เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ท่าอากาศยานมิวนิกฟรานซ์โยเซฟชเทราซ์" ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่มิวนิก เยอรมนี ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 28 กิโลเมตร (17.5 ไมล์) มิวนิกเป็นท่าอากาศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนี รองจากท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต และเป็นท่าอากาศยานหลักของลุฟต์ฮันซา
เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย และได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์เยอรมัน ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมนี เป็นจุดเริ่มต้นและจุดศูนย์กลางของการเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆในยุโรป
พระราชวังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ มิวนิค ที่ซึ่งเป็นที่ประทับและศูนย์กลางอำนาจของกษัตริย์บาวาเรียนนานถึง 500 ปี ปัจจุบันห้องจำนวน 130 ห้อง ภายในพระราชวังเป็นสถานที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่ามากมายทั้งเฟอร์นิเจอร์ ภาพเขียน เครื่องเคลือบ และเครื่องเงิน ไฮไลท์ที่ควรเยี่ยมชมคือ Antiquarium ห้องโถงสไตล์เรอเนสซองส์ที่สวยงาม
เป็นโบสถ์พระแม่มารีทรงหัวหอมคู่ สร้างด้วยอิฐสีแดง สูง 99 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิวนิค นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปถึงข้างบนจะได้ชื่นชมกับวิวโดยรอบของเมืองมิวนิค ตัวโบสถ์สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1468 แต่ถูกทำลายอย่างย่อยยับในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับบูรณะในปี 1953 สิ่งที่น่าชมเมื่อเดินทางมาถึง คือ แท่นบูชาที่ตกแต่งอย่างหรูหรา โออ่า และรอยเท้าปีศาจ (Devil's Footprint)
ภายในหอนี้มีระฆัง 7 ลูกที่ส่งเสียงก้อง และอีกหนึ่งลูกที่ไม่ส่งเสียง บริเวณเบื้องหลังหน้าต่างลูกกรงที่ชั้นใต้ดินของหอคอย คุณจะพบระฆังที่เก่าแก่ที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุด ระฆังนี้ใช้ตีเมื่อมีการประหารใน Marienplatz Peterskirche เปิดให้เยี่ยมชมได้ทุกวัน โปรดตรวจสอบข้อมูลกับไกด์ในท้องถิ่น เพราะเวลาเปิดหอคอยแตกต่างกันไปตามฤดูกาล โบสถ์จะไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าในช่วงที่มีการทำพิธีทางศาสนา
ที่นี่เปรียบเสมือนศูนย์กลางของการนัดพบในนครมิวนิค มีศาลาว่าการของเมืองแห่งใหม่ เป็นศูนย์กลางการจัดงานสำคัญทางวัฒนธรรมต่างๆ มาเรียนพลาตซ์ มีสิ่งที่น่าชมมากมาย อาทิ Mariensaule รูปปั้นพระแม่มารีทองคำบนเขาสูงศาลาว่าการเมืองใหม่ ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ หอระฆัง Glockenspiel ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ
เป็นตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เดิมเลยตลาดแห่งนี้เป็นเพียงแค่ตลาดเล็กๆ ที่ชาวนาชาวสวนต่างเอาผลผลิตของตนเองมาขาย เริ่มด้วยผัก ผลไม้ ตามมาด้วยเสื้อสัตว์รวมถึงของจำเป็นในการประกอบอาหารอย่างชีสและเครื่องเทศ
เป็นเมืองในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำดานูบ จากข้อมูลเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2011 เมืองมีประชากร 125,407 คน มีการกล่าวถึงชื่อเมืองนี้เป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 806 ตั้งขึ้นเป็นเมืองเมื่อ ค.ศ. 1250
เป็นเอาท์เล็ตในเมือง อิงกอลสตัทท์ ซึ่งเป้นที่นิยมเพราะอยู่ใกล้เมืองมิวนิค และมีบริการรถรับส่งตลอดเวลา มีร้านค้ามากมาย และยังมีส่วนลดตามฤดูการ
เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย และได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์เยอรมัน ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมนี เป็นจุดเริ่มต้นและจุดศูนย์กลางของการเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆในยุโรป
หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวยงามราวกับภาพวาด เป็นเขตชุมชนโบราณของพวกเคลติก ชนพื้นเมืองเก่าแก่ของยุโรป ได้ชื่อว่าสวยงามและโด่งดังที่สุด จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก้
เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของออสเตรีย มีฉากหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ ได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบารอค ดินแดนแถบนี้เป็นแหล่งค้าเกลือเก่ามาแต่โบราณ ที่นี่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำ The sound of Music และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก้ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองชายแดนก่อนจะข้ามไปบาวาเรียของเยอรมณี เรียกว่าเป็นระยะทางแค่ปาหินไปถึง
ป็นสวนที่ตั้งอยู่ในเมืองซาลล์บวร์ก เปิดให้เข้าชมฟรี ภายในเป็นพระราชวังเดิม ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน ประกอบไปด้วยรูปปั้นและน้ำพุ เป็นสวนแบบบารอค เป็นหนึ่งในฉากคลาสสิค หนังเรื่อง The sound of music ภายในมีวังมิราเบลอยู่ด้วย หลังจากโดนไฟไหม้ ปัจจุบันปรับเป็นสถานที่ราชการ และนิยมใช้ในการจัดงานแต่ง และ จัดคอนเสิร์ต
เป็นถนนการค้าชื่อดังที่สุดของซาลซ์บูร์ก ที่เป็นที่รู้จักด้วยอาคารบ้านเรือนหน้าแคบจากสมัยกลาง รวมถึงบ้านเกิดและพิพิธภัณฑ์โมสาร์ท ซึ่งถนนช้อปปิ้งนี้เป็นย่านการค้าสำคัญของเมืองมาตั้งแต่ยุคกลาง ปัจจุบันเป็นแหล่งช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยว จุดเด่นของร้านค้าบนถนนเส้นนี้คือป้ายเหล็กที่แสดงสัญลักษณ์ของร้านที่แขวนไว้เหนือทางเข้าแต่ละร้านจะมีรูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เป็นจตุรัสย่านกลางเมืองอยู่ใกล้กับมหาวิหารแห่งเมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg Cathedral) มีน้ำพุสไตล์บาร็อคเป็นจุดเด่นของจตุรัสนี้
วิหารแห่งนี้สร้างในสมัยเรอเนซองส์ตอนปลายต่อบาโรคตอนต้น ถือเป็นโบสถ์บาโรคยุคแรกสุดเลยทีเดียว สร้างขึ้นใหม่เพื่อแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ใหญ่จนเกินซ่อมแซม มหาวิหารหลังนี้ถูกระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถล่มเสียหาย แต่ต่อมาได้รับการบูรณะให้งดงามดังเดิม ด้านหน้าสร้างด้วยหินอ่อนซาลส์บวร์ก ขนาบด้วยหอคอยคู่ยอดโดม
เป็นหนึ่งในสามเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน อินส์บรูคแปลว่าสะพานแห่งแม่น้ำอิน มีลักษณะเป็นที่ราบแคบๆ ที่แทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์
เป็นโบสถ์แบบโกธิกตั้งอยู่ในย่าน Altstadt ของเมืองอินส์บรุค ประเทศออสเตรีย สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นประมาณปี 1553 โดยจักรพรรดิพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ปู่ของเขาซึ่งก็คือจักรพรรดิแมกซีมีเลียนที่ 1 พื้นที่ภายในประติมากรรมเยอรมันยุคเรอเนซองส์ โบสถ์แห่งนี้ยังมีสุสานของ Andreas Hofer หนึ่งในวีรบุรุษแห่งชาติของแคว้นทีโรลด้วย
เป็นอาคารสัญลักษณ์ของเมืองอินส์บรูก ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารที่หลังคาของระเบียงถูกประดับด้วยกระเบื้องทองแดงเคลือบทอง
เป็นเมืองพักตากอากาศเล็กๆ ในแนวหุบเขาของเยอรมันใต้ มีบ้านเมืองสวยแบบบาวาเรียแท้ ตามผนังของตึกต่างๆ ยังเป็นรูปเขียนเรื่องราวในคริสต์ศาสนาที่น่าชมยิ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาวและยังเป็นศูนย์กลางการแข่งขันกีฬาฤดูหนาว ลานสเก็ตน้ำแข็ง และลู่แข่งสกีโอลิมปิก
เมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสไตล์บารอคที่แสนงดงามยังคงได้รับการรักษาให้อยู่ในสภาพเดิม ตัวอาคารมีสีเหมือนลูกกวาดพาสเทลซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักเดินทางต้องหยุดเก็บภาพเป็นที่ระลึกตลอดเวลา
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางแคว้นบาวาเรียตอนใต้ของเยอรมนี ซึ่งจะติดกับชายแดนออสเตรีย เมืองฟุสเซ่นนั้น เป็นเมืองเก่ามาตั้งแต่ครั้งจักรวรรดิโรมัน เป็นที่ตั้งปราสาทของกษัตริย์บาวาเรีย ล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบน้อยใหญ่ที่มีความงดงามทางด้านทัศนียภาพ เมืองฟุสเซ่น เป็นเมืองที่มีความน่ารัก และตกแต่งไปด้วยสีสันที่สวยงามของบ้านเรือนและโรงแรมที่พักซึ่งแต่ล่ะแห่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เป็นเมืองเล็กๆ ในเขตเทศบาลเมืองของ Schwangau รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน โดยอยู่บริเวณเขตชายแดนของประเทศเยอรมันและออสเตรีย
ที่นี่นับเป็นหนึ่งในปราสาทที่โด่งดังที่สุดในโลก ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขา ที่รายล้อมด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์และทะเลสาบด้านล่าง จุดประสงค์ของการสร้างปราสาทนี้เพื่อให้ผสานกลมกลืนไปกับธรรมชาติอันงดงามรอบด้าน
เป็นเมืองตากอากาศริมทะเลสาบอันโด่งดังที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศอันงดงามของป่าดำของประเทศเยอรมนี
ล่องเรือทะเลสาบทิทิเซ่ ทะเลสาบสุดสวยที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติป่าดำหรือที่ใครๆเรียกว่า Black Forest (เหตุที่ชื่อนี้ก้อเพราะป่านี้เต็มไปด้วยต้นสนซึ่งขึ้นอย่างหนาแน่นจนมองดูเป็นสีดำ) ซึ่งในเขตอุทยานมีหมู่บ้านทิทิเซ่ที่เงียบสงบตั้งอยู่ริมทะเลสาบ และเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศชื่อดังของเยอรมัน
สินค้าพื้นเมืองให้ท่านเพลิดเพลินกับการเดินเลือกซื้อ นาฬิกากุ๊กกู และงานไม้แกะสลักต่างๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเยอรมันตอนใต้ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของชาว Black Forest ด้วย
เป็นเมืองที่อยู่ในเขตป่าดำในภูมิประเทศที่เป็นภูเขาต่ำทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหพันธรัฐบาเดน-เวอร์เทมเบิร์ก อยู่ใกล้กับจุดบรรจบของสองต้นน้ำดานูบ คือแม่น้ำ Brigach และ Breg เป็นเมืองที่โรแมนติกและสิ่งปลูกสร้างที่งดงามไม่แพ้ที่อื่นในเยอรมัน
เป็นเมืองทางตอนเหนือของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นที่ตั้งของน้ำตกไรน์อันโด่งดัง อยู่ถัดจากนอยเฮาเซินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือไม่กี่กิโลเมตร บางครั้งอาจเรียกว่าไรน์ฟัลล์ตัดท์ตามชื่อของน้ำตก หรือมูนอทชตัดท์ตามชื่อป้อมปราการมูนอท
เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป เกิดจากแม่น้ำไรน์ไหลผ่าน ไม่เพียงความใหญ่อลังการ แต่ยังมีเสน่ห์ด้วยสิ่งรายล้อม เหนือน้ำตกมีโขดหินที่สวยงาม รวมถึงทัศนียภาพริมน้ำตกโดยรอบที่โดดเด่น
เป็นเมืองที่สวยงามราวกับเทพนิยาย ตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้วเมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลก ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทางที่เมืองซุกจนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย
แองเกิ้ลเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งเมืองรีสอร์ทชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์ที่ต้องหาโอกาสมาเยือนสักครั้ง โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ๆกับ"ภูเขาทิตลิส" ภูเขาที่มียอดสูงจากระดับน้ำทะเลหนึ่งกว่า 10,000 ฟุต หรือ 3,020 เมตร ปัจจุบันเมืองเอนเกลเบิร์กได้กลายเป็นอีกหนึ่งอัลไพน์รีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของสวิตเซอร์แลนด์
เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ใช้ในการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาทิตลิส ซึ่งตัวกระเช้านั้นมีพื้นที่หมุนได้อย่างช้าๆเพื่อให้นักเดินทางได้เห็นทัศนียภาพแบบ 360 องศาในเวลาเพียง 5 นาทีนั้น
เป็นยอดเขาที่อยู่บนเทือกเขาแอลป์ในเขต Uri ซึ่งตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างรัฐ Obwalden และกรุงเบิร์น มีความสูงอยู่ที่ 3,238 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บนยอดเขามีภัตตาคารที่สามารถชมทิวทัศน์อันงดงามของทิวเขาโดยรอบได้
สะพานแขวน Titlis Cliff Walk นับเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในยุโรป อยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 9,000 ฟุต ยาว 330 ฟุต แต่กว้างเพียง 3 ฟุต และใช้งบประมาณสร้าง 1 ล้านยูโร โดยสร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี การเปิดการเชื่อมเคเบิลระหว่างเมืองแองเกิลเบิร์กและเกอร์ชนิอัลป์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สำรวจความงามของธารน้ำแข็งเบื้องล่างได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ สะพานแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่น่าหวาดเสียวที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นสะพานที่ชวนให้ต้องขนลุกเมื่่อต้องข้ามเพราะความสูงมาก โดยอยู่เหนือแผ่นน้ำแข็งเหนือเทือกเขาแอลป์ราว 15,000 ฟุต ประกอบกับต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นแบบสุดขั้วอีกด้วย
เป็นเมืองอันสวยงามเมืองหนึ่งในสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว เมืองลูเซิร์นเป็นเมืองที่อยู่เกือบใจกลางประเทศ โดยตั้งอยู่ฝั่งด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบลูเซิร์น ที่มีชื่อเรียกว่า ทะเลสาบสี่แคว้นแดนป่าไม้ เมืองนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่อยู่ด้านตะวันออกเป็นเมืองเก่ามีอายุกว่า 500 ปีแล้ว กับส่วนเมืองใหม่ที่แยกออกจากกันเลย ไม่ว่าจะเป็นส่วนธุรกิจ ส่วนพักอาศัย หรือแม้แต่เมืองตากอากาศก็ยังสร้างเป็นเมืองใหม่ ส่วนที่อยู่ทางด้านตะวันตกเป็นเมืองที่สร้างภายหลัง อาคารบ้านเรือนเป็นแบบสมัยใหม่ แต่ก็ยังมีร่องรอยของการเป็นหัวเมืองโบราณที่ปรากฏให้เห็นทุกมุมเมือง
เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลูเซิน และเป็นอนุสาวรีย์สำหรับทหารสวิสที่ตายในหน้าที่ที่ฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวลูเซิร์น สำหรับความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ในหน้าที่ แกะสลักอยู่บนหน้าผา ที่หัวของสิงโตจะมีโล่ ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของสวิสเซอร์แลนด์อยู่ ออกแบบและแกะสลักโดย ธอร์ วอลเส้น ใช้เวลาแกะสลักอยู่ราว 2 ปี สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์และรักภักดี ที่เสียชีวิตไปในฝรั่งเศส
เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี ทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยส์ เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว สะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ ที่จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเป็นเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี สะพานนี้เคยถูกไฟไหม้เสียหายอย่าง แต่ได้รับการซ่อมแซมใหม่จนอยู่ในสภาพที่ดีเหมือนเดิม
เป็นเมืองอันสวยงามเมืองหนึ่งใน Switzerland ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว สร้างขึ้นในเขตเมืองเก่าที่อนุรักษ์ไว้ มีร้านขายนาฬิกาชื่อดังหลายแห่งในย่านช็อปปิ้ง
รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ท่าอากาศยานโคลเทิน (Kloten Airport) ตั้งอยู่ในเมืองโคลเทิน, รัฐซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ บริหารโดย Unique Airport เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นศูนย์กลางของสายการบินสวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ มี Skyguide รับผิดชอบการควบคุมการจราจรทางอากาศทั้งหมดในท่าอากาศยาน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย