เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดเล็กในเขตจางเจียเจี้ย ตั้งอยู่ในเขตธรรมชาติที่มีภูมิทัศน์งดงาม
เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาและมีแม่น้ำถั่วเจียง แม่น้ำที่ใสสะอาดไหลผ่าน สองฝั่งแม่น้ำมีบ้านแบบโบราณที่ยกพื้นสูงเรียงรายกันบนริมแม่น้ำ ถ้ามองจากริมแม่น้ำจะเห็นบ้านเรือนยกสูงสร้างติดริมแม่น้ำเป็นแนวยาว กลางเมืองฟ่งหวงจะมีสะพานเก่าที่คาดว่าสร้างในสมัยราชวงศ์ชิง เชื่อมโยงชีวิตสองฟากแม่น้ำเป็นหนึ่งเดียว หากต้องการนั่งกินลมพร้อมชมเมืองไปด้วย นักท่องเที่ยวก็สามารถเช่าเรือแจวชมเมืองตลอดลำน้ำได้
เป็นสะพานไม้โบราณที่มีหลังคาคลุมเหมือนสะพานข้ามคลองในเวนิส เป็นสะพานประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นมาหลายร้อยปี โดยก่อนที่จะเดินถึงสะพานนั้นจะได้เห็นจุดเด่นของฟ่งหวง คือบ้านที่ยกพื้นสูงเรียงราย เป็นทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นที่นิยมชอบทั้งชาวจีนและชาวต่างประเทศ
เนื้อที่ประมาณ 18,000 ตารางกิโลเมตรตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลกุ้ยโจว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับเนินเขา ประชากรส่วนใหญ่ของเมืองแห่งนี้เป็นชนกลุ่มน้อย อาทิ ถู่เจีย แม้ว และต้ง
หมู่บ้านชนเผ่าแม้ว (Xijiang miao village) นับว่าเป็นชนเผ่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากที่สุดของจีนก็ว่าได้ โดยชนเผ่าเหมียวจะอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจีน โดยส่วนใหญ่หรือกว่าร้อยละ 90 จะอาศัยอยู่ในเมืองกุ้ยโจว ซึ่งถือได้ว่าชนเผ่าเหมียวเป็นชนเผ่าที่มีขนาดใหญ่และประชากรมากที่สุดในบรรดาชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ในประเทศจีน โดยมีประมาณ 9 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ของชาวเหมียว หรือ 5 ล้านคนอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเหมียว Kaili Xijiang Miao Village
เป็นภูเขาที่สูงที่สุดของแนวเทือกเขาอู่หลิง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองถงเหริน มณฑลกุ้ยโจว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแนวเทือกเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวบรวมพรรณพืชและพันธุ์สัตว์ต่างๆ มากมายของจีน ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพืชกว่า 2,000 ชนิด ทั้งยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์กว่า 30 สายพันธุ์ ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี 2018
เป็นเขตย่านชุนชมเมืองในพื้นที่จางเจียเจี้ย สถานที่ที่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีนมาตั้งแต่ปี 1992 ตัวเมืองล้อมรอบด้วยธรรมชาติของขุนเขา ต้นไม้ ลำธาร และองค์ประกอบทางระบบนิเวศที่ได้ชื่อว่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ที่นี่ เป็นสถานที่ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชนเผ่าถู่เจีย อาทิ ชีวิตในประจำวัน การอยุ่อาศัย การเพาะปลูก การสู้รบ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ
ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รวบรวมและจัดแสดงผลงานที่มีคุณค่าทางศิลปะของศิลปินแห่งชาตินาม "หลี่จวินเซิง" ซึ่งผลงานของเขาทุกชิ้นเป็นภาพเขียนด้วยมือที่ใช้หินทรายและสีธรรมชาติที่สกัดจากเปลือกไม้ใบไม้เป็นวัตถุดิบในการเขียน ภาพเขียนเหล่านี้นอกจากจะทรงคุณค่าทางศิลปะมีเอกลักษณ์เฉพาะ ยังเป็นภาพเขียนที่สวยงาม คมชัด และมีมิติสมจริงอีกด้วย
เป็นสะพานแก้วที่ยาวที่สุดในโลก มีความสูงเหนือพื้น 980 ฟุต และความยาวมากกว่า 400 เมตร เชื่อมสองหน้าผา ถือเป็นการทำลายสถิติโลกในฐานะสะพานแก้วที่ยาวที่สุด เนื่องจากอันเดิมอย่างสะพานแกรนด์แคนย่อนของอเมริกา สูงเพียงแค่ 718 ฟุต
เป็นหนึ่งในภูเขาที่สวยงามที่สุดของประเทศจีน "มีคำกล่าวว่า หากใครมาจางเจียเจี้ยแล้วไม่ได้มาขึ้นเขาเทียนเหมินซานแห่งนี้เหมือนมาไม่ถึงจางเจียเจี้ย" ตั้งอยู่มณฑลหูหนาน สาเหตุที่เรียกว่าเทียนเหมินซานเพราะว่า ภูเขาเกิดระเบิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ จนกลายเป็นถ้ำหรือประตูสวรรค์ ประตูนี้มีความสูง 131.5 เมตร ความกว้าง 57 เมตร ความลึก 60 เมตร เราจะได้เดินชมวิวทิวทัศน์ลัดเลาะริมหน้าผาชมความสวยงามของทะเลภูเขาที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตา และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
ถ้ำประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน เป็น 1 ใน 4 ของภูเขาที่สวย สาเหตุที่เรียกว่าเทียนเหมินซานเพราะว่าภูเขาเกิดระเบิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจนกลายเป็นถ้ำ ประตูนี้มีความสูง 131.5 เมตร ความกว้าง 57 เมตร ความลึก 60 เมตร เมื่อท่านมาถึงถ้ำประตูสวรรค์ท่านจะได้ขึ้นขั้นบันได 999 ขั้น สู่ ภูเขาประตูสวรรค์
สะพานกระจกบนเขาเทียนเหมินซาน มีระยะทางอันหวาดผวาอยู่ที่ 60 เมตร ล้อมรอบผาสูงชัน ความกว้างของ สะพานกระจก วัดจากขอบผาได้ 3 ฟุต มีความหนา 2.5 นิ้ว ถือเป็นการท้าทายนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสทิวทัศน์อันงดงามบน เขาเทียนเหมินซาน มีกฏอยู่ว่าผู้มาเยือน สะพานกระจก ต้องสวมผ้าหุ้มรองเท้าขณะเดิน สันนิษฐานว่าน่าจะช่วยลดความสกปรก ง่ายต่อการทำความสะอาด
ถนนคนเดิน "ซีปู้เจีย" ณ เขตอู่หลิงหยวน ที่ถนนคนเดิน "ซีปู้เจีย" นอกเหนือจะเป็นถนนที่มีร้านค้าขายสินค้าพื้นเมืองของที่นี่แล้วยังมีอีกสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งน่าสนใจอยากให้ไปชมกัน นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ภาพวาดทรายกี่เป็นภาพวาดแฮนเมตชื่อดังของที่นี่ ภาพวาดทรายถือเป็นสินค้ายอดนิยมอีกสิ่งหนึ่งที่หมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาตินิยมซื้อเป็นของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ที่ควรค่าแก่การประดับบนกำแพงบ้าน
เป็นท่าอากาศยานขนาดเล็กในเขตจางเจียเจี้ย ตั้งอยู่ในเขตธรรมชาติที่มีภูมิทัศน์งดงาม
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย