เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ท่าอากาศยานมิวนิกฟรานซ์โยเซฟชเทราซ์" ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่มิวนิก เยอรมนี ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 28 กิโลเมตร (17.5 ไมล์) มิวนิกเป็นท่าอากาศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนี รองจากท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต และเป็นท่าอากาศยานหลักของลุฟต์ฮันซา
สนามบอลของเมืองมิวนิค ซึ่งเป็นฐานทัพของทีมฟุตบอลประจำเมืองชื่อบาเยิร์นมิวนิค มีฉายาว่าห่วงยางเพราะทรงของสนามจากด้านนอก
เป็นเมืองเล็กๆ ในเขตเทศบาลเมืองของ Schwangau รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน โดยอยู่บริเวณเขตชายแดนของประเทศเยอรมันและออสเตรีย
ที่นี่นับเป็นหนึ่งในปราสาทที่โด่งดังที่สุดในโลก ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขา ที่รายล้อมด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์และทะเลสาบด้านล่าง จุดประสงค์ของการสร้างปราสาทนี้เพื่อให้ผสานกลมกลืนไปกับธรรมชาติอันงดงามรอบด้าน
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางแคว้นบาวาเรียตอนใต้ของเยอรมนี ซึ่งจะติดกับชายแดนออสเตรีย เมืองฟุสเซ่นนั้น เป็นเมืองเก่ามาตั้งแต่ครั้งจักรวรรดิโรมัน เป็นที่ตั้งปราสาทของกษัตริย์บาวาเรีย ล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบน้อยใหญ่ที่มีความงดงามทางด้านทัศนียภาพ เมืองฟุสเซ่น เป็นเมืองที่มีความน่ารัก และตกแต่งไปด้วยสีสันที่สวยงามของบ้านเรือนและโรงแรมที่พักซึ่งแต่ล่ะแห่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
กระเช้าต่อไปยังจุดสูงสุดของยอดเขาซุกสปิตเซ่ ณ ระดับความสูง 2,970 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในแต่ละปีจะมีนักท่องเทียวมาที่นี่ ราว 500,000 คน
เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี ด้วยความสูง 2,962 เมตร ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ในวันที่อากาศดีสามารถเห็นยอดเขาต่าง ๆ ในเทือกเขาแอลป์ได้ชัดเจน และยอดเขามากกว่า 400 ยอด เห็นวิวได้ถึง 4 ประเทศคือออสเตรีย สวิสเซอร์แลนด์ อิตาลีและเยอรมนี ถือว่าเป็นศูนย์กลางอันดับหนึ่งของการเล่นกีฬาฤดูหนาวของเยอรมัน โดยเฉพาะการเล่นสกี
เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย และได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์เยอรมัน ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมนี เป็นจุดเริ่มต้นและจุดศูนย์กลางของการเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆในยุโรป
เป้นสวนขนาดใหญ่ ที่มีทั้งสนามกีฬา Indoor และOutdoor สวนสวยแกลอรี พิพิธภัณฑ์ ประติมากรรม ฯลฯ รวมอยู่ในที่เดียว และยังเพลิดเพลินกับวิวสวยๆได้อีกมาก
ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี นึมเฟนบูร์กเป็นพระราชวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองรัฐบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือเฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งบาวาเรีย และ เจ้าหญิงเฮนเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอย ตามแบบของสถาปนิกอากอสติโน บาเรลลิในปี ค.ศ. 1664 หลังจากมีพระโอรสองค์แรก ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675
เป็นประตูชัยสามซุ้มประตูซึ่งมีรูปปั้นของบาวาเรียที่มีรูปสี่เหลี่ยมสิงโต มีความสูง 21 เมตรกว้าง 24 เมตร ตั้งอยู่ระหว่าง Ludwig Maximilian University และ Ohmstraße ประตูนี้ถูกสร้างกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 ในปี 1852 ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อถวายเกียรติให้แด่กองทัพบาวาเรีย ปัจจุบันเป็นเสมือนอนุสรณ์เตือนใจในสันติภาพหลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะใหม่หลังจากสงครามนั้น
พระราชวังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ มิวนิค ที่ซึ่งเป็นที่ประทับและศูนย์กลางอำนาจของกษัตริย์บาวาเรียนนานถึง 500 ปี ปัจจุบันห้องจำนวน 130 ห้อง ภายในพระราชวังเป็นสถานที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่ามากมายทั้งเฟอร์นิเจอร์ ภาพเขียน เครื่องเคลือบ และเครื่องเงิน ไฮไลท์ที่ควรเยี่ยมชมคือ Antiquarium ห้องโถงสไตล์เรอเนสซองส์ที่สวยงาม สร้างปี 1570 เพื่อเป็นสถานที่เก็บสะสมคอลเลกชั่นของโบราณของยุค Albrecht ที่ 5
เป็นโบสถ์พระแม่มารีทรงหัวหอมคู่ สร้างด้วยอิฐสีแดง สูง 99 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิวนิค นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปถึงข้างบนจะได้ชื่นชมกับวิวโดยรอบของเมืองมิวนิค ตัวโบสถ์สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1468 แต่ถูกทำลายอย่างย่อยยับในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับบูรณะในปี 1953 สิ่งที่น่าชมเมื่อเดินทางมาถึง คือ แท่นบูชาที่ตกแต่งอย่างหรูหรา โออ่า และรอยเท้าปีศาจ (Devil's Footprint)
จัตุรัสเก่าขนาดใหญ่บริเวณพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เป็นสถานที่จัดการแสดงกลางแจ้ง เป็นที่ตั้งของอาคารทรงกรีกโบราณที่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์, ประตูชัย, ย่านมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่, หอสมุดแห่งชาติ,โรงละครโอเปร่า, เรสซิเด้นซ์ และภาพของโบสถ์เฟราเอนเคียร์เช หลังคาทรงหัวหอมในสถาปัตยกรรมแบบกอธิค
เป็นเมืองรีสอร์ทขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในหุบเขาอันสวยงามของอุทยานแห่งชาติเบิร์ชเทสกาเด้น โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในภูมิภาคเบิร์ชเทสกาเด้นเนอร์แลนด์ ที่ระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล ประมาณ 670 เมตร โดยในอดีตเป็นหนึ่งในเส้นทางการค้าที่สำคัญของภูมิภาค
เป็นเหมืองเกลือซึ่งสร้างตั้งแต่ปี 1517 และไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้า เพราะสมัยก่อนนั้นเกลือมีค่าเหมือนกับทองคำเลยก็ว่าได้ ในปัจจุบันที่นี่ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสำคัญที่มีผู้เข้าชมประมาณ 330,000 คนในทุกปี
เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของออสเตรีย มีฉากหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ ได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบารอค ดินแดนแถบนี้เป็นแหล่งค้าเกลือเก่ามาแต่โบราณ ที่นี่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำ The sound of Music และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก้ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองชายแดนก่อนจะข้ามไปบาวาเรียของเยอรมณี เรียกว่าเป็นระยะทางแค่ปาหินไปถึง
ป็นสวนที่ตั้งอยู่ในเมืองซาลล์บวร์ก เปิดให้เข้าชมฟรี ภายในเป็นพระราชวังเดิม ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน ประกอบไปด้วยรูปปั้นและน้ำพุ เป็นสวนแบบบารอค เป็นหนึ่งในฉากคลาสสิค หนังเรื่อง The sound of music ภายในมีวังมิราเบลอยู่ด้วย หลังจากโดนไฟไหม้ ปัจจุบันปรับเป็นสถานที่ราชการ และนิยมใช้ในการจัดงานแต่ง และ จัดคอนเสิร์ต
หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวยงามราวกับภาพวาด เป็นเขตชุมชนโบราณของพวกเคลติก ชนพื้นเมืองเก่าแก่ของยุโรป ได้ชื่อว่าสวยงามและโด่งดังที่สุด จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก้
เป็นถนนเลียบทะเลสาบระยะทางประมาณ 300 เมตร อีกด้านมีร้านขายของที่ระลึก ที่ศิลปินพื้นบ้านออกแบบเองเป็นระยะสลับกับบ้านเรือนสไตล์อัลไพน์ที่เก่าแก่ไม่ขาดสาย บ้างอยู่ระดับพื้นดิน บ้างอยู่บนหน้าผาลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ และบ้านแต่ละหลังล้วนประดับประดาด้วยของเก่า และดอกไม้หลากสีสันสวยงาม
เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย และเป็นชื่อเขตการปกครองในออสเตรียด้วย เวียนนาเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในออสเตรีย เป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจและการปกครอง
เป็นถนนวงแหวนรอบกรุงเวียนนา ที่รายล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จัดวางได้อย่างลงตัว เริ่มตั้งแต่พระราชวังฮอฟบรูก์ กลุ่มอาคารพระราชวังของจักรพรรดิ อิมพิเรียลอพาร์ตเมนท์ หอศิลป์แห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์ประวัติธรรมชาติ
เป็นโรงละครโอเปร่าที่สร้างขึ้นในระหว่างปี 1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปี 1955
เป็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่ของกรุงเวียนนา ปัจจุบันเป็นที่ทำการของรัฐ เป็นตำหนักที่เคยใช้เป็นสถานที่พักของราชวงศ์ต่างๆ มาก่อนซึ่งสร้างมาตั้งแต่ยุคปี ค.ศ.1300 และยังเป็นที่พักของผู้มีอิทธิพลต่างๆ มากมายในออสเตรียมาก่อน
เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มากในกรุงเวียนนา ในสวนสาธารณะแทบทุกที่จะมีรูปปั้นโมสาร์ตประดับอยู่ ทั้งยังมีรูปปั้นกับดอกไม้สีเหลืองและสีแดงประดับรายรอบแล้ว จะทำให้นึกถึงเพลงคลาสสิคของโมสาร์ตขึ้นมาทันที
เป็นเอาท์เลตภายใต้ยี่ห้อ MacArthurGlen Group ซึ่งเริ่มในอเมริกาเหนือ ถนัดเรื่องการเปิดเอาท์เลตซึ่งขยายมาเรื่อยๆ จนเข้ามาในยุโรปเมื่อ พ.ศ. 2546 ภายในเอาท์เลตแห่งนี้จะมีร้านสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ นับร้อยแบรนด์ที่ขายในราคาพิเศษ
เป็นสัญลักษณ์อันงดงามของมหานครเวียนนา ถูกสร้างขึ้นให้หรูหราเทียบเท่ากับพระราชวังแวร์ซาย มีห้องมากกว่าถึง 1,400 ห้อง ความโดดเด่น ก็คือ สถาปัตยกรรมแบบร๊อกโคโค่ โดยเฉพาะตัวอาคารสีเหลืองอร่าม “เหลืองเทเรซ่า”แม้จะได้ชื่อว่าเลียนแบบมาจากฝรั่งเศส แต่ความอลังการก็สามารถสร้างความตื่นตาให้กับผู้เข้าชม จนได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ ให้เป็นมรดกโลกในปี1996
เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่บนลาดเชิงเขา สร้างขึ้นตามศิลปะบาร็อก เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย ผู้นำกองทัพแห่งราชวงศ์แฮบส์บวร์ก ที่ทำสงครามจนได้รับชัยชนะพวกเติร์กที่เข้ามารุกราน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพเขียนออสเตรียนแกลเลอรี (Austrian Gallery) ซึ่งถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพเขียนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเวียนนนา เมืองหลวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเขตเวทชาท โดยอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเวียนนา ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริหารจุดหมายปลายทางการบินในแถบยุโรป รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลสู่เอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย