All articles abouts สถานที่เที่ยวดูไบ

12 สถานที่ “เที่ยวดูไบ” ศรีวิไลในเมืองมหาเศรษฐี
12 สถานที่ “เที่ยวดูไบ” ศรีวิไลในเมืองมหาเศรษฐี

21 ก.พ. 62

  1. Burj Khalifa หรือ บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ พิกัด : Burj Khalifa อ่ะอ่านยากนิดนึงเนอะเป็นภาษาของเขาพูดถึงความยิ่งใหญ่ดูไปนี่เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีแต่ความ “ที่สุด”ทั้งกว้างที่สุด ใหญ่ที่สุด สวยที่สุด รวมถึง สูงที่สุด อย่าง ตึก Burj Khalifa ที่สูงยิ่งกว่า ตึกไทเป101 ที่นักท่องเที่ยวหลายคนรู้จัก วิวจากชั้นบนของตึกกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มองไปเห็นถึงหาดดูไบ และ ความสวยงามของเมืองดูไบทั้งหมด แนะนำให้ไปในช่วงตอนเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการไปเยี่ยมตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Burj Khalifa เพราะจะได้ทั้งช่วงก่อนพระอาทิตย์ตก และช่วงหลังพระอาทิตย์ตกเป็นสถาปัตยกรรมรูปทรงเรขาคณิต ที่มีฐานเป็นรูปตัว Y ทำให้โครงสร้างอาคารมีความมั่นคงนั่นเองและยังได้มีการปลูกต้นไม้ที่สามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนในดูไบได้ไว้บนตึกอีกด้วยแนะนำว่าคุ้มค่ามากๆควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของสถานที่เที่ยวดูไบ 2.เที่ยวน้ำพุแห่งดูไบ Dubai Fountain พิกัด : Dubai Fountain น้ำพุอันนี้ตั้งอยู่ที่ด้านล่างของตึก Burj Khalifa และห้างสรรพสินค้าดูไบซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวดูไบที่เป็น ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกถ้ามาช่วงเย็นจะได้เห็นแสงสีเสียงตระการตาจากการโชว์แสงไฟ เอาจริงๆ คือหลายคนอาจจะบอกก็แค่น้ำพุป้ะ แต่ที่นี่ถ้าได้มาจริงๆคืออ้าปากค้างเว่ออ มันใหญ่มาก ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกกก มีความยาวกว่า 270 เมตร หรือประมาณสนามฟุตบอล 2 สนามรวมกันเยอะมาก สูงมาก นั่งดูน้ำพุอย่างเดียวก็คุ้มแล้วอะเอาจริงๆ แบบไม่โม้กันเลยดูไบนี่ความอลังต้องยกให้นางจริงๆ Notes ช่วงเวลาการแสดง • วันเสาร์ ถึงวันพฤหัส ตั้งแต่ 13.00 – 13.30 และตั้งแต่ช่วง 18.00 – 23.00 ทุกๆ 30 นาที • วันศุกร์ 13.30 ถึง 14.00 และ 18.00 – 23.00 ทุกๆ 30 นาที   3.สถานที่เที่ยวดูไบ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Dubai Mall Aquarium พิกัด : Dubai Mall Aquarium ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกกเอาอีกแล้วจ้า อลังอีกแล้วว อยู่ในห้าง Dubai Mall ที่เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกัน และได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊คว่าเป็นตู้กระจกอะคริลิกขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เชื่อว่าเด็กๆ ต้องกรี๊ดแน่ๆ ไม่ใช่เพราะใครเหยียบเท้าแต่มันใหญ่มากจริงๆ ครับอยากให้ทุกคนมาเห็นด้วยตาตัวเองง   4. เที่ยวดูไบ Mall of the Emirates หรือ Dubai Mall พิกัด : Dubai Mall พูดถึงมาหลายรอบได้เวลามารีวิวจริงๆ จังๆ เป็นห้าง 3 ชั้น ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความเป็นอาหรับและเมดิเตอร์เรเนียนเข้าด้วยกัน ทั้งใหญ่ ทั้งหรูแน่นอนว่าเป็นศูนย์รวมช้อปแบรนด์เนมชื่อดังใครอยากช้อปปิ้งก็มาที่นี่ได้เลย เป็นอีกห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกอัดแน่นไปด้วยกิจกรรม และโซนต่างๆพูดได้เลยว่าสามารถเสียเวลาให้ที่นี่ไปได้เลยหนึ่งวันเต็มๆ ทั้งช้อป กิน เที่ยวกิจกรรมต่างๆ แน่นนมากกกก   5. สถานที่เที่ยวดูไบ - Ski Dubai (สกีดูไบ) พิกัด : Ski Dubai ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสวนหิมะในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใน Mall of the Emirates เช่นกัน ใครอยากไปเที่ยวทะเลทรายและก็อยากจะเล่นสกีหิมะไปพร้อมๆกันแนะนำให้มาที่นี่เลยเป็นอีกหนึ่งที่ที่น่าทึ่งมากที่สามารถทำลานสกีให้อยู่กับภูมิประเทศที่มีทะเลทรายร้อนกว่า 50 องศาอยู่ใกล้ๆ ได้แบบสบายก็แน่แหละเขาคือดูไบ อะไรไม่อลัง อะไรไม่สุดจริง เขาไม่ทำกันภายในลานสกีนั้นมีร้านคาเฟ่ให้บริการได้บรรยากาศเหมือนอยู่เมืองหนาวของจริงสุดๆ ไปเลย   6. สถานที่เที่ยวดูไบ - Burj Al Arab พิกัด : Burj Al Arab สมมติว่าเป็นเจ้าหญิงที่โรงแรม 7 ดาว Burj Al Arab ดูไบจบไปอีกหนึ่งวันเหนื่อยๆ กลับมาพักผ่อนกันที่โรงแรม 7 ดาว ห๊ะ โรงแรม 7 ดาว มีที่ไหนกัน ที่นี่แหละจ้า สุดไหมมล่ะ สุดจริงงง อลังจริง โรงแรม Burj Al Arab ดูไบ หรือโรงแรมเรือใบ หนึ่งในสัญลักษณ์ของดูไบ หรูที่สุดในโลก มีความสูง 321 เมตร หรือ 1,050 ฟุตและยังสูงเป็นอันดับ 32 ของโลก การตกแต่งภายในก็ทองอร่าม หรูหราหมาเห่าสมคำล่ำลือ คุณจะได้ใช้ชีวิตประหนึ่งเจ้าหญิงในโรงแรมสุดหรูแห่งนี้กันเลยล่ะ   7. สถานที่เที่ยวดูไบ - Dubai Creek พิกัด : Dubai Creek สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของเมืองดูไบที่ Dubai Creek สามารถล่องเรือ Abra ชมคลองได้แบบชิวๆซึ่งคลองนี้เป็นคลองที่เก่าแต่และสวยงามที่สุดของดูไบ สนน.ราคาเพียง 1 AED หรือประมาณ 9 บาท เขาบอกว่าถ้ามาตอนเย็นการล่องเรือข้ามคลองแห่งนี้จะยิ่งมีสีสันบรรยากาศความเป็นประเทศอาหรับมาเข้าไปอีกด้วยเสียงสวดละหมาดซึ่งดังมาจากสุเหร่าที่อยู่รอบๆ ตัวคลองแต่เรามาช่วงเช้าก็เลยอดไปตามระเบียบจ้า   8. สถานที่เที่ยวดูไบ - สวนน้ำ Wild Wadi พิกัด : Wild Wadi ล่องเรือเสร็จไปต่อกันที่สวนน้ำสุดล้ำที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ พื้นที่ทั้งหมด 12 เอเคอร์ ตั้งอยู่บนถนน Jumeirah Beach ใกล้ๆ กับโรงแรม Burj Al Arab นั่นแหละ จุดเด่นของที่นี่คือสไลเดอร์ที่ยาวและสูงที่สุดในโลก โอ้โหมาอีกแล้วความที่สุด สวนน้ำแห่งนี้ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า – 4 ทุ่ม และจะมีการปิดเพื่อบำรุงรักษาทุกปี ใครจะไปต้องเช็คช่วงเวลากันดีๆน้าเดี๋ยวพลาดแล้วจะหาว่าไม่เตือนน้า   9.เที่ยวตลาดพื้นเมือง Souk Madinat ดูไบ พิกัด : Souk Madinat มันคือความคลาสสิคที่แฝงไปด้วยความโรแมนติคที่นี่ตกแต่งสไตล์อาหรับผสมผสานกับวัฒนธรรมของตะวันออกกลางแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกที่ไม่ซ้ำกับการเดินตลาดที่อื่นเลย มีคลองล้อมรอบเก๋ๆอีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งที่หลายคนให้ความสนใจ จะถ่ายรูปก็สวยจะช้อปปิ้งก็ดี หรือจะหาอาหารกินที่นี่ไปเลยก็ได้นี่ว่าถ้ามากับแฟนคงโรแมนติคมากแน่ๆเลย   10. เที่ยวทะเลทรายอาหรับ ดูไบ วันที่ 3 ของการเดินทางชมความอลังการเมืองดูไบ ใครชอบความแอดเวนเจอร์ต้องชอบอันนี้เลย เที่ยวทะเลทรายอาหรับขับรถจี๊บซาฟารีลุยทะเลทราย ขี่อูฐ ให้สมกับที่มาทะเลทรายกันหน่อย คิดถึงหนังไทยเรื่อง เรา สองสาม คน ชื่อหนังบอกอายุกันเลยทีเดียว 5555 ทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีพื้นที่ประมาณ 2,300,000 ตารางกิโลเมตร อาจจะมีฝุ่นเยอะหน่อยเตรียมผ้าปิดหน้ากันไปดีๆ นะครับ แต่ยังไงก็คุ้มค่าแน่นอนเพราะมันสวยมากกก แถมมีอูฐให้ขี่จริงๆ ไม่ใช่ขี่ในสวนสัตว์แบบบ้านเรานะ เก๋มากก เลิฟมากกก ได้ภาพสวยๆ กลับไปเพียบเลยยย   11. เที่ยวมัสยิด Sheikh Zayed พิกัด : Sheikh Zayed มาสวยๆ กันบ้าง มัสยิดที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลกกกก มันจะสักแค่ไหนกันเชียวว แต่พอได้เห็นคือคุณพระ!! สวยจริงสวยจังไม่มโน ใหญ่โตมาก ออกแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ สีขาวสะอาดตาเหมือนวังในจินตนาการ และยังมีโคมไฟแชนเดอเลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เอาสิไปให้สุด มาดูไบต้องมาที่นี่อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของดูไบเลย เหมือนหลุดเข้าไปในเรื่องอลาดินยังไงยังงั้นเลยล่ะ   12. เที่ยวดูไบ - สวนสนุก Ferrari World พิกัด : Ferrari World เที่ยวที่สุดท้ายก่อนกลับไทยกับสวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสวนสนุก Ferrari World ที่นี่มีเครื่องเล่น และกิจกรรมหลากหลายไปเกาหลีต้องไปเอเวอร์แลนด์ฉันใดมาดูไบก็ต้องมาเฟอรารี่เวิลล์ฉันนั้นเหมาะมากๆ กับคนที่ชอบรถ ชอบความเร็ว และความตื่นเต้นเร้าใจโดยเฉพาะ มีตั้งแต่เครื่องเล่นสำหรับเด็กที่เสียวเบาๆไปจนถึงขั้นเสียวตับไตไส้พุงกันเลยทีเดียวก็เขาบอกแล้วว่าเป็นเฟอรร์รารี่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว แรงดรีมเวิลล์บ้านเราคือเบาไปเลยจ้า   เป็นไงบ้างครับสมกับคำเคลมไหม ใหญ่จริง อลังการจริงไม่มโน ไม่จกตา ก็แน่ล่ะใครก็รู้ว่าดูไบเป็นเมืองมหาเศรษฐี จะมาเบาๆ ก็คงจะใช่ที่ใครที่อยากทดลองมาเป็นสุลต่านในเมืองเศรษฐี ทัวร์ครับ แนะนำว่าห้ามพลาดสถานที่เที่ยวดูไบเป็นอย่างยิ่งอาจจะเป็นประเทศนอกสายตาของใครหลายคน แต่เมืองร้อนก็ใช่ว่าจะไม่มีดีน้า มันดีมากต่างหากล่ะ !! 

อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวดูไบซื้อไรดี ? 10 ของฝากจาก “ดูไบ” รับรองไม่ผิดหวัง
เที่ยวดูไบซื้อไรดี ? 10 ของฝากจาก “ดูไบ” รับรองไม่ผิดหวัง

17 เม.ย. 62

ไปต่างประเทศทั้งทีขากลับก็ต้องมีของฝากติดไม้ติดมือกันมาเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนไปบางแสนต้องซื้อข้าวหลามหนองมนต์ไปเกาหลีก็อาจจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตๆ แต่ถ้าเป็น ดูไบ (Dubai) เมืองมหาเศรษฐีแบบนี้ล่ะเขาซื้ออะไรมาฝากกัน มาดูของฝากจากดูไบกันเลย   1. ช็อคโกแลต ที่ใส่ถั่วต่างฯ อาทิ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์,พิตาชิโอ้, ถั่วลิสง และอื่นฯ อ่าวงงล่ะสิที่ไหนก็มีไหมล่ะช็อคโกแลตที่ใส่ถั่ว Chocodate หรือช็อคโกแลตกับอินทผลัม นั่นเอง ไม่ต้องงงว่ามันกินได้จริงๆ เหรอ ได้จริงๆครับ รับรองว่าเป็นของฝากจากดูไบที่อร่อยถูกใจหลายๆคนแน่นอน เคี้ยวนุ่มสะดุดกรุบๆ หอมมันส์ ช็อคโกแลตเข้มข้น ไม่หวานมาก แต่ได้ความนุ่มหวานจากอินทผลัม ถ้าไปในแหล่งของที่ระลึกจะมีให้เลือกหลากหลายแบบมากๆแพคเกจจิ้งสวยๆ มีให้เลือกสรรมากมายอยากได้แบบไหนหยิบไปได้เลยย แอบเตือนว่าอาจจะเผลอแกะกินเองก่อนถึงมือผู้รับ 5555 แนะนำให้ลองซื้อมากินเองด้วยยรับรองว่าอร่อยถูกปากชาวไทยอย่างเราๆ แน่นอนน cr. https://www.lifull-produk.id 2. โหลประดับทราย ของฝากน่ารักๆ จากดูไบเป็นที่ระลึกเป็นโหลแก้วจากทรายที่ตกแต่งมากกว่า 7 สี ราคาอาจจะสูงนิดนึงเพราะเป็นงานฝีมือ มีความประณีตกว่าจะได้แต่ละใบนั้นใช้เวลานานพอสมควร สามารถนำกลับไปตกแต่งที่บ้านได้เพื่อเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมาดูไบ ของฝากจากดูไบที่บ่งบอกความเป็นดูไบได้ดีทีเดียว 3. ทองดูไบ ใครไปเที่ยวดูไบก็จะมีเสียงจากเพื่อนมาตลอดว่าอย่าลืมซื้อทองกลับมาฝากล่ะ ใช่ครับที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องทองมากๆ เพราะที่นี่เขามีตลาดทองคำปลอดภาษี โอ้โหสมกับเป็นเมืองร่ำรวยขนานแท้ ถ้าถามว่าจะไป ช้อปปิ้งที่ไหนดี ต้องที่ DEIRA GOLD SOUK ตลาดทองคำปลอดภาษี คุณภาพดี ราคาดีที่สุดในดูไบ และเป็นตลาดทองรูปพรรณที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำสำหรับคนที่อยากมาดูทอง 4. น้ำหอมของฝากจากดูไบ รู้กันอยู่แล้วว่าน้ำหอมแนวแขกๆจะมีกลิ่นหอมยั่วยวนชวนหลงใหลสาวๆหลายคนติดใจจนสั่งพรีออเดอร์กันมาถึงที่ไทย แต่เราจะไปถึงถิ่นเขาทั้งทีจะไม่ซื้อก็ยังไงอยู่หากหนุ่มๆ คนไหนอยากหาของฝากให้แฟนสาวแนะนำเป็นน้ำหอมดูไบ หอมมาก หอมนาน หอมจริง ความพิเศษของน้ำหอมนี้คือปราศจากแอลกอฮอล์ และได้ส่วนผสมจะมาจากธรรมชาติ ซึ่งมีกลิ่นให้เลือกมากมาย แพคเกจจิ้งก็หรูหรา สวยงาม อลังการ สมกับเป็นดูไบ ถูกใจสาวๆ แน่นอน สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปในดูไบ เลือกตามกลิ่นที่ถูกจริตของเราได้เลย 5. น้ำมันหอมระเหยเปลือกไม้ เป็นกลิ่นที่เราจะได้กลิ่นอยู่ตลอดอยู่แล้วหากได้มาเที่ยวที่ดูไบ ลองซื้อกลับไปใช้เองที่บ้านเพื่อระลึกถึงว่าเคยมาดูไบก็ดีเพราะกลิ่นของเขาไม่ฉุนจัดจนเวียนหัวเราจะได้สัมผัสกับกลิ่นหอมที่มีกลิ่นอายของความดั้งเดิมความคลาสสิคของเมืองดูไบที่อยู่ในรูปแบบของ น้ำมันดอกไม้ โดยมันจะมีกลิ่นออกมาจากเปลือกไม้ที่อยู่ในกล่องแกะสลักสวยงามหรืออยากได้แพคเกจแบบไหนก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบมีแต่ของสวยๆสมฐานะดูไบเขาล่ะ 6. ผ้าคลุมไหล่พัชมีนา (Pashmina shawl) สามารถนำมาใช้ห่มคลุมได้ มีลวดลายมากมายที่จัดทำขึ้นอย่างประณีต สวยงามหลายผืนมากๆ ตัวเรายังอยากซื้อเก็บไว้หลายๆ ผืนเอาไว้คลุมกันแดดก็ดีแถมเก๋อีกต่างหาก และสามารถเป็นของแทนใจให้กับแฟนสาว หรือเพื่อนผู้หญิงได้หรือคุณผู้หญิงคนไหนอยากได้มาเป็นของฝากให้ตัวเองก็เป็นไอเดียที่ดีเพราะสามารถนำผ้าพันคอมาติดตัวเวลาไปมัสยิดได้ ขณะท่องเที่ยวที่ดูไบเพราะที่นี่เขาเคร่งเรื่องการแต่งตัวของผู้หญิงอยู่พอสมควร แนะนำให้ดูรีวิวไปคร่าวๆ จะได้สบายใจทั้งเขาและเราน้า 7. ช็อคโกแลตนมอูฐ ฟังไม่ผิดหรอกครับผม ช็อคโกแลตนมอูฐจริงๆขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเจ้าแรกของโลกเลยนะเออเป็นไงอยากลองชิมแล้วใช่มั้ยล่ะ นมอูฐเนี่ยอุดมไปด้วยวิตามินซีที่มีมากกว่านมวัวถึง 5 เท่าแถมยังมีอินซูลินมากกว่า แต่มีไขมันและแลคโตสน้อยกว่า ชาวดูไบจึงนิยมดื่มนมอูฐมากกว่านมวัว แล้วเจ้าตัวช็อคโกแลตทั้งหมดก็ทำมาจากนมอูฐ ไม่ใส่สารกันเสียหรือใส่สารเคมีใดๆ มีส่วนผสมหลากหลายให้เลือก ใครอยากทานรสไหนชอบรสไหนเลือกได้ตามใจชอบเลยยยย cr.https://www.joigifts.com 8. สบู่นมอูฐ มีนม มีช็อคโกแลตแล้วก็ต้องมี สบู่นมอูฐ เอาล่ะก็ที่นี่เขาเป็นประเทศทะเลทรายสัตว์ส่วนใหญ่ก็เป็นอูฐไม่แปลกที่เขาจะใช้ผลิตภัณฑ์จากอูฐเป็นส่วนมาก เจ้าตัวสบู่นมอูฐนี้เป็นสบู่แฮนด์เมดที่มีส่วนผสมจากนมอูฐและส่วนผสมจากธรรมชาติมากมาย ช่วยให้ผิวสุขภาพดี มีความชุ่มชื้น แลดูกระจ่างใส เรียบเนียน คำเคลมคล้ายสบู่ทั่วไป แต่จะเป็นอารมณ์สปาบำบัดแนวผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมากกว่า 9. อินทผาลัม ผลไม้มหัศจรรย์ของฝากจากดูไบ เหมือนเราไปเกาหลีแล้วไกด์ให้ซื้อสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตๆ ที่นี่ก็เช่นกันแต่เป็นอินทผาลัม เพราะเจ้าอินทผาลัมเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง แบบทะเลทราย ดูไบก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันแถมประโยชน์ของเจ้าตัวนี้ก็ยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ทั้ง มีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งในช่องท้อง ช่วยบำรุงร่างกาย แก้โรควิงเวียนศีรษะ แก้กระหาย ช่วยลดเสมหะภายในลำคอ และยังจากรายงานการวิจัยในประเทศซาอุดีอาระเบีย พบว่าอินทผาลัมสามารถช่วยทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง เหมาะกับการซื้อไปฝากผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ผลไม้ชนิดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดูดี แถมมีประโยชน์สุดๆ ไปเลยจ้า 10. ถั่วต่างๆ เมืองแขกก็ต้องมีถั่วเป็นของคู่กันไปแล้วรึเปล่านะ 555 แต่ของฝากขนมต่างๆของที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกถั่วอย่าง CrunchOs ถั่วค็อกเทลอบเกลือประกอบด้วยอัลมอนด์ ถั่วลิสงและเม็ดมะม่วงพิมพานต์ 1 ถุง มีเยอะมาก รสหนักเค็ม หรือจะเป็นถั่วแมคคาดาเมียอบเกลือถุงใหญ่ ถั่วแมคคาเดียกรอบๆมันๆ ปรุงรสได้เค็มกำลังดีบรรจุในถุงซิปล็อค กินได้นานเก็บได้นานเหมาะกับเอามาฝากเด็กๆ เคี้ยวกันไปเพลินๆ ราคาไม่แรงมากเป็นของฝากน่ารักๆ ได้อีกอย่างหนึ่ง หากใครที่สนใจไปเที่ยว ทัวร์ดูไบ สามารถดูแพ็กเกจทัวร์ได้ ที่นี่ >> https://tourkrub.co/dubai-tour  

อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวดูไบ 5 วัน 4คืน ไปกับทัวร์ เที่ยวได้ชิลล์
เที่ยวดูไบ 5 วัน 4คืน ไปกับทัวร์ เที่ยวได้ชิลล์

26 ก.พ. 63

ดูไบ เป็นเมืองที่น่าเที่ยว หลายๆ สถานที่สวยงามด้วยการสร้างสรรค์ของมนุษย์ มากมายแม้เป็นเมืองท่ามกลางทะเลทรายในแถบตะวันออกกลาง แต่กลับไม่ยอมแพ้ภูมิประเทศ สร้างสิ่งมหัศจรรย์มากมายมาดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมไปถึงวัฒนธรรม และภูมิประเทศน่าเที่ยวสไตล์ตะวันออกกลาง เราจึงอดไม่ได้ที่จะขอมาเที่ยวดูไบสักครั้ง  เที่ยวดูไบ เราเลือกมาเที่ยวกับทัวร์ เพราะที่เที่ยวแต่ละที่อยู่ไกลกัน อาหารการกินแปลกถิ่น วัฒนธรรมแตกต่างการไปกับทัวร์ เราจะได้คำแนะนำที่ดีที่สุดจากไกด์ รวมถึงเที่ยวอย่างไม่ทำผิดวัฒนธรรมของเขาแน่นอน และที่สำคัญถูกกว่าเที่ยวเองแน่นอน ซึ่งทัวร์ที่ผมเลือกจองด้วยคือ ทัวร์ ครับ (Tourkrub) ไว้ใจได้ จองเที่ยวดูไบได้เลยครับ สนุกและเที่ยวสบายจริงๆ    จองทัวร์ดูไบ กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) https://tourkrub.co/dubai-tour   หลังจากเดินทางอย่างยาวนาน จากกรุงเทพมายังสนามบินดูไบ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อย เราไปทานข้าวเย็นก่อนเข้าพักในโรงแรม ครั้งนี้ได้พักที่ โรงแรม Atana Hotel, Dubai UAE ถึงดึกๆ ก็พักยาวๆ ตื่นพรุ่งนี้ค่อยเริ่มเที่ยว ปล.เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมงนะ   วันที่ 2 ดูไบ – กรุงอาบูดาบี – Grand Mosque   เช้านี้หลังรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เราเดินทางไป กรุงอาบูดาบี (Abu dhabi) ซึ่งคือเมืองหลวงของสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองที่ได้รับสมญานามว่า Garden of Gulf และได้รับการยกย่องว่าเป็นสวรรค์แห่งทะเลทรายอีกด้วย   เราแวะที่แรกกันที่ โรงแรม เอมิเรตส์ พาเลซ (Emirates Palace) ในกรุงอาบูดาบี (Abu Dhabi) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โรงแรมี่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดยโรงแรมเปิดให้บริการเมื่อปี ค.ศ.2005 (พ.ศ.2548)  ใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 96,000 ล้านบาท จากการใช้ เงิน ทอง และหินอ่อน เป็นวัสดุในการก่อสร้าง ประติมากรรมหรือสถาปัตยกรรม สไตล์อาหรับ และโรงแรมแห่งนี้ยังติดตั้งโคมไฟระย้าที่ทำขึ้นมาจากแก้วคริสตัลของ “สวารอฟสกี้” เป็นจำนวนถึง 1,002 ชิ้น ตัวโรงแรมนั้นตั่งอยู่ ที่ริมชายหาด ยาวประมาณ 1.3 กิโลเมตร และตัวตึกโรงแรมเอง มีความกว้างประมาณ 850,000 ตารางเมตร ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ นามว่า John Elliot เราตั้งใจจะแวะมาจิบกาแฟ แต่ร้านยังไม่เปิดเลยอดเลยได้แต่ชื่นชมความงามของโรงแรมไป   แต่ไฮไลท์หลักของอาบูดาบี ในวันนี้คือ Sheikh Zayed bin Sultan al Nahyan Grand Mosque สุเหร่าที่งดงามที่สุดของ U.A.E. มีความใหญ่โตเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นสุเหร่าประจำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ท่าน Sheikh สร้างไว้ก่อนท่านจะสวรรคต ใช้ระยะเวลาก่อสร้างรวมทั้งหมด 10 ปี การเที่ยวชมมัสยิด ต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ห้ามสวมกางเกงขาสั้นหรือเสื้อกล้าม ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ผู้หญิงจะต้องมีผ้าคลุมผม และต้องถอดรองเท้าก่อนเข้ามัสยิด มองจากข้างนอกก็สวยจนตะลึงแล้วแต่พอได้เข้ามาข้างในยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม เป็น Mosque ที่สวยมากจริง ๆ ทัวร์ให้เวลาเดินชมรอบๆ แบบเต็มที่จริงๆ     วันที่ 3 The Palm Project – ตึกเรือใบ – Jumeirah Mosque - ตลาด Medinat Jumeirah Souk – นั่งรถ 4WD ตะลุยทะเลทราย เช้าวันนี้ไกด์พาเราไปเริ่มที่หมู่เกาะต้นปาล์ม The Palm Islands ที่นี่เป็นเกาะเทียมกลางทะเลที่สร้างเป็นรูปต้นปาล์ม ขนาดพื้นที่ราว 25 ตารางกิโลเมตร มีแนวของใบปาล์ม 17 แนว เป็นเมืองสุดหรู มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เชื่อมต่อกับพื้นดินของดูไบ ผ่านสะพานและรถไฟลอยฟ้ายาวประมาณ 5.4 กิโลเมตร แต่เสียดายเราไม่มีรูปที่เห็นวิวต้นปาล์มทั้งหมดมาฝาก เพราะต้องถ่ายจากด้านบน เลยได้แค่มาเล่าให้ฟัง เจ้าผู้ครองนครดูไบ Shiekh Mohammed bin Rashid Al Maktoum เจ้าของตึกเบิร์จคาลิฟา เป็นผู้ริเริ่มสร้าง โดยโครงการมีทั้งหมด 3 เกาะ ได้แก่ The Palm Jumeirah , The Palm Deira และ The Palm Jebel Ali ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมด 7 ปี เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ถมพื้นที่ดินเหนือน้ำทะเลสร้างเป็นเกาะด้วยเงินประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนั้นเราไปถ่ายรูปด้านนอกกับโรงแรม Burj Al Arab โรงแรมสุดหรูระดับ 7 ดาว รูปทรงคล้ายเรือใบที่งดงามและหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ริมอ่าวอาหรับ เป็นที่พักอาศัยของเศรษฐีที่มีชื่อเสียงชาวตะวันออกกลาง ถือเป็นสถานที่ที่ทุกคนถ้าไม่ได้เข้าไปก็ต้องมาถ่ายรูปริมหาดให้ติดตึกเรือใบกันทั้งนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเรามาถึงดูไบกันแล้วครับ ^_^ เราไปแวะชื่นชมความงามของ สุเหร่าจูเมียร่าห์ (Jumeirah Mosque) สุเหร่าหินอ่อนสีขาวนวลสะอาดตา ที่มีงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามและทันสมัย และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นมัสยิดที่สวยงามที่สุดของเมือง และ สุเหร่าแห่งนี้เป็นสุเหร่าแห่งเดียวในดูไบที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทุกชาติทุกศาสนาสามารถเข้าไปชมความงามด้านใน 6 วันต่อสัปดาห์ (ยกเว้นวันศุกร์) โดยจะต้องแต่งตัวสุภาพและผู้หญิงจะต้องมีผ้าคลุมหน้าเพื่อเป็นการเคารพสถานที่   หลังจากนั้นเราไปต่อกันที่ตลาดติดแอร์ Medinat Jumeirah Souk หรือที่เรียกกันว่า เวนิสแห่งดูไบ ตั้งอยู่ในส่วนเดียวกับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว Mina Al Salam ของตระกูล Al Maktoum ทัวร์ให้เรามาช็อปปิ้งกันครับ สินค้าก็มีตั้งแต่ ของฝาก หรือศิลปะพื้นเมืองแบบอาหรับ ไปจนถึงแบรนด์เนม พรีเมี่ยม มากมาย  ส่วนช่วงบ่ายมีโปรแกรมนั่งรถ 4WD ตะลุยทะเลทราย Dune Safari ซึ่งใครเมารถ ควรทานยาแก้เมาล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงได้เลยครับ ทะเลทรายอาหรับ เป็นทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก (รองจาก1. Antarctic Desert / 2.Arctic Desert / 3. Sahara Desert) มีพื้นที่ประมาณ 2,300,000 ตารางกิโลเมตร โปรแกรมนี้ไม่แนะนำให้พลาดนะครับ ทั้งสนุกสนานและตื่นเต้นไปกับประสบการณ์อันแปลกใหม่จริง ๆ กับการนั่งรถตะลุยไปบนเนินทรายทั้งสูงและต่ำสลับกันไป มีเสียวมาก เสียวน้อยเป็นระยะครับ ก่อนที่จะจอดให้เราถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน หรือถ่ายรูปเหมือนมาถ่ายแบบกันเต็มที่ มีอูฐให้ลองขี่ถ่ายรูปด้วยครับ ก่อนที่จะพาเราไปในแคมป์กระโจมแบบอาหรับ  สำหรับมื้อค่ำแบบบาร์บีคิว และมีกิจกรรมรวมทั้งโชว์เต้น และสัมผัสชีวิตแบบชาวพื้นเมือง (เบดูอิน) อาทิ การสวมชุดพื้นเมืองชาวอาหรับ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก การเพ้นท์มือแบบอาหรับ (Henna Tattoo) ลองสูบชิชา กลิ่นผลไม้ (Shi Sha) ชมโชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) ก่อนจะเดินทางกลับที่พัก    วันที่ 4 Spice Souk และ Gold Souk – Burj Khalifa – Dubai Mall เราเริ่มต้นวันกันที่ ตลาดเครื่องเทศ SPICE SOUK ที่มีการขายเครื่องเทศมาอย่างยาวนาน มีร้านค้าขายผลไม้อบแห้งของตะวันออกกลางมากมาย นอกจากนี้ยังมีร้านขายของฝากชุดพื้นเมือง ชุดเครื่องแต่งกายต่าง ๆ ชุดอะบายาสำหรับสาวชาวอาหรับ แล้วเดินต่อต่อไปยังย่านตลาดทอง GOLD SOUK ที่ตระการตา ไปด้วยร้านขายทองเหลืองอร่ามตลอดแนว รวมไปถึงเครื่องประดับอื่นๆ มากมายด้วย เราเพลิดเพลินกันการชมและเลือกซื้อของฝากมาก  จากนั้นไกด์ก็พาเรามาที่ “เบิร์จคาลิฟา” Burj Khalifa ชั้น 124 ตึกที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงถึง 828 เมตร มีทั้งหมด 160 ชั้น ใช้สถาปนิกจากชิคาโก นายเอเดรียน สมิธ ออกแบบให้ ซึ่งลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกคือ 18 เมตร ต่อวินาที หรือ 65 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ไปถึงชั้น 124 เพื่อชมวิวจากของนครดูไบได้ทั่วทุกทิศที่สวยงาม โดยตึกนี้ออกแบบตบแต่งภายในโดย Giorgio Armani ด้วย ถ้ามีโอกาส ให้รีบมาก่อนที่ตึกนี้จะถูกลบสถิติต่อไปในไม่ช้า จากนั้นเราก็ เราไปช็อปปิ้งที่ห้างกันต่อ ที่ Dubai Mall ห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ภายในด้วย ซึ่งอยู่ในตึกเดียวกันกับ “เบิร์จคาลิฟา” Burj Khalifa นี่เอง ซึ่งก็ไม่ค่อยจะซื้ออะไรได้มากนัก ยิ่งของแบรนด์เนมราคาจะแพงกว่าบ้านเรามาก      วันที่ 5 Dubai Miracle of Garden – Airport  วันนี้เราจะไปที่ “ ดูไบ มิราเคิล การ์เด้น ” DUBAI MIRACLE GARDEN ก่อนจะเดินทางไปสนาบบิน เพื่อกลับบ้านกันแล้ว แทบไม่น่าเชื่อว่าเมืองที่เต็มไปด้วยทะเลทรายจะสามารถเนรมิตสวนดอกไม้ที่งดงามและใหญ่ที่สุดในโลกได้ขนาดนี้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองนี้ก็ว่าได้ โครงการนี้ดูไบตั้งใจให้เป็นสวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างในเขต ดูไบแลนด์ กินพื้นที่ประมาณ 72,000 ตารางเมตร ภายในสวนประกอบด้วย ไม้นานาพันธุ์กว่า 45 ล้านต้นเลยทีเดียว    ดูไบ มิราเคิล การ์เด้น ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตลอดทั้งปีเพราะ ตั้งแต่ช่วงเดือน มิถุนายน – กันยายน เป็นช่วงซัมเมอร์ของดูไบ แต่จริง ๆ แล้ว แถวนี้ก็ร้อนทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 40 องศาเลยทีเดียว เลยต้องปิดบริการชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้รดน้ำต้นไม้ตลอดเวลา เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือน ตุลาคม – พฤษภาคม ของทุกปี สวนดอกไม้ ดูไบ มิราเคิล การ์เด้น เปิดบริการทุกวัน เวลา 9.00-21.00 ค่าบริการ 5.50 เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 165 บาท (1 ดอลล่า = 30 บาท) แต่เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เข้าฟรี เต็มอิ่มและประทับใจกับเที่ยวดูไบ แล้วก้กลับบ้านกันได้ เที่ยวกับทัวร์แล้ว ชัวร์จริง ๆ ถ้าให้มาเองแต่ละที่น่าจะค่าใช่จ่ายเอาเรื่องทีเดียว ประเทศนี้เหมาะกับเที่ยวแบบมากับทัวร์ครับ ถ้าคิดจะมามากับทัวร์เลยครับ ส่วนดูไบจะกลับมาเที่ยวซ้ำได้มั๊ย ต้องมาซ้ำครับ เพราะดูไบไม่หยุดสร้างเมืองแน่นอน เพราะแหล่งน้ำมันที่ว่ามีมากมหาศาลยังไงก็มีวันหมด ดูไบจึงพยายามสร้างเมืองเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวหารายได้เข้าประเทศยังไงเล่า ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างเราก็อยากเห็นอะไรใหม่ๆแน่นอน แล้วเราจะกลับไปอีกนะ ดูไบ    เรื่องและภาพถ่าย โดย จ๊อบ ฝั่งธน ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.sinehabangkok.com Facebook Page : Sineha Bangkok Instagram : sinehabangkok Twitter : sinehabangkok         

อ่านเพิ่มเติม