auto Follow Suitcase ซึ่งเป็น กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะตัวแรกของโลก! ความเริดคือ สามารถเดินตามเจ้าของได้แบบว่าไม่ต้องลากให้เมื่อยมือ โดยใช้กล้อง Kinect Sensor ที่สามารถจดจำเจ้าของได้อย่างรวดเร็วภายในเสี้ยวนาที ในส่วนของระยะทางสูงสุดถึง 20 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักสัมภาระในกระเป๋าหากใส่ของเยอะก็อาจจะใช้ได้ไม่ถึง 20 กิโลเมตร  การออกแบบหรูหรา การใช้งานที่สะดวกสบาย กระเป๋ามีความทนทาน  ซื้อกระเป๋า ULKA  กับ โรบินสัน ออนไลน์ >> https://www.robinson.co.th/th/ulka   ทัวร์ครับบอกเลยว่าแต่ละแบรนด์ที่ทัวร์ครับคัดสรรมาให้ในวันนี้ ล้วนแต่เป็นแบรด์กระเป๋าเดินทางที่มีมาตราฐานสากล ส่วนเรื่องราคาก็แล้วแต่ความหนักของแบงค์ในกระเป๋าแต่ละท่านว่าจะสะดวกแบบไหน ? แต่ถ้าจะให้ ทริปเที่ยวของคุณสะดวกสบาย ราบรื่น และมีคุณภาพยิ่งกว่าเดิมละก็ เข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์ต่างประเทศคุณภาพจาก ทัวร์ครับ (Tourkrub) ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมกระเป๋าเดินทางคุณภาพคู่ใจได้สนุกยิ่งกว่าเคยค่ะ   เตรียมพร้อมเรื่องกระเป๋าเดินทางกันไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่นักเดินทางทั้งหลายต้องรู้ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ กับพิกัดร้านแลกเงินสุดคุ้ม อ่านต่อได้เลยที่ >>> ชี้เป้าลายแทง! “ ร้านแลกเงิน ” เรทดี เที่ยวต่างประเทศครั้งนี้ คุ้มเว่อร์<<<

อ่านเพิ่มเติม
ของดีนำโชค! แนะนำ 10 เครื่องรางจากญี่ปุ่น ต้องมีไว้ครอบครอง
ของดีนำโชค! แนะนำ 10 เครื่องรางจากญี่ปุ่น ต้องมีไว้ครอบครอง

03 ก.ค. 61

ทัวร์ครับ รวบรวม 10 เครื่องรางนำโชคของญี่ปุ่น เด็ดๆ ที่ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องซื้อกลับมา แล้วเป็นของที่ต้องมีจริงๆ นะเออสำหรับชาวสายมูฯ ใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่าพลาดเด็ดขาด จะต้องซื้อติดไม้ติดมือ ติดกระเป๋า หรือเป็นของฝากได้ด้วยนะ   1. เครื่องรางญี่ปุ่น - เหรียญ 5 เยน เริ่มกันที่เครื่องรางแรก เป็นเครื่องรางชั้นยอดที่หาง่ายมากๆ ไม่ต้องไปบูชาที่วัดไหน เพราะเป็นเหรียญที่ทุกคนสามารถมีได้เมื่อไปญี่ปุ่นค่ะ แต่ถ้าจะให้เราแนะนำ เราขอแนะนำให้นำเหรียญไปล้างน้ำมนต์ที่วัดที่ญี่ปุ่นก่อนนะคะ สำหรับเหรียญ 5 เยนนั้น คนญี่ปุ่นเชื่อว่ารูตรงกลางของเหรียญ คือรูที่ทำให้สิ่งเลวร้ายต่างๆ เรื่องไม่ดี ความโชคร้ายลอดผ่านออกไป นอกจากนี้คำว่า 5 เยน ในภาษาญี่ปุ่น อ่านว่า โกะ-เอ็น ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่า โกะ-เอ็น (ご縁) ที่แปลว่า การขอพรจากเทพเจ้า เพราะฉะนั้น เหรียญ 5 เยน จึงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีนั่นเองค่ะ ใครไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมเก็บเหรียญ 5 เยนไว้ แล้วนำมาพกติดตัวนะคะ หรือจะทำเป็นพวงกุญแจห้อยก็ได้นะ   2. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านความรัก วัดอาซากุสะ พูดถึงชื่อวัดนี้แล้ว เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องรู้จัก เพราะถือว่า เป็นวัดชื่อดังที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปโตเกียวต้องไปนั่นเองค่ะ บอกเลยว่า คนส่วนมากที่มาขอพรที่วัดนี้ สมหวังกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเครื่องรางจากวัดนี้เลยเป็นของแรร์ไอเท็ม ที่หลายๆ คนต้องบูชากลับไปค่ะ แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก ใครๆ ก็อยากมี หรือที่มีแล้วก็อยากให้มันดีขึ้นไปอีก และ เครื่องรางความรัก วัดอาซากุสะ ก็ศักดิ์สิทธิ์จนทำให้หลายๆ คนเห็นผลกันมามากแล้วค่ะ คนที่บูชาไปพกติดตัวไว้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คนจีบเพียบ ที่มีแฟนอยู่แล้วก็รู้สึกว่าดี๊ดี ไม่มีเรื่องมากวนใจ มาทะเลาะกันเลยล่ะ ใครอยากมีโชคเรื่องความรัก ก็อย่าลืมไปบูชามาติดตัวไว้นะคะ   3. เครื่องรางญี่ปุ่น - ขอให้สมปรารถนา วัดอาซากุสะ ยังอยู่กับ วัดอาซากุสะ หรืออีกชื่อคือ วัดเซนโซจิ ค่ะ (คนไทยหลายคน รู้จักในชื่อ วัดโคมแดง) นอกจาก เครื่องรางความรัก ที่บอกไปข้างต้นแล้ว ที่วัดนี้ยังมีเครื่องรางอีกมากมายให้เราไปบูชา ดังเช่น เครื่องรางสมปรารถนา อันนี้นั่นเอง เครื่องรางสมปรารถนา วัดอาซากุสะ เป็นเครื่องรางที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า เหมือนเป็นตัวแทนของเทพเจ้าของวัดเลยล่ะค่ะ พกติดตัวไว้แล้ว ไม่ว่าเราจะขอพรในเรื่องอะไร ท่านก็จะอวยพรให้เราสมปรารถนา ดังที่ใจเราต้องการ ถ้าเราอธิษฐานด้วยใจจริง สิ่งที่เราอธิษฐานก็จะเป็นจริงค่ะ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้นะคะ   4. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านการเงิน วัดอาซากุสะ บอกแล้วว่า วัดอาซากุสะ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะคะ เพราะเครื่องรางของวัดนี้ มีหลายชิ้นมากๆ ให้พรในแต่ละด้าน ต่างกันไป ถ้าใครมีโอกาสไปก็อย่าลืม เลือกเรื่องที่เราอยากให้ประสบความสำเร็จ แล้วบูชาเครื่องรางมาพกติดตัวไว้นะคะ สำหรับ เครื่องรางการเงิน จากวัดอาซากุสะ นั้น ดลบันดาลให้ผู้ที่บูชา เห็นผลมานักต่อนักแล้วค่ะ ใครที่กำลังกระเป๋าเบา หรือเงินขาดมือ รู้สึกสภาพการใช้จ่ายไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ หรือใครค้าขาย ทำธุรกิจ แล้วอยากได้กำไร แนะนำให้บูชาเครื่องรางอันนี้ไว้ เค้าว่ากันว่า ขอแสนได้แสน ขอล้านได้ล้านเลยนะจะบอกให้ Cr: https://pbs.twimg.com/media/DMU_UMLUIAUsOQd.jpg   5. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านการเรียน วัดอาซากุสะ จริงๆ แล้วเครื่องรางของวัดอาซากุสะ ยังมีอีกหลายชิ้นที่น่าสนใจ และน่าบูชาติดตัวไว้ แต่วันนี้เราคัดมาแต่ชิ้นที่เด็ดๆ ที่โด่งดังและถือว่าเป็น the must ที่ต้องบูชาจริงๆ มาแนะนำให้ทุกคน และเครื่องรางอันนี้ก็เหมาะกับ น้องๆ ในวัยเรียนค่ะ เครื่องรางด้านการเรียนของวัดอาซากุสะ นั้น เด็กนักเรียนญี่ปุ่นหลายคนบูชาพกติดตัวไว้ตลอด เพราะจะช่วยส่งเสริมในเรื่องของ การเรียน การสอบต่างๆ และเชื่อว่าจะช่วยให้มีสมาธิ มีใจจดจ่อกับเรื่องเรียนมากขึ้นด้วยค่ะ ใครที่กำลังจะสอบเข้า หรือสอบเลื่อนขั้น เลื่อนชั้นต่างๆ อย่าลืมไปหามาพกติดตัวไว้นะคะ   6. เครื่องรางญี่ปุ่น - เทพเจ้าจิ้งจอก คิสึเนะ ข้ามภูมิภาค จากโตเกียว มาที่เกียวโต กันบ้างค่ะ กับ วัดฟูชิมิอินาริ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ศาลจิ้งจอกขาว ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ของเทพเจ้าจิ้งจอกมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ ซึ่ง เครื่องรางเทพเจ้าจิ้งจอก นี้นั้น เป็นเครื่องรางแห่งความสำเร็จ หากใครที่กำลังจะทำอะไร หรือทำอะไรอยู่ แล้วต้องการให้ผลออกมาสำเร็จ สมปรารถนาที่ใจต้องการ ไม่ว่าจะเรื่อง การงาน การเรียน การสอบต่างๆ บูชาเครื่องรางนี้ เค้าว่าเทพเจ้าจิ้งจอก จะบันดาลให้สมความปรารถนาค่ะ หากใครสนใจไปเที่ยวญี่ปุ่น ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอก ดูตามโปรแกรมนี้เลย >> คลิก!! 7. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมความรัก เก็นจิ ยังอยู่กันที่เกียวโต กับอาราชิยามะ หรือสวนไผ่ชื่อดัง ที่ใครไปเที่ยวแถบ คันไซ ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนนั่นเอง และที่นี่ก็ยังเป็น จุดกำเนิดของนิยายความรักสุดคลาสสิคอย่าง เก็นจิโมโนกาตาริ ด้วยล่ะค่ะ สำหรับ เครื่องรางความรัก เก็นจิ ต้องบูชาที่ ศาลเจ้า โนโนมิยะ ค่ะ สาวๆ ญี่ปุ่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บูชาไว้แล้วพบเจอแต่คนดีๆ มีแต่คนดีๆ เข้ามาจีบ นอกจากนี้ ยังให้พรในเรื่องของ คู่ครอง และการมีลูกด้วยนะคะ ใครที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ สามารถบูชามาแล้วขอพรให้ลูกคลอดง่ายๆ และเชื่อว่าลูกที่คลอดออกมานั้นจะเป็นคนดีด้วยค่ะ   8. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมความรัก วัดน้ำใส วัด คิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส ที่คนไทยรู้จักกันดี ก็มีเครื่องรางชื่อดังเหมือนกันนะคะ นอกจากจะแวะไปขอพรจากเทพเจ้า และดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว เราขอแนะนำให้บูชาเครื่องรางกลับมาพกติดตัวไว้ด้วย โดยเฉพาะคนที่อยากมีโชคในด้านความรักค่ะ เนื่องจาก เทพเจ้าโอคุนินูชิ นั้น เป็นเทพที่มีลูกกว่า 180 คนเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นจึงเชื่อว่า ท่านเป็นเทพนักรัก และสามารถช่วยดลบันดาลให้สมปรารถนาในเรื่องความรักได้ นักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา รวมถึงคนญี่ปุ่นเองจึงนิยมเดินทางมาขอพรเรื่องความรัก และขอลูกจากท่านค่ะ   9. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมดวงดี ศาลเจ้าไคจู มาถึงเครื่องรางอันนี้ ที่บอกเลยว่ากำลังเป็นกระแสมาแรงในทวิตเตอร์มากๆ กับ เครื่องรางดวงดี จาก ศาลเจ้าไคจู อินาริ (Kaichu Inari) ค่ะ ศาลเจ้านี้มีชื่อในเรื่องของการเสี่ยงดวงต่างๆ อย่างเช่น ลอตเตอรี่ หรือแม้กระทั่ง การกดบัตรคอนเสิร์ต !! ใครที่กำลังจะเสี่ยงโชคในเรื่องต่างๆ เช่น ไปเล่นเกมไว้ตามเพจ ตามเว็บ แล้วอยากให้ชื่อเราเป็นผู้ถูกเลือก หรืออยากไปดูคอนเสิร์ตนึงมากๆ และกลัวว่าจะกดซื้อบัตรไม่ทัน ลองบูชาเครื่องรางนี้ติดตัวไว้ เค้าว่ากันว่าสมปรารถนามานักต่อนักแล้วค่ะ หรือหากใครชอบซื้อลอตเตอรี่ อยากมีดวงในเรื่องการเสี่ยงโชคบ้าง ก็สามารถขอพรจากเครื่องรางนี้ได้เช่นเดียวกันนะคะ   10. เครื่องรางญี่ปุ่น - สุขภาพ ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ ปิดท้ายกันที่เครื่องรางจาก ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ จังหวัดโอกินาว่า กันค่ะ เนื่องจากตอนนี้เส้นทาง โอกินาว่า กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเลยทีเดียว เราเลยหยิบเครื่องรางหนึ่งชิ้น ที่เค้าว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ มาแนะนำกันค่ะ สำหรับศาลเจ้านามิโนะอุเอะนั้น เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดโอกินาว่า เป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดยอาณาจักรริวกิวค่ะ เครื่องรางสุขภาพ ของที่นี่นั้น เค้าว่ากันว่าให้ผลดีมากๆ เลย ใครที่ป่วยเรื้อรังมานานไม่หายสักที ก็กลับดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ซื้อเป็นของฝากของเยี่ยมไข้ คนป่วยก็มีหน้าตาที่สดใสดูดีขึ้น อาการทุเลาลงมากเลยล่ะค่ะ เหมาะมากสำหรับบูชาเป็นของฝาก หรือจะบูชาไว้ให้ตัวเองก็ดีเหมือนกันนะคะ ส่งท้าย ก่อนจากกัน ขอแนะนำเพิ่มเติมในเรื่องของ วิธีการบูชาเครื่องรางญี่ปุ่น สักนิดนะคะ เพื่อให้ได้พรที่ศักดิ์สิทธิ์ ให้การบูชาได้ผลที่สุด แนะนำว่า ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา พกใส่ในกระเป๋า หรือถ้าในกระเป๋าสตางค์ได้ยิ่งดีเลยค่ะ และเครื่องรางญี่ปุ่นนั้นมีวันหมดอายุ โดยส่วนมากจะอยู่ที่ 1 ปี เพราะฉะนั้นจดจำวันที่บูชามาดีๆ เมื่อครบปีแล้ว แนะนำให้เอาไปคืนที่วัดที่บูชามา แล้วบูชาเครื่องรางอันใหม่มาแทน หรือหากไม่สะดวกนำไปคืนที่วัดเดิม ก็สามารถนำไปคืนไว้ที่ศาลเจ้าหรือวัดอื่นก็ได้เช่นกัน สำหรับเครื่องรางญี่ปุ่น ทั้ง 10 ชิ้นที่ทัวร์ครับเลือกมาแนะนำนั้น มีหลากหลายด้านเลยนะคะ หากใครได้ไปญี่ปุ่น อย่าลืมบูชาเครื่องรางติดตัวกลับมาด้วย หรือจะบูชาเป็นของฝากให้กับคนที่คุณรักก็ไม่ผิด ถือว่าเป็นของฝากชั้นยอดเลยค่ะ   ❤️ บทความแนะนำ >> 5 อันดับของฝาก น่าสนใจ จากญี่ปุ่น ❤️  

อ่านเพิ่มเติม
Best in travel 20 city  บุกตะลุย 20 เมืองห้ามพลาด เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ??
Best in travel 20 city บุกตะลุย 20 เมืองห้ามพลาด เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ??

08 มี.ค. 60

สวัสดีค่ะ วันนี้ ทัวร์ครับ มานำเสนอ Best in travel 20 city บุกตะลุย 20 เมืองในต่างประเทศห้ามพลาด ว่าแต่ว่าในปีนี้ใครมีแพลนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเอ่ย ถ้าใครยังคิดไม่ได้นึกไม่ออก ทัวร์ครับก็มีสถานที่เที่ยวต่างประเทศมาแนะนำให้ได้เก็บเอาไปคิดและวางแผนเที่ยวกัน หรือใครที่ยังเก็บสถานที่เที่ยวต่างประเทศไม่ครบก็ตามเชคลิสกันได้เลยจ้า.. LOS ANGELES : USA ลอสแอนเจลิสหรือที่ใครหลายคนรู้จักในนามของ แอลเอ(LA) พูดไปใครๆก็รู้จักเพราะที่นี่เขาดังมาจากอุตสาหกรรมภาพยนต์(หนังฮอลลีวูด) แถมยังเป็นศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ อย่างสถานที่จัดการประกาสรางวัลออสการ์ รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งสุดหรูอย่างโรดิโอไดรฟ์ สนุกสนานไปกับสวนสนุกดิสนีย์แลนด์และยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ไฮไลท์สำคัญที่ต้องห้ามพลาดนั่นก็คือถนนฮอลลีวูดวอร์กออฟเฟม ที่ประดับด้วยแผ่นหินเป็นรูปดาวห้าแฉก ที่ดาราระดับฮอลลีวูดได้มาจารึกชื่อ รอยมือ รอยเท้าไว้ตามท้องถนนแห่งนี้   LONDON : ENGLAND เป็นที่รู้กันดีว่าลอนดอน เมืองหลวงสุดฮิปของประเทศอังกฤษที่มีสถานที่น่าสนใจมากมาย ลอนดอน มีชื่อเสียงในเรื่องของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งความรู้ชั้นนำของโลก มีผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวเยี่ยมชมไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นที่ บริติชมิวเซียม พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จุดแลนด์มาร์กอย่างหอนาฬิกาบิ๊กเบน เดินเก็บภาพบรรยากาศบนสะพานทาวเวอร์บริดจ์ และห้ามพลาดกับหัวใจหลักของลอนดอนนั่นคือถนนอ็อกฟอร์ด (Oxford Street) แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังซึ่งมีระยะทางถึง 1.6 กิโลเมตร   LISBON : PORTUGAL โปรตุเกสประเทศที่ถูกลืมสำหรับใครหลายคนเมื่อนึกถึงทวีปยุโรป เมืองลิสบอนเมืองเล็กๆที่มากล้นด้วยเสน่ห์ ทั้งบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและอารยธรรมอันสวยงาม เที่ยวชมเมืองด้วยรถราง อาคารสิ่งปลูกสร้างถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความเก่าคลาสสิคอายุพันปี แต่ก็มีความสวยงามตามแบบโคโลเนียล ดึงดูดให้นักเดินทางต้องไปเยือนให้ได้ซักครั้งในชีวิตไฮไลท์ของลิสบอนคือการไปชมปราสาทของเซนต์จอร์จ ปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถชมวิวเมืองได้ 360 องศา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองลิสบอนเลยหล่ะ   PISTOIA : ITALY พิสโตเอีย เป็นเมืองชนบทเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาคารบ้านเรือนใน ยุคกลาง มีมหาวิหาร Cattedrale di San Zeno ด้านหน้าโบสถ์โดดเด่นด้วยศิลปกรรม สไตล์โรมัน ส่วนภายในโบสถ์ก็ตกแต่งอย่างสวยงาม ไฮไลต์เด่นภายในมหาวิหารนี้คือแท่นบูชาของเซนต์เจมส์   VIENNA : AUSTRIA เวียนนา 1 ในเมืองที่คลาสสิกและโรแมนติกที่สุดในแถบยุโรปตะวันออก เมืองที่ยูเนสโกยกให้เป็นมรดกในด้านความงดงามด้านศิลปะและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชมความสง่างามของพระราชวังเบลเวเดียร์, มหาวิหารเซนต์ สตีเฟน และจุดสำคัญที่เรียกได้ว่าถ้าไปแล้วต้องไปเยือนที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก ก็คือ พระราชวังเชินบรุนน์ศูนย์กลางการปกครองของจักรวรรดิออสเตรียนั่นเอง   PRAGUE : CZECH REPUBLIC กรุงปราก กลิ่นอายของเมืองเก่าและความโรแมนติก ทั้งความสวยงามในเรื่องรูปแบบสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างโบราณที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นปราสาทปราก, สะพานชาร์ลส์ และสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนหลงไหลในความสวยงามและอบอุ่นของเมืองแห่งนี้   AMSTERDAM : NETHERLANDS เขาว่ากันว่ากรุงอัมสเตอร์ดัมนั้นถือเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป ดินแดนแห่งจักรยานของโลก เป็นเมืองต้นแบบแห่งวัฒนธรรมการปั่นจักรยาน อีกทั้งยังมีสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและประวัติศาสตร์มากมาย ส่วนสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวชอบเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็คือ การล่องเรือชมความสวยงามของเมืองทั้งสองข้างทาง ไฮไลท์ของอัมสเตอร์ดัมคงไม่พ้น Nescio Bridge สะพานข้ามแม่น้ำที่สวยที่สุดในอัมสเตอร์ดัมและเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว   BARCELONA : SPAIN บาร์เซโลน่าในที่นี้ไม่ใช่ชื่อทีมฟุตบอลแต่อย่างใด แต่เป็นเมืองหนึ่งในประเทศสเปน ซึ่งหากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวสเปนแล้ว คุณห้ามพลาดที่จะไปเยือนเมืองบาร์เซโลน่า บาร์เซโลน่าเป็นเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกันมากนัก แต่จริงๆแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม อาหาร และชื่อเสียงด้านกีฬา นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่หลากหลายและสวยงามมากอีกด้วย   TAITUNG : TAIWAN เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักไถตงมากนัก จริงๆแล้วไถตงก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากให้ลองไปเที่ยวดูสักครั้ง “ไถ” มาจาก “ไต้หวัน” ส่วน “ตง” แปลว่า “ตะวันออก” เพราะฉะนั้นไถตงก็คือไต้หวันตะวันออกนั้นเอง ที่ไถตงนั้นจะเน้นที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นอยากมาก หากมีโอกาสได้ลองมาเที่ยวที่นี่ แนะนำให้ลองนั่งรถไฟชมวิวทะเลแปซิฟิตดูสักครั้ง รับรองภาพความสวยงามของธรรมชาติจะตาตรึงคุณไปอีกนานเลยทีเดียว (การนักรถไฟชมวิวควรมีเวลาสัก 2 วัน เพื่อที่จะได้คุ้มค่ารถไฟ)   SPLIT : CROATIA ขึ้นชื่อว่าอยู่ในโครเอเชียแล้วต้องยกให้ความโรแมนติกเป็นที่หนึ่งเลยทีเดียว เมืองสปลิทที่อยู่ในโครเอเชียนั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่มาก ในปัจจุบันถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าและการท่องเที่ยวของโครเอเชียเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีบรรยากาศดี ทิวทัศน์งดงาม มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ใครที่ได้ไปแล้วถ่ายรูปออกมาจะสังเกตได้ว่ารูปทุกรูปนั้นมีความชิคความคูล ความชีวิตดีอยู่ในรูปทุกรูปแน่นอน หากอยากไปพักผ่อนชิลๆล่ะก็ ต้องนึกถึงที่นี่ที่แรกเลย   DUBAI : ARUB EMIRATESNCE สุดยอดเมืองที่กำลังเจริญรุ่งเรือง เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าดูไบเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเศรษฐี ท้องถนนจะเห็นรถซุปเปอร์คาร์ตลอดเส้นทาง จึงทำให้ดูไบมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อลังการกว่าที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ตึกที่สูงที่สุดในโลก (burj khalifa) ชายหาดที่ถูกถมให้เป็นรูปต้นปาล์ม (palm jumeirah) ตู้ปลาขนาดยักษ์ที่อยู่ในใจกลางห้าง (dubai mall) หรือจะเล่นสกีในเมืองทะเลทรายที่ห้างก็ทำได้ (Mall of the Emirates) หรือใครอยากไปผจญภัยสัมผัสทรายด้วยตนเองก็มีกิจกรรมนั่งรถตะลุยทะเลทรายเพื่อไปแคมป์ไฟกลางทะเลก็มีให้คุณลองเช่นกัน   PARIS : FRANCE ปารีส เมืองในฝันของขาเที่ยวเกือบทุกคน หากพูดถึงยุโรปแล้วล่ะก็ปารีสต้องเป็นหนึ่งในเมืองที่คุณต้องมาลองเที่ยวสักครั้งแน่นอน เนื่องจาก ปารีส เป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นต้น นอกจากสถานที่เที่ยวแล้ว ยังมีแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมอีกมากมาย ให้ขาช้อปได้ช้อปกันเพลินเลยทีเดียว ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวปารีสแล้วล่ะก็ รับรองว่าทั้งรูปถ่ายทั้งของฝากได้กลับมาบ้านอย่างล้นหลามแน่นอน   HOKKAIDO : JAPAN ฮอกไกโด ชื่อนี้ไม่น่าจะมีใครไม่รู้จักเพราะเป็นไฮไลท์ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ฮอคไกโดเป็นเกาะเหนือสุดและหนาวสุดของประเทศญี่ปุ่น ด้วยธรรมชาติทัศนียภาพที่งดงามตลอดทั้งปี มีกิจกรรมอีกหลากหลายเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ อาหารหลากหลายเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เที่ยวเล่นอย่างเพลิดเพลินใจ คนที่เคยไปแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องกลับไปอีกอย่างแน่นอน   REYKJAVIK : ICELAND   ที่เรคยาวิกแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด เป็นเมืองที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ เที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวเมืองได้ การที่มาเดินชมอาคารบ้านเรือนภายในเมืองเรคยาวิกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไอซ์แลนด์ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อาหารการกินก็เป็นที่ถูกปากถูกคอของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ หรือใครต้องการตามล่าแสงเหนือก็สามารถตามล่าได้ที่นี่เช่นกัน เพียงแต่ช่วงเวลา และสถานที่อาจจะต้องวัดดวงกันสักนิด แต่ถ้าหากได้เห็นแสงเหนือแล้วล่ะก็บอกได้เลยว่าคุ้มเกินคุ้ม   JIUZHAIGOU : CHINA อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว ประเทศจีน ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเทือกเขาหมินซานห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางเหนือ ด้วยความสวยงามของธรรมชาติทำให้จิ่วไจ้โกวได้ถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดประติมากรรมความงามจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งน้ำตก ลำธาร ทะเลสาบสีฟ้าเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย และที่นี่คือสถานที่ในฝันของนักเดินทางหลายๆคนที่ตั้งเป้าหมายว่าต้องมาจิ่วไจ้โกวให้ได้สักครั้งในชีวิต   SEOUL : SOUTH KOREA อีกหนึ่งประเทศที่คนไทยใครๆก็รู้จัก เกาหลีใต้ประเทศสุดฮิต ดินแดนของอปป้าของสาวไทยทั้งหลาย บางคนไปแล้วไปอีกจนนับครั้งไม่ถ้วนและกรุงโซลก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งถนนศิลปะและวัฒนธรรม สถานที่ประวัติศาสตร์ สวนสนุก ร้านอาหารชั้นเลิศ แหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ทั้งแหล่งสินค้าขายส่ง สินค้าแบรนด์เนมและแฟชั่นสไตล์เกาหลีมากมาย และห้ามพลาดที่จะไปคล้องกุญแจคู่รักที่โซลทาวเวอร์นะจ๊ะ   MANDALAY : MYANMAR มิงกะลาบา ใครว่าพม่าไม่น่าเที่ยว มัณฑะเลย์เคยเป็นอดีตเมืองหลวงและเมืองใหญ่อันดับที่สามของพม่า มัณฑะเลย์เมืองศูนย์กลางการค้าและคมนาคมทางตอนเหนือและเป็นเมืองอันดับต้นๆที่มีชื่อเสียงในด้านพระพุทธศาสนา คนไทยและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปไหว้พระและสถาปัตยกรรมอันงดงามของกรุงมัณฑะเลย์ ไฮไลท์สำคัญของการเยือนมัณฑะเลย์ครั้งนี้ คือการเข้าร่วมพิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยยมุนี พระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศพม่า   OSAKA : JAPAN โอซาก้า เมืองที่ใหญ่อันดับสองของประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศแล้ว ยังขึ้นชื่อด้านอาหารในราคาย่อมเยา เพราะไม่ว่าจะมุมไหนของเมือง คุณก็สามารถหาร้านอาหารรสชาติเป็นเลิศ แต่ราคาสบายกระเป๋าได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (Universal Studio) แห่งญี่ปุ่น และสวนลอยน้ำ (Floating Garden Observatory)   MOSCOW : RUSSIA กรุงมอสโก รัสเซีย เป็น 1 ในประเทศมหาอำนาจของโลกเสมอมา รัสเซียตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรปตะวันออกและทวีปเอเชียติดกับมองโกเลีย ค่อนไปทางเหนือของโลก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีภูมิอากาศที่หนาว-หนาวจัด แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือ สภาพภูมิประเทศและธรรมชาติป่าเขาที่สวยงามจับใจแบบเมืองในเทพนิยาย ไม่นับรวมสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง เมืองและสถานที่ท่องเที่ยวรัสเซียมีอยู่หลากหลาย เมืองหลวงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์สำคัญมากมาย รวมไปถึงเมืองสมัยใหม่ที่ยังมีกลิ่นอายศิลปะดั้งเดิม   SINGAPORE สิงคโปร์ ประเทศใกล้ๆที่อาจจะเป็นประเทศแรกๆที่ทุกคนนึกถึงเวลาจะไปเที่ยวต่างประเทศ ปัจจุบันสิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญสูงสุดในแถวหน้าของโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี รวมสุดยอดแหละท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์สำหรับคนทุกกลุ่ม ทั้งช็อปปิ้ง สวนสนุก กินอาหารอร่อย หรือชมความงามธรรมชาติต่างๆมากมาย ถ้าใครมีโอกาสได้ไปก็อย่าลืมไปถ่ายรูปเชคอินกับจุดแลนด์มาร์กอย่างรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนกันนะคะ

อ่านเพิ่มเติม
แสงเหนือ คืออะไร ? ทำไมใครๆ ต้องไปดู
แสงเหนือ คืออะไร ? ทำไมใครๆ ต้องไปดู

05 ต.ค. 61

  แสงเหนือ...คืออะไร? ‘แสงเหนือ’ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ ‘ออโรร่า’ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ก่อให้เกิดความสวยงามตระการตาไปทั่วท้องฟ้า มองดูคล้าย ๆ หมู่ดาวและแสงจากท้องฟ้ากำลังเต้นระบำอย่างงดงาม ถูกตั้งโดย กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ซึ่งเจ้าแสงเหนือเนี่ยจริงๆ แล้วมีหลายสีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า สีเหลือง หรือสีม่วง แต่สีที่ปรากฎบ่อยสุดก็คือ สีเขียว ครับ โดย ‘แสงเหนือ’ นั้นเกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก กับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่างๆ กันออกไป วิธีดูแสงเหนือ แสงเหนือ มองเห็นด้วยตาเปล่าไม่ชัดจริงมั้ย ? ขอบอกว่ามีส่วนครับ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับค่า KP ในแต่ละวันด้วย หากวันไหนค่าสูงๆ ก็มีสิทธิที่จะเห็นแสงเหนือด้วยตาเปล่าได้ชัดขึ้น แต่วันไหนค่า KP ต่ำ ก็อาจจะเห็นเป็นแค่ริ้วๆ สีขาว สีเทา บนท้องฟ้านั่นเอง แต่ถึงยังไงก็ตามก็ไม่ใช่แสงธรรมดาๆ น๊า เพราะเจ้าแสงเหนือเนี่ยก็จะเต้นๆ อยู่บนท้องฟ้า เหมือนเวลาที่เราให้ในคลิปต่างๆ เลยครับ และส่วนภาพที่ถ่ายออกมาแล้วเป็นสีเขียวสวยๆ นั้น ช่างภาพใช้เวลาตั้งกล้องเพื่อถ่ายหลายวินาทีเลยล่ะ แล้วจึงจะได้ภาพแบบนั้นออกมา ฤดูที่เหมาะสมในการดูแสงเหนือ จริงๆแล้ว ช่วงที่แสงเหนือจะสวยที่สุดก็คือช่วงหลังจากผ่านวัฏจักรจุดสุริยะ (Sun Spot) มาแล้ว 2 วัน แต่อาจจะต้องรอกันนานนิดนึงนะครับ เพราะวัฏจักรดังกล่าวจะเกิดขึ้นทุกๆ 11 ปี ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งมีช่วงแสงเหนือพีคๆ ไปเมื่อปี 2013 ปี ค.ศ. 2014 เชื่อว่ารอกันนานขนาดนั้นคงไม่ไหว เลยขอแนะนำให้ไปช่วงฤดูหนาวของขั้วโลกแทน นั่นก็คือช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม มีนาคม และเมษายนครับ และเวลาที่ถือว่าเป็น Peak Time ก็คือช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00-24.00 น. นั่นเอง ประเทศที่ควรไปดูแสงเหนือ หลายคนคงคิดว่า แสงเหนือนั้นจะมีแต่ในประเทศไอซ์แลนด์เท่านั้น แต่บอกเลยว่าคิดผิด เพราะมีอีกหลายประเทศในโลกเลยที่มีแสงเหนือสวยๆ ให้ได้ชม แถมบางประเทศยังราคาถูกกว่าไอซ์แลนด์อีกเป็นเท่าตัว อย่าง รัสเซีย ฟินแลนด์ แคนาดา อเมริกา เดนมาร์ก นอร์เวย์ เป็นต้นครับ ไปกับทัวร์ หรือไปเอง ? ข้อสุดท้ายที่หลายคนกำลังลังเลอยู่ ว่าจะไปเองหรือไปกับทัวร์ดี สำหรับเราแล้วขอแนะนำให้ไปกับทัวร์จะดีกว่าครับ เพราะพวกเขามีความเชี่ยวชาญ ดังนั้นจะรู้ว่าควรไปวันไหน ไปตรงจุดไหน และเวลาไหนที่จะได้เห็นแสงเหนือชัดๆ แถมไกด์หลายคนยังสามารถทำหน้าที่เป็นตากล้องได้ดีอีกด้วยล่ะ นักท่องเที่ยวอย่างเราก็สบายเลย ไม่ต้องเตรียมทริปเอง เตรียมไปแค่ตัวกับใจแค่นั้นเอง อ่านจบแล้วพร้อมที่จะไปดู ‘แสงเหนือ’ กันหรือยังครับ ? บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ต้องไปเห็นสักครั้งในชีวิตจริงๆ นะ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจมากเลยล่ะ ส่วนใครที่สนใจไปทัวร์แสงเหนือ กับทัวร์ครับ คลิกได้ที่นี่เลย  ทัวร์แสงเหนือ รับรองว่าทริปแสงเหนือครั้งนี้มีแต่ความประทับใจ..  

อ่านเพิ่มเติม
6 สิ่งห้ามพลาด ! เมื่อมีโอกาสไปเยือน “ฝรั่งเศส”
6 สิ่งห้ามพลาด ! เมื่อมีโอกาสไปเยือน “ฝรั่งเศส”

11 ต.ค. 61

  1. ห้ามพลาด ไปถ่ายรูปกับหอไอเฟล แลนด์มาร์คของประเทศฝรั่งเศส หากใครไม่มาเช็คอินที่หอไอเฟล พร้อมโพสต์ท่าเก๋ๆ ชิคๆ ถือว่าผิดมหันต์เลยนะครับ บอกเลยว่าถ้าไม่ได้ภาพมุมนี้ ไม่มีใครเชื่อแน่ๆ ว่าเรามาเยือนฝรั่งเศสแล้ว เพราะฉะนั้นเตรียมชุดเก๋ๆ จากเมืองไทย แล้วไปใส่ถ่ายรูปกับหอไอเฟลกันเถอะ 2. ห้ามพลาด ไปดิสนีย์แลนด์ พิกัด : Disneyland Paris หนึ่งในความฝันของสาวๆ หลายคน คือการไปเยือนดิสนีย์แลนด์ให้ครบทั่วโลก เพราะฉะนั้นมาถึงฝรั่งเศสทั้งที ก็ต้องไปย้อนวัยเด็ก เติมเต็มความฝันที่ ดิสนีย์แลนด์ มันเป็นอะไรที่ฟินมากๆ มีความสุขสุดๆ เมื่อเราได้ย้อนวัยเด็ก แล้วเพลิดเพลินไปกับเหล่าตัวการ์ตูนในดวงใจ แค่คิดก็แฮปปี้แล้ววว 3. ห้ามพลาด มาการองชื่อดัง ถึงแม้ว่าตอนนี้ร้านมาการองชื่อดังอย่าง Laduree จะมีที่เมืองไทยแล้ว แต่บอกเลยว่าไม่ได้ฟีลเท่ามากินที่ฝรั่งเศสแน่นอน แพลนทริปฝรั่งเศสให้มีวันฟรีเดย์สักวันหนึ่ง ออกจากโรงแรมสายๆ มานั่งจิบ Afternoon Tea เคล้ากับมาการองรสโปรด เพลินอย่าบอกใครเชียว 4. ห้ามพลาด ไปหาโมนาลิซา รูปภาพอันโด่งดัง ก็อยู่ที่ฝรั่งเศสนะจ๊ะ มาเยือนบ้านเค้าทั้งทีอย่าลืมแวะไปทักทายกันด้วยล่ะ ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ( Louvre Museum ) นอกจากภาพของโมนาลิซาแล้ว ก็ยังมีภาพศิลปะจากศิลปินชื่อดังมากมายด้วย เห็นภาพในเน็ตกี่ร้อยครั้ง ก็ไม่เท่าได้มาสัมผัสด้วยตาตัวเองหรอกครับ 5. ห้ามพลาด ไปประตูชัย อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของฝรั่งเศส ตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่และสวยงาม และอย่าลืมที่จะขึ้นไปด้านบนเพื่อชมพิพิธภัณฑ์และเรียนรู้ประวัติอันยาวนาน ที่สำคัญมองจากประตูชัยลงมาด้านล่าง จะเห็นถนนทั้ง 12 สายมุ่งหน้ามาที่ประตูชัยด้วยล่ะครับ 6. ห้ามพลาด ไปช้อปปิ้ง แน่นอนว่ามาถึงเมืองแห่งแฟชั่นทั้งที หากพลาดการช้อปปิ้งไปคงเสียดายแน่ๆ เพราะฉะนั้น เตรียมเงินให้พร้อม เตรียมบัตรเครดิตให้ดี แล้วไปครับ !! จะเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือเครื่องสำอางน้ำหอมต่างๆ จัดไปอย่าให้เสีย จัดหนักเอาให้เต็มกระเป๋าไปเลยยย และนี่ก็เป็น 6 สิ่งห้ามพลาดเมื่อไปเยือนประเทศฝรั่งเศส ขาดไปข้อนึงนี่ถือว่าไม่ครบสูตรเลยนะครับ เพราะฉะนั้นหากมีโอกาสไปทั้งที แพลนดีๆ แพลนเป๊ะๆ จะได้เที่ยวแบบลื่นไหลไม่มีเซ็ง และหากใครที่ยังไม่มีแพลนไปเที่ยวฝรั่งเศส ก็ลองมาดูทัวร์ฝรั่งเศสกันก่อนได้ที่ ทัวร์ครับ.คอม ได้เลย รับรองว่าเที่ยวสนุกไม่แพ้เที่ยวเองเลยล่ะครับ แถมเดินทางสะดวก พักสบาย อีกด้วย 

อ่านเพิ่มเติม
10 อุบายที่สายเที่ยวควรระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อในต่างแดน
10 อุบายที่สายเที่ยวควรระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อในต่างแดน

29 ต.ค. 61

วันนี้ทัวร์ครับ เลยนำ 10 อุบายที่มิจฉาชีพมักใช้หลอกนักท่องเที่ยวมาเล่าให้ฟังกันครับ ใครมีแพลนกำลังจะออกเดินทางไปยังที่ไหนก็ตาม ลองอ่านกันดูนะครับ จะได้เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆจะได้ไม่โดนหลอก.. 1. หลอกถามทาง วิธีนี้เป็นวิธีที่ฮิตมากๆ ในแถบยุโรป เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้จะมีคนนึงในกลุ่ม แต่งตัวเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกับเรา ถือแผนที่ขนาดใหญ่ และเดินตรงเข้ามาขอความช่วยเหลือให้เราช่วยดูแผนที่ให้หน่อย ในขณะเดียวกันมิจฉาชีพคนอื่นๆ ก็จะอาศัยจังหวะที่เราไม่ทันระวังตัว มาแอบล้วงกระเป๋าหรือหยิบฉวยของเราไปนั่นเอง วิธีหลีกเลี่ยงพวกนี้ก็คือ อย่าไปคุย ให้เดินหนีเลยครับ พึงระลึกไว้เสมอว่า คนที่หลงทางจริงๆ จะมาถามนักท่องเที่ยวด้วยกันทำไม หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ระมัดระวังกระเป๋าให้ดีๆห้ามประมาทเลยล่ะ 2. ขอทาน คนไทยเราเป็นเหยื่อให้กับมิจฉาชีพที่ใช้วิธีนี้ได้ง่ายมากๆ เพราะด้วยพื้นฐานเราเป็นคนขี้สงสาร และมีน้ำใจ โดยวิธีที่คนร้ายจะใช้ก็คือ ปลอมตัวเป็นขอทาน (หรือขอทานจริง) เดินเข้ามาขอเงินกันโต้งๆ เลยครับ อาจจะมาในรูปแบบของเด็กเล็ก หรือคนแก่ที่น่าสงสารมากๆ และพอเราควักกระเป๋าสตางค์ออกมาก็ฉกกระเป๋าเราแล้ววิ่งหนีไปดื้อๆ เลย ซึ่งวิธีนี้พบได้ทั่วโลก!! นอกจากนี้อาจจะมีกรณีที่ ให้เงินกับขอทาน 1 คน แล้วโดนขอทานมารุมอีกเป็นสิบ !! ไม่ให้ก็ไปจากตรงนั้นไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นมิจฉาชีพรูปแบบหนึ่งเหมือนกันนะ ใครไปเที่ยวก็อย่าลืมเลี่ยงคนเหล่านี้ไว้ด้วยนะครับไม่งั้นจะเป็นเราเองที่ไม่มีเงิน 555555555+  3.ให้เครื่องประดับ กำไลข้อมือ หรือของจุกจิก ทั้งสองอย่างนี้คือตัวอันตรายเลยครับ พวกมิจฉาชีพจะตรงดิ่งเข้ามาหาคุณ และ พยายามยัดเยียดของที่จะใส่ให้ข้อมือ ของคุณให้จงได้ ถ้าเจอต้องรีบหนีอย่างด่วนๆ เพราะหากเผลอรับมาแล้ว อาจจะต้องเสียเงินจำนวนมหาศาลสำหรับสายสิญจน์เส้นเล็กๆ หรือบางครั้งอาจจะเป็นการดึงความสนใจของคุณ เพื่อล้วงกระเป๋าก็ได้ครับ ซึ่งวิธีนี้มักจะเจอที่แถบยุโรป ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์กครับ  4. การแสดงริมถนน จำไว้ให้มั่นเลย ว่าหากมีการแสดงริมถนนที่มีการล้อมวง คนเยอะๆ อย่าไปสนใจ อย่าไปอยากรู้อยากเห็นเด็ดขาด เพราะเป็นแหล่งทำงานชั้นดีของเหล่ามิจฉาชีพเลยล่ะ พวกนี้จะอาศัยจังหวะที่เราสนใจการแสดง ล้วงกระเป๋าหรือขโมยของเรา วิธีนี้พบเจอได้ทั้งประเทศในเอเชียเรา และทางแถบยุโรปเลยครับ ถ้าไปยืนดูการแสดง ทัวร์ครับ ก็แนะนำให้ปิดกระเป๋าให้มิดชิดและเอากระเป๋ามาไว้ด้านหน้าลำตัวหรือดูแลจับตามองกระเป๋าเราให้ดี จะได้ไม่เปิดช่องให้มิจฉาชีพได้มาขโมยกันได้ง่ายๆ  5. ถ่ายรูปให้หน่อย อย่าแปลกใจถ้าหากคุณไปท่องเที่ยวกับแฟนเพียงสองคนแล้วอยากมีรูปคู่ แต่ไปขอให้ใครช่วยถ่ายก็ไม่มีใครถ่ายให้ เพราะการขอให้ช่วยถ่ายรูป ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มิจฉาชีพชอบใช้เช่นกันครับ โดยพวกเค้าจะทำทีมาขอให้เราถ่ายรูปให้ ด้วยกล้องที่ใช้งานไม่ได้ และพอเราส่งคืนเค้าก็จะแกล้งทำตก และแน่นอนว่าเราต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เค้าด้วยราคาที่แพงมากเลยล่ะ 6. ถ่ายรูปให้ไหม นอกจาก ถ่ายรูปให้หน่อย แล้ว วิธีถ่ายรูปให้ไหม ก็ยังเป็นวิธียอดฮิตของเหล่ามิจฉาชีพเช่นเดียวกัน ซึ่งมักจะเข้าหานักท่องเที่ยวที่มาคนเดียว หรือมาเป็นคู่รักครับ โดยถ้าเราหลงกล เค้าก็อาจจะเก็บค่าถ่ายรูปกับเราในราคาแพงแสนแพง บางทีหนักหน่อย ก็อาจจะโดนวิ่งราวกล้องไปต่อหน้าต่อตาเลยครับ 7. ตำรวจปลอม วิธีนี้น่ากลัวมากๆ และเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยครับ เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้จะทำทีว่าตัวเองเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ มาขอดูพาสปอร์ตของเรา หรือวีซ่าของเรา แล้วบอกว่าวีซ่าเรามีปัญหา หรือแกล้งบอกว่าเราทำอะไรผิดต่างๆ นานา ก่อนจะแกล้งทำทีเสนอให้เราจ่ายค่าปรับตรงนี้แทนที่จะไปสถานีตำรวจ ถ้าเราไม่ยอมให้ก็อาจจะข่มขู่ มากไปถึงการทำร้ายร่างกายเลยล่ะ วิธีแก้ง่ายๆคือให้เราค้นหาเบอร์ตำรวจของประเทศนั้นๆ ไว้ พอเจอพวกนี้เข้ามาปั๊บ ก็โทรหาตำรวจตัวจริงก่อนเลย 8. ตั๋วปลอม ในระหว่างที่เราต่อแถวรอซื้อตั๋วเพื่อเข้าสถานที่ต่างๆ หรือทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ก็อาจจะมีมิจฉาชีพเข้ามาทำทีอ้างว่ามีตั๋วมาขายในราคาที่ถูกกว่า บอกเลยว่าอย่าไปหลงกลเด็ดขาดนะครับ ถึงราคาจะถูกกว่าครึ่งหนึ่งก็ตาม เพราะตั๋วที่ได้มามักจะเป็นตั๋วปลอม ใช้งานไม่ได้ นอกจากเสียเงินแล้วยังเสียเวลาอีก เซ็งแย่ 9. แท็กซี่เถื่อน รู้ๆ กันอยู่แล้วล่ะเนอะข้อนี้ เพราะในบ้านเราก็มี (เฮ้อ...พูดแล้วเซ็ง) และแน่นอนว่าทั่วโลกก็มีเช่นกันครับ แท็กซี่พวกนี้จะไม่ยอมกดมิเตอร์ และชาร์จราคาแพงกว่าปกติ วิธีหลีกเลี่ยงง่ายๆ ก็คือใช้บริการรถไฟฟ้าให้คล่อง หรือเรียกรถจากแอพต่างๆ ที่มีให้บริการดีกว่า 10.  คนน้ำใจงาม เหมือนจะดูเป็นคนดี แต่พวกนี้บอกเลยว่าร้ายสุดๆ เพราะในขณะที่เรากำลังยกกระเป๋าขึ้นรถไฟ หรือแบกกระเป๋าเดินทางใบโตไปไหนมาไหนดูท่าทีลำบ๊ากลำบาก มิจฉาชีพพวกนี้ก็จะทำทีแสดงน้ำใจ มาช่วยเรายกของ ขนของ และพอเสร็จก็จะขอเงินจากเรานั่นเอง ถ้าหากไม่จ่ายก็อาจจะโดนข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกายนั่นเองครับ เห็นมั้ยล่ะครับ? ว่าการเที่ยวแต่ละครั้งก็ไม่ได้มีแต่ความสุข แต่ก็ไม่ใช่ว่าที่มาเล่าจะทำให้กลัวจนไม่อยากเที่ยวนะครับ ต้องอย่าลืมรู้จักป้องกันตัวเอง ดูแลตัวเอง และระมัดระวังตัวเองอย่างดี เพียงเท่านี้ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ และแน่นอนว่ามาเที่ยวกับทัวร์ครับ ปลอดภัยหายห่วง..    ใครกำลังจะไปเที่ยว อ่านต่อนี่เลย !! >> จัดกันมันส์ทุกทริป ! 10 ทริคเที่ยวต่างประเทศแบบประหยัด  

อ่านเพิ่มเติม
แพลนทริปไว้แพลนเงินด้วย! รวม 10 ไอเดียออมเงินไว้ไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ
แพลนทริปไว้แพลนเงินด้วย! รวม 10 ไอเดียออมเงินไว้ไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ

10 ธ.ค. 61

นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ รู้กันดีอยู่แล้วว่า การจะไปเที่ยวแต่ละทีต้องใช้เงินเยอะขนาดไหน เอาแค่ต่างจังหวัดบ้านเรา บางทีแค่แบงค์พัน 5 ใบยังแทบจะเอาไม่อยู่ และถ้าหากต้องไปแบบเหนียมๆ มีงบแบบจำกัดก็คงจะเที่ยวไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นวันนี้ ทัวร์ครับ เลยขอเสนอ 10 ไอเดียออมเงิน ที่ได้ผลดี๊ดี เอาไว้เป็นบัดเจ็ทในการไปเที่ยวทริปต่อกันไปครับ 1. เก็บแบงค์ 50 วิธียอดฮิตตลอดกาล ที่หลายๆ คนคงใช้วิธีนี้อยู่ และบอกเลยว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากๆ ด้วยนะครับ ถึงแม้บางครั้งอาจจะเก็บได้ช้าหน่อย เพราะเราไม่ค่อยได้รับแบงค์ 50 แต่พอได้มาแล้วเราเก็บอย่างเดียว ไม่ใช้ ไม่ไปแตะต้องมันเลย สะสมไว้มากๆ ก็กลายเป็นเงินก้อนได้เหมือนกันนะ 2. เก็บแบงค์ใหม่ เวลาได้รับแบงค์ใหม่มาจากเงินทอน ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ยี่สิบ แบงค์ร้อย หรือแบงค์พัน ก็ต้องเก็บเข้ากระปุกทั้งหมดนะครับ วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีวินัยและแน่วแน่ เพราะบอกเลยว่าแอบโหดนิดๆ เวลากดเงินจากตู้ ATM แล้วเจอแบงค์ใหม่ก็ต้องเก็บเช่นเดียวกัน แต่บอกเลยว่าได้ผลดี แถมเห็นผลไวอีกต่างหาก 3. เก็บเหรียญทั้งหมด ห้ามมีกระเป๋าใส่เหรียญแยกเด็ดขาด ใครมีเอาไปทิ้งด่วนๆ เพราะต่อจากนี้เราจะไม่เก็บเหรียญกัน! ได้ทอนมา หรือได้จากไหนมาต้องนำมาหยอดกระปุกให้หมด ห้ามเบี้ยว ห้ามขี้โกงเด็ดขาด ผ่านไปหนึ่งปีแล้วนำออกมานับกันว่าได้กี่บาทน๊า 4. เก็บเงินแต่ละชนิด ในแต่ละวัน ตั้งกฎเหล็กในแต่ละวันเลย ว่าจะเก็บเงินอะไรบ้าง เช่น วันจันทร์ เราจะเก็บแบงค์ยี่สิบ เพราะฉะนั้นได้จากไหนมาก็ห้ามใช้ วันอังคาร เราจะเก็บเหรียญสิบทั้งหมด อะไรแบบนี้ วิธีนี้ก็จะทำให้เราเก็บเงินได้ไว แล้วก็ไม่อึดอัดเกินไปด้วยครับ 5. เก็บเงินตามวันที่ แบบเบๆ อนุบาลๆ เพิ่งเริ่มต้น ก็เอาแค่วันที่ 1 - 31 หรือ 1 - 100 พอ แต่ระดับรุ่นใหญ่เค้านับกันเป็นปี! ตั้งแต่วันที่ 1 - 365 เลยทีเดียว วิธีนี้แรกๆนี่ชิลๆ แทบจะหยอดกระปุกเผื่อวันต่อๆ ไป แต่พอผ่านไปสักสามเดือนเริ่มปาดเหงื่อเพราะยอดมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่บอกเลยผลคุ้มค่ามาก เพราะหากทำครบปีจะมีเงินเก็บเกือบ 70,000 เลยล่ะ!! 6. เก็บเงินวันละ 20 - 100 บาท วิธีนี้ง่ายมากๆ ตั้งเป้าหมายไปเลยว่าเราจะเก็บนานแค่ไหน และอยากมีเงินเก็บเท่าไหร่ แต่บอกก่อนว่า ต้องทำทุกวัน ห้ามขาดเลยนะครับ วันไหนลืมก็ต้องเอามาหยอดกระปุกคืนด้วยนะ ถึงแม้จะดูว่าเราเก็บเงินทีละนิด แต่สะสมจนถึงวันที่เราตั้งเป้าไว้ ก็เรียกรอยยิ้มได้เหมือนกันนะ 7. เก็บเงินแยกกระปุก ในที่นี้หมายถึง เรามีเป้าหมายชัดเจนไปเลยครับ ว่าเราอยากจะไปเที่ยวที่ไหน แล้วลองคำนวณงบคร่าวๆ นำมาหารกับระยะเวลาที่เหลือก่อนไปเที่ยว เราก็จะได้รู้ว่าเราต้องเก็บวันละกี่บาท หรือหากใครยังไม่มีแพลน ก็เก็บแยกกระปุกเฉยๆ ไปก่อนก็ได้ เป็นค่าช้อปปิ้ง ค่าทริป หรือเก็บไว้เผื่อฉุกเฉิน เป็นต้น 8. แบ่งเงินใช้เป็นรายวัน ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ เราก็จะได้ค่าขนมจากผู้ปกครองกันใช่ไหมล่ะ วิธีนี้ก็เหมือนกันเลย เป็นการให้ค่าขนมตัวเองในแต่ละวันนั่นเอง กำหนดให้เราใช้เงินได้แค่นี้เท่านั้นในแต่ละวัน ถ้าอยากใช้เกินให้ไปยืมของวันถัดไปมา แล้ววันถัดไปก็ต้องเหลือใช้น้อยลง หากไว้ไหนใช้ไม่หมด อนุญาตให้ทบไว้ใช้วันถัดไปได้ หรือจะหยอดลงกระปุกก็ได้นะ 9. เศษของเงินเดือนคือเงินเก็บ หลายๆ บริษัทมักจะจ่ายเงินเดือนเป็นเศษ เพราะต้องหักค่าประกัน หรือค่าอื่นๆ เพราะฉะนั้นเราก็แค่เอาเศษพวกนั้นมาออมเป็นเงินเก็บ แล้วเหลือเงินใช้จ่ายเป็นเลขกลมๆ พอครับ แต่วิธีนี้ขอแนะนำให้หักเศษหลักพันขึ้นไป ถึงจะได้ผลดีนะจ๊ะ 10. จ่ายค่าข้าวเท่าไหร่ เก็บเงินเท่านั้น จะมื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น เอาที่สะดวกเลยครับ (หรือใครโหดๆ หน่อยจัดสองมื้อไปเล้ย) วันไหนทานน้อย ก็ออมน้อย วันไหนทานมื้อใหญ่ ก็ออมเยอะตามราคาที่จ่ายไป นอกจากนี้ใครจะนำไปปรับเป็นการออมเงินเท่าค่าเสื้อผ้า ค่าช้อปปิ้ง ก็ไม่ผิดนะ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของวิธีออมเงินเท่านั้นนะครับ จริงๆ ยังมีอีกหลากหลายวิธีเลย ลองหาวิธีที่เข้ากับตัวเองมากที่สุดแล้วทำดูนะ หรือจะนำหลายๆ วิธีมาผสมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็ได้ สำคัญคือเราต้องมีวินัย กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปตึงหรือหย่อนไป เงินออมคือเงินที่เหลือจากค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นไม่ควรทำให้ตัวเองลำบากเพราะการออมเงินน๊า   บทความแนะนำ  >> 10 อุบายที่สายเที่ยวควรระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อในต่างแดน <<    

อ่านเพิ่มเติม
ยิ่งเที่ยว ยิ่งรัก 12 เหตุผล ทำไมต้องไป "เที่ยวกับแฟน"
ยิ่งเที่ยว ยิ่งรัก 12 เหตุผล ทำไมต้องไป "เที่ยวกับแฟน"

18 ม.ค. 62

จากผลสำรวจความคิดเห็นของคู่รักถึง 1,000 คู่เกี่ยวกับความเข้าใจว่าการเดินทางส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างไรบ้าง เกือบสองในสามของผู้ตอบแบบสอบถาม (63%)  ระบุว่าการเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันนั้นส่งผลที่ดีต่อความสัมพันธ์ ทำให้พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริงๆ นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและน่าตื่นเต้นที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้อีกด้วย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ไปดูกันเลยครับ 1. มีการตั้งเป้าหมายและจุดประสงค์ร่วมกัน การตกลงไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่งร่วมกัน จะต้องมีการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกัน ซึ่งทำให้ความคาดหวัง และความปราถนาไปในทิศทางเดียวกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นทางไปเที่ยว กิจกรรมระหว่างทาง หรือแม้แต่การเลือกว่าจะกินอะไรดี และเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายนั้นทั้งสองคนจะต้องมีแบ่งปันทัศนคติ ความคิดเห็น ตลอดจนการช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันครับ   2. ได้ทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนข้อจำกัดระหว่างกัน การเดินทางไม่เพียงเผยให้เห็นเฉพาะโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโลกภายในของกันและกันด้วย ทำให้รู้ว่าแต่ละคนมีข้อดี ข้อเสีย และข้อจำกัดอย่างไรบ้าง จะช่วยอีกฝ่ายหาวิธีเติมเต็มได้อย่างไร มีตรงไหนที่เราต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางร่วมกันครับ 3. มีการสื่อสารที่ดีขึ้น จากการสำรวจพบว่าคู่รักที่เดินทางด้วยกัน จะมีความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันและมีความขัดแย้งน้อยกว่าคู่รักที่ไม่ได้เดินทางด้วยกัน การเดินทางทำให้พวกเขาเข้าใจและอดทนต่อกันมากขึ้น  ทำให้ต้องร่วมมือกันและคอยคิดหาวิธีตกลงกันให้ได้ สถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจร่วมกันนี้จะทำให้คุณสองคนสื่อสารกันได้ดีขึ้นและเข้าใจซึ่งกันและกัน แถมยังได้รู้จักการให้ การเสียสละเพื่ออีกฝ่าย ซึ่งจะทำให้ชีวิตรักของพวกคุณมีความสุขเพิ่มขึ้นครับ 4. สร้างความทรงจำร่วมกัน การเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ จะช่วยให้คุณได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีร่วมกันและประทับอยู่ในใจ  การพาแฟนเที่ยวจะยิ่งทำให้คุณสองคนเติบโตไปด้วยกัน และเมื่อการผจญภัยสิ้นสุดลง ทั้งคู่ก็จะมีความทรงจำอันสุดพิเศษที่มีแค่คุณสองคนเท่านั้นเป็นพยานรับรู้ครับ 5.แสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน เนื่องจากทั้งทริปนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา ทำให้คุณสามารถสังเกตถึงรายละเอียดเล็กน้อยต่างๆ ที่เป็นการแสดงออกถึงตัวตน พฤติกรรม และความเคยชินของอีกฝ่าย เช่น อาจจะนอนกรน เข้าห้องน้ำนานมาก เป็นคนจุกจิก หรือเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองทำให้เราค้นพบตัวตนที่แท้จริงจากการเที่ยวกับแฟนและยังเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณทั้งสองคนในอนาคตได้ครับ 6.รู้จักการสร้างอารมณ์ขันเพื่อรักษาสถานการณ์ บ่อยครั้งที่เวลาไปเที่ยวแล้วต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่เป็นอย่างใจ ตั้งแต่ไฟลท์ดีเลย์ กระเป๋าสตางค์หาย ไปจนถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างแผนที่ไม่ตรงกับสถานที่จริง หรือร้านอาหารที่ตั้งใจต่อคิวยาวไม่อร่อยดังหวัง เราสามารถสังเกตนิสัยแฟนได้จากปฏิกิริยาที่เขาหรือเธอมีต่อสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่กดดันและเคร่งเครียด ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่สำคัญก็คือการมองโลกในแง่ดี  รู้จักการสร้างอารมณ์ขันเพื่อรักษาและแก้ไขสถานการณ์ ให้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่นั้นมีความสุขและเป็นทริปที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ในอนาคตคุณก็สามารถหาวิธีปรับตัวเข้าหากันได้ง่ายขึ้นด้วยครับ 7.คงความโรแมนติกไว้ ตรงนี้เป็นเรื่องหลักที่แตกต่างจากคู่รักที่ใช้เวลาดูหนัง หรืออ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ในฐานะคู่รักที่ใช้เวลาเดินทางด้วยกัน จะมีการแสดงออกถึงความโรแมนติกออกมาตามธรรมชาติ นี่เป็นเหตุผลที่ 86% ของผู้ตอบแบบสอบถามในการสำรวจคู่รักเดินทางกล่าวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงมีความโรแมนติกอยู่แม้จะกลับจากทริปแล้วก็ตาม เมื่อเทียบกับ 73% ของคู่รักที่ไม่เคยเดินทางร่วมกันครับ 8.อยู่กับช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบัน ในขณะที่คู่รักอื่น ๆ ที่ไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน มักกังวลเกี่ยวกับอนาคตและสร้างข้อสงสัยในความสัมพันธ์ แต่คู่รักที่เดินทางร่วมกันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น เนื่องจากพวกเขาจดจ่ออยู่กับช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เกิดจากการท่องเที่ยวระหว่างกันและกัน การเดินทางร่วมกันช่วยให้พวกเขาไม่ต้องใช้สมองไปกับการคิดคำนึงหรือหวาดระแวงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตเท่าไหร่นัก เพราะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องต่างๆ และสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขามีเวลาชื่นชมกับช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบันมากกว่านั่นเอง 9.ให้อภัยกันมากขึ้น ระหว่างการเดินทางด้วยกันนั้น มีโอกาสมากมายที่จะทำให้คุณเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ รวมถึงความไม่พอใจในความคิดเห็นหรือตัวตนของอีกฝ่าย คู่รักที่เดินทางด้วยกันจะเข้าใจถึงความจำเป็นในการให้อภัยซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็วและก้าวต่อไปครับ 10.ได้เรียนรู้ร่วมกัน การเดินทางเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราได้เปิดโอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ไม่ว่าคุณจะอยู่ บนเครื่องบิน ไปขับรถเที่ยว หรือกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน การไปเที่ยวกับแฟนทำให้คุณได้มีโอกาสใช้เวลาพูดคุยและเรียนรู้เกี่ยวกับทุกด้านของชีวิตแต่ละฝ่าย รวมไปถึงได้รับรู้ความคิดเห็น คุณค่า อุดมการณ์ ความกลัว และแรงบันดาลใจที่มีต่อสิ่งต่างๆรอบตัวในชีวิต นอกจากคุณจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างแล้ว คนรักของคุณก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน 11.มิตรภาพแน่นแฟ้นมากขึ้น   ยิ่งคุณใช้เวลาเที่ยวกับคนรักของคุณนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความผูกพันกับคนรักของคุณมากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งยังสร้างมิตรภาพอันแน่นแฟ้น อันจะเป็นปัจจัยให้ความสัมพันธ์ของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน ภายหลังจากการได้แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน คุณและคนรักก็จะกลายเป็นมากกว่าแค่แฟนหรือเพื่อนร่วมทาง แต่จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตที่จะสามารถอยู่เคียงข้างคุณไปตลอด 12.เคารพพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย แม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันนั้น ทั้งสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันเกือบจะตลอดเวลาก็จริง แต่ก็ยังมีบางช่วงจังหวะเวลาที่อีกฝ่ายต้องการความเป็นส่วนตัว คู่รักที่เข้าใจตรงจุดนี้ก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายๆ เคารพในความเป็นส่วนตัวยามที่อีกฝ่ายต้องการใช้ความคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหน่ึงต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ครับ บทความโดย : นันทรัช ชมภูแสง Content Writer ประจำเว็บไซต์ GoBear ผู้หลงใหลการอ่านหนังสือและเชื่อมั่นในพลังของการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเรื่องราว  มีความสุขกับการฟังเพลง ดูซีรีส์ และทุกอย่างที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น   บทความแนะนำจากทัวร์ครับ >>แนะ 8 เทคนิคเที่ยวอย่างสบายใจ เที่ยวยังไงให้ไม่อ้วน !<<  

อ่านเพิ่มเติม