ทัวร์จอร์เจีย (Georgia) ไปเที่ยวกับทัวร์ ไปเที่ยวเอง ไปได้ปลอดภัย ไม่อันตราย ที่สำคัญจอร์เจียไม่ต้องทำวีซ่า มีเพียงพาสปอร์ตก็ไปได้แล้ว แนะนำก่อนจองทัวร์จอร์เจียให้เช็คอายุพาสปอร์ตต้องเหลืออายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน ทัวร์จอร์เจีย คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมทั้ง 2 แบบ ยุโรป และเอเชียผสานกันอย่างลงตัว เนื่องจากที่ตั้งประเทศคาบเกี่ยวอยู่บนจุดตัดระหว่างทวีปยุโรป และเอเชีย จึงทำให้จอร์เจียได้รับฉายาว่าเป็นดินแดนสองทวีปคล้ายๆ กับตุรเคีย (Türkiye) เลย
ย่านนี้มีอาคารบ้านเรือน สไตล์คลาสสิก บ่งบอกถึงร่องรอยแห่งอารยธรรมเก่าแก่ทำให้เมืองนี้มีบรรยากาศแบบยุโรปสวยงาม ย่านนี้มีโรงอาบน้ำแร่เก่าแก่อยู่มากมาย คล้ายกับออนเซ็นของชาวญี่ปุ่น เนื่องจากบางช่วงของจอร์เจียจะมีอากาศหนาวจัด ซึ่งน้ำแร่ร้อนจะให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้ ใครมาทัวร์จอร์เจีย แนะนำว่าต้องมาเช็คอินย่านเมืองเก่าทบิลิซีและแช่น้ำแร่กันให้ได้นะครับ
ป้อมปราการสร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เพื่อปกป้องตัวเมือง โดยชื่อป้อมนี้ในภาษาเปอร์เซียนั้น แปลว่าป้อมที่ไม่สามารถตีแตกได้ นักท่องเที่ยวทัวร์จอร์เจียสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองทบิลิซีจากมุมสูงในป้อมได้ การเดินทางไปยังป้อมจะใช้การเดินหรือนั่งกระเช้าสู่ด้านบน ด้านบนมีรูปปั้น เดอะ มาร์เธอ ออฟ จอร์เจีย ซึ่งเป็นรูปปั้นหญิงสาวสูง 20 เมตร บนยอดเขาโซโลลากิ
อนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ของทัวร์จอร์เจีย อยู่บนภูเขาสูงนอกเมือง บอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ผ่านเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 16 ต้น แต่ละต้นสูงถึง 35 เมตร มองเห็นได้จากระยะไกล ที่นี่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1985 สมัยจอร์เจียยังอยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย ปัจจุบันยังสร้างไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีความยิ่งใหญ่สวยงาม
หรือ มหาวิหารซาเมบา โบสถ์ออร์โธดอกซ์ที่งดงาม ขนาดใหญ่และสำคัญที่สุดในจอร์เจีย และยังเป็นโบสถ์สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ช่วงเวลาที่แนะนำในการมาชมคือช่วงเช้าหรือเย็นที่แดดไม่แรงมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์จอร์เจียสามารถมาถ่ายรูปสวยๆ ตามมุมต่างๆ ได้สบาย
สะพานข้ามแม่น้ำคูราเชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและตัวเมืองใหม่ของเมืองทบิลิซี มีความยาว 150 เมตร โครงสร้างหลักของสะพานทำมาจากเหล็กและกระจกใส โดยจัดว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมยุคใหม่ซึ่งมีความสวยงามของจอร์เจีย ใกล้สะพานยังมีสวนและสถานที่เดินเล่นเที่ยวชมเพลินๆ มาทัวร์จอร์เจียเมื่อไหร่ ควรต้องมาเช็คอิน
โบสถ์นี้เป็นโบสถ์นิกายออร์โธดอกซ์ สถานอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวจอร์เจียนับถือมากๆ อยู่บนภูเขามีแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน คือแม่น้ำมิควารีและแม่น้ำอารักวี ภายในมีไม้กางเขนขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่านักบุญนีโน่ แห่งคัปปาโดเกีย ได้นำไม้กางเขนนี้เข้ามาพร้อมกับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในสมัยโบราณ องค์การยูเนสโกได้ทำการขึ้นทะเบียนที่นี่เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1994 มาทัวร์จอร์เจียทั้งที แนะนำว่าต้องมาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มหาวิหารแห่งนี้ถึงจะเรียกว่ามาถึงจอร์เจียอย่างแท้จริง
เป็นเมืองหลวงของอัดจารา สาธารณรัฐอิสระซึ่งปกครองตนเองอยู่ทางตะวันตกของจอร์เจีย เมืองนี้มีความงามของธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจและอยู่ใกล้กับทะเลดำ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจอร์เจียจึงสามารถล่องเรือเพื่อชมความงามของอ่าวบาทูมีและทะเลดำได้ หรือจะเลือกเดินชมถนนเลียบชายหาดที่ยาวถึง 6 กิโลเมตร และตลอดเส้นทางประดับประดาด้วยน้ำพุงดงามตลอดสาย ตลอดเส้นทางยังมีอนุสาวรีย์อาลีและนีโน่ ซึ่งเป็นงานสถาปัตยกรรมโลหะสมัยใหม่รูปคู่รักชายชาวอาเซอร์ไบจานและหญิงสาวชาวจอร์เจียนในนวนิยายท้องถิ่น
อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 - 24 องศาเซลเซียส ช่วงนี้พื้นที่บนยอดเขาบางส่วนอาจยังถูกปกคลุมด้วยหิมะอยู่ จึงเหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวมาทัวร์จอร์เจีย และรักการถ่ายรูป Landscape
อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 16 - 31 องศาเซลเซียส ไฮไลท์ของทัวร์จอร์เจียแห่งปีต้องยกให้ช่วงนี้เลยทีเดียว อากาศกำลังดีได้ชมดอกไม้สีสันสวยงาม หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างสบายๆ
อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 4 - 20 องศาเซลเซียส ช่วงนี้ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี หากมาทัวร์จอร์เจียฤดูนี้ จะได้เห็นบรรยากาศที่สวยงาม 2 รูปแบบ คือสีของใบไม้และหิมะขาวโพลน
อุณหภูมิเฉลี่ยช่วงนี้จะอยู่ที่ประมาณ -3 ถึง 8 องศาเซลเซียส อากาศหนาว และอาจมีหิมะตกหนัก บนเทือกเขาก็จะถูกปกคลุมด้วยหิมะ จึงเหมาะมากสำหรับการเล่นสกี