เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต ตั้งอยู่ที่แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป
เมืองแบมเบิร์ก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรัฐที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองมรดกโลก ถือว่าเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศเยอรมนี เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองนั้นถือว่าเป็นศูนย์รวมทางประวัติศาสตร์ที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
มีชื่อเป็นทางการว่า "มหาวิหารแบมเบิร์กเซนต์ปีเตอร์และเซนต์จอร์จ" ที่นี่มีความสำคัญในฐานะการเป็นที่ตั้งของสังฆมณฑลของอัครบาทหลวงแห่งแบมเบิร์ก โดยมหาวิหารถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมานเนสก์ สร้างครั้งแรกในปี1004 โดยจักรพรรดิเฮนรีที่ 2 ซึ่งแล้วเสร็จในปี 1012
นูเรมเบิร์กได้รับสมญานามว่าเมืองแห่งเทพนิยายของเยอรมัน หากใครเป็นคนที่ชื่นชอบความสวยงามของธรรมชาติ ขุนเขาสลับซับซ้อน ปราสาทราชวังแบบในการ์ตูน ทางเดินโรยกรวด ปูหินแบบยุคกลาง โบสถ์สวยเก่าแก่ หิมะที่ปกคลุมขาวโพลนไปทั่วทั้งเมือง ในหน้าหนาวต้องที่นี่เลย
มีประติมากรรมน้ำพุชื่อ The Beautiful Fountain หรือ Schoner Brunnen ในภาษาเยอรมัน (ซึ่งอ่านออกเสียงยากทีเดียว) เป็นประติมากรรมสมัยศตวรรษที่ 14 น้ำพุที่ว่าหาง่าย อยู่ตรงหัวมุมทางเดินของตัววิหาร ประดับเป็นประตูรั้ว ประติมากรรมน้ำพุนี้มีแหวนให้ไปหมุนรอบ 3 ครั้ง ระหว่างที่หมุนแหวนให้อธิษฐานไปด้วย อยากได้อะไร เขาว่าจะสมหวัง
เป็นเมืองบนเนินเขาทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมนซึ่งเป็นอีกแหล่งเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน และเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก นำท่านชมความงดงามของเมืองมรดกโลกเมืองนี้
เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและน่ามาเยือนมากเมืองหนึ่งของรัฐบาเดิน-เวิอร์ทเทมแบร์ก ด้วยบรรยากาศอันแสนโรแมนติก เสน่ห์ของตัวเมืองเก่าสตไล์บาโรก รวมไปถึงปราสาทโบราณที่มีความงดงาม นั่นจึงทำให้เมืองไฮเดลเบิร์กได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมาก
เป็นปราสาทยุคกลางที่แข็งแกร่งแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่สิบสาม โครงสร้างป้อมส่วนใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ แม้ว่าจะเผชิญกับไฟไหม้ ฟ้าผ่า และสงครามมายาวนานนับศตวรรษ ในอดีตที่นี่มีทั้งแขกผู้มาเยือน นักโทษ และผู้มีเกียรติ สวนของปราสาท สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่สิบหก มีความสวยงามอย่างยิ่ง และเป็นการจัดสวนขั้นสูงที่ได้รับการยอมรับทั่วทั้งยุโรปว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่แปดของโลก
เป็นประตูเก่าที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1528 ได้รับการขนานนามว่า “ประตูคืนเดียว” ด้วยเหตุผลว่า ประตูนี้ พระเจ้าเฟรดริชที่ 5 มีบัญชาให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ภรรยาคือ เจ้าหญิงอลิซาเบธ เมื่อมีอายุครบ 19 ปี อีกชื่อหนึ่งที่กล่าวขานถึงคือ เป็นประตูที่สร้างขึ้นด้วยพลังแห่งความรัก
ชมถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีความจุถึง 220,000 ลิตร ห้องเก็บไวน์ที่อยู่บริเวณใต้ตึกติดกับเฟรดริชส์บาว เป็นที่เก็บถังไวน์ยักษ์ ที่เรียกว่า Great Tun หรือ Great Barrel ถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากไม้โอ๊ค 130 ต้น
เป็นเมืองใหญ่ที่มีความเหมาะสมจะเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมันตะวันตกได้สบายๆ ด้วยความครบครันของสาธารณูปโภคและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านการเงิน นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการเดินทางโดยเฉพาะด้านการบิน เนื่องจากท่าอากาศยานแฟรงค์เฟิร์ตถือเป็นท่าอากาศยานที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและของโลก
จัตุรัสนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการกลางเมืองเก่านครแฟรงเฟิร์ต ตรงกลางจัตุรัสเป็นน้ำพุแห่งความยุติธรรม ด้านหน้าจัตุรัสโรเมอร์เป็นบ้านโครงไม้สมัยกลางที่ได้รับการบูรณะแล้ว ปัจจุบัน จตุรัสโรเมอร์ ยังคงความงามสง่ารายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14
ถนนไซยน์ ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดค้าวัวควายขนาดใหญ่ และได้กลายมาเป็นย่านการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17 ถึงกลางศตวรรษที่ 18 ถนนไซยน์ ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย จนในที่สุดเต็มไปด้วยที่พักและร้านค้า ทุกวันนี้ ถนนเส้นนี้เปิดให้คนเดินเท่านั้น ขนาบข้างด้วยแนวต้นไม้ คาเฟ่ และร้านฟาสฟู้ด กลายเป็นย่านการค้าที่มียอดขายสูงที่สุดในเยอรมัน และสูงเป็นอันดับสำคัญในยุโรป
ท่าเรือเซนต์กอร์ (St. Goar) นำท่านล่องเรือชมความสวยงามของแม่น้ำไรน์แม่น้ำสายสำคัญที่สุดสายหนึ่งของยุโรป ชมทัศนียภาพอันสวยงามตลอดสองฟากฝั่งแม่น้ำเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของไร่องุ่น และปราสาทของโบราณอายุกว่า 600ปี และอาคารบ้านเรือนของอดีตเหล่าขุนนางเยอรมนีที่เรียงรายอยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำ ลงเรือเฟอร์รี่ล่องแม่น้ำไรน์มากกว่านั่งรถเลียบฝั่ง
ล่องเรือแม่น้ำไรน์ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวและสำคัญที่สุดในทวีปยุโรป มีความยาวทั้งสิ้น 1,230 กิโลเมตร มีต้นน้ำจากเทือกเขาแอลป์ ไหลผ่านประเทศอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, ออสเตรีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, ลักเซมเบิร์ก, เบลเยี่ยม, และเนเธอร์แลนด์ ไปออกที่ทะเลเหนือ
เป็นผาหินในประเทศเยอรมัน ซึ่งได้ชื่อนี้มาจากท้องถิ่นที่แปลว่าการบ่นพึมพำหรือกระซิบ รวมกับคำว่าหินเพราะเสียงของลมและน้ำที่ทำให้เกิดเสียงคล้ายกัน
เป็นเมืองริมแม่น้ำไรน์ที่ถือเป็นท่าเรือจุดขึ้นลงสำคัญที่หนึ่ง และเป็นเมืองริมแม่น้ำที่มีมนต์เสน่ห์อันงดงามไม่แพ้เมืองอื่นๆ
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหพันธรัฐนอร์ธไรน์-เวสต์ฟาเลียและเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสี่ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์โคโลญจน์ เมืองโคโลญจน์เป็นที่มาของน้ำหอมชนิดหนึ่งที่เรียกว่าออดิโคโลญจน์ ทั้งนี้เพราะผู้ผลิตน้ำหอมชนิดนี้ตั้งอยู่ในเมืองนี้
เป็นมหาวิหารคริสต์โรมันคาทอลิกที่สำคัญในเมืองโคโลญจน์ เป็นสถานที่ประทับของอาร์ชบิชอปแห่งโคโลญจน์ สถานที่นี้มีชื่อเสียงในฐานะเป็นที่ศาสนสถานนิกายเยอรมันคาทอลิก เพื่อเป็นสถานที่ประพิธีกรรมของสามมหากษัตริย์แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นสถานที่เก็บหีบสามกษัตริย์ไว้ ณ ที่แห่งนี้ด้วย ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองแห่งนี้
เป็นเอาท์เลตที่อยู่ใกล้ๆ กับพรมแดนประเทศเนเธอร์แลนด์และเยอรมัน เป็นสถานที่ที่ดีด้วยหลากหลายของร้านค้าของดีไซเนอร์ ที่คะแนนจากแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียงในราคาที่ดี เตรียมตัวสำหรับฝูงชนกลุ่มใหญ่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ บ่อยครั้งที่ไกด์จะพานักท่องเที่ยวเดินทางไปช้อปป้งที่เอ้าเลตแห่งนี้ เอาท์เลทขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งช๊อปปิ้งของคนเนเธอร์แลนด์, เยอรมัน และ เบลเยี่ยม ที่นิยมมาเลือกซื้อสินค้าราคาย่อมเยาว์นานาชนิด
เป็นหมู่บ้านที่ได้รับฉายาว่า เวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์ " เป็นหมู่บ้านที่ปราศจากถนน โดยภายในหมู่บ้านนั้นเต็มไปด้วยคลอง และทะเลสาบเล็กๆ ที่มีน้ำใสสะอาด ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านจะเดินทางโดยการใช้เรือเป็นพาหนะโดยลัดเลาะคลองที่มีความยาวประมาณ 7.5 กิโลเมตร
นำท่านล่องเรือชมหมู่บ้านกีธูร์น เพลิดเพลินกับบรรยกาศของ หมู่บ้านunseen แห่งเนเธอร์แลนด์ หมู่บ้านที่ปราศจากถนนสักสาย ซึ่งจะมีลำคลองล้อมรอบหมู่บ้าน การคมนาคมยังคงใช้การสัญจรทางน้ำดั่งเช่นในอดีต อสิระให้ท่านเที่ยวชมหมู่บ้านแห่งนี้ พร้อมเก็บภาพความประทับใจ
เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเตล (Amstel) ที่นี่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เหมาะแก่การเดินเล่นซึมซับบรรยากาศแสนโรแมนติก หรือจะขี่จักรยานชมเมืองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะอัมสเตอร์ดัมถือเป็น ‘เมืองหลวงจักรยานโลก’ ที่ผู้มาเยือนจะพบจักรยานได้ในทุกหนทุกแห่ง
เป็นเรือหลังคากระจก ที่จะล่องไปตามลำคลองของแม่น้ำอัมสเทล ให้ได้เห็นบ้านเรือนแบบชาวดัชต์ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 มีเอกลักษณ์พิเศษจะเป็นอาคารทรงแคบ ที่มีตะขออยู่ชั้นบนสุดของอาคารเอาไว้ขนเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ซึ่งระหว่างเส้นทางล่องเรือผ่านบ้านเรือที่จอดอยู่ริมคลองที่มีอยู่มากถึง 2,500 หลัง
สถาบันเจียระไนเพชร ที่มีชื่อเสียงของประเทศเนเธอร์แลนด์ แสดงการสาธิตการเจียระไนเพชร ที่มีชื่อเสียงของโลก
เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่พื้นที่ใจกลางเมือง และชื่อของจัตุรัสมีความเกี่ยวพันอย่างมากกับชื่อของอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีที่มาจาก ‘เขื่อนที่อยู่ริมแม่น้ำอัมสเตล โดยเขื่อนแห่งแรกถูกก่อสร้างขึ้นในบริเวณจัตุรัสเมื่อปีคริสตศักราช 1200 และปัจจุบันจัตุรัสแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง
เป็นหมู่บ้านกังหันลมที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือห่างจากอัมสเตอร์ดัม มีการอนุรักษ์กังหันลม และบ้านเรือนดั้งเดิมของฮอลแลนด์ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเปิดให้เข้าชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวดัชต์ ที่ใช้กังหันลมกว่าร้อยแห่งในงานอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17-18 โดยทำหน้าที่ผลิตน้ำมันจากดอกมัสตาร์ด กระดาษงานไม้
เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากกรุงอัมสเตอร์ดัม และรอตเทอร์ดาม โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและการพิมพ์ เป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ "ศาลโลก"
ศาลโลก มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า"ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ" (International Court of Justice : ICJ) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2489 มีฐานะเป็นองค์กรหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) สำนักงานของศาลโลกตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลักของศาลโลกมี 2 ประการ คือ 1. ตัดสินคดีพิพาทระหว่างรัฐบาลของรัฐภาคีที่เป็นสมาชิกของ UN และเป็นประเทศที่ยอมรับอำนาจของศาลโลก ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 62 ประเทศ จากสมาชิก UN รวม 188 ประเทศ นอกจากนี้ยังรวมถึงสวิตเซอร์แลนด์ ที่มิได้เป็นสมาชิกของ UN แต่ยอมรับอำนาจของศาลโลก 2. วินิจฉัย ตีความ และให้คำปรึกษา ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายแก่องค์กรระหว่างประเทศที่ยอมรับอำนาจของศาลโลก ศาลโลก ประกอบด้วย คณะผู้พิพากษาต่างสัญชาติกันจำนวน 15 คน
เป็นเมืองใหญ่อันดับสองในประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีตำแหน่งที่ตั้งที่แม่น้ำ Rhine-Meuse-Scheldt delta ไหลผ่าน และเป็นใจกลางของการเดินทางทั้งรถไฟ, ถนน, เครื่องบิน และการเดินทางทางน้ำจึงถูกเรียกกันว่า “Gateway to Europe” มีชื่อเสียงทางด้านเศรษฐศาสตร์ และสถาบันสถาปัตยกรรมแห่งเนเธอร์แลนด์
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดฟลานเดอร์ตะวันออกในบริเวณเฟลมมิชของประเทศเบลเยียม เดิมตัวเมืองเริ่มจากการตั้งถิ่นฐานที่ปากแม่น้ำสเกลต์และแม่น้ำลูส ในยุคกลางเกนต์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมั่งคั่งที่สุดในตอนเหนือของยุโรป ในปัจจุบันเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเกนต์
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1180 เพื่อแสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคสมัยของ Philip of Alsace เพื่อป้องกันการรุกรานของพวกไวกิ้ง และถึงแม้ว่าประเทศเบลเยี่ยมจะผ่านการรบและสงครามมามากมาย แต่ปราสาท Gravensteen ยังคงผ่านกาลเวลามาได้ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุด
เป็นหอระฆังประจำเมืองเกนต์ที่ตั้งสูงตระหง่านถึง 91 เมตร ที่ถือเป็นหอระฆังที่สูงที่สุดในเบลเยี่ยม ซึ่งตั้งเป็นจุดเด่นของเส้นขอบฟ้าในเมือง
เมืองบรูจจ์ เป็นเมืองริมชายฝั่งทะเลที่โด่งดังเมืองหนึ่งของประเทศเบลเยียม เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยคูเมืองถึงสองชั้น ซึ่งน่าจะเป็นการป้องกันข้าศึกศัตรูในสมัยก่อนวิธีหนึ่ง ในปัจจุบัน บ้านเรือน อาคาร และโบสถ์ ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดิม คือเฟลมมิชและเรเนซอง ที่ดูวิจิตรสวยงามดุจดั่งมนต์ขลัง
ตลาด Grote Markt นี้ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางของชีวิตคนเมืองบรูจส์ ที่นี่เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ขายและผู้จับจ่ายสินค้า ปัจจุบันตลาด Grote Markt ยังถือเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวด้วย ลองใช้เวลาเดินให้ทั่วเพื่อสัมผัสประสบการณ์ของร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกของที่นี่ และยังมีทัวร์ชมอาคารต่างๆ และสถาปัตยกรรมอันงดงามของส่วนหนึ่งของเมืองบรูจส์
เป็นเมืองหลวงของประเทศเบลเยียม เมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรป เมืองหลวงของกรุงเบลเยี่ยมแห่งนี้ถือได้ว่ามีความสมบูรณ์แบบเหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุดสำหรับนักเดินทางที่ปรารถนาจะได้สัมผัสกับอารยธรรมตะวันตกที่มีความเป็นสากล
เป็นสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศ ถือกันว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1958 ในงาน World Expo โครงสร้างเป็นเหล็ก มีความสูง 102 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,400 ตัน ในแต่ละอะตอมทำเป็นทรงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 18 เมตร ห่อหุ้มด้วยอลูมิเนียม ที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย เมื่อยามต้องกับแสงอาทิตย์ ทรงกลมแต่ละทรงกลมจัดแบ่งเป็นสองชั้น
เป็นจตุรัสที่สวยงามที่สุดในยุโรป เป็นกลุ่มอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมทั้งบาโร้ค โกธิค นีโอ-โกธิค และเป็นสถานที่ซึ่งยูเนสโก้ ยกย่องให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1983
เป็นน้ำพุขนาดเล็กหล่อด้วยทองแดงเป็นรูปเด็กชายยืนเปลือยกายกำลังปัสสาวะใส่อ่าง มีความสูงประมาณ 61 ซ.ม. ตั้งอยู่บริเวณใจกลางกรุงบรัสเซลส์
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศเบลเยียม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2483 ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองบรัสเซลส์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 12 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลซาเฟินเตม, มาเคอเลิน และสเตโนกเกอร์เซลของมณฑลเฟลมิชบราบันต์ ตัวท่าอากาศยานมีอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่หลังเดียว ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 โถงขาออก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย