เซนได (sendai) เป็นเมืองหลักของจังหวัดมิยางิ ในภูมิภาคโทโฮคุ หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น และยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้อีกด้วย เซนไดเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘เมืองแห่งต้นไม้’ เพราะแม้เซนไดจะเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ทันสมัย แต่ในขณะเดียวกัน เซนไดก็ยังคงรักษาความสมดุลระหว่างความเจริญทางเทคโนโลยีและธรรมชาติเอาไว้ได้เป็นอย่างดี หากคุณมาทัวร์เซนได จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่จะได้พบเห็นสีเขียวของต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์กระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ในตัวเมือง นอกจากธรรมชาติและความทันสมัยแล้ว เซนไดยังเป็นเมืองที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เทศกาลหนึ่งซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ก็คืองานเทศกาลหน้าร้อนหรือทานาบาตะ ซึ่งงานที่จัดในเซนไดถือว่าเป็นทานาบาตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว หากคุณสนใจมาทัวร์เซนได สามารถเลือกมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี เนื่องจากเซนไดเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศสบายๆ เมื่อเทียบกับหลายเมืองของญี่ปุ่น คือประมาณ 25 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูร้อน และ 1 - 2 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูหนาว โดยนอกจากมีสภาพธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์แล้ว เซนไดยังมีโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในยุคโบราณอีกมากมาย เนื่องจากเคยเป็นเมืองใหญ่ซึ่งมีความสำคัญมาตั้งแต่ในสมัยก่อน และในปัจจุบัน เซนไดยังเป็นแหล่งรวมของหลายมหาวิทยาลัย รวมถึงเดินทางง่ายเพราะอยู่ไกลจากโตเกียวเพียงแค่ 300 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยความสะดวกสบายในการเดินทางรวมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทำให้การมาทัวร์เซนไดถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่อยากเดินทางมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ถ้าคุณกำลังมองหาทัวร์เซนไดราคาประหยัดที่จะพาคุณเดินทางแบบสบายๆ และชมไฮไลท์เด็ดๆ แบบไม่ขาดตกบกพร่อง นี่อาจจะเป็นหนึ่งคำตอบที่คุณต้องการ เริ่มกันตั้งแต่การเดินทางไปชมความงามของเมืองมรดกโลกอย่างนิกโก้ ซึ่งมีทั้งที่เที่ยวทางธรรมชาติอย่างน้ำตกเคะกง ทะเลสาบชูเซ็นจิ และศาลเจ้าเก่าแก่นิกโก้โทโชกู แล้วไปช้อปปิ้งกันต่อแบบสบายๆ ใน Aeon Town Shopping Mall เมืองเซนได จากนั้นไปชมอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดที่น่าตื่นตาอย่างปีศาจหิมะ Zao Snow Monster ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาดูได้จากไม่กี่สถานที่เท่านั้น ก่อนเดินทางไปยังกินซัง ออนเซ็น เมืองแห่งน้ำพุร้อนที่เก่าแก่สวยงามและมีบรรยากาศสงบสบาย ต่อด้วยการไปเดินเล่นช้อปปิ้งในย่านอิจิบันโจซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงขายของหลากหลายรูปแบบ แล้วเดินทางไปชมความงามของอ่าวมัตสึชิมะ ซึ่งเป็นอ่าวแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลอ่าวที่สวยงามที่สุดในโลก ก่อนไปเดินเล่นที่ตลาดปลา Nakaminato Fish Market ซึ่งมีร้านอาหารทะเลสดๆ ให้เลือกชิมมากมาย จากนั้นไปนมัสการพระพุทธรูปอุชิคุไดบุตสึ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่สูงที่สุดในโลก แล้วไปเดินช้อปปิ้งให้จุใจในอามิ พรีเมี่ยม เอ๊าท์เล็ต เป็นการปิดท้าย เป็นการไปทัวร์เซนไดที่สบายๆ และน่าจะถูกใจคุณแน่นอน
นี่นับเป็นอีกหนึ่งทริปทัวร์เซนไดที่จะทำให้คุณได้สัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในหลายบรรยากาศอย่างแท้จริง เริ่มทริปที่การไปชมปราสาทสึรุงะ ซึ่งเป็นปราสาทหลังเดียวที่ยังคงรักษาหลังคาซึ่งเป็นเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่นโบราณเอาไว้อย่างครบถ้วน ต่อด้วยการเดินทางไปเยือนหมู่บ้านโบราณโออุจิ จูคุ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวนาโบราณที่ยังคงเก็บรักษารูปแบบบ้านหลังคามุงหญ้าเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ให้คุณเดินชมเดินช้อปกันสบายๆ ก่อนไปเยือนสถานีรถไฟยูโนคามิ ออนเซ็น สถานีรถไฟแห่งเดียวของญี่ปุ่นที่มีรูปแบบอาคารและหลังคาแบบโบราณ จากนั้นไปชมความอลังการของโทโนะเฮทสึริ หน้าผาล้านปีที่มีทิวทัศน์สวยสะกดใจ ก่อนเดินทางไปชมความน่ารักของหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะแห่งฟุกุชิมะ ต่อด้วยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังยอดเขาซาโอะ ซึ่งระหว่างทางจะได้ชมความน่าตื่นตาของปีศาจหิมะ หรือ Ice Monster และได้สนุกกับการไปเล่นสกีและหิมะบนยอดเขา จากนั้นไปช้อปปิ้งยังถนนคลิสโรด ถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเซนได ก่อนไปชมซากปราสาทเซนไดหรือปราสาทอาโอบะ แล้วเดินทางไปยังท่าเรือชิโกม่า เพื่อล่องเรือในอ่าวมัตสึชิม่า ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของอ่าวที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น แล้วไปต่อกันที่การแวะไหว้พระใน 3 วัดเก่าแก่อย่าง วัดโกไดโดะ วัดซูอิกันจิ และวัดเอนสึอิน แล้วไปช้อปปิ้งที่ Sendai-Izumi Premium Outlet เป็นการปิดท้าย รับรองว่าทัวร์เซนไดทริปนี้คุณจะได้เที่ยวเพลินกันแบบเต็มที่อย่างแน่นอน
หากคุณกำลังมองหาทัวร์เซนไดที่ให้ความรู้สึกหลากหลายไม่จำเจ แถมยังพาคุณเดินทางชมความโดดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในโซนเหนือของญี่ปุ่นได้แบบเต็มอิ่มละก็ ขอแนะนำทัวร์เซนไดทริปนี้ไว้ให้พิจารณา เริ่มทริปกันสบายๆ ด้วยการไปล่องเรือในอ่าวมัตสึชิม่า 1 ใน 3 อ่าวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ต่อด้วยการแวะไหว้พระที่วัดเก่าแก่อย่าง วัดโกไดโดะ วัดซูอิกันจิ และวัดเอนสึอิน ก่อนเดินทางไปยังหมู่บ้านโบราณตั้งแต่สมัยเฮอันอย่างหมู่บ้านเอะสะชิ ฟูจิวาระ แล้วแวะไปเยือนหมู่บ้านซามุไรอายุกว่า 400 ปี ที่เมืองคะคุโนะดาเตะ ก่อนไปอร่อยกับอาหารทะเลสดๆ ที่ตลาดปลาฟูรุคาวะ เมืองอาโอโมริ ต่อด้วยการไหว้พระใหญ่แห่งอาโอโมริที่วัดเซอิเรียวจิ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นองค์พระสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จากนั้นไปชมความสวยอลังการของโคมไฟที่ใช้แห่ในเทศกาลเนบุตะ เมืองอาโอโมริ ที่พิพิธภัณฑ์เนบุตะวารัสเซ่ ก่อนเดินทางด้วยชินคันเซ็นไปยังเมืองฮาโกดาเตะของฮอกไกโด ชมไฮไลท์อย่างป้อมโกเรียวคาคุหรือป้อมดาวห้าแฉก แวะช้อปปิ้งและเดินเล่นในบรรยากาศสุดชิลล์ย่านโกดังอิฐแดงริมน้ำ ชมความงามของท่าเรือเมืองฮาโกดาเตะ แล้วไปนั่งกระเช้าชมทิวทัศน์สุดอลังการยามค่ำคืนของเมืองจากบนเขา ไปชมความน่ารักของเหล่าหมีสีน้ำตาลที่สวนหมีภูเขาไฟโชวะชินซัน ต่อด้วยการไปชมไฮไลท์ในเมืองซัปโปโรอย่างศาลเจ้าฮอกไกโด ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด หอนาฬิกาโบราณ แล้วไปช้อปของฝากจากถนนคานุกิโคจิเป็นการส่งท้าย สนุก เพลิน และหลากหลาย ต้องยกให้ทัวร์เซนไดทริปนี้เลย
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเที่ยวชมความงามของธรรมชาติ และรักการได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอันสวยงามและเก่าแก่ แนะนำว่าทัวร์เซนไดทริปนี้น่าจะใช่สำหรับคุณ เริ่มทริปกันที่มรดกโลกอย่างวัดจูซนจิ ในจังหวัดอิวาเตะ แล้วไปชมความสวยของหมู่บ้านโบราณเอะสะชิ ฟูจิวาระ ซึ่งมีกิจกรรมให้ทำกันมากมาย จากนั้นไปล่องเรือชมอ่าวมัตสึชิม่า 1 ใน 3 อ่าวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ชมความสวยของวัดซูอิกันจิ วัดเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ ก่อนไปแวะช้อปกันที่ Izumi Premium Outlet แล้วไปชมซากปราสาทเซนได ต่อด้วยการไปเดินชิลล์ที่ถนนคลิสโรด ถนนสายช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเซนได จากนั้นไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชมความมหัศจรรย์ของ Snow Monster ณ ภูเขาซาโอะ แล้วสนุกกับกิจกรรมกลางหิมะบนยอดเขา ก่อนไปเยือน Inawashiro Lake ทะเลสาบซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของญี่ปุ่น ซึ่งจะเต็มไปด้วยฝูงหงส์อพยพในช่วงหน้าหนาว แล้วไปเยือนปราสาทสึรุงะ ซึ่งยังคงเอกลักษณ์หลังคาโบราณแห่งเดียวของญี่ปุ่นในปัจจุบัน ไปเดินเล่นในหมู่บ้านโบราณโออุจิ จูคุ แวะชมสถานีรถไฟยูโนคามิออนเซ็น ก่อนมุ่งหน้าไปยังเมืองนิกโก้เพื่อชมความสวยของธรรมชาติและมรดกโลกอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้านิกโกโทโชกู สะพานแดงชินเคียว และน้ำตกเคกอน ก่อนไปเดินเล่นที่ย่านคาชิย่า โยโกโช และอิออน นาริตะมอลล์ ในเมืองคาวาโกเอะ แล้วไปเที่ยวชมเมืองเก่าซาวาระ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นลิตเติ้ลเอโดะแห่งจังหวัดชิบะ แวะนมัสการศาลเจ้าคาโทริ และช้อปปิ้งที่ชิซุย พรีเมียม เอาท์เลท เป็นการปิดท้าย รับรองว่าทัวร์เซนไดทริปนี้คุณได้ชมสถานที่สวยๆ กันสะใจอย่างแน่นอน
ใครชอบอากาศเย็น และชอบเห็นทิวทัศน์สวยๆ ของธรรมชาติ อยากให้ลองเปิดโอกาสพิจารณาทัวร์เซนไดทริปนี้ดูก่อน เพราะทริปนี้เริ่มกันตั้งแต่การชมความสวยของเมืองมัตสึชิม่า ซึ่งมีอ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ต่อจากนั้นไปยังเมืองฮิราซูมิ ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกที่อยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ เพื่อไปล่องเรือโบราณชมความสวยของช่องแคบเกบิเค ซึ่งเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่สวยงามและทรงคุณค่าแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ต่อจากนั้นไปชมทะเลสาบโทวะดะ ทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดของฮอนชู แล้วไปตื่นตากันต่อกับการนั่งกระเช้าสู่ยอดเขาฮักโกดะ 1 ใน 100 ภูเขาที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น เพื่อชมปรากฏการณ์ Snow Monster แล้วตื่นเช้าไปล่องเรือในทะเลสาบทาซาว่า ซึ่งได้ชื่อว่าลึกที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็น 1 ใน 100 สถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย จากนั้นไปย้อนอดีตชมความสวยของหมู่บ้านซามูไรคะคุโนะดาเตะ แล้วแวะชมกินซังออนเซ็น หมู่บ้านน้ำพุร้อนซึ่งยังคงความสวยงามในสไตล์ดั้งเดิมเอาไว้อย่างครบครัน จากนั้นมุ่งหน้าไปช้อปปิ้งที่อิออน นาโทริ เมืองเซนได แวะละลายเงินเยนที่ย่านอิจิบันโจ ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโทโฮคุ และถ้ายังไม่สะใจ ไปช้อปปิดท้ายกันต่อที่อิซุมิ พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท กันอีกที เรียกว่าเป็นทริปทัวร์เซนไดที่เพลิดเพลินและได้อิ่มใจกับวิวสวยๆ กันไปแบบเต็มๆ อย่างแน่นอน
หากใครกำลังมองหาทัวร์เซนไดที่คุ้มค่า และมีเวลาเดินทางเที่ยวชมที่หลากหลายไม่จำเจ ทัวร์เซนไดทริปนี้อาจจะถูกใจคุณ เพราะเริ่มสตาร์ทกันที่กรุงโตเกียว โดยคุณจะได้เที่ยวชมไฮไลท์ทั้งตลาดปลาสึกิจิ วัดอาซากุสะ ถนนนากามิเสะ และชินจูกุ ก่อนไปตื่นตากับความสวยงามของเทศกาลประดับไฟในยามค่ำคืนที่หมู่บ้านเยอรมัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของงานประดับไฟที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกอีกด้วย แล้วตื่นเช้าไปนมัสการพระใหญ่อุชิคุ ไดบุตสึ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางยืนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ต่อด้วยการไปชมความสวยของเมืองมรดกโลกนิกโก้ ชมไฮไลท์อย่างน้ำตกเคกอน สะพานแดงชินเคียว ศาลเจ้านิกโกโทโชกู ก่อนเข้าพักแบบชิลล์ๆ ในโรงแรมแบบออนเซ็น แล้วไปชมความสวยของโทโนะเฮทสึริ หรือหน้าผาล้านปี และสถานีรถไฟโบราณยูโนคามิออนเซ็น และหมู่บ้านโออุจิ จูคุ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ยังคงเอกลักษณ์ของการมุงหลังคาด้วยฟางหนาๆ แบบโบราณเอาไว้ ไปชมปราสาทสึรุงะ ซึ่งเป็นปราสาทที่ยังคงรูปแบบหลังคาแบบโบราณเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น แล้วไปชมความสวยของทะเลสาบหงส์ หรือ Inawashiro Lake ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ จากนั้นมุ่งหน้าไปยังภูเขาซาโอะ เพื่อนั่งกระเช้าไฟฟ้าชม Snow Monster ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาในช่วงฤดูหนาวที่หาดูได้ไม่ง่ายนัก แวะพักผ่อนทำกิจกรรมกลางหิมะที่ซาโอะออนเซ็น สกีรีสอร์ทที่อยู่ด้านบน จากนั้นไปชมซากปราสาทเซนได ไปช้อปปิ้งในถนนคลิสโรดซึ่งเป็นถนนสายช้อปปิ้งขนาดใหญ่เป็นการส่งท้าย นี่คือทัวร์เซนไดที่จะให้คุณสัมผัสได้หลากหลายอารมณ์จริงๆ
สำหรับคนที่กำลังมองหาทัวร์เซนไดที่เน้นการเดินทางไปชมความสวยของธรรมชาติ แถมจะได้มีโอกาสและเวลาที่จะได้เที่ยวกันแบบยาวๆ สบายๆ แนะนำให้ลองพิจารณาทัวร์เซนไดทริปนี้ดู เริ่มจากการไปล่องเรือแจวแบบโบราณในช่องหินผาเกบิเค จากนั้นไปชมวิหารทองคำที่วัดชูซอนจิ ณ เมืองมรดกโลกฮิราอิซูมิ แล้วมุ่งหน้าไปชมความของธรรมชาติในที่ราบสูงฮะชิมันไต ซึ่งมีสภาพพื้นที่น้ำพุร้อน ป่าเขา และทะเลสาบที่สวยงาม ต่อด้วยการไปชมปราสาทฮิโรซากิ 1 ใน 7 ปราสาทที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น จากนั้นไปเยือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านเนบูตะ ชมความงามของโคมไฟขนาดยักษ์ที่ใช้ในเทศกาลมัตซึริอันแสนตระการตา แล้วตื่นเช้าไปเดินเล่นชมลำธารโออิราเสะ ซึ่งเป็นจุดชิมวิวที่มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยของธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และยังได้สนุกกับการเก็บแอปเปิ้ลอาโอโมริสดๆ จากสวน ต่อด้วยการไปปั่นรถรางเที่ยวชมความสวยของธรรมชาติในเส้นทางรถไฟโคซากะ ไปช้อปที่ห้างอิออนมอลล์ แล้วมุ่งหน้าไปชมหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ แวะชมความสวยงามของธรรมชาติตระการตาในหุบเขาดาคิกาเอริ จากนั้นไปต่อที่ทิวทัศน์แปลกตาของหุบผาน้ำร้อนโอยาสุเคียว ก่อนมุ่งหน้าไปเดินสัมผัสธรรมชาติของเส้นทางป่าสนขึ้นสู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ณ ภูเขาฮากุโระ และยังได้แวะนมัสการศาลเจ้าที่อยู่บนยอดเขา ก่อนเข้าไปช้อปปิ้งให้สะใจใน Mitsui Outlet Park Sendai Port เอ๊าท์เล็ตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ แล้วเพลินกับฟรีไทม์ในเมืองมัตสึชิม่าและเซนไดแบบอิสระ 2 วันเต็ม เชื่อว่าสายธรรมชาติที่ชอบบรรยากาศของการท่องเที่ยวแบบชิลล์ๆ ต้องถูกใจทัวร์เซนไดทริปนี้แน่นอน
ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมธรรมชาติและทัวร์เซนได เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิรวมๆ จะอยู่ที่ประมาณ 10 - 20 องศาเซลเซียส ฤดูนี้ไม้ดอกไม้ใบในญี่ปุ่นจะงดงามมาก ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง ใครรักธรรมชาติแนะนำให้ไปชมบรรยากาศความสวยในทัวร์เซนไดช่วงฤดูนี้เลย
ถือเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นจะมีสภาพอากาศคล้ายกันกับประเทศไทย คือค่อนไปในทางร้อนชื้น อากาศกลางวันบางช่วงอาจสูงถึงประมาณ 40 องศา รวมถึงจะมีฝนตกลงมาเป็นระยะ ซึ่งสภาพอากาศจะคล้ายคลึงกันทั่วประเทศ แต่ยังถือว่าเป็นช่วงที่ธรรมชาติทั่วไปยังค่อนข้างสวยงามสมบูรณ์ หากไปทัวร์เซนไดในช่วงฤดูนี้ แนะนำว่าควรมีเสื้อกันฝนหรือร่มติดตัวไปด้วย
อากาศโดยทั่วไปจะค่อนข้างเย็นสบาย ช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสี ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงที่สวยงามของญี่ปุ่นและเหมาะกับการทัวร์เซนได ซึ่งมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม จึงมีสถานที่ให้ชมใบไม้เปลี่ยนสีกันหลายแห่งเลยทีเดียวละ ใครอยากเห็นสีสันของธรรมชาติแบบตระการตา ฤดูนี้ถือว่าควรต้องไป
อากาศจะค่อนข้างหนาว โดยทั่วไปจะพบสภาพภูมิอากาศในระดับเลขตัวเดียวไปจนถึงติดลบนิดหน่อยในบางพื้นที่ เป็นฤดูที่เหมาะกับการเล่นสกี เล่นหิมะ สำหรับคนที่ชอบอากาศหนาว หากไปทัวร์เซนไดในฤดูนี้ ควรต้องมีอุปกรณ์กันหนาวคุณภาพดีติดตัวไปด้วย เพื่อจะได้เดินทางท่องเที่ยวอย่างสะดวกสบายและไม่มีปัญหาสุขภาพในระหว่างทาง
เดิมนี่คือปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1600 โดยมีส่วนของป้อมปราการที่เอาไว้ป้องกันเมืองโดยสร้างสูงขึ้นมาบนภูเขาอาโอบะประมาณ 100 เมตร แต่ภายหลังปราสาทแห่งนี้ประสบกับเหตุไฟไหม้และโดนระเบิดจากในสงครามที่เกิดขึ้น ทำให้ตัวปราสาทเสียหายเกือบหมด เหลือแค่เพียงเศษซากเล็กน้อยเท่านั้น ปัจจุบัน พื้นที่ตรงนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และมีศาลเจ้าอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันด้วย บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเซนได หากมาทัวร์เซนไดเมื่อไหร่ นี่คืออีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
นี่คือรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ในความสูง 100 เมตร ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเซนได ด้านในแบ่งออกเป็นทั้งหมด 12 ชั้น และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปประมาณ 108 องค์ ที่นี่นับเป็นรูปปั้นที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก ด้านในมีลิฟท์ให้บริการจึงค่อนข้างสะดวกสบายในการเที่ยวชมพื้นที่แต่ละชั้น นอกจากนั้น ด้วยความสูงสุดมหัศจรรย์ ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้ชมวิวเมืองเซนไดในมุมสูงได้เป็นอย่างดี และถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในการทัวร์เซนไดที่คุณไม่ควรพลาดเลยเชียว
เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองชิโรอิชิ จังหวัดมิยางิ ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกนั้นเป็นบริวารของเทพเจ้า สุนัขจิ้งจอกส่วนใหญ่จึงมักจะได้รับการดูแลอย่างดีโดยไม่มีใครเข้ามาทำอันตรายหรือรบกวน และในหมู่บ้านนี้ จะแบ่งพื้นที่ของสุนัขจิ้งจอกออกเป็นสองส่วน คือแบบที่อยู่ตามธรรมชาติและแบบที่ถูกเลี้ยงไว้ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย นอกจากสุนัขจิ้งจอกแล้ว หมู่บ้านนี้ยังมีสัตว์ต่างๆ ให้เราได้เที่ยวชมอีกมากมายนับร้อยตัว ถ้าคุณชอบสัตว์และมีโอกาสมาทัวร์เซนได จะพลาดที่นี่ไปไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ถ้าคุณมาทัวร์เซนไดในช่วงซากุระบานสะพรั่ง นี่คือหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงจริงๆ เพราะเป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่เต็มไปด้วยต้นซากุระ โดยมีไฮไลท์ในการชมด้วยการนั่ง Slope Car ซึ่งมีลักษณะคล้ายรถรางที่จะค่อยๆ แล่นขึ้นไปให้คุณได้ชมความสวยของซากุระที่ปกคลุมทั้งเนินเขากันแบบช้าๆ เต็มๆ ตา ให้ความรู้สึกเหมือนคุณมุดเข้ามาในอุโมงค์ซากุระความยาวกว่า 300 เมตร ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมให้ได้แวะสักการะ รวมทั้งยังเป็นจุดชมวิวเมืองเซนไดในมุมสูงอีกหนึ่งแห่งด้วย สายธรรมชาติเต็มอิ่มแน่นอน พูดเลย
เรียกได้ว่านี่คือเทศกาลทานาบาตะที่อลังการที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยเทศกาลทานาบาตะของเซนไดมีประวัติสืบทอดกันมายาวนานกว่า 400 ปีแล้ว และนอกจากนั้น ยังนับเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุอีกด้วย โดยเทศกาลนี้จะจัดขึ้นประมาณวันที่ 6 - 8 สิงหาคมของทุกปี และมีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานกว่า 2 ล้านคน ในพื้นที่จัดงานจะเต็มไปด้วยของตกแต่งสุดอลังการกว่า 3,000 ชิ้น มีการตกแต่งประดับประดาไฟอย่างงดงาม รวมทั้งมีการจัดงานออกร้าน และมีการแสดงดอกไม้ไฟอีกด้วย ถ้าคุณมีโอกาสมาทัวร์เซนไดในหน้าร้อนละก็ ขอบอกจริงๆ ว่างานนี้ต้องมา!
อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่พลาดไม่ได้เมื่อมาทัวร์เซนได คือการได้มาละลายเงินเยนกันแบบรัวๆ ในถนนเส้นนี้ เนื่องจากนี่คือถนนช้อปปิ้งที่เรียกว่าอลังการที่สุดของเมืองเซนได ซึ่งกินพื้นที่กว้างขวางหลายช่วงตึกกันเลยทีเดียว บริเวณนี้มีข้าวของให้คุณเลือกกันมากมายละลานตา ตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านอาหาร ร้านเกม ไปจนถึงช็อปของสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก ไฮไลท์ซึ่งเป็นที่นิยมต้องยกให้กับคาเฟ่นกฮูก ซึ่งด้านในมีนกฮูกหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ใกล้ชิดกันชนิดแตะเนื้อต้องตัวได้ ถนนนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่บอกได้เลยว่าต้องมา!
ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้การ์ตูนอันปังแมนละก็ ขอบอกว่านี่ต้องเป็นสวรรค์ของคุณอย่างแน่นอน เพราะนี่คือพิพิธภัณฑ์อันปังแมนแห่งแรกของภูมิภาคโทโฮคุเลยละ ด้านในมีทั้งโซนพิพิธภัณฑ์และห้างสรรพสินค้า ซึ่งรวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับอันปังแมนเอาไว้ได้อย่างครบครัน นอกจากนั้นยังมีข้าวของเครื่องใช้ที่เรียกได้ว่าเป็นลิมิเต็ด อิดิชั่นที่หาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้นวางจำหน่ายอีกเพียบ สำหรับแฟนอันปังแมนที่มีโอกาสมาทัวร์เซนได ปักหมุดที่นี่เอาไว้เลย!
ลิ้นวัวถือว่าเป็นของขึ้นชื่อที่ต้องกินเมื่อมาทัวร์เซนได และแม้จะมีร้านลิ้นวัวเปิดให้บริการอยู่มากมาย แต่ก็เรียกได้ว่าร้านนี้คือร้านที่ยืนหนึ่งในใจนักชิมเกือบทุกคน และเพราะเป็นร้านดังจึงมีหลายสาขาให้เลือกใช้บริการ เราหยิบมาแนะนำหนึ่งสาขาที่น่าจะเดินทางได้ง่ายมาก นั่นคือสาขาที่ JR Sendai Station ร้านนี้บริการอาหารหลายรูปแบบที่มีลิ้นวัวเป็นวัตถุดิบ ทั้งเซ็ตข้าวลิ้นวัวย่าง ข้าวหน้าแกงกะหรี่และสตูว์ลิ้นวัว ทุกเมนูอร่อยและราคาสบายใจ จึงไม่ต้องสงสัยเมื่อไปถึงแล้วจะเห็นคิวยาวเหยียด แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ไปทัวร์เซนไดแล้วต้องลอง!
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 - 23.00 น.
พิกัด: Sendai Station West Exit, Sendai, Miyagi
อีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อที่ต้องชิมเมื่อมาทัวร์เซนได ต้องยกให้กับเมนู Robatayaki ซึ่งเป็นเมนูปิ้งย่างที่ใช้วัตถุดิบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผักสด เนื้อวัว ไก่ ปลา กุ้ง เครื่องใน และอื่นๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าการกินอาหารที่ย่างมาใหม่ๆ หอมๆ ร้อนๆ ไม้เล็กๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมกับจิบเครื่องดื่มที่ถูกใจนั้น มันเป็นอะไรที่เพลินจริงๆ อย่าพลาดเลยเชียว
เปิดบริการทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 17.00 - 23.00 น. เสาร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00 - 22.30 น.
พิกัด: 2-1-15, Kokubuncho, Aoba-ku, Sendai-shi, Miyagi, 980-0803
เรียกว่าร้านนี้คือไฮไลท์ที่ต้องไปแวะสร้างแลนด์มาร์คกันให้ได้ในถนนคลิสโรดเลยทีเดียว แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้โดดเด่นมากนักในเรื่องของเมนูอาหาร เพราะส่วนใหญ่จะให้บริการเครื่องดื่มและของว่างเล็กๆ น้อยๆ เป็นหลัก แต่ความน่ารักอยู่ที่คุณจะได้คลุกคลีอยู่กับเหล่าบรรดานกฮูกหลากหลายสายพันธุ์อย่างใกล้ชิด เพราะนกทุกตัวของที่นี่ได้รับการฝึกมาอย่างดีจนถือได้ว่าค่อนข้างชินกับคนแล้ว แต่ทั้งหมดก็ต้องทำตามกฎระเบียบของร้านเค้าด้วยนะ เพื่อความปลอดภัย มาทัวร์เซนไดเมื่อไหร่ ลองแวะมาใช้บริการกันดูแล้วกัน น่ารักเชียว
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น.
พิกัด: 3-1-24 Ichibancho, Aoba-ku | 4F Yamaichi Shoten, Sendai 980-0811, Miyagi Prefecture
เซนไดถือได้ว่าเป็นเมืองใหญ่ที่มีความสะดวกสบาย แต่ยังไม่ถึงกับวุ่นวายแออัดเหมือนโตเกียวหรือโอซาก้า ข้อดีของเมืองนี้คือการเป็นเมืองที่อากาศดีซึ่งเหมาะกับการเดินทางไปเที่ยวในทุกฤดูกาล รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวในหลากรูปแบบหลายอารมณ์ ใครที่ชอบชมธรรมชาติก็มีหลายสถานที่ให้เลือกเดินทางไป หรือใครที่ชอบบรรยากาศเมืองสุดทันสมัยและคึกคัก การมาทัวร์เซนไดก็ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้เช่นกัน และหากมีเวลา การได้มาแช่ออนเซ็นในเซนไดก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่พลาดไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นอีกหนึ่งแหล่งซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของน้ำพุร้อน จึงไม่น่าแปลกใจที่มีออนเซ็นมากมายเปิดให้บริการเช่นกัน มาทัวร์เซนไดทั้งที อย่าลืมลองของดีของเค้าให้ครบเชียว