เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
มีอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฮาหมัด เป็นท่าอากาศยานแห่งเดียวในประเทศกาตาร์ ตั้งอยู่ที่กรุงโดฮา และยังเป็นท่าอากาศยานหลักของกาตาร์แอร์เวย์ ที่นี่เป็นหนึ่ในท่าอากาศยานสำคัญที่เชื่อมต่อเครือข่ายการบินกับภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นหนึ่งในท่าอากาศยานหลักประจำประเทศอาร์เซอร์ไบจาน ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองบากูทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือไปประมาณ 20 กิโลเมตร ชื่อท่าอากาศยานตั้งตามชื่อประธานาธิบดี Heydar Aliyev ประธานาธิบดีคนที่สามแห่งอาเซอร์ไบจาน ท่าอากาศยานนี้ยังทำหน้าที่เป็นฐานปฎิบัติการของสายการบินแห่งชาติอาเซอร์ไบจานและ Buta Airways
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่ชายฝั่งทางใต้ของคาบสมุทรเล็ก ๆ ที่ยื่นออกไปในทะเลแคสเปียนชื่ออับชิรอน (Abşeron) กรุงบากูประกอบด้วยพื้นที่สามส่วน ได้แก่ ย่านเมืองเก่า (อิตแชรีแชแฮร์) ตัวเมืองปัจจุบัน และตัวเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยสหภาพโซเวียต
เป็นคอมเพล็กซ์ของอาคารหอประชุม ตั้งชื่อตาม Heydar Aliyev เลขานุการคนแรกของอาเซอร์ไบจานของสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี 1969 ถึง 1982 ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ Zaha Hadid เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของหอประชุม หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ของเมือง อาคารนี้มีความโดดเด่นในสถาปัตยกรรมเรื่องการไหลรูปแบบโค้งที่ให้มุมคมแลดูชัดเจน
เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ประจำเมืองบากู ตั้งอยู่ที่เขต Bayil ตัวจัตุรัสครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 150 เอเคอร์ ส่วนบนมีัญลักษณ์ของประเทศ เนื้อเพลงชาติ และแผนที่ของประเทศ นอกจากนี้บริเวณใจกลางจัตุรัสมีธงชาติอาเซอร์ไบจานที่มีความสูง 162 เมตร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเสาธงที่มีความสูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ในเดือนมิถุนายน 2019 ตัวจัตุรัสถูกล้อมรั้วไม่ให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวเข้าได้แล้ว
เป็นเวทีในร่มในเมืองบากูของอาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่บนชายฝั่งบากูใกล้กับจัตุรัสธงชาติ เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนเมษายนในปี 2012 เพื่อเป็นสถานที่จัดงานใหญ่คืองานประกวดเพลงยูโรวิชันประจำปีเดียวกัน อาคารแห่งนี้มีรูปทรงเป็นผลึกและมีหน้าอาคารที่ส่องสว่างพร้อมไฟ LED จำนวนมากมีพื้นที่กว่า 31000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้ชมได้ทั้งหมด 27,000 คน
เป็นพื้นที่เมืองชนบทหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางใต้ของบากู ที่นี่มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ 8 พันปีก่อนคริสตกาลซึ่งถือได้ว่ามีความเก่าแก่มากๆ นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นเมืองที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หินแกะสลักกลางแจ้งซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในอาเซอร์ไบจานแถบนี้
เป็นภาพแกะสลักที่ถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติ ภาพแกะสลักนี้มีพื้นเพมาจากก้อนหินที่โผล่ขึ้นมาจากกึ่งทะเลทรายของอาเซอร์ไบจานตอนกลางที่มีการรวบรวมงานแกะสลักหินกว่า 6,000 รายการที่มีหลักฐานถึง 40,000 ปีของศิลปะหิน ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ชีวิตมนุษย์ในยุคเก่าแก่ ณ พื้นที่นี้
เป็นภูเขาโคลนปะทุที่ตั้งอยู่บริเวณโกบาสตัน ซึ่งภูเขาโคลนนี้ไม่ใช่ภูเขาไฟที่เป็นหินอัคนีหรือลาวาปะทุออกมาแบบที่เรารู้จักกัน แต่เป็นภูเขาโดมโคลนเป็นดินที่สร้างขึ้นโดยการปะทุของโคลนหรือสารละลายน้ำและก๊าซจากกระบวนการทางธรณีวิทยาประกอบกับพลังงานความร้อนใต้พิภพ
เป็นเมืองโบราณที่ถือเป็นย่านศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของบากู เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน มีลักษณะเป็นเมืองเก่าที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมือง มีทางเข้าออกอยู่ 5 ทาง ที่นี่มีหลักฐานการมีอยู่ของเมืองซึ่งย้อนไปได้ถึงศตวรรษที่ 12 ซึ่งภายในมีทั้งโบสถ์ หอคอย โบราณสถานอันเก่าแก่ต่างๆ ย่านเมืองโบราณนี้ถือเป็นสถานที่แรกในอาเซอร์ไบจานที่ได้รับการจัดให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
เป็นพระราชวังประจำกษัตริย์ราชวงศ์ซีวานที่ได้ชื่อว่าเป็น "One of the pearls of Azerbaijan's architecture หนึ่งในไข่มุกแห่งสถาปัตยกรรมของอาเซอร์ไบจาน" ถูกสร้างขึ้นปี 1411 ตั้งอยู่ในเมืองโบราณอิเชรี เชอร์เคอร์ สิ่งที่เหลือภายในที่เห็นชัดเจนในปัจจุบันสุสานฝังศพ สุเหร่า สุสานแห่งเดอร์วิช อ่างเก็บน้ำและโรงอาบน้ำที่เหลืออยู่
เป็นอาคารหอคอยในพื้นที่เมืองโบราณอิเชรี เชอร์เคอร์ ถูกสร้างขึ้นมาประมาณช่วงศตวรรษที่ 12 เป็นหอคอยอันสำคัญที่มีเรื่องเล่าตำนานลึกลับของประวัติศาสตร์อาเซอร์ไบจานที่น่าสนใจ เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติที่โดดเด่นที่สุดของอาเซอร์ไบจานในฐานะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปรากฎอยู่ในธนบัตรของประเทศ
เป็นอนุเสาวรีย์ที่เป็นสุสานของ Sheikh Diri Baba ตั้งอยู่ในเมือง Qobustan โดยห่างจากเมืองหลวงบาคูไปทางตะวันตกประมาณ 90 กิโลเมตร หลุมฝังศพถูกอธิบายไว้ในสมุดบันทึกของ K. de Bryuin และ A.Oleariy และในงานของ B.Dorn งอยู่ในจัตุรัสที่ตั้งอยู่บนหน้าผา glyptic โดยมีลักษณะเป็นอาคารสองชั้น ได้รับการตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค หลุมฝังศพเป็นหนึ่งในผลงานทางสถาปัตยกรรมอันงดงามที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐบาลของประเทศ
เป็นสุเหร่าที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางใต้ของเมืองชามาคีประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถูกสร้างประมาณศตวรรษที่ 10 สุเหร่าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อครอบครัวมัสตาฟาข่าน หนึ่งในสกุลผู้อยู่ในราชวงศ์ชีวานซึ่งเป็นข่านสุดท้ายของเมืองชามาคี เป็นที่รู้จักกันเนื่องจากการมัดแกะสลักบนหลุมฝังศพ และเสาหินที่ปักอยู่รอบบริเวณ
เป็นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่ตรงบริเวณทางใต้ของเทือกเขาคอเคซัส เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ย้อนไปกว่า 2700 ปี ที่ว่ากันว่ามีคาราวานชาวอิหร่านพยายามเดินทางผ่านเทือกเขาคอเคซัสเพื่อเข้าสู่พื้นที่แถบเอเชียไมเนอร์แต่ทกว่าเลือกจะตั้งถิ่นฐานที่นี่แทน ซึ่งเมืองนี้ถือเป็นอีกเมืองเล็กๆ ในพื้นที่เทือกเขาคอเคซัสที่เป็นจุดเชื่อมต่อสองวัฒนธรรมระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน
มีลักษณะเป็นบ้านพักฤดูร้อนของผู้ปกครองเมือง ถูกสร้างขึ้นในปี 1789 โดย Muhammed Hasan Khan สภาพที่เห็นในปัจจุบันมาจากการบูรธครั้งใหญ่ประมาณปี 1955 ที่นี่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมท้องถิ่น กับการตกแต่งอย่างดงามและอาคารรูปทรงแปลกตาพร้อมด้วยกลิ่นไอแห่งความเป็นดินแดนเก่าแก่ ที่นี่ได้รับการจารึกให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่เชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัส ตรงระหว่างแม่น้ำ Lagodekhiskhevi และ Shromiskhevi ใกล้ๆ กับชายแดนฝั่งประเทศอาเซอร์ไบจาน ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 8 ภายใต้ชื่อ Lakuasti เป็นที่ตั้งของโบสถ์ออร์โธดอกซ์ในนามของการคุ้มครองของพระแม่มารีผู้บริสุทธิ์ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติลาโกเดกี้ที่เพิ่งก่อตั้งมาในปี 1912
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคฝั่งตะวันออกสุดของประเทศจอร์เจีย เป็นหนึ่งในเมืองที่เล็กที่สุดของจอร์เจีย ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคปลูกไวน์ของจอร์เจีย เช่นเดียวกับภูมิทัศน์ที่งดงามของหุบเขาอลาซานนีและเทือกเขาคอเคซัสที่อยู่ห่างออกไป
เป็นคอมเพล็กซ์อารามคริสต์นิกายจอร์เจียนออโธดอกซ์และเป็นที่นั่งของบิชอปออฟโบบ์ ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้จากเมืองซิกนากีไปประมาณ 2 นาที วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 เป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญที่สำคัญในจอร์เจียเนื่องจากมีการเชื่อมโยงกับ St. Nino ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาในจอร์เจียในศตวรรษที่ 4 ซึ่งที่นี่ได้มีการเก็บพระธาตุ(เถ้ากระดูก) ส่วนหนึ่งของเขาด้วย
เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของรัฐจอร์เจีย ตั้งอยู่ประมาณ 20 กิโลเมตรไปทางเหนือของทบิลิซีที่จุดบรรจบของแม่น้ำ Mtkvari และ Aragvi เนื่องจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์และอนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรมหลายแห่งที่อยู่ในเมืองนี้ จึงถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1994
เป็นอารามจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์ในเมืองมิสเคต้า อีกหนึ่งสถานที่มรดกโลกจากยูเนสโก้ ตั้งอยู่บนยอดเขาหินที่จุดบรรจบของแม่น้ำ Mtkvari และ Aragvi ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองมิสเคต้าจากมุมสูงได้อย่างสวยงาม ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในช่วงประมาณศตวรรษที่ 6 โดยกษัตริย์ Mirian ที่สามแห่งอาณาจักรไอบีเรีย ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบเฮเลนนิสติกกับเซซาเนี่ยนที่สวยงาม
เป็นมหาวิหารคริสเตียนนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิสเคต้า ถูกสร้างขึ้นประมาณราวศตวรรษที่ 11 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวจอร์เจียชื่อ Arsukisdze ซึ่งถือผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งของยุคกลาง เป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์เมื่ออดีต
เป็นป้อมปราการอันเก่าแก่ที่มีกำแพงล้อมรอบ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี สันนิษฐานว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16-17 หลังกำแพงโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่หลังกำแพง ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิ้น ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามจากมุมสูงของป้อมปราการนี้
เป็นอ่างเก็บแม่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แม่น้ำ Aragvi มีจุดประสงค์หลักในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำ เปิดให้บริการในปี 1986 เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ด้วยลักษณะบรรยากาศของทะเลสาบสีฟ้าที่มีความอุดมสมบูรณ์กับพื้นที่ธรรมชาติรอบด้าน
โบสถ์นี้อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Gergeti ในเมืองคาชเบกี้ของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำ Chkheri บนระดับความสูง 2170 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดยตั้งโดดเดี่ยวบนยอดเขาสูงชันที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันกว้างใหญ่สุดสวยงาม การเข้าถึงโบสถ์นี้ก่อนหน้านี้จะต้องเดินเขาขึ้นไปซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กระทั่งในธันวาคม 2018 มีการทำถนนลาดยางขึ้นไป ให้พาหนะอย่างรถยนต์สามารถเข้าถึงได้ในเวลาไม่กี่นาที
เป็นเมืองที่มีลักษณะเป็นถ้ำหินอันเก่าแก่ทางตะวันออกของประเทศจอร์เจีย อยู่ห่างจากเมืองกอรี่ไปประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวเมืองสร้างขึ้นบนฝั่งซ้ายของแนวหินสูงริมแม่น้ำ Mtkvari มีโครงสร้างต่างๆ ตั้งแต่ยุคเหล็กต้นถึงปลายยุคกลาง และโดดเด่นด้วยการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมการตัดหินหลากหลายรูปแบบจากอนาโตเลีย อิหร่าน รวมถึงการมีอยู่ร่วมของคนต่างศาสนา และสถาปัตยกรรมคริสเตียน ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 2007
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกลางเมืองในกอรี่ ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตของโจเซฟ สตาลิน หนึ่งในผู้นำอันโด่งดังตลอดยุคของอดีตสหภาพโซเวียตซึ่งมีบ้านเกิดในเมืองนี้ ตัวพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงสิ่งต่างๆ ในยุคโซเวียต ทั้งบ้านบ้านสตาลิน ส่วนพิพิธภัณฑ์หลัก ที่ทำงาน และรถไฟหุ้มเกราะส่วนตัวซึ่งมีน้ำหนักถึง 83 ตัน
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย เป็นศูนย์กลางการปกครองและย่านเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์ประกอบกับมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เพราะมีแหล่งน้ำมากมายพร้อมกับมีทำเลที่ดีในการปกครอง ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองหลวงของจอร์เจียในที่สุด
เป็นป้อมปราการโบราณขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นทบิลิซีเมืองหลวงของรัฐจอร์เจียและแม่น้ำ Mtkvari อันงดงาม ป้อมปราการดังกล่าวก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 4 และเป็นป้อมปราการแบบเปอร์เซีย มีการขยายอย่างกว้างขวางโดยชาวอูไมแยดในศตวรรษที่ 7 ตัวป้อมปราการประกอบด้วยสองส่วนที่มีกำแพงล้อมรอบบนเนินเขาสูงชัน ที่นี่เป็นสถานที่โบราณที่ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองทบิลิซี
เป็นย่านๆ หนึ่งในรัฐจอร์เจียที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศในเขตปกครอง Marneuli บริเวณใกล้ๆ กับชายแดนฝั่งประเทศอาร์เมเนีย ที่นี่เป็นหนึ่งในด่านทางผ่านสำคัญในการข้ามไปมาระหว่างสองประเทศนี้
เป็นอารามยุคกลางอันซับซ้อนที่ตั้งอยู่ในเมืองฮักห์พาท ประเทศอาร์เมเนีย อารามก่อตั้งโดยสมเด็จพระราชินี Khosrovanuysh ภรรยาของ Bagratid กษัตริย์ Ashot iii ในช่วงประมาณศตวรรษที่ 10 ตัวอารามอยู่ขึ้นไปบนเนินเขาในส่วนที่เคยยากแก่การเข้าถึง ที่นี่ไดรับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ จากการเป็นคอมเพล็กซ์อารามทั้งสองแสดงถึงการออกดอกที่สูงที่สุดของสถาปัตยกรรมทางศาสนาของอาร์เมเนีย และเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมทางศาสนาและเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่สำคัญในยุคกลาง
เป็นคอมเพล็กซ์ของอารามนักบวชตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่ชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบเซวาน อารามถูกสร้างขึ้นในช่วงประมาณศตวรรษที่ 9 โดยเจ้าหญิงมาเรียม ลูกสาวของกษัตริย์ Ashot I ที่ชายฝั่งทางใต้ของเกาะเล็กๆ สภาพปัจจุบันที่เห็นมาจากการบูรณะครั้งใหญ่ประมาณช่วงปี 1956
ล่องเรือชมทะเลสาบเซวาน ทะเลสาบน้ำจืดและทะเลปิดในประเทศอาร์เมเนีย ทะเลสาบนี้เป็นหนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวทะเลสาบล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำแม่น้ำฮราซดาน แม่น้ำมาสริค และมีเมืองต่างๆ ล้อมรอบมากมาย
เป็นเมืองตากอากาศบนภูเขาและเป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองในจังหวัด Vayots Dzor ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอาร์เมเนีย ในอดีตที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในสหภาพโซเวียต ตัวมีชื่อเสียงในด้านน้ำพุร้อน น้ำแร่บรรจุขวดในเมือง ทะเลสาบเทียม เส้นทางเดินป่าโดยรอบ สระน้ำแร่ และอื่นๆ ปัจจุบันตัวเมืองได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและบริการสุขภาพที่ทันสมัยไม่แพ้ไปกว่าหลายๆ ประเทศในยุโรป
เป็นหมู่บ้านในจังหวัด Syunik ของประเทศอาร์เมเนีย เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นสถานที่ตั้งของกระเช้าทาเตฟ ซึ่งเป็นกระเช้าที่ได้ชื่อว่ามีระยะทางยาวที่สุดในโลก
เป็นกระเช้าที่เดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านฮาลิซอร์กับอารามทาเตฟ เปิดให้บริการเมื่อเดินตุลาคม ปี 2010 กระเช้าไฟฟ้าแห่งนี้ได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คว่าเป็นกระเช้าไฟฟ้าที่มีเส้นทางยาวที่สุดในโลก ด้วยระยะทางเกือบ 6 กิโลเมตร
เป็นอารามศาสนาอันเก่าแก่ของอาร์เมเนียที่อยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ตั้งอยู่บนที่ราบสูงหินบะซอลต์ขนาดใหญ่ใกล้กับหมู่บ้านทาเตฟ ในจังหวัด Syunik ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอาร์เมเนีย ในศตวรรษที่ 14 และ 15 อารามเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยยุคกลางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของอาร์เมเนีย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ศาสนาและปรัชญา การเดินทางมาที่นี่สามารถขึ้นได้ด้วยรถยนต์หรือนั่งกระเช้าระยะไกลมาจากหมู่บ้านฮาลิซอร์ก็ได้
เป็นอารามทางศาสนาของอาร์เมเนียที่อยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ในหุบเขาแคบๆ บริเวณแม่น้ำ Amaghu ซึ่งมีหน้าผาสูงชันชันสีแดงอิฐอยู่ตรงข้ามกับตัวอาราม อารามแห่งนี้เกิดขึ้นโดยนักสอนศาสนาสยูนิคและนักบุญคาราเพท มีโครงสร้างที่โดดเด่นด้วยองค์ประกอบของอาคารแต่ละชั้น มีการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่สมดุล
เป็นกลุ่มอารามคอมเพล็กซ์ยุคกลางในเขต Kotayk ของประเทศอาร์เมเนีย ที่แกะสลักบางส่วนจากภูเขาที่อยู่ติดกันล้อมรอบด้วยหน้าผา อาคารคอมเพล็กซ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 4 โดย Gregory the Illuminator อารามแห่งนี้เคยมีชื่อว่า Ayrivank ซึ่งมีความหมายท้องถิ่นว่า "อารามแห่งถ้ำ" รอบอารามมีหน้าผาสูงตระหง่านที่งดงามรอบๆ อารามซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหุบเขาอาซัต ความสวยงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่สำคัญของยุเนสโก
เป็นอาคารอาณานิคมกรีกโบราณที่ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านการ์นีของอาร์เมเนีย สันนิษฐานกันว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นในยุคกรีกโบราณซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมในยุคนั้นโดยกษัตริย์ Tiridates I ในศตวรรษแรก เพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้ามิฮร หลังจากที่อาร์เมเนียเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ในช่วงต้นศตวรรษที่สี่มันก็ถูกดัดแปลงให้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของ Khosrovidukht และผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมายตามมิติของเวลา สภาพที่เห็นปัจจุบันมาจากการบูรณะในช่วงประมาณปี 1970 ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศอาร์เมเนีย
เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ในอาร์เมเนีย ตั้งอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันตกของเมืองหลวงเยเรวาน เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะที่ตั้งของวิหาร Etchmiadzin และ Mother See of Holy Etchmiadzin ซึ่งเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรเผยแพร่ศาสนาอาร์เมเนีย ดังนั้นจึงเป็นที่รู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการในแหล่งตะวันตกว่าเป็น "เมืองศักดิ์สิทธิ์" และในอาร์เมเนียในฐานะ "เมืองหลวงทางจิตวิญญาณ"
เป็นมหาวิหารที่เผยแพร่ศาสนาอาร์เมเนียเป็นแห่งแรกๆ นักวิชาการส่วนใหญ่พบว่าที่นี่เป็นโบสถ์แรกที่สร้างขึ้นในอาร์เมเนียยุคโบราณ และมักจะถือว่าที่นี่เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อาคารดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 4 โดยนักบุญอุปถัมภ์ของอาร์เมเนียชื่อเกรกอรี ถูกสร้างขึ้นเหนือวิหารที่เรียกว่าเป็นของคนป่าเถื่อนเป็นสัญลักษณ์ของการแปลงจากลัทธินอกศาสนาเป็นคริสต์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สำคัญในอาร์เมเนียที่ไม่เพียงแต่เคร่งศาสนา แต่ยังรวมถึงการเมืองและวัฒนธรรมด้วย ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ในปี 2000
เป็นซากมหาวิหารที่เคยศูนย์กลางของโบสถ์อาร์เมเนียซึ่งเป็นรูปแบบ tetraconch ที่สร้างขึ้นตามคำสั่งของคาทอลิโกสเนเซอร์ซีสในช่วงประมาณศตวรรษที่ 7 ซึ่งเป็นช่วงของจักรวรรดิไบแซนไทน์ที่มีอิทธิพลเหนือดินแดนในบริเวณแห่งนี้ ซากมหาวิหารนี้ได้รับการค้นพบและขุดขึ้นมาในช่วงปี 1901 ภายใต้การดูแลของ Vardapet Khachik Dadyan เปิดเผยฐานรากของมหาวิหารรวมถึงซากของวังคาทอลิโกสและโรงกลั่นเหล้าองุ่น ที่นี่เป็นอีกหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองเอคมิอัดซิน
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอาร์เมเนียเช่นเดียวกับเมืองที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Hrazdan มีภูเขาอะรารัตเป็นฉากประกอบอันสวยงาม เมืองเยเรวานเป็นศูนย์กลางการปกครองวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมของประเทศ และยังทำหน้าที่เป็นเมืองที่นั่งของสังฆราชาอาเรียนอาเรียน ผู้เป็นสังฆมณฑลที่ใหญ่ที่สุดของโบสถ์อาร์เมเนีย
เป็นบันไดทางเดินหินปูนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเยเรวาน ตัวบันไดเชื่อมโยงเขต Ketron ของเยเรวานกับย่านอนุสาวรีย์ ออกแบบโดยสถาปนิก Jim Torosyan, Aslan Mkhitaryan และ Sargis Gurzadyan ซึ่งแล้วเสร็จในปี 1980 ที่นี่มีการตกแต่งหลายระดับด้วยน้ำพุและประติมากรรมสมัยใหม่ มีบันไดเลื่อนเจ็ดตัวที่เพิ่มขึ้นตามความยาวของคอมเพล็กซ์ นอกจากนี้ยังมีห้องโถงจัดแสดงที่เชื่อมต่อกับการขึ้นลงบันไดเลื่อนซึ่งจัดทำพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Cafesjian ทั้งยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารตามสองฝั่งบันได
เป็นตลาดในร่มที่มีลักษณะอาคารอันดึงดูดสายตา มีซุ้มด้านหน้าที่ตกแต่งด้วยลวดลายโซเวียตปิดทอง ในอดีตที่นี่เป็นหนึ่งในพื้นที่ความขัดแย้งหลักระหว่างสหภาพโซเวียตกับอาร์เมเนีย ในฐานะเป็นอดีตพื้นที่ตลาดมืดเฉพาะของเยเรวาน เมื่ออาร์เมเนียได้รับเอกราช ตลาดแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในหมู่ชาวท้องถิ่นและเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของใจกลางเมือง
เป็นจัตุรัสหลักที่ตั้งอยู่ใจกลางเยเรวาน เมืองหลวงของประเทศอาร์เมเนีย ตัวจัตุรัสประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือส่วนที่เป็นวงเวียนลักษณะวงรีและส่วนรูปสี่เหลี่ยมซึ่งมีน้ำพุตั้งอยู่ จัตุรัสล้อมรอบด้วยอาคารหลักห้าหลังสร้างด้วยสีชมพูและสีเหลืองทัฟฟาในสไตล์นีโอคลาสสิกโดยใช้ลวดลายของศิลปะอาร์เมเนียนที่สวยงาม
เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในเขตชวาทน๊อตส์ อยู่ห่างไปทางตะวันตกของเยเรวาน เมืองหลวงของอาร์เมเนียไปประมาณ 15 กิโลเมตร เปิดให้บริการในปี 1961 ทำหน้าที่เป็นท่าอากาศยานหลักของอาร์เมเนีย และเป็นศูนย์กลางการขนส่งระหว่างประเทศหลักของเยเรวานและของประเทศอาร์เมเนีย
มีอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฮาหมัด เป็นท่าอากาศยานแห่งเดียวในประเทศกาตาร์ ตั้งอยู่ที่กรุงโดฮา และยังเป็นท่าอากาศยานหลักของกาตาร์แอร์เวย์ ที่นี่เป็นหนึ่ในท่าอากาศยานสำคัญที่เชื่อมต่อเครือข่ายการบินกับภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย