เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเวียนนนา เมืองหลวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเขตเวทชาท โดยอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเวียนนา ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริหารจุดหมายปลายทางการบินในแถบยุโรป รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลสู่เอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
กรุงบูดาเปสต์ เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี และเป็นศูนย์กลางการปกครอง อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการคมนาคมขนส่งของประเทศ เป็นเมืองเดี่ยวที่มีอาณาเขตครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบ และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของยุโรป
เป็นจตุรัสที่สำคัญที่สุดในเมืองบูดาเปสต์ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งตระหง่านอยู่กลางลาน เป็นจตุรัสขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นของนักรบ หัวหน้าเผ่า และผู้นำประเทศที่สำคัญ ทั้งยังเป็นจตุรัสที่ใช้จัดกิจกรรมทางการเมืองที่สำคัญมากมาย รำลึกถึงการสร้างชาติ และการรอดพ้นจากการปกครองแบบคอมมิวนิสต์
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดมาเที่ยวชม ถือว่าป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภานี้ตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ เป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก เพราะตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค มีหลังคาสีแดง และรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร
เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกราน และที่แห่งนี้ยังจุดชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองที่สวยที่สุด สามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้แบบพาโนรามา
เป็นโบสถ์ใหญ่เก่าแก่อายุ 700 ปี ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โบถส์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์แมทธิอัส กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮังการี มีหลังคาสลับสีอันสวยงามตามสไตล์นีโอ-โกธิค ส่วนด้านโบสถ์ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสี และกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาที่งดงามเกินคำบรรยาย
เป็นเนินเขาที่มีปราสาทที่สวยงามตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังมีบ้านสไตล์บาร็อค อนุสาวรีย์ฮับส์บูร์ก ร้านกาแฟ รวมถึงรุสซวอร์มของต้นศตวรรษที่ 19 การมาที่นี่สามารถเดินทางขึ้นไปด้วยรถ หรือใช้บริการกระเช้าไฟฟ้าแบบรางในเมืองบูดาเปสต์
ล่องเรือชมแม่น้ำดานูบ แม่น้ำที่ยาวที่สุดในสหภาพยุโรป และยาวเป็นอันดับสองของทวีปยุโรป (รองจากแม่น้ำโวลก้า) มีต้นกำเนิดที่แถบป่าดำ ในประเทศเยอรมนี เกิดจากแม่น้ำเล็กๆ สองสาย คือ Brigach และ Breg ซึ่งไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำดานูบที่เมือง Donaueschingen
เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ แม่น้ำสายสำคัญ ที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในมณฑลเปสต์ มณฑลที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ สำหรับการท่องเที่ยวในเมืองเซนเทนเดร์นั้น นักท่องเที่ยวสามารถมาเยือนเมืองได้ในแทบทุกฤดูกาล ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของกลิ่นอายแห่งศิลปะที่สามารถพบได้ในทุกมุมถนน
ชมปราสาทยุคกลางที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่อใช้เป็นที่พบปะสังสรรค์ของเหล่าอัศวินที่เดินทางไปรบในสงครามครูเสด ภายหลังจึงได้เปลี่ยนเป็นที่ประทับของกษัตริย์ฮังการีในยุคต่อมา จึงได้มีการตกแต่งเพิ่มเติมขึ้นจนสวยงาม และได้รับการยกย่องให้เป็น Castle in the cloud หรือ ปราสาทในม่านเมฆ บนชัยภูมิที่ตั้งระดับความสูง 300 เมตร สามารถชื่นชนและเพลิดเพลินกับความงามของคุ้งน้ำ(แม่น้ำดานูบ) ที่สวยที่สุดในฮังการี
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขต Komárom-Esztergom บนฝั่งขวาของแม่น้ำดานูบทางตอนเหนือของประเทศฮังการี ซึ่งเป็นจุดแนวพรมแดนกับประเทศสโลวาเกีย เป็นเมืองหลวงของฮังการีตั้งแต่วันที่ 10 จนถึงกลางศตวรรษที่ 13 เมื่อกษัตริย์ Béla IV ของฮังการีย้ายสถานะเมืองหลวงไปที่บูดาเปสต์
เป็นเมืองสดคลาสสิกที่มีการผสมผสานของสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิซึ่ม, แบบเรอเนซองส์, แบบโกธิค, แบบบาร็อค และแบบเบลลา อีโปค์ ด้วยกันอย่างกมลกลืนและน่ามหัศจรรย์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกเลยว่า ทำไมคราคูฟจึงเป็นเมืองแรกๆที่ถูกบันทึกลงใน บัญชีรายชื่อมรดกโลกที่สำคัญในด้าน วัฒนธรรม
เป็น 1 ใน 5 มรดกโลกในประเทศโปแลนด์ที่องค์การ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ จะเป็นมรดกเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสมบัติทางธรรมชาติ เช่น ที่ห้วยขาแข้งของไทย แต่มรดกโลกที่ออสวิทซ์เป็นมรดกโลกที่แสดงถึงความโหดเหี้ยมของมนุษย์ ซึ่งที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น “โรงงานสังหารมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของนาซี” หลังจากที่มีการประกาศความเป็นอิสรภาพให้กับค่ายแห่งนี้ มีเหยื่อความโหดของนาซีที่รอดชีวิตเพียง 60,000 กว่าคนเท่านั้น
เป็นเมืองสดคลาสสิกที่มีการผสมผสานของสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิซึ่ม, แบบเรอเนซองส์, แบบโกธิค, แบบบาร็อค และแบบเบลลา อีโปค์ ด้วยกันอย่างกมลกลืนและน่ามหัศจรรย์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกเลยว่า ทำไมคราคูฟจึงเป็นเมืองแรกๆที่ถูกบันทึกลงใน บัญชีรายชื่อมรดกโลกที่สำคัญในด้าน วัฒนธรรม
เนินเขาวาเวล (Wawel Hill) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวิสทูล่าด้วยความสูงประมาณ 228 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นที่ตั้งพระราชวังหลวงและวิหารวาเวล
เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองคราคูฟ ประเทศโปแลนด์ สร้างขึ้นตามคำสั่งของกษัตริย์ Casimir III the Great ปราสาทแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโปแลนด์ที่แสดงถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรปเกือบทั้งหมดทั้งในยุคกลาง ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และยุคบาร๊อค ในปี 1978 ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
เป็นอาสนวิหารโรมันคาทอลิกประจำอัครมุขมณฑลกรากุฟ ตั้งอยู่บนเนินเขาวาเวลที่เมืองกรากุฟ ประเทศโปแลนด์ เป็นอาสนวิหารที่มีประวัติเก่าแก่ยืดยามมาร่วมหนึ่งพันปี และมักจะเป็นสถานที่พระมหากษัตริย์โปแลนด์ทำพิธีราชาภิเษกสถาปัตยกรรมที่เห็นอยู่ในปัจจุบันที่เป็นแบบสถาปัตยกรรมกอทิกเป็นอาสนวิหารที่สามที่สร้างขึ้นบนตำแหน่งเดียวกันนี้ อาสนวิหารแรกสร้างขึ้นและถูกทำลายในคริสต์ศตวรรษที่ 11 มหาวิหารที่สองที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถูกทำลายในเพลิงไหม้ในปี ค.ศ. 1305 การก่อสร้างมหาวิหารที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ตามคำสั่งของบิชอป Nanker
เป็นป้อมปราการประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่ย่านประวัติศาสตร์ของเมืองคราคูฟ ที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ป้อมของเครือข่ายอดีตกำแพงเมืองอันซับซ้อนซึ่งยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำหรับจัดนิทรรศการต่างๆ ของเมือง
ตั้งอยู่ที่เมืองวิลิชก้า ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของโปแลนด์ และอยู่ห่างจากเมืองคราครูฟไปประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประวัติการทำเหมืองยาวนานมากว่า 1,000 ปี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ถึงปลายศตวรรษที่ 20 งานเหมืองแร่ถูกยกเลิกในปี 1996 เนื่องจากราคาเกลือต่ำและน้ำท่วมเหมือง อุโมงค์ในเหมืองนี้มีขนาดใหญ่มาก ประกอบไปด้วย 9 ชั้นลึกลงจากพื้นดินถึง 372 เมตร มีทางเดินและทะเลสาบใต้ดินรวมกว่า 300 กิโลเมตร มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทำเหมืองแร่ แสดงการพัฒนาของเทคโนโลยีเหมืองแร่จากสมัยกลางจนถึงยุคปัจจุบัน ในปี 1978 เหมืองแห่งนี้ได้ถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลก (UNESCO's 1st World List of Cultural and Natural Heritage )
เมืองเก่าแก่แห่งหนึ่งในยุโรปก็คือ “โปแลนด์” ประเทศที่ว่ากันว่าเป็นเมืองแห่งมิตรไมตรี เมืองแห่งเศรษฐกิจ เมืองแห่งวัฒนธรรม ซึ่งฉันก็ยอมรับในทุกด้านโดยเฉพาะเรื่องของวัฒนธรรม ซึ่งในครั้งนี้ฉันขอแนะนำเมืองแห่งวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดของโปแลนด์ นั้นก็คือ “เมืองคราคูฟ” เมืองนี้หากอ่านในแบบโปแลนด์จะออกเสียงว่า “คราคูฟ” (Krakow) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของโปแลนด์ในช่วง ค.ศ.1038-1596 ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นกรุงวอซอร์ดังปัจจุบัน
กรุงวอร์ซอ (WARSAW) เมืองหลวงของโปแลนด์ นครอันโอ่อ่าอลังการที่สุดแห่งโลกยุโรปตะวันออก มีความรุ่งเรืองทั้งทางด้านศิลปะ, สถาปัตยกรรมอย่างสูงส่งมาแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากจุดหนึ่ง ของประเทศโปแลนด์ ด้วยสีสันของตึกในแบบยุโรปตะวันออกแท้ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านรวงเล็กๆ ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึก และยังมีรถม้าคอยอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยว และยังมีจิตรกรให้ผู้ที่มีความสามารถในการวาดภาพเหมือนอีกด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจ แวะเข้ามาใช้บริการ
St. Anne's Church เป็นหนึ่งอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงวอร์ซอ สร้างขึ้นในปี 1454 สถาปัตยกรรมเป็นแบบนีโอคลาสสิค หอคอยของโบสถ์นี้สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองเก่าของวอร์ซอได้ โบสถ์เซนท์แอนนา St. Anna Church สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคในช่วงศตวรรษที่ 16 นำชมพระราชวังหลวง Royal Castle ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของจัตุรัสเดิมเป็นไม้แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นอิฐ เป็นที่ประทับของกษัตริย์โปล รวมทั้งซาร์จากรัสเซียด้วย และต่อมาเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีก่อนถูกนาซีทำลายในปี ค.ศ. 1994 และได้รับการบูรณะใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 70
พระราชวังหลวง Royal Castle ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของจัตุรัสเดิมเป็นไม้แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นอิฐ เป็นที่ประทับของกษัตริย์โปล รวมทั้งซาร์จากรัสเซียด้วย และต่อมาเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีก่อนถูกนาซีทำลายในปี ค.ศ. 1994และได้รับการบูรณะใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 70
เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ในกรุงวอร์ซอว์ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และเป็นพระราชวังทางประวัติศาสตร์ ที่มีสวนอันงดงามล้อมรอบ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองวอร์ซอว์ ในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทั่วไป และนอกจากนี้เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติเมื่อมาถึงโปแลนด์ (พระราชวังแห่งนี้ได้เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ของไทย เมื่อครั้งเสด็จประพาสวอร์ซอว์ ในปี ค.ศ. 1897)
เป็นอาคารที่ตั้งสูงอย่างโดดเด่นในใจกลางกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ด้วยความสูงรวม 237 เมตร จึงเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโปแลนด์ สร้างขึ้นในปี 1955 ในสไตล์อาร์ตเดคโคของอเมริกา เป็นที่ตั้งของสถาบันสาธารณะและวัฒนธรรมหลายแห่ง เช่น โรงภาพยนตร์ โรงละคร ห้องสมุด ชมรม และอื่นๆ ที่นี่มักถูกมองว่าเป็นสิ่งย้ำเตือนความจำถึงอิทธิพลของสหภาพโซเวียตที่มีต่อโปแลนด์ ในปี 2007 ที่นี่รับการจดทะเบียนเป็นทะเบียนมรดกวัตถุทางวัฒนธรรมของประเทศ
เป็นเมืองหลักของจังหวัดดอลนือชล็อนสก์ ประเทศโปแลนด์ และถือว่าเป็นที่นัดพบสำคัญในทวีปยุโรป มีความหลากหลายและการเปี่ยมล้นด้วยวัฒนธรรมของประวัติศาสตร์ในเมืองนี้ เป็นดังสะพานเชื่อม ที่เชื่อมระหว่างคนในแต่ละรุ่น แต่ละวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เป็นแบบเมืองที่ทันสมัยของเมืองใหญ่ ที่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ ชีวิตที่เต็มด้วยวัฒนธรรมและการศึกษา และมากไปกว่านั้น เมืองวรอตสวัฟใกล้เขตชายแดนของสองประเทศ นั่นคือชายแดนติดกับสาธารณรัฐเช็ก และชายแดนติดกับประเทศเยอรมนี
เป็นเมืองหลวงเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Vltava เมืองนี้มีภูมิอากาศแบบมหาสมุทรที่ค่อนข้างอบอุ่นในฤดูร้อนและฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น ปรากเป็นศูนย์กลางทางการเมืองวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของยุโรปกลางพร้อมประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในปี 2017 ปรากได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองในยุโรปที่มีนักท่อเที่ยวมากเป็นอันดับห้า รองจากลอนดอน ปารีส โรม และอิสตันบูล
เป็นปราสาทอันสุดอลังการที่สร้างอยู่บนเนินเขา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาปราสาทมีการบูรณะเป็นระยะ ภายในกำแพงที่ล้อมปราสาทประกอบด้วยพระราชวัง โบสถ์ วิหาร วัด ถนน อุทยาน และหอคอย บริเวณหน้าปราสาทมีทหารรักษาการณ์แต่งเครื่องแบบงามสง่ายืนเฝ้าอยู่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลก
มหาวิหารเซนต์วิตุส เป็นมหาวิหารสไตล์โกธิกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก การก่อสร้างในช่วงแรกๆ ยังไม่สมบูรณ์ มีการก่อสร้างเพิ่มเติมเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายร้อยปี ภายในมหาวิหารประดับกระจกสีอันวิจิตรงดงาม เป็นรูปภาพของนักบุญและเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา ที่น่าสนใจก็คือบริเวณแท่นบูชาของเซนต์เวนเซสลาส ที่ตกแต่งด้วยภาพวาดเทคนิคเฟรสโกและอัญมณีมีค่าถึง 1,345 ชิ้น
เป็นพระราชวังหลวงที่อยู่ในพื้นที่ปราสาทปราก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ที่นี่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบแนวกอธิคและเรเนซองค์
เป็นชื่อย่านถนนที่ตั้งอยู่ในคอมเพล็กซ์ของปราสาทปราก โดยชื่อมาจากตำนานในการผลิตทองเมื่อศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันมีร้านค้าของที่ระลึกจำนวนมาก และมีพิพิธภัณฑ์ของอาวุธในอดีตอีกด้วย ภายในหมู่บ้านแห่งนี้หน้าบ้านแต่ละหลังจะใช้สัญลักษณ์ต่างๆ แทนเลขที่บ้าน
สะพานเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง สร้างด้วยหินขนาดใหญ่ สร้างในสไตล์โกธิกที่เชื่อมระหว่าง Old Town และ Little Town มีความยาว 520 เมตร กว้าง 10 เมตร มีตอม่อค้ำยัน 16 ตอ จุดเด่นของสะพานนี้ก็คือรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญสไตล์บารอกที่ตั้งอยู่สองข้างสะพานราว 30 องค์
ห้างสรรพสินค้าอันใหญ่โตเปิดให้บริการเมื่อปี 2007 และตั้งอยู่ สถานที่ที่เป็นทหารมาก่อน มีคุณค่าทางประวัติศาตร์เบื้องหลังของพาลาเดียม เมื่อก่อนก่อตั้งได้ทำการรวมเข้ากับตัวห้าง ภายในมีสินค้า เสื้อผ้า ทั้งหมด4 ชั้น ร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ร้านอาหาร คาแฟ่ มากกว่า 30 ร้าน
หอนาฬิกาดาราศาสตร์นี้ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสเมืองเก่ากลางกรุงปราก นาฬิกาโบราณคู่บ้านคู่เมืองของกรุงปร๊าก เป็นนาฬิกาที่สามารถแสดงข้อมูลทางดาราศาสตร์ต่าง ๆ เช่น ตำแหน่งการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ หรือกลุ่มดาวจักรราศี
เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย และเป็นชื่อเขตการปกครองในออสเตรียด้วย เวียนนาเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในออสเตรีย เป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจและการปกครอง
เป็นสัญลักษณ์อันงดงามของมหานครเวียนนา ถูกสร้างขึ้นให้หรูหราเทียบเท่ากับพระราชวังแวร์ซาย มีห้องมากกว่าถึง 1,400 ห้อง ความโดดเด่น ก็คือ สถาปัตยกรรมแบบร๊อกโคโค่ โดยเฉพาะตัวอาคารสีเหลืองอร่าม “เหลืองเทเรซ่า”แม้จะได้ชื่อว่าเลียนแบบมาจากฝรั่งเศส แต่ความอลังการก็สามารถสร้างความตื่นตาให้กับผู้เข้าชม จนได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ ให้เป็นมรดกโลกในปี1996
เป็นถนนวงแหวนรอบกรุงเวียนนา ที่รายล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จัดวางได้อย่างลงตัว เริ่มตั้งแต่พระราชวังฮอฟบรูก์ กลุ่มอาคารพระราชวังของจักรพรรดิ อิมพิเรียลอพาร์ตเมนท์ หอศิลป์แห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์ประวัติธรรมชาติ
เป็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่ของกรุงเวียนนา ปัจจุบันเป็นที่ทำการของรัฐ เป็นตำหนักที่เคยใช้เป็นสถานที่พักของราชวงศ์ต่างๆ มาก่อนซึ่งสร้างมาตั้งแต่ยุคปี ค.ศ.1300 และยังเป็นที่พักของผู้มีอิทธิพลต่างๆ มากมายในออสเตรียมาก่อน
เป็นสถานที่ทำการรัฐบาลของออสเตรีย ตั้งอยู่บนถนนริงสราเช่ส์ในย่าน Innere Stadt ใกล้กับพระราชวังฮอฟเบิร์ก อาคารนี้สร้างเสร็จในปี 1883 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 13,500 ตารางเมตร ทำให้เป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในเวียนนา ที่นี่ยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญของรัฐ โดยเฉพาะพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีแห่งออสเตรียและสุนทรพจน์ของรัฐในวันชาติทุกวันที่ 26 ตุลาคม
เป็นถนนสายช้อปปิ้งประจำกรุงเวียนนา เมื่อก่อนเป็นถนนสายหลักจากตัวเมืองถึงกำแพงเมือง ชื่อ Strata Carinthianorum แต่ตอนนี้ได้ถูกออกแบบใหม่ตั้งชื่อใหม่ และเปลี่ยนเป็นถนนคนเดินที่เอาไว้ให้คนเดินช้อปปิ้ง ที่มีร้านค้า ร้านแบรนด์เนมต่างๆ ตลอดสองข้างทาง
เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเวียนนนา เมืองหลวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเขตเวทชาท โดยอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเวียนนา ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริหารจุดหมายปลายทางการบินในแถบยุโรป รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลสู่เอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย