“มาเก๊า” เรามาแล้ว ... เมืองชิค ๆ ไม่ไกลจากเมืองไทยที่ต้องไม่พลาดแวะเวียนไปเช็คอินและดื่มด่ำบรรยากาศกันสักหน่อย กับเมืองมาเก๊า ที่ต้องบอกว่าด้วยโปรโมชั่นสายการบินทั้งหลายในช่วงปลายปีเก่า ต้นปีใหม่นี้ ถ้าพ้นปีนี้ไปแล้วใครยังไม่ได้ไปแตะเมืองมาเก๊าต้องบอกเลยว่าเอ้าท์มากนะ พูดเลย
ไม่พูดพร่ำทำเพลงเรื่องการเดินทาง เพราะเที่ยวบินกรุงเทพ – มาเก๊ามีให้เลือกค่อนข้างเยอะ ขึ้นกับสไตล์ที่ชอบ ราคาที่ใช่และโปรโมชั่นในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละสายการบิน แต่ ๆ ๆ ... ถ้าใครไม่อยากวุ่นวายเรื่องหาโปรเด็ด ที่พักโดน ๆ แต่อยากเที่ยวชิลล์ ๆ สบาย ๆ ลากกระเป๋าขึ้นเครื่องพร้อมเลยแล้วล่ะก็ สายชิลล์มองหาทัวร์มาเก๊าต้องทางนี้เลย หาทัวร์ครบจบที่ทัวร์ครับ ทัวร์ดี ๆ แบบมืออาชีพต้องที่นี่เลย
มาที่พิกัดเที่ยวในเมืองมาเก๊ากันเลย มี่ที่ไหนน่าเที่ยวบ้างเราไปดูกัน เริ่มที่วันแรกกันก่อน กับการแตะแผ่นดินมาเก๊าวันแรกมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง Let’s go …
พิกัดชิค ๆ ของมาเก๊าอันเป็นศุนย์รวมตัวของชาวเมืองมาเก๊าและนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก กับย่านอาณานิคมเก่าซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปในสไตล์โคโลเนียลสุดคลาสสิค และร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหารละลานตา พิกัดแลนด์มาร์คท็อป 3 ของเมืองมาเก๊าที่ต้องห้ามพลาด ทั้งยังได้รับการยกให้เป็นพื้นที่มรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ (UNESCO’s World Heritage) อีกด้วย
พิกัด : Senado Square
เมือมาถึง จัตุรัสเซนาโด (Senado Square) ที่มีร้านอาหาร และคาเฟ่อยู่อย่างคับคั่งทั้งทีแล้ว ก็ต้องแวะรองท้องกันก่อนสักนิดนึงกับร้าน Wong Chi Kei ร้านบะหมี่ไข่เกี๊ยวกุ้งตัวโต ๆ เจ้าดังสุดอร่อยแห่งจัตุรัสเซนาโด
เมนูเด็ดต้องลองซึ่งมีกลมกล่อมตั้งแต่น้ำซุป ไส้เกี๊ยว ไปจนถึงบะหมี่ไข่เส้นเหนียวนุ่ม ซึ่งใช้แป้งและไข่เป็ดเป็นส่วนผสมหลัก นวดแป้งด้วยกรรมวิธีการนวดแบบโบราณที่ทำให้ได้เส้นบะหมีที่นุ่มกว่าวิธีอื่น กับบะหมี่ไข่อันเป็นไฮไลท์ของทางร้าน เมื่อถูกโอบล้อมด้วยน้ำซุปเข้มข้น รสชาติกลมกล่อม หอมหวาน และเกี๊ยวกุ้งชิ้นโต ๆ ที่ผ่านการปรุงรสไส้เกี๊ยวมาเป็นอย่างดี ที่ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัวยิ่งทวีคูณรสชาติความอร่อยเข้าไปอีกแบบยกกำลังเลยทีเดียว
พิกัด : Macau Wong Chi Kei
เมื่ออิ่มท้องเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมออกเดินทางต่อกันที่ โบสถ์เซนต์โดมินิก (St. Dominic’s Church) มาดื่มด่ำวัฒนธรรมและอิทธิพลสถาปัตยกรรมจากโปรตุเกสผสมสเปนเก่าแก่ อายุกว่า 400 ปีกันสักหน่อย กับโบสถ์สุดโดดเด่นอลังการด้วยตัวอาคารภายนอกสีเหลืองพาสเทลตัวลวดลายด้วยสีขาว และแต่งเติมสีสันด้วยประตูหน้าต่างบานใหญ่สีเขียวน้ำทะเลสุดแนว ตั้งตระหง่านอยู่กลางย่านจัตุรัสเซนาโดอันพลุกพล่าน
พิกัด : St. Dominic’s Church
คฤหาสน์หลู่เกา (Lou Kau Mansion) หรือ คาซ่าเดอหลู่ (Casa De Lou) เป็นอาคาร 2 ชั้นแบบจีนโบราณก่อด้วยอิฐสีเทาแบบดั้งเดิมในสไตล์สถาปัตยกรรมซิกวนของจีน ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1889 โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งท่ามกลางอาคารสไตล์ยุโรปที่ห้อมล้อมไว้ในย่านจัตุรัสเซนา ที่ยิ่งทำให้บ้านเรือนแบบจีนโบราณหลังนี้ยิ่งเด่นเข้าไปอีกหลายเท่า จนได้รับการยกให้เป็นสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าทางด้านศิลปะจีนจากรัฐบาลมาเก๊า
พิกัด : Lou Kau Mansion
ซากโบสถ์คาทอลิกที่สวยงามอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองมาเก๊า ซากโบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่สไตล์โปรตุเกสซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1580 แม้จะถูกไฟไหม้หลายครั้งจนหลงเหลือไว้เพียงซากกำแพงด้านหน้าและบันไดเท่านั้น แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายอันทรงเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมทางศาสนาต้นฉบับเอาไว้ได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยทำเลที่ตั้งบนเนินเขาใจกลางเมืองสุดไพร์มที่ทำให้ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) แห่งนี้ได้กลายเป็นแลนมาร์คสำคัญ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมาเก๊า
พิกัด : Ruins of St. Paul’s
ถัดจาก ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) มาไม่ไกล ก็จะได้พบกับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและยังเป็นพิกัดชมวิวมุมสูงแบบพาโนรามาของเมืองอีกด้วยกับ พิพิธภัณฑ์มาเก๊า (Macau Museum) และ ป้อมปราการมองเต (Macau Monte Fort)
พิพิธภัณฑ์มาเก๊า (Macau Museum) พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวของวิถีชีวิตในทุกยุคสมัย และประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองมาเก๊าเอาไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของฐานทัพและสำนักงานกรมอุตุวิทยาก่อนถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1998 บนพื้นตั้งเดียวกันกับป้อมปราการปืนใหญ่มองเต (Macau Monte Fort) และได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ (UNESCO) ในปี ค.ศ. 2005
พิกัด : Macau Museum
ป้อมปราการแห่งมอนเต (Fortaleza do Monte) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า บิ๊กฟอร์ท (Big Fort) ป้อมปราการกลางเมืองมาเก๊าซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงกว่า 52 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1617 เป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร พร้อมด้วยปืนใหญ่ถึง 30 ลำรอบกำแพงป้อม ต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ พิพิธภัณฑ์มาเก๊า (Macau Museum) และยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงใจกลางเมืองแบบพาโนราม่าสุดปังอีกแห่งหนึ่งด้วยในปัจจุบัน
พิกัด : Macau Monte Fort
ก่อนจะตระเวนทัวร์มาเก๊ากันต่อ มาแวะชิมของว่างรองท้องกันสักนิด กับเมนูนมตุ๋น หรือพุดดิ้งนม เมนูเก๋ ๆ ในแบบฉบับขนมมาเก๊าออริจินัลชื่อดังที่ร้าน Leitaria I Son หรือ Yee Shun Milk Company
นมสดตุ๋น หรือพุดดิ้งนมเนื้อเนียนกริบ หอมนมสด และรสชาติละมุน เนื้อสัมผัสเด้งนุ่มลิ้นเอามาก ๆ กับของว่างทานง่ายสไตล์จีนกวางตุ้ง ที่ทำจากนมวัวผสมไข่ขาว นำไปนึ่งจนได้ผิวสัมผัสกำลังดี เรียบเนียนน่าทาน เหมาะกันการทานทั้งแบบร้อนและแบบเย็นก็เด็ดไม่แพ้กัน แต่ถ้าจะเพิ่มเติมรสชาติให้เต็มอิ่มยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการเติมท็อปปิ้งถั่วแดงก็ยิ่งฟินขึ้นไปอีก
พิกัด : Yee Shun Milk Company
ถนนสายความสุข (Happiness Street) หรือ Rua da Felicidade บ้านเรือนอาคารย้อมยุคสุดวินเทจ กับอาคารเก่าดั้งเดิมตั้งแต่ยุคสมัยก่อนที่ตกแต่งทั้งบานประตูและหน้าต่างเป็นสีแดงสดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของย่านนี้ หรือเรียกอีกอย่างว่า “ย่านโคมแดง” ซึ่งในสมัยเก่าก่อนก็เป็นพื้นที่ย่านโคมแดงตามชื่อเรียก แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นถนนท่องเที่ยวสุดชิค ที่ฮิปด้วยคาแร็คเตอร์เฉพาะตัว เต็มไปได้สนร้านค้าร้านอาหารที่ตกแต่งอย่างสวยงามอย่างมีสไตล์น่าสนใจเป็นที่สุด
พิกัด : Rua da Felicidade
และแล้วก็มาถึงพิกัดปิดท้ายการเที่ยวมาเก๊าในวันแรกกันที่ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมกลางทะเล (Kun Iam Statue) รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ทำจากทองสำริดในแบบศิลปะกรรมผสมผสานระหว่างจีนและยุโรป ความสูง 20 เมตรยืนบนฐานดอกบัวความสูง 4 เมตร ที่ยื่นตัวลงไปในทะเลกว่า 60 เมตร ตั้งอยู่กลางทะเลทางตอนใต้ของฝั่งมาเก๊าบริเวณ Outer Harbour ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองมาเก๊า อันเป็นที่เคารพศรัทธาของทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยว
พิกัด : Kun Iam Statue
หมดวันแรกที่มาเก๊ากันไปแบบชิลล์ ๆ กับพิกัดเช็คอินตัวท็อป ๆ ของเมืองกันไปแล้ว ว่าแล้วกลับที่พัก เพื่อพักเอาแรงเอาสำหรับวันใหม่ในวันพรุ่งนี้ กับการแพลนเที่ยวมาเก๊าในวันที่สองกันต่อเลย โดยในวันที่สองเราจะย้ายทำเลออกจากตัวเมืองกันบ้าง Day 2 :
เปิดวันที่สองกันด้วยอาหารเช้าร้าน ๆ อันเป็นเมนูขึ้นชื่อสไตล์จีนของเมืองมาเก๊ากันกับ ร้าน Seng Cheong ร้านโจ๊กปูมาเก๊าชื่อดัง ที่ถ้าพลาดเมนูนี้อาจต้องเสียใจกันมาก ๆ
ร้านโจ๊กเจ้าดังถนนสายอาหารไทปา ที่โด่งดังทั้งหน้าตาอาหารสุดอลังการและรสชาติอันโดดเด่น กับเมนูอาหารเจ้าอันเป็นไฮไลท์ อย่างโจ๊กปูชามใหญ่ ที่เสิร์ฟโจ๊กสีเหลืองรสชาติเข้มข้นทำจากน้ำซุปมันปูรสกลมกล่อมเคี่ยวกับข้าวเนื้อละเอียดจนเข้าเนื้อ มาพร้อมกับปูชิ้นโต ๆ รสชาติจัดจ้านเข้มข้นแบบอาหารทะเลสดใหม่ ที่ไม่จืดชืดแบบโจ๊กทั่ว ๆ
พิกัด : Seng Cheong
เมื่ออิ่มท้องแล้วพลพรรคก็พร้อมเดินทางกันต่อที่ หมู่บ้านไทปา (Taipa Village) หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ กับอาคารบ้านเรือสีพาสเทลสดใสในแนวสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยที่เป็นอาณานิคมในปกครองของโปรตุเกสใจกลางเกาะไทปา ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองมาเก๊า จึงเป็นพิกัดที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่งอีกแห่งหนึ่งของเมืองมาเก๊า
พิกัด : Taipa Village
พิพิธภัณฑ์บ้านไทปา (Taipa House Museum) ที่พักอาศัยเก่าหลังสีเขียวพาสเทลสดใสของข้าราชการชาวโปรตุเกสในศตวรรษที่ 20 จำนวน 5 หลัง ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และได้รับการบูรณะให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในเวลาต่อมา เพื่อเป็นพื้นที่จัดแสดงวิถีความเป็นอยู่ของชาวต่างชาติในยุดอาณานิคมของมาเก๊า ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวและวิถีชีวิตของผู้คนในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี
พิกัด : Taipa House Museum
ถนนคูนย่า (Rua do Cunha) ถนนคนเดินความยาวเพียง 136 เมตร หรือ 446 ฟุต อันเป็นแหล่งรวมของฝาก ร้านค้า และร้านอาหารของมาเก๊าอีกแห่งหนึ่งบนเกาะไทปา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางหมู่บ้านไทปา (Taipa Village) ย่านช็อปปิ้งที่โดดเด่นมีสไตล์สุดชิคด้วยดีไซน์การออกแบบตกแต่งร้านสุดสะดุดในแนวร่วมสมัยสไตล์ผสมผสานระหว่างจีนดั้งเดิมและยุโรปที่เข้ากันได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นเสน่ห์ของถนนแห่งนี้ไปแล้ว
พิกัด : Rua do Cunha
ช้อปปิ้งกันพอเป็นพิธีประมาณนึงแล้วมาต่อกันกับสถานที่สำคัญทางศาสนาที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งอย่าง โบสถ์เซนต์ฟรานซิสซาเวีย (Chapel of St. Francis Xavier) โบสถ์คริสต์สีหวานสะดุดสายตากับสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกในสไตล์บาร็อคที่ไม่เหมือนใครบนเกาะโคโลอาน ที่สวยงามโดเด่นจนเคยเป็นฉากหนึ่งในซีรี่ย์และภาพยนตร์มาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง
พิกัด : Chapel of St. Francis Xavier
มาเช็คอินในย่านโคอานทั้งที ก็ต้องไม่พลาดอีกหนึ่งเมนูของหวานชื่อดังที่ร้านดังของมาเก๊า กับทาร์ตไข่ เมนูขนมที่มีถิ่นฐานต้นกำเนิดฉบับออริจินอลจากเมืองมาเก๊าแห่งนี้ ที่ร้าน Lord Stow’s Bakery
หนึ่งในสุดยอดทาร์ตไข่อันเลื่องชื่อของมาเก๊า กับทาร์ตไข่กลิ่นหอมไข่และเนย รสชาติหวาน มันกำลังพอดี แป้งด้านนอกบางกรอบด้านในเนื้อแป้งแน่นเนียนละเอียด ที่มาพร้อมไส้ที่ทำจากไข่รสสัมผัสนุ่น รสชาติละมุน ที่แค่ได้ลิ้มลองถึงขั้นต้องติดใจ แวะเวียนหวนกลับมาเมืองมาเก๊าอีกบ่อย ๆ อย่างแน่นอน สายหวานทั้งหลายบอกเลยว่านี่คือพิกัด Rare Item ของเมนูทาร์ตไข่ฉบับออริจินอลดั้งเดิมกันเลยทีเดียว
พิกัด : Lord Stow’s Bakery
หมู่บ้านวัฒนธรรมวิหารเทพอาม่า (A-Ma Cultural Village) หมู่บ้านวัฒนธรรมจีนและย่านชุมนุมวัดสไตล์จีนขนาดใหญ่ที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ฉิง (Qing Dynasty) บนเนินเขาโคโลอาน(Coloane Hill) ที่อุดมไปด้วยงานศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมทั้งสาหินแกะสลัก ซุ้มประตูหิน รูปปั้นหินอ่อนแกะสลัก และรูปปั้นแกะสลักเจ้าแม่ทับทิมที่สูงที่สุดของมาเก๊า ซึ่งมีความสูงถึง 21 เมตรสุดอลังการ และยังเป็นทำเลที่เหมาะแก่การชมวิวเมืองมุมสูงอีกพิกัดหนึ่งอีกด้วย
พิกัด : A-Ma Cultural Village
เยี่ยมเยียนชมถิ่นฐานบนเกาะไทปา (Taipa) และเกาะ โคโลอาน (Coloane) ไปจนอิ่มเอมในวัฒนธรรมมาเก๊ากันไปแล้วในวันที่สอง ย้ายจากโซนนอกเมือง มุ่งสู่แสงสีและสีสันสุดอลังการตระการตาบ้างดีกว่า สำหรับวันที่สามเราจะไปต่อกันที่ในตัวเมืองมาเก๊าล้วน ๆ แบบเที่ยวไปช้อปปิ้งไปเบา ๆ คูล ๆ กันดูบ้าง ส่วนจะเป็นที่ไหนบ้าง ... เปิดวาร์ปข้ามคืน ไปสู่การเที่ยวมาเก๊าในวันที่สามต่อกันเลย Day 03 :
เปิดฤกษ์วันที่สามด้วยการลิ้มลองของอร่อยที่ต้องลองอีกหนึ่งเมนูเมื่อมาไทปากันก่อนเลย ซึ่งก็คือ ขนมปังหมูทอดโปรตุเกส ร้าน Tai Lei Loi Kei
ร้านขนมปังหมูทอดสไตล์โปรตุเกสเจ้าดังแห่งเกาะไทปา ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานมากกว่า 50 ปีมาแล้ว โดยเปิดร้านมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1968 เลยทีเดียว และยังคงความอร่อยของสูตรดั้งเดิมต้นฉบับมาจนทุกวันนี้ ของขนมปังบันกรอบนอกเหนียวนุ่มด้านใน กับเนื้อหมูปรุงรสและหมักเครื่องเทศอย่างดีชิ้นหนาเนื้อนุ่ม รสชาติเข้มข้น ติดมันเล็ก ๆ น้อยพอหอม ๆ เวลาย่างและให้เนื้อสัมผัสนุ่มลิ้น ละมุนเนียนไปกับรสชาติเข้มข้นและความกรอบของเนื้อขนมปัง หนึ่งเมนูที่ดูง่าย ๆ แต่ไม่ธรรมดาของมาเก๊า
พิกัด : Tai Lei Loi Kei
ว่าแล้วอิ่มท้องบุ๊ปก็รีบไปต่อกันบั๊ปเลยกับพิกัดเที่ยวแห่งต่อไปของเมืองมาเก๊า ที่ต้องบอกว่าสวยล้ำนำสมัยและโดดเด่นสะดุดตาสุด ๆ กับ สตูดิโอซิตี้มาเก๊า (Studio City Macau) โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวและเอ็นเตอร์เทนคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ของมาเก๊า อันเด่นสุด ๆ ตั้งแต่รูปลักษณ์ของตัวอาคารภายนอกที่มี ชิงช้าสวรรค์หมายเลข 8 หรือ “The Golden Reel” สีทองด้านนอกอาคารที่ความสูง 130 เมตรเหนือพื้นดิน หรือที่ชั้น 23 ของตัวอาคาร จัดเป็นอีกหนึ่งการรับชมทัศนียภาพเมืองมาเก๊าสวย ๆ มุมสูงที่สุดอัศจรรย์น่าประทับใจไม่เหมือนใครแบบที่จะพลาดกันไม่ได้
พิกัด : Studio City Macau
อีกหนึ่งพิกัดแลนด์มาร์คสุดชิค และสีสันยามค่ำคืนสุดตระการตาของมาเก๊า กับหอไอเฟลจำลอง (Eiffel Tower) ด้านหน้าโรงแรมเดอะปารีสเชียน มาเก๊า (The Parisian Macau) ที่สมจริงเสมือนยกมาจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งบรรยากาศโดยรอบก็ยังมีกลิ่นอายยุโรปแบบกรุงปารีสอยู่เบา ๆ อีกด้วย นอกเหนือไปจากความโดดเด่นสุดอลังการของแลนด์มาร์คแห่งนี้แล้ว หอไอเฟลจำลอง (Eiffel Tower) แห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองแบบพาโนราม่าสุดปัง ถึง 2 แห่งที่บนชั้น 7 และชั้น 37 ของหอไอเฟลจำลองอีกด้วย
พิกัด : The Parisian Macau
เดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊า (The Venetian Macau) แหล่งรวมความบันเทิงครบวงจรขนาดใหญ่ยักษ์ของมาเก๊า ที่สวยงามตระการตาทั้งสถาปัตยกรรมภายนอกและการตกแต่งภายใน ซึ่งมีไฮไลท์เด็ดอันโด่งดังอยู่ที่ The Grand Canal Shoppes พื้นที่ช้อปปิ้งถูกเนรมิตให้สวยงามตระการตาในสไตล์เมืองเวนิส ที่จำลองคลองแกรนด์แคแนลของเมืองเวนิส ในประเทศอิตาลีมาไว้ภายในอาคาร พร้อมฝ้าเพดานงานจิตรกรรมที่สะกดสายตาของท้องฟ้าและหมู่เมฆที่สวยเสมือนจริงราวกับอยู่ด้านนอกอาคารจริง ๆ
พิกัด : The Venetian Macau
หอคอยมาเก๊า (Macau Tower) อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมืองสไตล์ยุโรปบนแผ่นดินตะวันออกอย่างเมืองมาเก๊า กับหอคอยสูงริมทะเลบริเวณ Outer Harbour กับความสูงถึง 338 เมตรของหอคอยแห่งนี้ ที่ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองมาเก๊าในมุมสูง (สูงมาก) แบบ 360 องศาสุดตระการตาในทั้งยามค่ำคืน และในตอนกลางวัน กับทัศนียภาพของคาบสมุทรมาเก๊า ท้องทะเล และสีสันความเจริญรุ่งเรืองของเมืองบนชั้น 58 ของหอคอยมาเก๊า (Macau Tower) หรือที่ระดับความสูงถึง 223 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แต่ถ้าใครยังอยากเพิ่มความประทับใจให้มากขึ้นไปอีกโดยเฉพาะสายแอดเวนเจอร์ทั้งหลาย ก็สามารถออกไปท้าทายความสูง ความเสียวด้วยการผจญภัยเดินไต่เวหาด้านนอกอาคาร หรือเล่นบันจี้จั๊มพ์ที่ชั้น 61 ได้อีกด้วย รับรองว่าประทับใจไม่มีวันลืมแน่นอน
พิกัด : Macau Tower
สำหรับ สถานที่เที่ยวมาเก๊า ในคราวนี้เราเปิด Open เรื่องร้านอาหารการกินเอาไว้ เพราะเรื่องปากเรื่องท้องส่วนนึงมันเป็นเรื่องของสไตล์และรสนิยมที่อาจจะไม่เหมือนกัน หรือไม่ได้ถูกปากถูกใจกันไปซะหมด แต่สำหรับพิกัดที่กินเด็ด ๆ ต้องโดนห้ามพลาดของมาเก๊าทั้งคาวทั้งหวาน เราใส่เอาไว้ให้แล้วแบบสบายหายห่วง เที่ยวมาเก๊ารอบเดียวเที่ยวครบจบทั้งเที่ยวทั้งกินแบบชิลล์ ๆ ไม่มีพลาดแน่นอน
คุณชอบบทความนี้
อยากบอกต่อให้เพื่อนรู้ง่ายๆ แค่แชร์ให้เพื่อนเลย