เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นหนึ่งในท่าอากาศยานสร้างใหม่ในยุคเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างรุดหน้าของจีน ให้บริการเมืองซัวเถาเป็นจุดหลัก โดยเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2554 ซึ่งมีจุดประสงค์ในการให้บริการผู้โดยสารในเขตพื้นที่เมืองเจียหยาง แต้จิ๋ว และซัวเถา ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีน
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน ชื่อของเมืองมาจากแม่น้ำเหมยและชื่อภาษาจีนสำหรับดอกบ๊วย ก่อตั้งขึ้นในฐานะจังหวัดจิงโจวในขอบเขตฮั่นทางใต้ช่วงประมาณปี 971 เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยทรัพยากรในดินต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อการอุตสาหกรรม มีแหล่งน้ำมากมาย น้ำพุร้อนและน้ำแร่ที่ผ่านการรับรองจากประเทศ มีแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณสถานและวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อหลายแห่ง
เป็นเจดีย์ที่อยู่ในเขตตะวันออกของเมืองเหมยโจว ณ เขตเหมยเจียง เป็นสถานที่สำคัญในการระลึกทางวัฒนธรรมของราชวงศ์ฮั่นตอนใต้ สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดเกี่ยวกับเจดีย์นี้คือเจดีย์โลหะมีอายุกว่าพันปีที่มีพระพุทธรูปกว่า 1,000 องค์ตั้งเรียงรายอยู่ภายใน เป็นสมบัติของวัฒนธรรมและศิลปะดั้งเดิมของจีนฮั่นและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีชื่อเสียง
เป็นเมืองชนบทที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองเหมยโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมฮักกาหรือฮั่นที่เรารู้จักกัน
เป็นบ้านหินทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ที่หาชมได้ยากมาก ตัวบ้านสร้างจากอิฐ หิน และไม้ สร้างขึ้นในราชวงค์ชิง มีประวัติกว่า 254 ปี มีพื้นที่ 6,684 ตารางเมตร มีห้อง 200 ห้อง เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาว 49 เมตร กว้าง 52.6 เมตร ตึกสูง 11 เมตร ทั้งบ้านมีประตูใหญ่ประตูเดียว ทำด้วยเหล็กตันหนาที่มีความแข็งแรง ภายในมีทางเดินเล็กๆ วนรอบตัวบ้านชั้นใน
เป็นเมืองเเห่งมรดกโลกสำคัญที่มีกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์อันเก่าเเก่เเละยาวนาน เเละเป็นเมืองต้นกำเนิดของชาวจีนเเคะ
เป็นแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในเขตภูเขา มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน การปลูกสร้างมีความเหมาะกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง ที่ได้ผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติกับอาคารที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ภายในตัวบ้านมีลานกว้าง แต่ละหลังจะมีรูปทรงที่ต่างกัน มีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาของชาวจีนฮากกาเป็นอย่างดี ด้วยความโดดเด่นถึงหลักฐานทางอารยธรรมของที่นี่ จึงได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2008
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน ชื่อของเมืองมาจากแม่น้ำเหมยและชื่อภาษาจีนสำหรับดอกบ๊วย ก่อตั้งขึ้นในฐานะจังหวัดจิงโจวในขอบเขตฮั่นทางใต้ช่วงประมาณปี 971 เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยทรัพยากรในดินต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อการอุตสาหกรรม มีแหล่งน้ำมากมาย น้ำพุร้อนและน้ำแร่ที่ผ่านการรับรองจากประเทศ มีแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณสถานและวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อหลายแห่ง
เป็นเมืองซึ่งตั้งอยู่ติดกับซัวเท้าทางทิศใต้ (หรือที่คนไทยรู้จักในนามซัวเถา 汕頭市) จรดเมืองกิ๊กเอี๊ยทางตะวันตกเฉียงใต้ (หรือเจียหยางในภาษาจีนกลาง) จรดเมืองเหมยโจวทางตะวันตกเฉียงเหนือ และจรดมณฑลฝูเจี้ยน (หรือมณฑลฮกเกี้ยนในภาษาไทย) ทางทิศตะวันออก และจรดทะเลจีนใต้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และแต้จิ๋วก็เป็นภาษาจีนที่ใช้ในกลุ่มของคนจีนแต้จิ๋ว หรือสำเนียงแต้จิ๋ว
เป็นย่านเมืองโบราณที่มีสถาปัตยกรรมโบราณสมัยราชวงศ์ หมิง และชิงที่อนุรักษ์ไว้จนถึงปัจจุบันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความเป็นอยู่ของคนแต้จิ๋วตั้งแต่สร้างเมืองจนถึงปัจจุบัน
เป็นสะพานโบราณที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองแต้จิ๋วบนแม่น้ำฮานเจียง สะพานนี้มีความยาวมากกว่า 500 เมตร มีศาลาท่าเรือตั้งอยู่ระหว่างสะพาน 13 หลัง สร้างด้วยภูมิปัญญาของคนจีนฮั่นโบราณ สะพานแห่งนี้มีการบูรณะซ่อมแซมต่อเติมอยู่ตลอดเวลา และปัจจุบันยังคงสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี
วัดไคง้วน อยู่ใจกลางเมืองแต้จิ๋ว วัดพุทธนิกายมหายานโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ถาง โดยมีนามรัชสมัยว่า “คายหยวน” ตรงกับปี ค.ศ. 738 และภายในวัดยังมีวัตถุโบราณมากมายที่สร้างขึ้นต่างยุคต่างสมัยกัน นมัสการองค์พระใหญ่และองค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ ที่ชาวเมืองให้ความเคารพนับถือ
เป็นสถานที่ตั้งของ สุสานฉลองพระองค์และพระมาลาของสมเด็จพระเจ้าตากสิน และศาลบรรพชนตระกูลแต้ เป็นอนุสรณ์สถานของพระมหากษัตริย์ในดินแดนโพ้นทะเลเพียงหนึ่งเดียวของประเทศจีน ซึ่งพระญาติทางฝั่งไทยได้ส่งฉลองพระองค์ของพระเจ้าตากสิน ทั้งแบบไทยและแบบจีนจำนวน 2 ชุด เพื่อทำพิธีฝังใน “ที่อีกาดำ” ณ ดินแดนบ้านเกิด หมู่บ้านหัวฟู่ (หั่วปู๊ชึง)
ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนในมณฑลกวางตุ้ง มีชายฝั่งทะเลยาว 325 กิโลเมตร ในอดีตเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ต่อมาถูกยกระดับฐานะขึ้นเป็นเมืองท่านานาชาติในศตวรรษที่ 18 ก่อนจะกลายมาเป็น 1 ใน 4 เมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน
เป็นศาลองค์เจ้าพ่อเสือที่ได้รับความเคารพศรัทธาจากชาวจีนในเมืองไทยเป็นอย่างมาก เป็นองค์จริงที่ทางไทยได้จำลอง มาที่ศาลเจ้าพ่อเสือบริเวณเสาชิงช้า ชาวจีนแต้จิ๋ว เชื่อกันว่าหากครั้งหนึ่งในชีวิตสำหรับพ่อค้า, นักธุรกิจ ต้องมานมัสการเจ้าพ่อเสือเพื่อความเจริญในการทำมาค้าขาย กลับมาก็จะทำการค้าประสบแต่ความสำเร็จในชีวิต อยู่ที่ตำบลกิ๊กเจี๊ยะ อำเภอเหล็กฮง จังหวัดซัวบ้วย
เป็นศาลที่อยู่ทางด้านเหนือของเมืองเฉาหยาง ภายในเป็นที่ประดิษฐานของเทพไต่ฮงกง ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวจีนในเรื่องของความเมตตากรุณา ปัจจุบันศาลแห่งนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากการร่วมบริจาคของชาวจีน จนมีความสวยงามใหญ่โต
เป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวซัวเถา ทางฝั่งตะวันออกของเมือง เป็นเกาะที่อยู่ขององค์เจ้าแม่ทับทิมไฮตังม่า ซึ่งเป็นเจ้าแม่ทับทิมอันโด่งดังที่ชาวจีนและผู้มีบรรพบุรุษจีนโดยเฉพาะกลุ่มซัวเถาและแต้จิ๋วทั่วโลกให้การนับถือ บนเกาะจะมีไก่วิ่งไปมาเต็มไปหมดเนื่องจากการบูชาเทพดังกล่าวจะต้องถวายไก่ตัวเป็นๆ ให้ นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่มีทัศนียภาพงดงาม เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวเมือง ที่นี่สามารถเข้าถึงได้ด้วยการโดยสารเรือข้ามฟาก หรือนั่งรถมาลงที่ทางลงกลางสะพานตัดปากอ่าวซัวเถา
เป็นเทวนารีที่ประดิษฐานอยู่บนเกาะหม่าสือของเมืองซัวเถา ชาวจีนทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มซัวเถาและแต้จิ๋วมักจะนิยมมาขอพรให้ชีวิตราบรื่น ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองชาวจีนแต้จิ๋วที่อาศัยอยู่ติดทะเล และมีชีวิตอยู่กับท้องทะเลมานาน
เป็นหนึ่งในท่าอากาศยานสร้างใหม่ในยุคเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างรุดหน้าของจีน ให้บริการเมืองซัวเถาเป็นจุดหลัก โดยเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2554 ซึ่งมีจุดประสงค์ในการให้บริการผู้โดยสารในเขตพื้นที่เมืองเจียหยาง แต้จิ๋ว และซัวเถา ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ในมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย