เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการเมืองอู่อี๋ซาน เช่นเดียวกับหนานผิง และเมืองอื่นที่อยู่ใกล้กันในมณฑลฝูเจี้ยน ตั้งอยู่ห่างไปทางใต้ของเมืองอู่อี๋ซานไปประมาณ 7 กิโลเมตร
เป็นพื้นที่อุทยานที่เป็นแนวเทือกเขาหนึ่งในตอนเหนือของมณฑลฝูเจี้ยน ใกล้กับมณฑลเจียงซีประเทศจีน มีจุดที่สูงที่สุดในพื้นที่คือยอดภูเขาหวงกังซึ่งมีความสูง 2,158 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เทือกเขาอู่อี๋ซานถือเป็นเขตอนุรักษ์แห่งชาติที่สำคัญซึ่งได้รับการคุ้มครองในฐานะเขตสงวนชีวมณฑลด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและระบบนิเวศที่มีความหลากหลาย เทือกเขานี้ยังได้รับการระบุว่าเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1999
เป็นภูเขาที่มีลักษณะเป็นผาหินสูงชัน โดยตามแนวหน้าผาจะมีตัวอักษรแกะสลักต่างๆ ซึ่งมาจากเหล่านักเขียน นักท่องเที่ยว และคนชั้นสูงต่างๆ มาเขียนแกะสลักบทความแสดงความน่าตื่นตาตื่นใจของผาหินนี้
เป็นการล่องแพชมแนวลำธารในพื้นที่อุทยานอู่อี๋ซาน ซึ่งเป็นแนวที่มีธารน้ำ 9 โค้ง 18 เลี้ยว กับน้ำที่เย็นใสสะอาด พร้อมทั้งทิวทัศน์ของธรรมชาติอันงดงามของสองฝั่งลำธาร
เป็นถนนเก่าแก่ที่เคยเป็นเส้นทางพาไปสู่พระราชวังอู่อี๋ ตั้งอยู่ใกล้ๆ เขาต้าหวังฟง มีความยาวประมาณ 300 เมตร โดยมีสถาปัตยกรรมถนนในรูปแบบของราชวงศ์ซ่ง ซึ่งตามสองข้างทางจะมีร้านขายสินค้าอย่างร้านชา ร้านเหล้า และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ จากอู่อี๋ซาน
เป็นพื้นที่พระราชวังลัทธิเต๋าขนาดเล็กท่ามกลางธรรมชาติที่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักในพื้นที่อุทยานอู่อี่ซาน ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำ 9 โค้ง ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในราชวงศ์ถัง ไว้เป็นสถานที่ซึ่งให้จักรพรรดิได้แสดงความเคารพต่อองค์พระเจ้าแห่งธรรมชาติที่นี่ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์หินอันล้ำค่า และบ่อน้ำมังกรสองแห่ง ในชื่อ Wannian และ Sanqing
ในร้านสมุนไพรและยาแผนจีนโบราณนั้นมีสมุนไพรธรรมชาติต่างๆ ที่น่าสนใจหลายชนิด แต่ชนิดที่อยากแนะนำที่สุดนั้นมีชื่อว่า "เป๋าซูหลิง" ซึ่งรู้จักกันในนาม "บัวหิมะ" ยาประจำบ้านที่มีชื่อเสียง ที่คนไทยนิยมซื้อไปเป็นของฝากกลับบ้าน
ยางพาราสินค้าขึ้นชื่อของประเทศจีน
เป็นไร่ชาในพื้นที่อุทยานอู่อี๋ซาน มีชื่อเสียงในเรื่องต้นชาฮงเปากับต้นชาบนก้อนหิน ที่นี่เป็นแปลงเพาะปลูกใบชาอันลือชื่อ ซึ่งมีทั้งต้าหงเผาซึ่งเด่นที่สุด อู่หลง เถี่ยกวนอิม และสุ่ยเซียน ซึ่งเมื่อก่อนชาแบบนี้จะดื่มได้เฉพาะแต่คนระดับสูงหรือผู้นำประเทศเท่านั้น
เป็นวัดพุทธศาสนาอันเก่าแก่ที่ตั้งลึกอยู่เข้าไปในเทือกเขาอู่อี้ซาน ถูกสร้างขึ้นมาช่วงราชวงศ์ถังในยุครุ่งเรืองของพุทธศาสนาแถบนี้เมื่อ 1,000 กว่าปีก่อน เพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหลักของที่นี่ ตัววัดมีพื้นที่ประมาณ 26,000 ตารางเมตร ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่าน วัดนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมศาสนาของอู่อี้ซาน
เป็นภูเขาที่ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของของอุทยานอู่อี๋ซาน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของลำธารเก้าโค้ง มีตำนานเล่าว่าหินนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่พระมหากษัตริย์มอบให้แด่หญิงสาว โดยภูเขานี้มีลักษณะโดดเด่นด้วยรูปทรงเหมือนกับสาวสวยที่ยืนอยู่ริมลำธาร มียอดเขาที่มีต้นไม้เหมือนเส้นผม มีหน้าผาที่เนียนเหมือนผิวแบบหญิงสาว สมกับนามเขานางฟ้าของอุทยานแห่งนี้
หยก (Jade) คือชื่อที่ใช้เรียกหินซึ่งเป็นอัญมณีอันล้ำค่ามากชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะชาวจีนถือว่าหยกเป็นเจ้าแห่งหินมีค่าทั้งมวล
ชาจีน เป็น เครื่องดื่มที่ทำมาจากใบไม้จากแหล่งปลูกชา (คาเมลเลีย ไซเนนซิส) และผ่านน้ำร้อน. ใบชาใช้กรรมวิธีดั้งเดิมของจีน ชาจีนมักจะใช้ดื่มสม่ำเสมอตลอดวัน รวมถึงระหว่างมื้ออาหาร บางครั้งใช้ดื่มแทนน้ำเปล่าเพื่อสุขภาพ หรือเพื่อความพอใจแบบเรียบง่าย
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการเมืองอู่อี๋ซาน เช่นเดียวกับหนานผิง และเมืองอื่นที่อยู่ใกล้กันในมณฑลฝูเจี้ยน ตั้งอยู่ห่างไปทางใต้ของเมืองอู่อี๋ซานไปประมาณ 7 กิโลเมตร
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย