เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
รู้จักกันในอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฟีอูมีชีโน เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในเมืองฟีอูมีชีโน ห่างจากศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของโรม 35 กิโลเมตรนอกจากนี้ ยังเป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารคับคั่งมากเป็นอันดับที่ 27 ของโลกใน พ.ศ. 2552 และเป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินอัลอิตาเลีย ชื่อของท่าอากาศยานชื่อของเลโอนาร์โด ดา วินชี ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาวิชาชาวอิตาลี ผู้ออกแบบต้นแบบของเฮลิคอปเตอร์และเครื่องจักรมีปีกบินได้เป็นคนแรกของโลก
เป็นจุดนัดพบทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกห้อมล้อมด้วยซากอาคารต่างๆ คาดว่าเมื่อก่อนถูกใช้เป็นตลาดหรือศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าเมื่อสมัยยุคโรมัน
วาติกันเป็นพื้นที่เอกราชของรัฐ Holy See ที่ตั้งอยู่ภายในกรุงโรมของประเทศอิตาลี วาติกันก่อตั้งขึ้นด้วยสนธิสัญญา Lateran ในปี 1929 เป็นดินแดนที่แตกต่างกันภายใต้ "การครอบครองอย่างเต็มรูปแบบเอกสิทธิ์เฉพาะและอำนาจอธิปไตยและเขตอำนาจศาล" ของ Holy See ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจสูงสุดของกฎหมายระหว่างประเทศ และความเป็นอิสระทางจิตวิญญาณ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐอธิปไตยที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
เป็นมหาวิหารที่มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่า สวยงามตระการตา เต็มไปด้วยผลงานศิลปะชิ้นเยี่ยมมากมาย ด้านในมีประติมากรรมอันลือชื่อปิเอต้า (Pieta) ของมิเคลันเจโลและแท่นบูชาบัลแดคคิโน (St. Peter's Baldachin) เป็นซุ้มสำริดที่สร้างโดยจานโลเรนโซ แบร์นินี ซึ่งสร้างตรงบริเวณที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์ ความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งนี้ก็แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่มีคุณค่าสำคัญทางศาสนาในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
เป็นรูปปั้นฝีมือของศิลปินชื่อดัง "ไมเคิลแองเจิลโล" ตั้งอยู่ในนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นรูปปั้นของพระแม่มารีกำลังอุ้มร่างของพระเยซูที่ล่วงลับไปแล้ว
แท่นบูชาบัลแดคคิโน เป็นแท่นบูชาที่แกะสลักอย่างงดงามโดยจิอาน ลอเรนโซ่ เบอร์นินี่ เป็นซุ้มสำริดที่สร้างโดยจานโลเรนโซ แบร์นินี ซึ่งสร้างตรงบริเวณที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์
เป็นสนามประลองรูปไข่ในกรุงโรมที่เกิดขึ้นมาเมื่อเกือบ 2000 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่ที่ใจกลางกรุงโรม สร้างจากหินปูนแบบ travertine หินภูเขาไฟ และคอนกรีตที่ก่อด้วยอิฐ สามารถเก็บผู้ชมได้ประมาณ 50,000 ถึง 80,000 คนในหลาย ๆ จุดของประวัติศาสตร์ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันโคลีเซียมเป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดมาแวะถ่ายรูปหากได้มาเยือนกรุงโรม นอกจากนี้้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 7สิ่มหัศจรรย์ของโลกด้วย
เป็นน้ำพุที่น้ำนั้นมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี ที่ชื่อ Nicola Salvi ที่นี่เป็นน้ำพุรูปลักษณ์แปลกที่ใหญ่ที่สุดในเมือง และเป็นหนึ่งในน้ำพุที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
เป็นย่านบันไดที่ติดกับแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม ตั้งอยู่บนพื้นเขาระหว่าง Piazza di Spagna ที่ฐานและ Piazza Trinità dei Monti บันได 135 ขั้น ที่นี่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Francesco de Sanctis และ Alessandro Specchi ในปี 1723 ที่นี่เป็นจุดเดินเที่ยวและถ่ายรูปที่สวยไม่แพ้จุดอื่นในกรุงโรม
เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของแคว้นทัสคานีและใหญ่เป็นอันดับสามในภาคกลางของอิตาลีรองจากโรมและฟลอเรนซ์ ในอดีตเศรษฐกิจของปราโตอยู่บนพื้นฐานของอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอิตาลี
เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ศาสนา วัฒนธรรม และอุตสาหกรรม ของประเทศอิตาลีนั่นเอง เมืองฟลอเรนซ์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน ปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมมากเป็นอันดับต้นๆของโลก
มหาวิหารนี้ตั้งอยู่ในเขตจัตุรัสเปียซซ่า เดล ดูโอโม ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออกแบบโดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกี ด้านหน้าโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพู มหาวิหารฟลอเรนซ์แห่งนี้ยังเป็นมหาวิหารที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ของทวีปยุโรป ปัจจุบันมหาวิหารอยู่ภายใต้การดูแลของสังฆมณฑลโรมันคาทอลิกแห่งฟลอเรนซ์
บริเวณจัตุรัสเดลลาซินญอเรียนี้มีรูปแกะสลักแสดงอยู่มากมาย อาทิ รูปแกะสลักเพอร์ซุส วีรบุรุษกรีกโบราณตอนบั่นคอเมดูซ่า รูปแกะสลักเฮอร์คิวลีส และรูปสลัก เป็นต้น
เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดของฟลอเรนซ์ มีโค้งสามอันคร่อมแม่น้ำอาโน่ ที่สะท้อนบนผิวน้ำเป็นหนึ่งในภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของฟลอเรนซ์ สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมัน โดยเป็นสะพานเก่าแก่และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป
เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซา อยู่ในแคว้นทัสกานี ฝั่งแม่น้ำอาร์โน ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร
กัมโป เดย์ มีราโกลี หรือที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในชื่อ จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา คือบริเวณทที่ล้อมด้วยกำแพงใจกลางเมืองปิซา แคว้นทัสเคนี ประเทศอิตาลี โดยที่คำว่า กัมโป เดย์ มีราโกลี แปลว่า จัตุรัสอัศจรรย์
เป็นคริสต์ศาสนสถานที่สร้างเป็นอิสระจากสิ่งก่อสร้างอื่นโดยมีอ่างล้างบาปเป็นศูนย์กลาง หอล้างบาปจะเป็นสถานสำหรับผู้จะเข้ารีตเรียนรู้เรื่องศาสนาก่อนจะรับศีลล้างบาป และเป็นที่ทำพิธีล้างบาป
หอนี้ตั้งอยู่ที่เมืองปีซ่า ประเทศอิตาลี เป็นหอคอยสร้างด้วยหินอ่อน สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้น ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 176 ปี ตามประวัติกล่าวว่า ขณะก่อสร้างเสร็จ ฐานทรุดไปข้างหนึ่ง จะเป็นด้วยการคำนวณผิดพลาดหรือประการใดก็ไม่ทราบ เมื่อวัดปรากฏว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 18 ฟุต แต่กระนั้นก็ยังไม่ล้ม ยังเอียงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เป็นท่าเรือที่เชื่อมต่อระหว่างเวนิสกับแผ่นดินใหญ่ การมาเที่ยวเวนิสนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปจากตรงนี้ได้
เวนิส หรือ เวเนเซีย (Venice Mestre) ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ด้วยความสวยงามและความน่าอยู่ของบ้านเมืองทำให้ เวนิส เป็นสถานที่ซึ่งได้รับฉายามากมาย ตั้งแต่ เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน เมืองแห่งแสงสว่าง ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก และที่สำคัญ ยูเนสโก ยกให้เวนิสเป็นหนึ่งในเมือง มรดโลก
เป็นสะพานหินปูนสีขาวในเวนิสที่เชื่อมต่อกับพระราชวังดอจ ซึ่งวังแห่งนี้มีคุกขังนักโทษอันน่าสะพรึงขวัญอยู่ชั้นใต้ดินโดยถูกเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ ไปยังสะพานข้ามคลองนี้เพื่อเข้าสู่แดนคุมขัง สะพานแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า สะพานถอนหายใจ ตามอาการของนักโทษที่เดินข้ามสะพานก่อนที่จะหมดอิสรภาพ
เป็นพระราชวังสไตล์เวนิสโกธิค เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองเวนิส สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 แต่เกิดเพลิงไหม้และได้รับการบูรณะและก่อสร้างเพิ่มเติมในระหว่างศตวรรษที่ 14 และ 15 ภายในพระราชวังงดงามด้วยการประดับทองคำและภาพจิตรกรรมมากมายโดยเฉพาะภาพเขียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
จัตุรัสซานมาร์โคได้รับการประกาศเป็น ห้องวาดภาพของโลก ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ดีที่สุดสำหรับการนั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับช่วงบ่ายที่แสนสบายในเวนิส ภายในบริเวณมีร้านกาแฟกลางแจ้งที่ตั้งกระจายอยู่ริมทางเดินในจัตุรัส เช่นเดียวกับอาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบนอก
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำ Adige ในจังหวัดปกครองตนเองของแคว้นเทรน (Trent) ก่อนหน้านี้เป็นส่วนหนึ่งของออสเตรียและออสเตรีย - ฮังการีโดยผนวกโดยอิตาลีใน ค.ศ.1919 เป็นเมืองที่มีมีสภาพทางภูมิศาสตร์และประชากรที่หลากหลายอย่างมาก
เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในแถบอุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ เป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา กับสภาพแวดล้อมที่มีอากาศอันบริสุทธิ์และวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตา
เป็นอุทยานที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO เมื่อปี 2009 มีลักษณะภูมิประเทศเป็นหน้าผาสูง สลับกับหุบเหวลึก โดยภูมิประเทศของเทือกเขาโดโลไมท์เคยเป็นแนวปะการังมาก่อนเมื่อ 500 ล้านปีที่แล้ว ตัวเทือกเขานั้นเป็นเทือกเขาหินปูนเป็นแนวต่อๆ กันกินพื้นที่กว้างใหญ่จนเกิดหุบเขาสีเขียวและทะเลสาบมากมายโดยในฤดูหนาวหิมะจะปกคลุมยอดเห็นเป็นสีขาวโพลนไปหมด
นั่งกระเช้า ขึ้นสู่บนเนินเขาที่เราเรียกว่า “อัลเป ดิ ซุยซี” (ALPE DI SIUSI) ชมวิวทิวทัศน์บนภูเขา ที่ได้ชื่อว่ากว้างใหญ่ที่สุดในยุโรป ท่านจะได้สัมผัสความงดงามอันน่าประหลาดตาของดินแดนเทือกเขาโดโลไมท์ จากมุมสูงรอบด้าน ชมทัศนียภาพของหุบเขา โตรกผา โดยมีเทือกเขาแลงโกเฟวเป็นภาพประกอบ นำท่านนั่งกระเช้ากลับสู่ด้านล่าง
เมืองคอร์ติน่า ดิ แอมเปซโซ (Cortina D’ Ampezzo) หัวใจของเขตโดโลไมท์ แห่งแอลป์อิตาลี ตั้งอยู่เชิงเขาโดโลไมท์ บนเส้นทางงดงามด้วยภูมิประเทศ ป่าสน ทะเลสาบแสนสวย หุบเขากว้าง กระท่อมไม้ชาเลย์ ภูเขาหิมะ ยอดเขาหินปูน ยอดเขาที่ไร้หิมะ แต่รูปทรงแปลกตา
ทะเลสาบลาโก ดิ มิซูลิน่า (Lake Misurina) ทะเลสาบแสนสวยทีหลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ถือเป็นเขตสำคัญอีกเขตหนึ่งของ “โดโลไมท์” ที่งดงามเหมาะแก่การเก็บภาพและเยี่ยมชม
เป็นหนึ่งในสามเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน อินส์บรูคแปลว่าสะพานแห่งแม่น้ำอิน มีลักษณะเป็นที่ราบแคบๆ ที่แทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์
เป็นอาคารสัญลักษณ์ของเมืองอินส์บรูก ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารที่หลังคาของระเบียงถูกประดับด้วยกระเบื้องทองแดงเคลือบทอง
เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย และได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์เยอรมัน ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมนี เป็นจุดเริ่มต้นและจุดศูนย์กลางของการเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆในยุโรป
ที่นี่เปรียบเสมือนศูนย์กลางของการนัดพบในนครมิวนิค มีศาลาว่าการของเมืองแห่งใหม่ เป็นศูนย์กลางการจัดงานสำคัญทางวัฒนธรรมต่างๆ มาเรียนพลาตซ์ มีสิ่งที่น่าชมมากมาย อาทิ Mariensaule รูปปั้นพระแม่มารีทองคำบนเขาสูงศาลาว่าการเมืองใหม่ ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ หอระฆัง Glockenspiel ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ
หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ท่าอากาศยานมิวนิกฟรานซ์โยเซฟชเทราซ์" ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่มิวนิก เยอรมนี ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 28 กิโลเมตร (17.5 ไมล์) มิวนิกเป็นท่าอากาศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนี รองจากท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต และเป็นท่าอากาศยานหลักของลุฟต์ฮันซา
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย