เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศบรูไน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสายการบิน Royal Brunei Airlines เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1953 และรันเวย์นั้นสร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เป็นมัสยิดประจำเมืองหลวงของประเทศบรูไน มัสยิดแห่งนี้ถือว่าเป็นมัสยิดที่สวยสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สถาปัตยกรรมที่ใช้ได้ระบุว่าเป็นแบบอิสลามมิกซ์อาร์ต สไตล์อิตาลี โดยสถาปนิกชาวอิตาลี วัสดุทุกชิ้นเป็นวัสดุที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นหินอ่อนสีขาวพราวกระจ่างจากอิตาลี หินแกรนิตเนื้อแข็งชั้นเยี่ยมจากเซี่ยงไฮ้ โคมระย้าคริสตัลจากอังกฤษ พรมเส้นใยพิเศษจากซาอุดิอารเบีย และที่สำคัญยอดโดมใช้แผ่นทองคำแท้ถึง 3.3 ล้านแผ่น ความสูงของมัสยิด 52 เมตร เรียกว่าสูงพอที่จะให้คนในเมืองเห็นโดมทองคำนี้อย่างทั่วถึง
เป็นตลาดกลางคืนอันมีชื่อของกรุงเสรีบันดาเบกาวัน เปิดให้บริการตั้งแต่ 16.00 น. จนถึงดึก ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นตลาดสตรีทฟู้ดส์อันมีชื่อ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นแผงขายอาหารจำนวนมาก ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นกันตามอัธยาศัย
เป็นโรงแรมรีสอร์ทริมชายหาดสุดหรูระดับพรีเมี่ยมและมีชื่อเสียงที่สุดของบรูไน ที่มอบทิวทัศน์อันงดงามของมหาสมุทร ทะเลสาบสวนอันกว้างขวางและสนามกอล์ฟชั้นนำของรีสอร์ท มีสปาริมหาดที่น่าทึ่่ง มีห้องโถงอันโอ่อ่าอลังการ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งความบันเทิงต่างๆ มากมาย โรงแรมนี้มี 518 ห้องพักที่ตกแต่งอย่างหรูหราห้องสวีทและวิลล่าส่วนตัวแต่ละมุมมองที่งดงามบริการชั้นยอดและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยทั้งหมดภายในฉากหลังแบบเขตร้อนที่น่าทึ่งและแสนประทับใจ
มัสยิด โอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน Sultan Omar Ali Saifuddien Mosque สุเหร่าที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก ได้ชื่อตามพระนามของสุลต่านแห่งบรูไนองค์ที่ 28 สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1958 ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ริมแม่น้ำเคดายัน เป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวมุสลิมในบรูไน รอบๆ สุเหร่าเป็นสระขุดกว้างใหญ่ มีภาพของสุเหร่าสะท้อนบนพื้นน้ำสวยงามจับตาอย่างยิ่ง (สุเหร่าไม่อนุญาตให้คนที่ไม่ได้เป็นมุสลิมเข้า) ความงามของมัสยิดนี้ได้รับการเปรียบเปรยว่าเป็น มินิทัชมาฮาล
บรูไนมิวเซียม ภายในจัดแสดงไว้หลายส่วน โดยส่วนที่สำคัญที่สุดคือ Islamic Art Gallery ที่รวบรวมของสะสมโบราณล้ำค่าขององค์สุลต่านจากประเทศมุสลิมทั่วโลกมาแสดงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นจานเซรามิคจากอิหร่านและเอเชียกลาง ศิลปะแก้วเป่าจากอียิปต์ รวมไปถึงคัมภีร์อัลกุรอ่านที่เล็กที่สุดขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ นอกจากนี้ยังจัดแสดงประวัติการค้นพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมากมายมหาศาลที่พลิกโฉมประเทศบูรไนให้เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
พิพิธภัณฑ์นี้เคยได้รับการโหวตจากประเทศในอาเชี่ยน่วงหนึ่งว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าชมที่สุด เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของสุลต่านองค์ปัจจุบัน อาทิ เครื่องทรงทองคำ ในวันขึ้นครองราชย์และเครื่องบรรณาการจากผู้นำประเทศต่าง ๆ ชมมงกุฏทองคำ บัลลังก์ทองคำ เครื่องทรงทองคำ รวมทั้งเครื่องราชย์มากมายที่พระองค์ได้รับ
เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศบรูไน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสายการบิน Royal Brunei Airlines เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1953 และรันเวย์นั้นสร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย