เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่รองรับการจราจรทางอากาศของเมืองมิลาน และเป็นท่าอากาศยานที่มีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศใช้บริการมากที่สุดของอิตาลี แต่ในส่วนของจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งหมดจะเป็นรองท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟิอูมิชิโน
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเวโรนา แคว้นเวเนโตในประเทศอิตาลี เมืองนี้เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยเหตุที่มีความสำคัญทางศิลปะและวัฒนธรรม ที่เห็นได้งานนิทรรศการประจำปีหลายงาน โรงละคร และอุปรากรในโรงละครกลางแจ้งที่สร้างโดยโรมัน
เป็นจัตุรัสประจำเมืองเวโรน่า ที่เคยเป็นสถานที่ชุมนุมทางเศรษฐกิจ การเมือง การสังคมต่างๆ ในสมัยโรมัน รวมทั้งเป็นตลาดขายสมุนไพร รอบจัตุรัสเป็นที่ตั้งของอาคารโบราณต่างๆ ทั้งศาลากลาโบราณ ภาพแกะสลักปูนปั้น รูปปั้นเทพเจ้ากรีก และอื่นๆ ในช่วงกลางคืนจัตุรัสแห่งนี้จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาสังสรรค์กันในยามราตรี
เป็นสนามทรงรีที่สร้างด้วยหินอ่อนสีชมพูกว่า 1,900 ปีมาแล้ว มีสภาพสมบูรณ์ไม่แพ้โคลอสเซียมในโรมแต่มีขนาดเล็กกว่า ด้วยเหตุนี้ เวโรน่า ถึงได้รับฉายาว่า Little Rome และในฤดูร้อนที่นี่ก็จะถูกใช้เป็นสถานที่แสดงคอนเสิร์ต โอเปร่ากลางแจ้ง
เป็นบ้านที่เป็นสถานที่เป็นต้นกำเนิดของเรื่องราว "โรมิโอกับจูเลียต" ที่ซึ่งสาวๆ ที่ผิดหวังกับความรักจะมาเขียนจดหมาย เขียนข้อความบอกและอธิKฐานให้ประสบความสำเร็จกับความรัก
เมสเตร้เป็นพื้นที่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ของเวนิสที่เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นเวเนโตซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี ทั้งสองฝั่งถูกเชื่อมต่อกันด้วยสะพานหลักที่มีชื่อว่า Ponte della Libertà (สะพานแห่งอิสรภาพ) ในอดีตที่นี่ถือเป็นคนละเมืองกับเวนิส จนในปี 1926 เมืองนี้ถูกผนวกให้เป็นเมืองหนึ่งของเวนิส โดยเมสเตร้ถือเป็นฝั่งเวนิสที่อยู่ด้านแผ่นดินใหญ่
เป็นท่าเรือที่เชื่อมต่อระหว่างเวนิสกับแผ่นดินใหญ่ การมาเที่ยวเวนิสนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปจากตรงนี้ได้
เวนิส หรือ เวเนเซีย (Venice Mestre) ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ด้วยความสวยงามและความน่าอยู่ของบ้านเมืองทำให้ เวนิส เป็นสถานที่ซึ่งได้รับฉายามากมาย ตั้งแต่ เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน เมืองแห่งแสงสว่าง ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก และที่สำคัญ ยูเนสโก ยกให้เวนิสเป็นหนึ่งในเมือง มรดโลก
จัตุรัสซานมาร์โคได้รับการประกาศเป็น ห้องวาดภาพของโลก ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ดีที่สุดสำหรับการนั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับช่วงบ่ายที่แสนสบายในเวนิส ภายในบริเวณมีร้านกาแฟกลางแจ้งที่ตั้งกระจายอยู่ริมทางเดินในจัตุรัส เช่นเดียวกับอาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบนอก
เป็นโบสถ์ประจำเมืองเวนิส มีฉายาว่าโบสถ์ทอง (Church of Gold) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสซานมาร์โค ตัวโบสถ์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุคไบแซนไทน์จนถึงยุคเรอเนสซองส์ มีการประดับอย่างงดงามด้วยโมเสก และประติมากรรมต่างๆ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อำนาจ และความมั่งคั่งของเวนิส
เป็นพระราชวังสไตล์เวนิสโกธิค เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองเวนิส สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 แต่เกิดเพลิงไหม้และได้รับการบูรณะและก่อสร้างเพิ่มเติมในระหว่างศตวรรษที่ 14 และ 15 ภายในพระราชวังงดงามด้วยการประดับทองคำและภาพจิตรกรรมมากมายโดยเฉพาะภาพเขียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
หนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและชาวต่างชาติ ด้วยชื่อเสียง ในเรื่องความสวยงาม และยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดคือ "Alma Mater Studiorum" นั่นจึงส่งผลให้เมืองโบโลญญาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนามากที่สุดในอิตาลีอีกด้วย
จัตุรัสขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโบโลญญา สร้างมาตั้งเเต่สมัยที่โรมันเรืองอำนาจเเละเป็นจุดศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในเมืองเเห่งนี้ เพราะมันล้อมรอบไปด้วยอาคารยุคกลางที่มีความสำคัญเก่าเเก่เเละสวยงามอย่างโบสถ์ซาน เปโตรนิโอ, ซิตี้ฮอล, ลานน้ำพุเทพเนปจูน เเละอาคารปาลาซโซ เดล โพเดสตา เเละมีร้านอาหารเเละร้านค้ามากมายในจัตุรัสเเห่งนี้ จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการมาใช้เป็นจุดนัดพบเเละจุดเริ่มต้นในการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองโบโลญญา
พิพิธภัณฑ์ MEF แห่งนี้เป็นที่จัดแสดงยนตรกรรมที่มีความสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Ferrari ส่วนใหญ่เป็นรถสปอร์ตที่ Enzo Ferrari ออกแบบและผลิตขึ้นมาตลอดช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ พร้อมกับมีวีดีโอบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ม้าลำพองอย่างละเอียดทุกแง่มุม
เป็นเอาท์เลตของเมืองโบโลญญา ที่มีสินค้าชั้นนำของอิตาลีหลากหลายยีห้อ เช่น อาร์มานี่ บาลองเชียก้า โบเตก้า เวนาต้า กุซซี่ เฟอร์รากาโม่ TOD’S PRADA และอื่นๆ ทั้งยังมีร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนกัน
เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของแคว้นทัสคานีและใหญ่เป็นอันดับสามในภาคกลางของอิตาลีรองจากโรมและฟลอเรนซ์ ในอดีตเศรษฐกิจของปราโตอยู่บนพื้นฐานของอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอิตาลี
เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเซียนา ประเทศอิตาลี ในยุคกลางเซียนาเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ที่มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรม
มหาวิหารเซียนา (Siena Cathedral) หรือ ดูโอโมดิเซียนา (Duomo di Siena ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1215 -1263 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมกอธิค และต่อเติมด้วยศิลปะแบบเรอเนซองส์ในยุคต่อมา
เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างในแบบสถาปัตยกรรมโกธิค ซึ่งมีความสวยงามมาก ที่เป็นจุดเด่นของศาลากลางแห่งนี้ก็คือ หอระฆัง ซึ่งมีการติดตั้งนาฬิกาเอาไว้
เป็นจตุรัสที่สวยงามเป็นอันดับ 3 ของอิตาลี ซึ่งใช้เป็นสนามแข่งกีฬาแข่งม้าประจำปี ชมความยิ่งใหญ่และงดงามของจตุรัสแห่งนี้ ที่มีลักษณะคล้ายปากปล่องภูเขาไฟอันรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญโบราณ เช่น ปาลาซโซ-พับปิโค, ปาลาซโซ-ซานเซโดนี
หอระฆังมานเจีย ตั่งอยู่ที่เมืองเป็นหอระฆังเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1338-1348 ตอนบนออกแบบโดยลิปโป เม็มมิ หอออกแบบให้สูงกว่าหอของเมืองฟลอเรนซ์ และในช่วงเวลานั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในอิตาลี ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ก็มีการติดตั้งนาฬิกาที่ทำด้วยเครื่องจักรกล ที่ยังสามารถบอกเวลาได้จนถึงปัจจุบัน
เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซา อยู่ในแคว้นทัสกานี ฝั่งแม่น้ำอาร์โน ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร
เป็นจตุรัสที่สวยงามเป็นอันดับ 3 ของอิตาลี ซึ่งใช้เป็นสนามแข่งกีฬาแข่งม้าประจำปี ชมความยิ่งใหญ่และงดงามของจตุรัสแห่งนี้ ที่มีลักษณะคล้ายปากปล่องภูเขาไฟอันรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญโบราณ เช่น ปาลาซโซ-พับปิโค, ปาลาซโซ-ซานเซโดนี
หอนี้ตั้งอยู่ที่เมืองปีซ่า ประเทศอิตาลี เป็นหอคอยสร้างด้วยหินอ่อน สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้น ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 176 ปี ตามประวัติกล่าวว่า ขณะก่อสร้างเสร็จ ฐานทรุดไปข้างหนึ่ง จะเป็นด้วยการคำนวณผิดพลาดหรือประการใดก็ไม่ทราบ เมื่อวัดปรากฏว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 18 ฟุต แต่กระนั้นก็ยังไม่ล้ม ยังเอียงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เป็นเมืองในเขตลิกูเรียทางตอนเหนือของอิตาลี อยู่ระหว่างเมืองเจนัวและปิซ่า บนทะเลลิกูเรียและเป็นหนึ่งในอ่าวที่มีความสำคัญทางด้านการค้า และการทหาร
เป็นเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เป็นเมืองหลวงของแคว้นลิกูเรีย และบริเวณเมืองมีความหนาแน่นประชากรราว 900,000 คน นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Superba อันเนื่องมาจากความรุ่งเรืองในอดีต
เป็นมหาวิหารโรมันคาทอลิกในเมืองเจนัวของอิตาลี ถูกสร้างเพื่ออุทิศให้กับ Saint Lawrence (San Lorenzo) และเป็นที่นั่งของอาร์คบิชอปแห่งเมืองเจนัว มหาวิหารแห่งนี้ได้รับการสถาปนาโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกลเซียสที่สองในปี 1118 และถูกสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 12 ถึง 15 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคผสมโรมาเนสต์
มิลาน หรือ มิลาโน เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดีย และเป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ซึ่งเรียกเขตทั้งหมดว่า ลากรันเดมีลาโน ชื่อเมืองมิลาน มาจากภาษาเซลต์ คำว่า "Mid-lan" ซึ่งหมายถึง อยู่กลางที่ราบ เมืองมิลานมีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม
เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองมิลาน และเป็นวิหารหินอ่อนสถาปัตยกรรมโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี ลักษณะเด่นของวิหารที่นอกเหนือจากความวิจิตรงดงามแล้ว ยังประดับประดาไปด้วยรูปั้นนับกว่า 3000 รูป ที่สวยงามไม่แพ้กัน ลานกว้างด้านหน้าดูโอโมที่มีอนุสาวรีย์ พระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 ทรงม้า คือสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ และเป็นที่พบปะของผู้คน รอบๆ ดูโอโมคือศูนย์รวมร้านค้าแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ
แกลลอเรียวิคเตอร์ เอ็มมานูเอ็ลที่ 2 เป็นอาคารศูนย์การค้าแบบอาคารกระจกเก่าแก่และสง่างามที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ที่นี่เป็นศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมอันทันสมัย มมีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองท้า และนาฬิกา แบรนด์เนมชื่อดังมากมาย อาทิ หลุยส์ วิตตอง,พราด้า,เฟอรากาโม่,อาร์มานี่,เวอร์ซาเช่ หรือจะเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองจากที่นี่ก็ได้
รู้จักกันในอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฟีอูมีชีโน เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในเมืองฟีอูมีชีโน ห่างจากศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของโรม 35 กิโลเมตรนอกจากนี้ ยังเป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารคับคั่งมากเป็นอันดับที่ 27 ของโลกใน พ.ศ. 2552 และเป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินอัลอิตาเลีย ชื่อของท่าอากาศยานชื่อของเลโอนาร์โด ดา วินชี ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาวิชาชาวอิตาลี ผู้ออกแบบต้นแบบของเฮลิคอปเตอร์และเครื่องจักรมีปีกบินได้เป็นคนแรกของโลก
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย