เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
ท่าอากาศยานอิสเมียร์ อัดนัน เมนเดอร์เรส เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ให้บริการเมืองอิสเมียร์ และจังหวัดใกล้เคียงที่สุดในตุรกี ตั้งชื่อตามอดีตนายกรัฐมนตรีตุรกี Adnan Menderes
เป็นอดีตเมืองใหญ่สุดแห่งเอเชีย มีอายุราว 2 พันปี ซึ่งถือว่าเป็นเมืองเก่าที่มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก(เทียบกับเมืองอื่นๆในยุคเดียวกัน) ปัจจุบันจะทำการขุดแต่งบูรณะได้แค่เพียง 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าเมืองนี้ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งอารยธรรมกรีก-โรมันอันสุดคลาสสิคที่ยังคงอยู่คู่กับตุรกี ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันมากมายผ่านงานสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม รวมไปถึงผ่านทางความเชื่อต่างๆ
เป็นห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณในตุรกี ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้
เป็นบ้านที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้ง บ้านพระแม่มารีมีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว ภายในเป็นห้องโถงกว้างๆ ไม่มีสิ่งตกแต่งภายในมากนัก มีภาพเขียนที่ฝาผนังและแท่นบูชา เชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้
เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดไฮไลท์คือปราสาทปุยฝ้ายสุดวิจิตร บ่อน้ำร้อนศักดิ์สิทธิ์แห่งตุรกี ทั้งงดงามราวกับเป็นน้ำพุร้อนจากสวรรค์ และมีสรรพคุณในการบำบัดโรคจนกลายเป็นสปาธรรมชาติมานานกว่าพันปี
เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนที่มีลักษณะเป็นหน้าผาที่กว้างใหญ่ ด้านข้างของอ่างน้ำจะเป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง มองดูเหมือนสร้างจากหิมะ เมฆ หรือปุยฝ้าย นำ้แร่ที่ไหลลงแต่ละชั้นจะกลายเป็นหินปูนย้อยห้อยเป็นรูปต่างๆ อย่างมหัศจรรย์ ในอดีตชาวโรมันเชื่อว่าน้ำที่นี่สามารถรักษาโรคได้
เป็นเมืองโบราณในเขตปามุคคาเล่ ประกอบด้วยพื้นที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่นี่มีไฮไลต์อยู่ที่สระน้ำแร่โบราณที่เชื่อกันว่าถูกใช้งานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ซึ่งมีน้ำแร่ธรรมชาติผุดขึ้นมาชั่วนาตาปีนับแต่อดีตคราวสร้างเมืองจนถึงปัจจุบัน และเป็นน้ำแร่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสรรพคุณการรักษาโรค
ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของพวกเติร์กบนแผ่นดินตุรกี ทำให้สถาปัตยกรรมแบบเซลจุกดั้งเดิมมีให้เห็นอย่างโดดเด่นที่นี่ และยังเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของนิกายเมฟเลวี ที่ถือกำเนิดมาจากการก่อตั้งของเมฟลานา เยลาเลดิน ผู้ซึ่งเป็นกวีชาวอัฟกานิสถานที่ทำให้ชาวคริสต์จำนวนไม่น้อยหันมานับถือศาสนาอิสลามเขาจึงเปรียบเหมือนผู้วิเศษในสายตาเหล่าสาวก
เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ยส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟานาเจลาเลดดิน อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตร ของเมฟลานาด้วย
เป็นโรงแรมที่พักสมัยโบราณที่สามารถให้คนมาจอดรถคาราวานของเขาได้ เป็น 1 ใน 3 อนุสรณ์ที่สำคัญของโรงแรมคาราวานในประเทศตุรกี
เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุสเป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาล กระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า”
พรมเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของตุรกี ซึ่งมีสองแบบตามลักษณะความยาวของเส้นใยที่ใช้ทอคือ ฮาลื่อและคิลิม ฮาลื่อเป็นพรมแบบทั่วไปที่เห็นกัน วัสดุที่ใช้ทอมีทั้งขนสัตว์ฝ้าย ไหม เมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก ด้านหนึ่งจึงปุยขึ้นเป็นลายตามที่ช่างต้องการ ส่วนคิลิมใช้วัสดุเหมือนกัน แต่ทอโดยไม่ตัดด้ายพรม จึงมีลายเหมือนกันสองด้าน
ชมโรงงานเซรามิคคุณภาพดีของประเทศตุรกี ให้เวลาท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัย
เลือกชม เลือกซื้อเครื่องประดับจากประเทศตุรกีกันได้ตามอัธยาศัย
ระบำหน้าท้อง Belly Dance เป็นศิลปะการร่ายรำที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก จากสาวสวยสุดเซ็กซี่ชาวอาหรับกับจังหวพดนตรีที่เร้าใจ
เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์
นครใต้ดินนั้นคือคำเรียกของลักษณะเมืองใต้ดิน ที่เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งแม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ทว่าอากาศเบื้องล่างนั้นกลับรู้สึกสบาย
เป็นหมู่บ้านที่มีภูเขาขนาดใหญ่ซึ่งมีรูพรุนไปจนทั่ว ในสมัยก่อนมีไว้เป็นป้อมปราการเอาไว้สอดส่องข้าศึกลักษณะคล้ายจอมปลวกหรือรวงผึ้งขนาดใหญ่ รวมๆ มีหินรูปกรวยคว่ำ รูปกระโจม กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ชมวิวอันสวยงามของคัปปาโดเกีย และยังมองเห็นลักษณะของธรรมชาติที่เป็นเหมือนแคนยอน คลื่นหิน และหมู่หินรูปทรงแปลกตา
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการเมืองเนฟเชียร์ของประเทศตุรกี ตั้งอยู่ห่างไป 30 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือของเนฟเชียร์ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1998 ตัวท่าอากาศยานครอบคลุมพื้นที่ 3,500 ตารางเมตรและมีที่จอดรถสำหรับรถยนต์ 400 คัน
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 ทวีป คือทวีปยุโรปซึ่งอยู่ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส และทวีปเอเชียซึ่อยู่ฝั่งอนาโตเลีย การได้ไปเยือนเหมือนการอยู่คาบเกี่ยวระหว่าง 2 อารยธรรมที่มีคุณค่าดั่งอัญมณีของโลก
จัตุรัสนี้สร้างในสมัยจักรพรรดิเซ็ปติมุส เซเวรุส โดยเป็นอดีตสนามอารีน่าที่ใช้สำหรับการแข่งม้า และกิจกรรมต่างๆสามารถจุผู้คนได้กว่า 100,000 คน ในฮิปโปโดรมมีอนุสาวรีย์เด่นๆสามแห่งคือ เสาโอบีลิสก์ฟาโรหืธุตโมส (Obelisk of Pharaoh Thutmose) ซึ่งคอนคอนสแตนตินมหาราชนำมาจากเมืองคาร์นัคประเทศอียิปในสมัยที่มีการขนย้ายอนุสาวรีย์ต่างๆมาจากอาณาจักรยุคโบราณ, เสางู (Serpentine colum) สลักเป็นรูปสามเหลี่ยมตัวกระหวัดรัดพันกันเดิทตั้งอยู่ที่วิหารเทพอพอลโล่แห่งเมืองเดลฟี, เสาคอลัมน์คอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.940 แต่ไม่ทราบประวัติที่แน่ชัด
มีชื่อเดิมว่า "สุเหร่าสุลต่านห์อาร์เหม็ดที่ 1" ภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่นกุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์และจะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป
ในอดึตสุเหร่าแห่งนี้เป็นโบสถ์ที่ไว้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ แต่ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม สร้างโดย "พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนติน" โดยโบสถ์แห่งนี้ใช้เวลาสร้างถึง 17 ปี แต่ก็ถูกผู้ก่อการร้ายบุกเผาทำลายหลายครั้ง วอดวายนับไม่ถ้วน โดยมีสาเหตุหลักเนื่องจากความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม
เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร อุโมงค์นี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์ มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น และมีเสาต้นที่เด่นมากคือ "เสาเมดูซ่า"
เป็นพระราชวังที่ประทับของสุลต่านมานานกว่า 3 ศตวรรษ สร้างโดย 'จักรพรรดิเมห์เม็ตผู้พิชิต' ในอดีตเคยเป็นสถานที่ฝึกขุนนางทหารรับใช้ของสุลต่านชาว ตุรกี ซึ่งคัดเลือกเด็ก ๆ คริสเตียน (พวกนอกศาสนา) มาสอนให้เป็นเติร์กและนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมาเมื่อขุนทหารเหล่านี้ออกมารับราชการเป็นใหญ่เป็นโตในวังก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ และในบางยุคก็ร่วมก่อการปฏิวัติรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ
เป็นพระราชวังที่ผสมผสานศิลปะแบบพระราชวังยุโรปกับแบบอาหรับอย่างสวยงาม ตั้งอยู่ในเขต Beşiktaş ของนครอิสตันบูลบนชายฝั่งด้านยุโรป ทำที่นี่เคยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบริหารหลักของจักรวรรดิออตโตมันจากปี 1856 ถึง 1887 และจากปี 1909 ถึง 1922
ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส หนึ่งในช่องแคบเลื่องชื่ออันดับต้นๆ ของโลก เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งอิสตันบูลออกจากยุโรปและเอเชีย ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมต่อกับทะเลดำ เข้ากับทะเลมาร์มาร่า ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 ก.ม. ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 ก.ม. ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่
เป็นตลาดที่ตั้งอยู่ในร่มและเป็นตลาดใหญ่อันดับสองในอิสตันบูลรองจากแกรนด์บาร์ซาร์ เป็นตลาดเครื่องเทศแห่งกรุงอิสตันบูล โดยเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้า เยนี คามี รายได้จากค่าเช่าร้านส่วนหนึ่งจะนำมาบำรุงมัสยิดและกิจกรรมการกุศลอื่นๆ มักเรียกขานกันจนติดปากว่าตลาดอียิปต์ เพราะที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องสินค้าที่นำเข้าจากกรุงไคโร
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย