เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี
เป็นท่าอากาศยานหลักของเวียดนามตอนเหนือ ซึ่งถูกเปิดใช้(ตึกนานาชาติ) เมื่อต้นปี 2558 และอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองฮานอยประมาณ 45 กิโลเมตร
เป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือระหว่าง พ.ศ. 2497 ถึง พ.ศ. 2519 และก่อนหน้านั้นเคยเป็นเมืองหลวงของพื้นที่เวียดนามในปัจจุบันเป็นครั้งคราวตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึง พ.ศ. 2345 ฮานอยตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแดง อุตสาหกรรมในเมืองคือเครื่องจักร ไม้อัด สิ่งทอ สารเคมี และงานหัตถกรรม
เป็นเมืองเขตชนบทเขตหนึ่งในที่ราบสูงจังหวัดเซินลา ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม อยู่ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่มีธรรมชาติอันสุดจะงดงาม ล้อมรอบไปด้วยขุนเขา และมีอากาศที่เย็นสบายตลอดปี
เป็นหมู่บ้านที่อยู่ของชาวไทขาวอันเก่าแก่ที่มีอายุประมาณ 700 ปี เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง โดยชาวไทขาวถือเป็นหนึ่งชาติพันธุ์ของเวียดนาม ที่ดำรงชีวิตอยู่กับธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิม ภายในหมู่บ้านมีโฮมสเตย์ ร้านของฝากต่างๆ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในฐานะเป็นไร่ชาที่สวยและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม ไร่ชานี้ได้พัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีการตัดแต่งรูปทรงของไร่ชาให้มีความสวยงาม โดยเฉพาะรูปทรงหัวใจซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่
เป็นสวนดอกไม้ที่สร้างความสุขให้กับผู้มาเยือนตามชื่อ ที่นี่ถูกสร้างบนพื้นประมาณ 5 ไร่ในใจกลางหุบเขาที่ขึ้นชื่อแห่งเมืองหมกเจาว์ ภายในสวนมีจุดที่สวยงามมากมายสำหรับการถ่ายภาพ ทั้งกังหันลม สวนดอกไม้สีสันสดใส และอื่นๆ
รู้จักกันในอีกชื่อว่า Thac Nang (Lady WaterFall) ชื่อน้ำตกนี้เกิดจากตำนานผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำเสื้อหล่นหายลงไปขณะที่กำลังช่วยเหลือชายคนหนึ่งจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่นี่เป็นน้ำตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะเดือนเมษายนถึงตุลาคมที่ปริมาณน้ำจะไหลลงมาแตกฟองเป็นสีขาวสวยงามมากๆ
ที่นี่ถือเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ใหม่ในหมกเจาว์ และเป็นสะพานกระจกแห่งแรกในประเทศเวียดนาม สะพานแห่งนี้ได้รับการตกแต่งเพื่อให้คู่รักได้มาสัมผัสความเสียว ที่นี่ได้เปิดให้บริการในวันที่ 25 เมษายน 2019 และเป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดหากได้มาเยือนม๊อคโซของเวียดนามนี้
ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็นดาลัดของเวียดนามเหนือ เป็นสวนสนที่อยู่ในหมู่บ้านอ่าง หมู่บ้านที่น่ารักซึ่งมีคนไทยดั้งเดิมอาศัยอยู่ มีสวนดอกไม้สวยงามมากมาย สวนสนแห่งนี้ให้บรรยากาศที่ดีแบบที่ราบสูง จุดเด่นของที่นี่คือป่าสนสีเขียวและทะเลสาบอันเงียบสงบที่เสมือนแลดูมีมนต์ขลังจากธรรมชาติ
เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติ มีพื้นที่ชุ่มน้ำในอาณาเขตอันไพศาลจนถูกขนานนามว่า อ่าวฮาลองบนแผ่นดิน หรือฮาลองบก เป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์แปลกตา ที่มีทั้งเทือกเขา เนินเขาหินปูน ที่ราบต่ำ และนาข้าวล้อมรอบด้วยยอดเขา 99 ยอด จึงถือกันว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้คณะปฏิวัติของโฮจิมินห์ก็ได้เคยตั้งฐานทัพขึ้นที่นี่เป็นแห่งแรกในการศึกเดียนเบียนฟู
วัดไบ่ดิงห์ Bai Dinh เป็นวัดใหญ่ที่สุดในเวียดนาม หรืออาจบอกว่าใหญ่ที่สุดในเอเซียนี้ก็เป็นได้ วัดไบ่ดิงห์ เป็นศูนย์รวมชาวพุทธจากทุกภูมิภาคมารวมกัน วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของนครหลวงเก่า วัดนี้มีประวัติอันยาวนาน มีชื่อเสียง และเป็นที่เคารพบูชาของชาวเวียดนามหลายช่วงอายุคน วัดไบ่ดิงห์ Bai Dinh เป็นวัดศูนย์รวมทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนของวัดทางพุทธศาสนา ที่อยู่บนภูเขาใน อำเภอGia Vien จังหวัด Ninh Binh ประเทศเวียดนาม ประกอบไปด้วยวัดเก่าแก่ที่เป็นต้นฉบับและเป็นวัดขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่ มันเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนที่ใหญ่ที่สุดของวัดทางพุทธศาสนาในเวียดนามและได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้แสวงบุญชาวพุทธจากทั่วเวียดนาม
ตลาดกลางคืน (Ky lua Night Market) ให้ท่านท่องราตรีตลาดกลางคืนอย่างเต็มอิ่มจุใจ มีสินค้าให้ท่านเลือกช้อปปิ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพื้นเมือง หรือของที่ระลึกอื่นๆ มากมาย
ฮาลองบกอยู่ที่เมืองนิงห์บิงห์ เมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่เมืองหนึ่งของเวียดนาม และพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ มีแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ มีภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านรายล้อมอยู่มากมาย ลักษณะคล้ายกับฮาลองเบย์ แต่ที่นี่เป็นน้ำจืดและนั่งเรือพาย ไม่ใช่ขึ้นเรือลำใหญ่เหมือนอย่างที่ฮาลองเบย์ ระหว่างทางล่องเรือนักท่อออเที่ยวจะได้ชมบรรยากาศธรรมชาติอันสุดงดงามของภูเขา พื้นชุ่มน้ำ และทุ่งนา
เป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือระหว่าง พ.ศ. 2497 ถึง พ.ศ. 2519 และก่อนหน้านั้นเคยเป็นเมืองหลวงของพื้นที่เวียดนามในปัจจุบันเป็นครั้งคราวตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึง พ.ศ. 2345 ฮานอยตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแดง อุตสาหกรรมในเมืองคือเครื่องจักร ไม้อัด สิ่งทอ สารเคมี และงานหัตถกรรม
เป็นโรงละครโอเปร่าบริเวณถนนจ่างเตี่ยนในใจกลางกรุงฮานอยของประเทศเวียดนาม ถูกสร้างขึ้นโดยการบริหารอาณานิคมของฝรั่งเศสระหว่างปี 1901 และ 1911 โดยมีพื้นฐานมาจากโรงละคร Palais Garnier ในปารีส และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมของฮานอย ภายในมีการจัดแสดงคลาสสิกแบบตะวันตกเช่นสวอนเลค รวมถึงการแสดงเต้นรำแบบดั้งเดิมและแบบเวียดนามสมัยใหม่
เป็นวัดที่มีความเก่าแก่และมีความสำคัญกับประชาชนชาวเวียดนามเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ชาวเวียดนามนิยมมาเคารพสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล
เป็นถนนที่มีประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี ซึ่งเย็นวันศุกร์-อาทิตย์ จะมีตลาดยามค่ำคืน ซึ่งมีของขายมากมาย ซึ่งเมื่อก่อนจะขายของเน้นทางหัตถกรรม แต่สมัยนี้นั้นก็ขายของหลากหลายรูปแบบ แถมยังมีร้านอาหารข้างถนนเยอะแยะอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของเวียดนามตอนเหนือ ซึ่งถูกเปิดใช้(ตึกนานาชาติ) เมื่อต้นปี 2558 และอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองฮานอยประมาณ 45 กิโลเมตร
เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี