เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
รู้จักกันในอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฟีอูมีชีโน เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในเมืองฟีอูมีชีโน ห่างจากศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของโรม 35 กิโลเมตรนอกจากนี้ ยังเป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารคับคั่งมากเป็นอันดับที่ 27 ของโลกใน พ.ศ. 2552 และเป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินอัลอิตาเลีย ชื่อของท่าอากาศยานชื่อของเลโอนาร์โด ดา วินชี ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาวิชาชาวอิตาลี ผู้ออกแบบต้นแบบของเฮลิคอปเตอร์และเครื่องจักรมีปีกบินได้เป็นคนแรกของโลก
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอ ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ โรมเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก มากเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในอิตาลี นอกจากนี้โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย
เมืองเนเปิลส์ หรือที่นิยมเรียกเป็นภาษาอิตาลีว่า เมืองนาโปลี คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลี มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศาสตร์การทำอาหาร ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
เมืองปอมเปอีตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเนเปิลส์ ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ถือกำเนิดขึ้นโดยชาวออสกัน ในช่วง 700 ปีก่อนคริสตกาล และถูกผนวกรวมกับอาณาจักรโรมันในช่วง 80 ปีก่อนคริสตกาล เมืองท่าแห่งนี้คือทำเลทองที่เอื้อต่อการทำการค้าและการเกษตร ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุจากลาวาภูเขาไฟ ทำให้สามารถปลูกต้นองุ่นและมะกอกได้ดี
เป็นพิพิธภัณฑ์ของเมืองปอมเปย์ซึ่งเป็นโบราณสำคัญที่เป็นสถานที่เป็นเหตุเกิดโศกนาฐกรรมที่ภูเขาไฟระเบิดและพรากชีวิตของคนทั้งเมือง โดยที่ร่างของผู้เสียชีวิตนั้นยังคงเป็นรูปมนุษย์อยู่
เมืองตากอากาศเล็กๆ ริมอ่าวเนเปิ้ล ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูง และไล่ระดับลงมาตามความลาดชันจนลงมาถึงระนาบเดียวกันกับหาดทรายสีเทาที่ได้รับการจัดระเบียบไว้อย่างเรียบร้อย ณ ด้านบนของตัวเมืองออกสู่อ่าวเนเปิ้ล ที่ฝั่งตรงข้าม เราสามารถมองเป็นภูเขาไฟวิซูเวียสยืนเด่นเป็นสง่าน่าเกรงขาม ภูเขาไฟลูกเดียวกันนี้ที่เมื่อเกือบ 1700 ปีที่ผ่านมาถล่มเมืองปอมเปอีเสียเรียบเป็นหน้ากลอง
เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เคยเป็นเพียงแค่หมู่บ้านชาวประมงค์ แต่ในช่วงทศวรรษ1950 ได้มีนักเขียนชื่อดังที่เขียนบทความและดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาที่เมือง และทำให้หมู่บ้านนี้เจริญเติบโตจวบจนปัจจุบัน
เมืองเล็กๆแสนน่ารักอยู่ในจังหวัดซาเลโน แคว้นแคมพาเนีย ตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนผาสูงชันและมี Monte Cerreto เขาสูงตั้งเป็นฉากหลังที่แข็งแรงและตระการตา ทัศนียภาพที่มองจากตัวเมืองนั้นสุดแสนจะบรรยายให้เป็นคำพูดออกมาได้ เนื่องเพราะความงดงามของเทือกเขาสลับซับซ้อนที่โอบกอดตัวเมือง
เข้าชมโบสถ์ประจำเมือง (The Cathedral of Amalfi) ที่สร้างเพื่อระลึกเซนต์แอนด์ดรู การเข้าชมด้านในมีทั้งหมดสี่ส่วนด้วยกัน คือ The Cloister of Paradise, The Basilica of The Crucifix, The Crypt, The Cathedral ชื่นชมศิลปะผสมแบบมัวส์และโรมันเนสก์ด้านนอก ส่วนภายในมีการตกแต่งแบบบาร็อค ชมภาพพระแม่มารีและพระบุตรที่สะกดทุกสายตา ชมสุสานใต้ดินที่สวยงามและแสดงถึงความยิ่งใหญ่สมเป็นโบสถ์ประจำเมือง
เป็นพื้นที่ที่มีทิวทิศน์อันสวยงามและชายหาดที่เงียบสงบในอามาลฟีโคสต์ ทำให้คนมีชื่อเสียงชอบมาพักผ่อน นอกจากนี้เหล่าคนรวยยังนิยมมาใช้บริการโรงแรม ร้านอาหาร และบาร์ในแถบนี้ด้วย เป็นชายฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรซอร์เรนตีเน ของประเทศอิตาลี ที่เริ่มตั้งแต่โปซีตาโนทางตะวันตกไปถึงวิเอตริมาเรทางตะวันออก เมืองที่เรียงรายเป็นระยะ ๆ บนชายฝั่งอามัลฟี่
เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก กษัตริย์เชื้อพระวงศ์จากทั่วแคว้นแดนยุโรป มหาเศรษฐีหมื่นล้าน ดาราเซเลปบริตี้คนดังจากทุกวงการ ณ ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสนามเด็กเล่นที่มีไว้ให้ประกวดประชันความร่ำรวยของพวกเขาเหล่านั้น ร้านสินค้าแบรนด์เนมที่มีอยู่ในโลกนี้ เราสามารถพบเห็นได้ทุกยี่ห้อ ถึงแม้ว่าราคาที่แปะป้ายไว้นั้นจะสามารถทำให้คนอย่างเราๆ ได้แต่อ้าปากค้างก็ตาม
อยู่ตอนเหนือของเกาะคาปรี ปากถ้ำมีรูปร่างคล้ายรูกุญแจ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ใต้น้ำ ส่วนที่อยู่เหนือน้ำจะสูงกว่าผิวน้ำเพียง 4 ฟุตเท่านั้น ซึ่งเรือเล็กจะเข้าไปในถ้ำได้เฉพาะเวลาน้ำทะเลลด แสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านน้ำเข้ามาจากปากถ้ำ จะทำให้น้ำในถ้ำมีสีฟ้าแปลกตาจึงได้ชื่อว่า”บลู กรอตโต้”
เมืองเนเปิลส์ หรือที่นิยมเรียกเป็นภาษาอิตาลีว่า เมืองนาโปลี คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลี มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศาสตร์การทำอาหาร ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอ ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ โรมเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก มากเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในอิตาลี นอกจากนี้โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย
วาติกันเป็นพื้นที่เอกราชของรัฐ Holy See ที่ตั้งอยู่ภายในกรุงโรมของประเทศอิตาลี วาติกันก่อตั้งขึ้นด้วยสนธิสัญญา Lateran ในปี 1929 เป็นดินแดนที่แตกต่างกันภายใต้ "การครอบครองอย่างเต็มรูปแบบเอกสิทธิ์เฉพาะและอำนาจอธิปไตยและเขตอำนาจศาล" ของ Holy See ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจสูงสุดของกฎหมายระหว่างประเทศ และความเป็นอิสระทางจิตวิญญาณ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐอธิปไตยที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
เป็นมหาวิหารที่มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่า สวยงามตระการตา เต็มไปด้วยผลงานศิลปะชิ้นเยี่ยมมากมาย ด้านในมีประติมากรรมอันลือชื่อปิเอต้า (Pieta) ของมิเคลันเจโลและแท่นบูชาบัลแดคคิโน (St. Peter's Baldachin) เป็นซุ้มสำริดที่สร้างโดยจานโลเรนโซ แบร์นินี ซึ่งสร้างตรงบริเวณที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์ ความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งนี้ก็แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่มีคุณค่าสำคัญทางศาสนาในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
เป็นจตุรัสที่มีถนนลาดผ่านมากมายหลายเส้น และยังเป็นที่ตั้งของสถานทูตของเวนิซ ซึ่งมีอนุสรณ์สถานและรูปปั้น ที่มีความสำคัญต่ออิตาลีตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของจตุรัส
เป็นสนามประลองรูปไข่ในกรุงโรมที่เกิดขึ้นมาเมื่อเกือบ 2000 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่ที่ใจกลางกรุงโรม สร้างจากหินปูนแบบ travertine หินภูเขาไฟ และคอนกรีตที่ก่อด้วยอิฐ สามารถเก็บผู้ชมได้ประมาณ 50,000 ถึง 80,000 คนในหลาย ๆ จุดของประวัติศาสตร์ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันโคลีเซียมเป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดมาแวะถ่ายรูปหากได้มาเยือนกรุงโรม นอกจากนี้้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 7สิ่มหัศจรรย์ของโลกด้วย
เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ศาสนา วัฒนธรรม และอุตสาหกรรม ของประเทศอิตาลีนั่นเอง เมืองฟลอเรนซ์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน ปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมมากเป็นอันดับต้นๆของโลก
มหาวิหารนี้ตั้งอยู่ในเขตจัตุรัสเปียซซ่า เดล ดูโอโม ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออกแบบโดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกี ด้านหน้าโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพู มหาวิหารฟลอเรนซ์แห่งนี้ยังเป็นมหาวิหารที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ของทวีปยุโรป ปัจจุบันมหาวิหารอยู่ภายใต้การดูแลของสังฆมณฑลโรมันคาทอลิกแห่งฟลอเรนซ์
บริเวณจัตุรัสเดลลาซินญอเรียนี้มีรูปแกะสลักแสดงอยู่มากมาย อาทิ รูปแกะสลักเพอร์ซุส วีรบุรุษกรีกโบราณตอนบั่นคอเมดูซ่า รูปแกะสลักเฮอร์คิวลีส และรูปสลัก เป็นต้น
เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดของฟลอเรนซ์ มีโค้งสามอันคร่อมแม่น้ำอาโน่ ที่สะท้อนบนผิวน้ำเป็นหนึ่งในภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของฟลอเรนซ์ สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมัน โดยเป็นสะพานเก่าแก่และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป
เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซา อยู่ในแคว้นทัสกานี ฝั่งแม่น้ำอาร์โน ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร
เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซา อยู่ในแคว้นทัสกานี ฝั่งแม่น้ำอาร์โน ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร
เป็นคริสต์ศาสนสถานที่สร้างเป็นอิสระจากสิ่งก่อสร้างอื่นโดยมีอ่างล้างบาปเป็นศูนย์กลาง หอล้างบาปจะเป็นสถานสำหรับผู้จะเข้ารีตเรียนรู้เรื่องศาสนาก่อนจะรับศีลล้างบาป และเป็นที่ทำพิธีล้างบาป
เป็นมหาวิหารเก่าแกที่ตั้งอยู่ในจตุรัสดูโอโม่แห่งปิซ่า มีลักษณะเป็นมหาวิหารโรมันคาทอลิคยุคกลางที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารี เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของสถาปัตยกรรมแบบโรมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งสไตล์ที่รู้จักกันในชื่อพิศาลโรมาเนสก์ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งอาคารขนาดใหญ่ที่เป็นจุดดึงดูดของเมืองปิซ่า
หอนี้ตั้งอยู่ที่เมืองปีซ่า ประเทศอิตาลี เป็นหอคอยสร้างด้วยหินอ่อน สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้น ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 176 ปี ตามประวัติกล่าวว่า ขณะก่อสร้างเสร็จ ฐานทรุดไปข้างหนึ่ง จะเป็นด้วยการคำนวณผิดพลาดหรือประการใดก็ไม่ทราบ เมื่อวัดปรากฏว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 18 ฟุต แต่กระนั้นก็ยังไม่ล้ม ยังเอียงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เวนิส หรือ เวเนเซีย (Venice Mestre) ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ด้วยความสวยงามและความน่าอยู่ของบ้านเมืองทำให้ เวนิส เป็นสถานที่ซึ่งได้รับฉายามากมาย ตั้งแต่ เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน เมืองแห่งแสงสว่าง ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก และที่สำคัญ ยูเนสโก ยกให้เวนิสเป็นหนึ่งในเมือง มรดโลก
จัตุรัสซานมาร์โคได้รับการประกาศเป็น ห้องวาดภาพของโลก ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ดีที่สุดสำหรับการนั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับช่วงบ่ายที่แสนสบายในเวนิส ภายในบริเวณมีร้านกาแฟกลางแจ้งที่ตั้งกระจายอยู่ริมทางเดินในจัตุรัส เช่นเดียวกับอาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบนอก
เป็นพระราชวังสไตล์เวนิสโกธิค เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองเวนิส สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 แต่เกิดเพลิงไหม้และได้รับการบูรณะและก่อสร้างเพิ่มเติมในระหว่างศตวรรษที่ 14 และ 15 ภายในพระราชวังงดงามด้วยการประดับทองคำและภาพจิตรกรรมมากมายโดยเฉพาะภาพเขียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นโบสถ์ประจำเมืองเวนิส มีฉายาว่าโบสถ์ทอง (Church of Gold) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสซานมาร์โค ตัวโบสถ์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุคไบแซนไทน์จนถึงยุคเรอเนสซองส์ มีการประดับอย่างงดงามด้วยโมเสก และประติมากรรมต่างๆ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อำนาจ และความมั่งคั่งของเวนิส
คลองใหญ่ หรือ แกรนด์ คะแนล มีไฮไลท์สำคัญคือการนั่งเรือกอนโดล่า ชมรอบเมืองเวนิส โดยคลองใหญ่นี้จะผ่ากลางเมืองเวนิสพอดี ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถชมบรรยากาศได้โดยรอบ
สะพานริอัลโตเป็นหนึ่งในสะพานข้ามแกรนด์คาแนลที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด สะพานแห่งนี้มีความเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ในปี ค.ศ.1181 แต่เกิดการผุพังขึ้นเรื่อยๆกระทั่งในช่วงปี ค.ศ.1588-1591 ได้มีการรื้อและสร้างใหม่ด้วยหินอย่างแข็งแรงดังที่เห็นในปัจจุบัน
เป็นท่าเรือที่เชื่อมต่อระหว่างเวนิสกับแผ่นดินใหญ่ การมาเที่ยวเวนิสนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปจากตรงนี้ได้
มิลาน หรือ มิลาโน เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดีย และเป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ซึ่งเรียกเขตทั้งหมดว่า ลากรันเดมีลาโน ชื่อเมืองมิลาน มาจากภาษาเซลต์ คำว่า "Mid-lan" ซึ่งหมายถึง อยู่กลางที่ราบ เมืองมิลานมีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม
ที่นี่มีสิ่งสะสมทางโบราณคดีและเงินเหรียญโบราณที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีบ้านส่วนตัวอีกสองหลัง (Palazzo Bagatti Valsecchi และ Poldi Pezzoli) ซึ่งอาจจะไม่ใช่ปราสาทขนาดใหญ่ แต่บ้านเหล่านี้ได้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์โดยจัดแสดงสิ่งทอ เครื่องประดับตกแต่ง และภาพวาด ซึ่งมีคุณค่าแก่การเยี่ยมชม
เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองมิลาน และเป็นวิหารหินอ่อนสถาปัตยกรรมโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี ลักษณะเด่นของวิหารที่นอกเหนือจากความวิจิตรงดงามแล้ว ยังประดับประดาไปด้วยรูปั้นนับกว่า 3000 รูป ที่สวยงามไม่แพ้กัน ลานกว้างด้านหน้าดูโอโมที่มีอนุสาวรีย์ พระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 ทรงม้า คือสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ และเป็นที่พบปะของผู้คน รอบๆ ดูโอโมคือศูนย์รวมร้านค้าแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ
เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อรำลึกถึงลีโอนาร์โด ดาวินชี อัจฉริยบุคคลสำคัญคนหนึ่งของโลกที่มีความสามารถหลากหลาย เพราะเป็นทั้งสถาปนิกแห่งยุคเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาคศาสตร์ นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ นักดาราศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ หลักความคิดและผลงานมากมายของเขาเป็นที่ยอมรับกันไปทั่วโลก
เป็นท่าอากาศยานที่รองรับการจราจรทางอากาศของเมืองมิลาน และเป็นท่าอากาศยานที่มีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศใช้บริการมากที่สุดของอิตาลี แต่ในส่วนของจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งหมดจะเป็นรองท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟิอูมิชิโน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย