เที่ยวเซนได ญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เซนได !! คนส่วนใหญ่พอใกล้ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะมีคำถามในใจกันว่าอยากดูใบไม้เปลี่ยนสีต้องไปที่ไหน? เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆ เพราะด้วยอากาศ ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม และที่สำคัญระยะเวลาเดินทางก็ไม่นานจนเกินไป รวมๆ แล้วถือว่าเป็นประเทศที่บางคนไปซ้ำแล้วซ้ำอีก และอีกหนึ่งช่วงที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
อีกหนึ่งเมืองที่วันนี้ทัวร์ครับจะมาแนะนำกันก็คือ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น เซนได เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ 1 ใน 7 ของประเทศญี่ปุ่น อยู่ในจังหวัดมิยางิตั้งอยู่ในหมู่เกาะฮอนชูหรือแถบโทโฮคุ ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่าเมืองนี้ก็น่าเที่ยวไม่ต่างจากเมืองหลวงของญี่ปุ่น จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้นตามมาดูกันเลย !
พิกัด: Sendai, Japan
เมืองเซนไดมาโด่งดังในช่วงปี 2011 ที่เกิดสึนามิพัดถล่มที่เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งหลังเหตุการณ์ครั้งนั้นทางประเทศญี่ปุ่นได้ประชาสัมพันธ์เมืองเซนไดและชักชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่เซนได ทำให้เมืองเซนไดเป็นที่รู้จักของต่างชาติและนักท่องเที่ยว แน่นอนว่าเมืองเซนไดก็โด่งดังเรื่องใบไม้สีแดงหรือฤดูเปลี่ยนสีของใบไม้ไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ แนะนำช่วงเวลาที่ควรมาคือเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน (ช่วงฤดูใบไม้แดง)
วันแรกที่ได้มาเที่ยวเซนได อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นสบาย แนะนำให้มาเดินชม ถนนโจเซนจิ โดริ (Jozenji Dori) ย่านเมืองเก่าของเมืองเซนได เมืองที่ได้รับขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งต้นไม้ ที่นี่เราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพราะตลอดแนวของถนนสายนี้เต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นเซลโคว่มีใบไม้ที่เปลี่ยนสีสลับไปมา อีกทั้งบริเวณเกาะกลางถนนยังมีทางเดินเท้าให้ได้เดินชมบรรยากาศโดยรอบพร้อมชมงานปฏิมากรรมรูปปั้นของจิตรกรผู้มีชื่อเสียง
จากนั้นพาไปเที่ยวเซนไดต่อใน ย่านอิจิบังโจ (Ichibancho) เป็นย่านที่สายช้อปปิ้งไม่ควรพลาดเพราะเป็นย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคนี้ นอกจากนั้นถนนอิจิบังโจยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่อยู่ติดๆ กับสถานีรถไฟเซนได เดินทางสะดวก ขึ้นจากรถไฟก็จะละลานตาไปด้วยถนนหลายเส้นที่มีร้านค้าต่างๆมากมาย รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า อีกทั้งยังมีร้านอาหารมากมายให้เลือกฝากท้องกันอีกด้วย
เราเดินทางจากเมืองเซนไดไปยังสถานี Naruko Onsen ด้วยรถไฟขบวนพิเศษที่เปิดเฉพาะช่วงเทศกาลฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมีชื่อว่า Resort Minori มี 2 แบบให้เลือก แบบที่พิเศษกับแบบธรรมดา ซึ่งตลอดเส้นทางของรถไฟจะล้อมรอบด้วยบรรยากาศหุบเขาและธรรมชาติสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ตลอดเส้นทาง เมื่อเดินทางมาถึงสถานี Naruko Onsen ต้องต่อรถบัสเพื่อเดินทางต่อไปยัง Naruko Gorge
สัมผัสแรกที่ก้าวลงจากรถบัสก็เห็นภาพอันสวยงามของธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเหลืองสลับแดงเห็นแค่ข้างนอกยังสวยขนาดนี้แล้วข้างในจะสวยขนาดไหน ช่วงที่มาอากาศจะเย็นแต่ไม่หนาวมากอยู่ในช่วง 12-15 องศา กำลังดีพอแต่งตัวได้ แต่ถ้าเป็นช่วงที่มีลมกับเมฆมากจะอยู่ในช่วง 6-8 องศา แน่นอนว่าบรรยากาศเกินบรรยาย ที่นี่เราจะได้เห็นความสวยงามได้แบบเต็มอรรถรสเพราะเป็นช่วงที่พีคที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีหรือไม้ใบสีแดง และยังมีถาพจุดไฮไลท์เที่ยวเซนไดอย่างภาพรถไฟเคลื่อนออกจากอุโมงค์ผ่านธรรมชาติอันสายงามจากนั้นเดินทางกลับไปตัวเมืองเซนไดเพื่อพักโรงแรมย่านอิจิบังโจ บริเวณนี้มีที่พักให้เลือกมากมาย เราเลือกที่จะพักย่านี้เพราะมันติดสถานีรถไฟเซนไดและที่สำคัญย่านนี้ของกินเยอะมาก เหมาะสุดๆ กับสายกินดึก
วันที่ 2 บอกตรงๆ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เรามาเมืองนี้เลยยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเส้นทางมากนัก เลยต้องอาศัยถาม Tourist Information อีกครั้งเกี่ยวกับการเดินทางไปวัดยามาเดระ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็น่ารักให้เราเดินทางจากสถานี Yamagata มาที่สถานี Yamadera แล้วจากนั้นมองป้ายบอกทางเดินตามป้ายก็จะเจอวัด ข้อมูลของวัดยามาเดระ" (Yama-dera Temple) ซึ่งเป็นวัดที่มีประวัติยาวนานกว่าพันปี ตัววิหารงดงาม เต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์โอบล้อมด้วยบรรยากาศแห่งขุนเขา เพื่อนๆ จะได้สัมผัสทั้งความเงียบสงบของวัดอันเก่าแก่และทัศนียภาพที่งดงามแห่งธรรมชาติ ไม่แปลกใจที่หลายคนจัดให้วัดนี้เป็นวัดชื่อดังแห่งเมืองยามากาตะแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคโทโฮกุ
เมื่อมาถึงทางเข้าวัดจะพบป้ายหินขนาดใหญ่ เดินขึ้นบันไดไปจะพบกับคอนปอนชูโด (Konpon-Chudo) ซึ่งเป็นวิหารหลักของวัดยามาเดระแห่งนี้ เมื่อมาถึงก็จุดธูปไหว้พระ เตรียมตัวเตรียมใจเดินขึ้นบันไดที่สูงชัน แต่มาถึงที่ทั้งทีจะถอดใจก็เหมือนมาไม่ถึง เส้นทางทางขึ้นของวัดยามาเดระจะมึวิหารมากมาย ซึ่งมีความสวยงามอย่างมากและมีความหมายทางประวัติศาสตร์แตกต่างกันไป ใครที่ชอบเสพวัฒนธรรมน่าจะชื่นชอบที่นี่เป็นพิเศษ
ไฮไลท์เด็ดของการมาทริปเที่ยวเซนไดนี้ของเราจะพลาดไม่ได้เลยนั่นก็คือการชมใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างเส้นทาง เพราะระหว่างสองข้างทางมีต้นไม้และภูเขาที่มีใบไม้สีแดงมากมาย ทำให้ตลอดการเดินของเรามีแต่ความเพลิดเพลินเพราะได้ชมความสวยงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมา จากนั้นเมื่อเราเดินทางมาถึงบริเวณวิหารโอคุโนอิน (Okunoin) บริเวณนี้จะเป็นจุดหมายปลายทางของการเยี่ยมชมวัดยามาเดระก็คือ โกไดโด Godaido Hall) ตัววิหารที่อยู่จุดสูงสุด ที่นี่เราจะได้พบกับทัศนียภาพที่สวยงามของภูเขา ตัวเมือง และบริเวณรอบๆวัดยามาเดระช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะปากคลุมไปด้วยใบไม้สีแดงสลับส้มแต่เป็นช่วงฤดูหนาวบริเวณนี้จะปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ควรค่าแก่การถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกมากๆ
เนื่องจากยังพอมีเวลาเหลือที่จะเที่ยวเลยตกลงกับเพื่อนว่าจะไป Matsushima ต่อ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวติด 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่ามันต้องมีความสวยงามสมคำเคลมเขาล่ะ บริเวณโดยรอบจะมีเกาะเล็กๆ จำนวนมาก นอกจากนั้นสถานที่แห่งนี้ยังมีบริการล่องเรือชมความงดงามของอ่าวอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เที่ยวเซนไดที่ไม่ควรพลาด เสียดายที่เรามาทริปแค่ 3 วัน 2 คืนไม่อย่างงั้นอาจจะได้เที่ยวเสพบรรยากาศกันต่อยาวๆ แต่ก็ถือว่าเป็นทริปที่ประทับใจ และแน่นอนว่าเราได้บอกกับเพื่อนแล้วว่า..เราจะกลับมาเที่ยวเซนได ประเทศญี่ปุ่น อีกครั้งในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีครั้งหน้าอย่างแน่นอน
คุณชอบบทความนี้
อยากบอกต่อให้เพื่อนรู้ง่ายๆ แค่แชร์ให้เพื่อนเลย