เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร ในเขตซวงหลิว ในปี 2552 ท่าอากาศยานแห่งนี้ได้กลายเป็นท่าอากาศยานที่วุ่นวายที่สุดในภาคตะวันตกของจีน มีผู้โดยสารมาใช้บริการทั้งสิ้นกว่า 22,637,762 คน
เมืองเล่อซานเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีทิวทัศน์สวยงาม โบราณสถานมากมาย เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองและผลิตผลอุดมสมบูรณ์ เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของมณฑลเสฉวน และเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนาในภาคตะวันตกเฉียงใต้ พระพุทธรูปองค์ใหญ่เมืองเล่อซานในเขตท่องเที่ยวภูเขาเอ๋อเหมย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดของจีน
เริ่มสร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง คือคริสต์ศักราช 700 กว่าปี เริ่มต้นโดยมีพระชื่อไห่ทง ท่านได้เดินทางมาถึงเมืองเสฉวนและพบว่าภูเขาเขาเล่อซานตั้งอยู่บนทางผ่านของแม่น้ำสามสาย จึงมักเกิดอุบัติเหตเรือล่มทำให้มีผู้คนเสียชีวิตบ่อยๆ พระไห่ทงจึงตั้งใจสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นตรงจุดนี้เพื่อให้พระคุ้มครองเเก่ผู้เดินทาง ต่อมามีชาวพุทธผู้มีจิตศรัทธาใช้ความพยายามและใช้เวลาอีก 90 ปี สร้างพระพุทธรูปองค์นี้จนสำเร็จ พุทธศาสนิกชนจากท้องที่ต่างๆพากันมานมัสการ เพื่อความสงบสุขแห่งจิตใจ
เป็นที่ราบสูงแบบภูเขาแห่งหนึ่งของจีน ซึ่งเอ๋อเหมยแปลว่าคิ้วโก่ง เพราะทิวเขามีลักษณะเหมือนคิ้ว นักพรตในลัทธิเต๋าเริ่มเข้ามาสร้างศาลเจ้าในเทือกเขาแห่งนี้ในศตวรรษที่ 2 หลังจากนั้นศาสนาก็เริ่มเฟื่องฟูมาจนถึงศตวรรษที่ 6 เอ๋อเหมยซานจึงกลายมาเป็น 1 ใน 4 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา (เอ๋อเหมยซาน, อู่ไถซาน, จิ่วหัวซาน, ผู่โถซาน)
วัดเป้ากั๋วซื่อ (วัดสนองคุณชาติ) เป็นวัดที่ใหญ่และสวยงามที่สุดของง๊อไบ๊ มีเดิมชื่อว่าฮุ่ยจงถัง สร้างขึ้นในสมัยหมิงเพื่อบูชาพระโพธิสัตว์ผู่เสียนโพธิสัตว์แห่งปัญญาผู้สถิตย์ ณ เขาง๊อไบ๊ ผสมผสานความเชื่อของ 3 ศาสนาคือ พุทธ เต๋า และลัทธิขงจื๊อ ที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บของเก่าที่มีค่าทั้งรูปภาพ องค์พระ และในพิพิธภัณฑ์มีงวงช้าง ของสำริดคล้ายหน้าคนเหมือนเทพเจ้าซึ่งใส่หน้ากากทำจากทองสำริดใหญ่ที่สุด มีความยาวถึง 1.38 เมตร
เป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้มีการจัดการชลประทานขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดเป็นประจำทุกปี เมื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ ชาวนาชาวไร่เพาะปลูกได้ดี ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น คนจึงเริ่มอพยพมาที่เมืองนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ชื่อว่าเฉิงตู
การนวดเท้า เป็นอีกวิธีหนึ่งในการผ่อนคลายความเครียดปรับสมดุลให้การไหลเวียนของโลหิตด้วยวิธีธรรมชาติ
หยก (Jade) คือชื่อที่ใช้เรียกหินซึ่งเป็นอัญมณีอันล้ำค่ามากชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะชาวจีนถือว่าหยกเป็นเจ้าแห่งหินมีค่าทั้งมวล
เป็นถนนโบราณที่มีสินค้าให้ท่านช้อปปิ้งได้ทั้งของรับประทาน และของฝากของที่ระลึกเช่นหน้ากากเฉิงตูเพราะถนนจินหลีนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่แสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากากอันโงดังของเมืองเฉิงตู แค่ประตูทางเข้าก้อสามารถทำให้ท่านเห็นถึงบรรยากาศแห่งเหมือนเดินในหนังจีนสมัยก่อนได้เลยทีเดียว
วัดขนาดใหญ่ที่คนใช้ในการนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และบูชาเทพเจ้า ซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นรูปปั้นแกะทองเหลือง
เป็นวัดในพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ผนวชเป็นพระภิกษุของพระถังซัมจั๋ง ตั้งอยู่ใจกลางนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน เป็นสถานที่เงียบสงบในย่านใจกลางเมืองที่ของคึกคักของเฉินตู ครั้งหนึ่งเคยเป็นพระอารามที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลเสฉวน
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร ในเขตซวงหลิว ในปี 2552 ท่าอากาศยานแห่งนี้ได้กลายเป็นท่าอากาศยานที่วุ่นวายที่สุดในภาคตะวันตกของจีน มีผู้โดยสารมาใช้บริการทั้งสิ้นกว่า 22,637,762 คน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย