เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของเวียดนามตอนเหนือ ซึ่งถูกเปิดใช้(ตึกนานาชาติ) เมื่อต้นปี 2558 และอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองฮานอยประมาณ 45 กิโลเมตร
เป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม เพราะตั้งอยู่บนทะเลสาบคืนดาบซึ่งมีหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อนานมากๆ แล้ว และมาถูกบำรุงและขยับขยายพื้นที่เมื่อ 150 ปีที่แล้ว
เป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮานอย ซึ่งเมื่อก่อนชื่อว่าทะเลสาบน้ำเขียว แต่เพราะตำนานที่ว่ากันว่า หลังจากจักรพรรดิเล เหล่ย ได้ใช้ดาบต่อสู้ขับไล่ผู้รุกราน ได้มาประทับบนเรือในทะเลสาบ ได้มีตะพาบยักษ์มาขอดาบคืนเพื่อเอาไปให้จ้าวมังกรผู้มอบดาบแด่จักรพรรดิเล เหล่ย และดาบก็ได้ลอยไปเข้าปากตะพาบและหายไปในน้ำ จึงได้ชื่อใหม่ว่า ทะเลสาบคืนดาบ
เป็นสะพานสีแดงสดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบคืนดาบ ชื่อของสะพานได้มาจาก “สถานที่แสงอาทิตย์ส่องถึงในยามเช้า” ซึ่งเหงวียน วัน ซิว (Nguyễn Văn Siêu) กวีและนักค้นคว้าวัฒนธรรมเวียดนามในช่วงศตวรรษที่ 19 ได้มาดำเนินการสร้างไว้เมื่อปี 1865 โดยตัวสะพานเชื่อมต่อระหว่างริมฝั่งกับเกาะเนินหยก สะพานแห่งนี้ถือเป็นเอกลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของกรุงฮานอย
เป็นถนนที่มีประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี ซึ่งเย็นวันศุกร์-อาทิตย์ จะมีตลาดยามค่ำคืน ซึ่งมีของขายมากมาย ซึ่งเมื่อก่อนจะขายของเน้นทางหัตถกรรม แต่สมัยนี้นั้นก็ขายของหลากหลายรูปแบบ แถมยังมีร้านอาหารข้างถนนเยอะแยะอีกด้วย
เป็นเมืองเขตชนบทเขตหนึ่งในที่ราบสูงจังหวัดเซินลา ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม อยู่ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่มีธรรมชาติอันสุดจะงดงาม ล้อมรอบไปด้วยขุนเขา และมีอากาศที่เย็นสบายตลอดปี
เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในฐานะเป็นไร่ชาที่สวยและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม ไร่ชานี้ได้พัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีการตัดแต่งรูปทรงของไร่ชาให้มีความสวยงาม โดยเฉพาะรูปทรงหัวใจซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่
เป็นสวนดอกไม้ที่สร้างความสุขให้กับผู้มาเยือนตามชื่อ ที่นี่ถูกสร้างบนพื้นประมาณ 5 ไร่ในใจกลางหุบเขาที่ขึ้นชื่อแห่งเมืองหมกเจาว์ ภายในสวนมีจุดที่สวยงามมากมายสำหรับการถ่ายภาพ ทั้งกังหันลม สวนดอกไม้สีสันสดใส และอื่นๆ
รู้จักกันในอีกชื่อว่า Thac Nang (Lady WaterFall) ชื่อน้ำตกนี้เกิดจากตำนานผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำเสื้อหล่นหายลงไปขณะที่กำลังช่วยเหลือชายคนหนึ่งจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่นี่เป็นน้ำตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะเดือนเมษายนถึงตุลาคมที่ปริมาณน้ำจะไหลลงมาแตกฟองเป็นสีขาวสวยงามมากๆ
เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติ มีพื้นที่ชุ่มน้ำในอาณาเขตอันไพศาลจนถูกขนานนามว่า อ่าวฮาลองบนแผ่นดิน หรือฮาลองบก เป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์แปลกตา ที่มีทั้งเทือกเขา เนินเขาหินปูน ที่ราบต่ำ และนาข้าวล้อมรอบด้วยยอดเขา 99 ยอด จึงถือกันว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้คณะปฏิวัติของโฮจิมินห์ก็ได้เคยตั้งฐานทัพขึ้นที่นี่เป็นแห่งแรกในการศึกเดียนเบียนฟู
วัดไบ่ดิงห์ Bai Dinh เป็นวัดใหญ่ที่สุดในเวียดนาม หรืออาจบอกว่าใหญ่ที่สุดในเอเซียนี้ก็เป็นได้ วัดไบ่ดิงห์ เป็นศูนย์รวมชาวพุทธจากทุกภูมิภาคมารวมกัน วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของนครหลวงเก่า วัดนี้มีประวัติอันยาวนาน มีชื่อเสียง และเป็นที่เคารพบูชาของชาวเวียดนามหลายช่วงอายุคน วัดไบ่ดิงห์ Bai Dinh เป็นวัดศูนย์รวมทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนของวัดทางพุทธศาสนา ที่อยู่บนภูเขาใน อำเภอGia Vien จังหวัด Ninh Binh ประเทศเวียดนาม ประกอบไปด้วยวัดเก่าแก่ที่เป็นต้นฉบับและเป็นวัดขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่ มันเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนที่ใหญ่ที่สุดของวัดทางพุทธศาสนาในเวียดนามและได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้แสวงบุญชาวพุทธจากทั่วเวียดนาม
ฮาลองบกอยู่ที่เมืองนิงห์บิงห์ เมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่เมืองหนึ่งของเวียดนาม และพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ มีแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ มีภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านรายล้อมอยู่มากมาย ลักษณะคล้ายกับฮาลองเบย์ แต่ที่นี่เป็นน้ำจืดและนั่งเรือพาย ไม่ใช่ขึ้นเรือลำใหญ่เหมือนอย่างที่ฮาลองเบย์ ระหว่างทางล่องเรือนักท่อออเที่ยวจะได้ชมบรรยากาศธรรมชาติอันสุดงดงามของภูเขา พื้นชุ่มน้ำ และทุ่งนา
เป็นเมืองทางตอนเหนือของหมู่เกาะฮาลองเบย์ของเวียดนาม ชื่อฮาลองแปลว่า "มังกรร่อนลง" ซึ่งมาจากตำนานพื้นบ้านในอดีต เมืองนี้ถือเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญของเวียดนามตอนเหนือ ที่มีท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญจากการเป็นที่ตั้งของอ่าวฮาลองเบย์ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามติดอันดับโลก
เป็นกระเช้า 2 ชั้น ที่บรรจุคนได้กว่า 180 คน จากด้านบนจะได้เห็นทิวทัศน์ที่แสนสวยงามของอ่าวฮาลองเบย์ ข้ามฝั่งสู่เกาะอีกฝากฝั่งหนึ่งเพื่อให้ทุกท่านได้เปลี่ยนบรรยากาศการชมทิวทัศน์ความสวยงามของอ่าวฮาลองเบย์
เป็นชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ในสวนสนุกซันเวิล์ด ดานัง วันเดอร์ มีความสูง 115 เมตรซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก จากช้างบนจะสามารถมองเห็นวิวเมืองดานังที่สวยงามได้รอบทิศ ยิ่งเป็นตอนกลางคืน บรรยากาศที่ได้เห็นจากเบื้องบนจะยิ่งมีความโรแมนติกเป็นพิเศษเลย
หุ่นกระบอกน้ำเป็นการผสมผสานระหว่างความหลงใหลในเทพตำนานกับความรักชาติอย่างรุนแรงซึ่งปลูกฝังกันมาในจิตใจชาวเวียดนาม นักเชิดหุ่นกระบอกจะยืนอยู่หลังฉากในน้ำที่ท่วมถึงเอวแล้วควบคุมการเคลื่อนไหวของหุ่นด้วยไม้ไผ่ลำยาว เทคนิคการเล่นได้ถูกเก็บงำเป็นความลับอย่างมิดชิด แม้ปัจจุบันนี้ นักเชิดหุ่นอาวุโสทั้งหลายยังไม่ใคร่ยอมถ่ายทอดวิชาให้คนรุ่นหลัง แต่ด้วยเกรงว่าวิชาจะดับสูญบางท่านจึงยอมสอน ทุกวันนี้ ชมการแสดง โชว์หุ่นกระบอกน้ำ ศิลปกรรมประจำชาติ เอกลักษณ์ของประเทศเวียดนาม และมีแห่งเดียวในโลก
เป็นตลาดกลางคืนประจำเมืองฮาลอง ให้ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก ที่ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการต่อรองสินค้า ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า หรือสินค้าพื้นเมืองต่างมากมาย
ล่องเรือชมหนึ่งในทะเลมรดกของโลก ซึ่งชื่อนั้นตั้งขึ้นมาจากตำนานของชาวพื้นบ้านที่แปลว่า "สถานที่ ที่มังกรลงมาอยู่" ซึ่งอ่าวแห่งนี้มีเกาะหรือโขดหินยื่นขึ้นมานับพัน ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทาทะเลที่งดงามมากๆ
เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยแห่งอ่าวฮาลองที่ถือได้ว่าเป็นถ้ำที่มีความสวยงามที่สุดในระแวก ซึ่งมาความโดดเด่นตรงที่หินเหล่านี้มีรูปทรงที่มีหลากหลาย แล้วแต่คนจะตีความตามจินตนาการ เป็นถ้ำที่มีความสวยงามมากและมีหินรูปนางฟ้าที่ถูกสร้างจากธรรมชาติติดอยู่ผนังถ้ำอย่างมหัศจรรย์
เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ในอ่าวฮาลอง ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถสั่งอาหารทะลสดๆ จากกระชังให้ทางเรือปรุงเสริมกับอาหารกลางวันได้อีกด้วย
เป็นหนึ่งในหมู่เกาะหรือหินขนาดใหญ่ในอ่าวฮาลอง ซึ่งชื่อนั้นจะถูกตั้งตามรูปทรงต่างๅ แต่เกาะนี้ มีชื่อว่าเกาะไก่ชน ด้วยลักษณะของเกาะที่มีรูปร่างคล้ายไก่กำลังหันหน้าชนกัน หรือจูบกันแล้วแต่จินตนาการ
เป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือระหว่าง พ.ศ. 2497 ถึง พ.ศ. 2519 และก่อนหน้านั้นเคยเป็นเมืองหลวงของพื้นที่เวียดนามในปัจจุบันเป็นครั้งคราวตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึง พ.ศ. 2345 ฮานอยตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแดง อุตสาหกรรมในเมืองคือเครื่องจักร ไม้อัด สิ่งทอ สารเคมี และงานหัตถกรรม
เป็นท่าอากาศยานหลักของเวียดนามตอนเหนือ ซึ่งถูกเปิดใช้(ตึกนานาชาติ) เมื่อต้นปี 2558 และอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองฮานอยประมาณ 45 กิโลเมตร
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย