เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก และเป็นท่าอากาศยานสำคัญและมีผู้ใช้บริการมากที่สุดในกลุ่มประเทศนอร์ดิก อีกทั้งยังเป็นท่าอากาศยานหลักของสแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์ ซิสเต็ม
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของเดนมาร์ก โคเปนเฮเกนตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะนิวซีแลนด์ อีกส่วนเล็กๆ ของเมืองตั้งอยู่บน Amager และแยกออกจากเมือมัลโม่ของสวีเดนด้วยช่องแคบโอเรซุน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมเศรษฐกิจและการปกครองของเดนมาร์ก มันเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของยุโรปเหนือ นอกจากนี้โคเปนเฮเกนยังเป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นมิตรกับการใช้จักรยานมากที่สุดในโลก
เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในรูปทรงที่แปลกตา คล้ายกับเป็นธารน้ำตกจำลอง เพื่ออุทิศแก่เทพีนอร์ติกเกฟิออน ต้นตำนานของราชอาณาจักรเดนมาร์ก เป็นรูปปั้นที่สวยงามตระการตา
เป็นรูปปั้นสัญลักษณ์ของเมืองที่ตั้งอยู่ริมอ่าวโคเปนเฮเกน นักท่องเที่ยวแทบทุกคนมาตรงจุดนี้เพื่อถ่ายรูปคู่กับเธอ ที่ยังคงนั่งหน้าเศร้าเฝ้ารอ เจ้าชายคนรักตามเนื้อเรื่องในเทพนิยายของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอสันขณะเดียวกันท่านจะได้ทราบเรื่องราวอันเป็นที่มาของเงือกน้อยตามเนื้อหาในเทพนิยายรักบันลือโลกปัจจุบันลิตเติ้ลเมอร์เมดมี "น้องสาว" แต่ตั้งแสดงอยู่ที่ Langelinie ในอ่าวโคเปนเฮเกน ไม่ไกลจากที่ตั้งเงือกน้อยตัวเดิม
เป็นพระราชวังที่เป็นสถานที่ประทับในช่วงฤดูหนาวของราชวงศ์เดนมาร์กมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1794 ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโคเปนเฮเกน ตัวสถาปัตยกรรมภายนอก และการตกแต่งภายในอาคารพระราชวังเป็นสไตล์ร็อคโคโค
เป็นย่านท่าเรือริมฝั่งคลองและย่านความบันเทิงอันเก่าแก่ในโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ทอดยาวจาก Kongens Nytorv ไปยังท่าเรือด้านหน้าทางใต้ของโรงละคร Royal Playhouse ตามข้างทางจะเรียงรายไปด้วยทาวน์เฮาส์และบาร์ยุคเก่าสุดคลาสสิกที่มีสีสันสดใส คาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารที่เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชิมบรรยากาศเก่าๆ ของโคเปนเฮเกน
เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดในยุโรป ด้วยความยาว 1.8 กิโลเมตร
เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของสวีเดน ในอดีตที่นี่ถือเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมเมืองแรกๆ ของยุโรปแถบสแกนดิเนเวีย
เป็นสะพานที่เชื่อมประเทศสวีเดน-เดนมาร์ก เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของยุโรป ยาวประมาณ 12 กม. เป็นสะพาน 8 กม. และเป็นอุโมงค์ใต้ทะเล 4 กม. เปิดใช้เมื่อปี 2000 เชื่อมต่อเมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์กกับ Malmo สวีเดน สะพานนี้มีความสวยงาม โดดเด่นมาก และใช้ได้ทั้งรถยนต์ และรถไฟ
เป็นจัตุรัสที่มีมาตั้งแต่ปี 1538 บริเวณตรงกลางจัตุรัสมีรูปปั้นของพระเจ้า Karl Gustavที่10 ซึ่งออกแบบและแกะสลักโดย John Börjeson ด้านซ้ายของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของ Rådhuset หรือ Town Hall ศาลาว่าการเมืองสไตล์ดัตช์เรอเนสซองส์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1353 ซึ่งได้ ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาคารเก่าแก่ที่สุดของเมือง
เป็นเมืองชายฝั่งทะเลฝั่งที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวีเดน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ถูกก่อตั้งในปี 1621 โดยได้รับหนังสือแต่งตั้งจากสำนักพระราชวังตามคำสั่งของกษัตริย์กุสตาฟที่ 2 อดอล์ฟ ซึ่งมีความตั้งใจให้เป็นนิคมการค้าทางทะเล ปัจจุบันยังคงเป็นเมืองทางการค้าที่มีความสำคัญและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเมืองหนึ่งของสวีเดน
เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโกเทนเบิร์ก เคยมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Stortorget (the Big Square) จนถึงปี 1854 เมื่อรูปปั้นของพ่อผู้ก่อตั้งของโกเธนเบิร์ก คือกษัตริย์กุสตาฟ อดอฟท์ของสวีเดนถูกตั้งขึ้นที่นี่ จึงได้เรียกเป็นจัตุรัสกุสตาฟ อดอฟท์ขึ้นมา รอบจัตุรัสที่ตั้งเป็นศาลากลางจังหวัด ตลาด ร้านอาคาร และคลองท่าเรือหลักของเมือง
เป็นพิพิธภัณฑ์รถวอลโว่ที่ตั้งอยู่ในโกเธนเบิร์กของประเทศสวีเดน ตั้งอยู่ในย่าน Arendal บนเกาะ Hisingen ซึ่งอยู่ห่างไปทางทิศตะวันตกของใจกลางเมืองโกเธนเบิร์กประมาณ 10 กิโลเมตร วอลโว่เป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทผลิตรถชั้นนำของประเทศ ผู้ผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไปจนถึงรถบรรทุกและรถโดยสารต่างๆ ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงรถยี่ห้อวอลโว่ เรื่องราวข้อมูลประวัติต่างๆ ของบริษัทตั้งแต่ยุคบุกเบิก รวมถึงการจัดแสดงรถหายากต่างๆ
เป็นศาลากลางประจำเมืองโกเทนเบิร์กที่ได้รับการออกแบบในสไตล์ Beaux-Arts โดยสถาปนิกชื่อ Gunnar Asplund ถูกสร้างขึ้นในปี 1936 ให้เป็นที่ทำงานของผู้นำทางการเมืองและถูดใช้เป็นที่ทำการศาลจนถึงปี 2010 ลักษณะเด่นของอาคารคือหน้าอาคารและผนังด้านในหุ้มด้วยไม้ ห้องโถงขนาดใหญ่ ผนังกระจกหันหน้าไปทางลาน ปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวแลนมาร์คในโกเทนเบิร์ก
เป็นจัตุรัสหนึ่งในเมืองโกเทนเบิร์ก ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของถนน Avenyn ถนนสายหลักของเมือง เกิดขึ้นมาในปี 1914 และเป็นที่จักกันกว้างขวางในปี 1923 ในงานจัดนิทรรศการอุตสาหกรรมสำคัญระดับโลกในปี 1923 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 300 ปีของเมือง ณ ที่นี้ รอบๆ จัตุรัสถูกลอมรอบไปด้วยอาคารต่างๆ ทั้งฮอลล์คอนเสิร์ต พิพิธภัณฑ์ศิลปะ โรงละคร ห้องสมุดเมือง และอื่นๆ ซึ่งจุดเด่นของจัตุรัสนี้ คือรูปปั้นโพไซดอนที่ตั้งอยู่ตรงกลาง
ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นตลาดคริสต์มาสต์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย ถูกจัดในสวนสนุกลิสเบิร์ก ทุกๆ ช่วงฤดูหนาวของเดือนธันวาคมที่มีช่วงเวลามิดมืดอันยาวนานกับบรรยากาศหิมะสุดโรแมนติก ภายในตลาดถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดส่วนหลักๆ ที่มีการประดับตกแต่งอย่างอลังการ ซึ่งมีภาพของต้นคริสต์มาสสูงใหญ่ การประดับไฟสุดสวยตลอดงานนับหลายล้านดวง ลานน้ำแข็ง บ้านเรือนสุดสวย ร้านอาหารสุดอร่อย และอื่นๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกนิยายที่เกินจินตนาการ
เป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งสมัยก่อนนั้นเคยเป็นอาณานิคมใหญ่ของชุมชนชาวไวกิ้งโบราณ ปัจจุบันเป็นนครหลวงของประเทศนอร์เวย์ ตั้งอยู่ขอบด้านเหนือของอ่าวฟยอร์ด (fjord) ที่ชื่อ ออสโลฟยอร์ด ตัวเมืองประกอบด้วยเกาะ 40 เกาะ เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ Malmøya นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบ 343 แห่งซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดสำคัญของเมือง
สถานที่ตั้งของคณะอุปรากรและบัลเลต์ระดับชาติของนอร์เวย์แห่งนี้เป็นอาคารสร้างจากกระจกและหินอ่อนขนาดใหญ่คล้ายธารน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำ โรงอุปรากรออสโลเป็นศูนย์วัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในนอร์เวย์ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 14 มีเวทีสามแห่งและมีมากกว่า 1,000 ห้อง แวะสถานที่ดังกล่าวเพื่อชมการแสดงหรือตื่นตากับสถาปัตยกรรมของตัวอาคารที่เป็นส่วนหนึ่งของทัวร์นำเที่ยว ดีไซน์ที่สะดุดตาของสิ่งก่อสร้างคือหลังคาที่ลาดเอียงสูงชันจากเขตน่านน้ำของออสโลฟยอร์ด บนหลังคายังมีลานกว้างสาธารณะที่สามารถเดินเล่นได้ ช่วงฤดูร้อนคุณจะเห็นผู้คนอาบแดดและปิดนิกบนหลังคา สิ่งก่อสร้างประดับตกแต่งด้วยงานศิลปะแปดอย่าง ไฮไลท์อย่างนึงคือแผงกำแพงเจาะรูจากฝีมือของโอลาเฟอร์ เอเลียสสันและม่านของเวทีหลักที่คล้ายกับอลูมิเนียมฟอยด์ยับย่น
เป็นหนึ่งในตำหนักที่อยู่ของกษัตริย์นอร์เวย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงออสโล ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกประมาณช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ครองราชย์สองประเทศ คือนอร์เวย์และสวีเดนในช่วงเวลานั้น ปัจจุบันวังแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงออสโล ซึ่งเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมได้
เป็นปราสาทหินยุคกลางซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์ในปี 1299 จนกระทั่งปี 1592 จึงมีการปรับปรุงเป็นป้อมปราการโดยใช้แนวกำแพงและปืนใหญ่เพื่อป้องกันเมืองออสโล หลังจากนั้นป้อมปราการแห่งนี้ถูกทอดทิ้งและมีสภาพแย่ลง ต่อมาจึงมีการเริ่มบูรณะในปี 1899 ปัจจุบันมีการนำเที่ยวชมพื้นที่รอบนอกปราสาทและห้องบางห้องที่มีความสำคัญ
ลานกระโดดสกีนี้ตั้งสูงตระหง่านอยู่บนยอดเขา ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่แข่งขันกระโดดสกีที่มีชื่อเสียงที่สุดของนอร์เวย์ ที่ปัจจุบันทำการปรับปรุงใหม่ เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1952
เป็นพื้นที่อุทยานหนึ่งในออสโล ที่ความพิเศษของที่แห่งนี้อยู่ที่ผลงานศิลปะประติมากรรมมนุษย์เปลือยในหลากหลายอิริยาบถ โดยผ่านผลงานการแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต และการหล่อรูปคนด้วยสำริด ในเรื่องราวเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตมนุษย์ เป็นผลงานของกุสตาฟ วิกเกอร์แลนด์ ปฏิมากรชาวนอร์เวย์ชื่อดัง อีกทั้งสวนนี้ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พิพิธภัณฑ์นี้จัดแสดงเกี่ยวกับเรือไวกิ้งโบราณที่สร้างจากไม้ ในคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยขุดได้จากรอบๆออสโลฟยอร์ด นอกจากนี้ยังจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องมือในชีวิตประจำวันที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี เรือถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในอดีต เพราะชาวไวกิ้งใช้เรือ ทั้งในเรื่องของการรบ ทำการค้า และออกสำรวจหาดินแดนใหม่ๆ ไกลกว่าค่อนโลก
เป็นเมืองสวยงามเล็กๆ ริมทะเลสาบ อยู่ระหว่างเมืองสต็อคโฮล์มของประเทศสวีเดนและเมืองออสโลของประเทศนอร์เวย์ เพราะเป็นเมืองผ่านระหว่างสองเมืองใหญ่นี้ เมืองนี้ถูกสถาปนาโดยกษัตริย์คาร์ลที่ 9 (Karl IX) ในปี ค.ศ.1604 ชื่อเมืองจึงเรียกตามพระนามของพระองค์ Karl-stad
เป็นโบสถ์ประจำเมืองคาร์ลสตัดในประเทศสวีเดน ทำหน้าที่สังฆมณฑลแห่งคาร์ลสตาด สถาปัตยกรรมเป็นสไตล์บาร็อค มีการผสมผสานแบบนีโอคลาสสิคเล็กน้อย ที่นี่ถูกสร้างและเปิดให้บริการครั้งแรกใน 2 กรกฏาคม 1730 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำที่ Stadshotellet ตั้งอยู่ในปัจจุบัน
เออเรอบรูเป็นเมืองหลวงของมณฑลเออเรอบรู อายุเก่าแก่ราว 700 ปี ชื่อเมืองแปลตรงตัวว่า "สะพานบนหาดกรวด" หนึ่ง ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศสวีเดน อดีตเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า และยังถือว่าเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่มีความเก่าแก่มากแห่งหนึ่งของประเทศสวีเดน
ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ บนแม่น้ำสวาร์ตาน (Svartan River) โดยส่วนที่เป็นหอคอยนั้นถือว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท เนื่องจากหอคอยนั้นร์ถูกสร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 13 โดยห้องพักบางห้องของปราสาทถูกใช้เป็นห้องเรียนสำหรับนักเรียนจากโรงเรียน Karolinska นอกจากนี้แล้ว คุณยังจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับความยิ่งใหญ่ของตัวปราสาทเมื่อมองจากสะพานข้ามแม่น้ำสวาร์ตาน นอกจากนี้แล้ว พื้นที่บางส่วนของปราสาทยังมีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม พร้อมทั้งยังมีการจัดแสดงศิลปะ , การแสดงดนตรี, ร้านอาหาร, การจัดนิทรรศการ, ทัวร์, ประชุม, และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
เป็นเมืองจำลองที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเออเรบลู บนฝั่งแม่น้ำสวาตัน มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นและสะดุดตานั้นก็คือ บ้านไม้เก่าแก่ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์รวมของอาคารและสิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองเออเรบลู และมีลักษณะสวยงามโดยเฉพาะตัวอาคารสร้างจากไม้และทาสีแดงหรือสีอิฐ
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศสวีเดน และยังเป็นนครหลวงอันงดงามที่สุดในสแกนดิเนเวีย จนได้รับขนานนามว่า ความงามบนผิวน้ำ หรือราชินีแห่งทะเลบอลติก ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อย 14 เกาะที่โอบล้อมด้วยทะเลบอลติก ทะเลสาบมาลาเร็น ทำให้สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศสวีเดน และยังเป็นนครหลวงอันงดงามที่สุดในสแกนดิเนเวีย จนได้รับขนานนามว่า ความงามบนผิวน้ำ หรือราชินีแห่งทะเลบอลติก ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อย 14 เกาะที่โอบล้อมด้วยทะเลบอลติก ทะเลสาบมาลาเร็น ทำให้สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ที่นี่เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระราชวงศ์สวีเดนและเป็นหนึ่งในพระราชวังที่งดงามมากที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของยุโรป ลักษณะเป็นอาคารสถาปัตยกรรมบาโรค สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1754 ภายในมีห้องต่างๆ รวมกัน 608 ห้องซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี ในบรรดาห้องต่างๆ ส่วนที่เป็นจุดเด่นได้แก่ ห้องพระคลัง วิหารหลวง ห้องโถงว่าการของรัฐ (Hall of State) ห้องพักของขุนนางลำดับต่างๆ และพิพิธภัณฑ์โบราณสถานกุสตาฟที่ 3 นอกจากนี้ความน่าสนใจอีกอย่างของการเที่ยวชมพระราชวังหลวงคือการผลัดเปลี่ยนเวรยามประจำวันของกองทหารรักษาพระองค์ซึ่งจะเกิดขึ้นในเวลาก่อนเที่ยงของทุกวัน
เป็นอาคารที่มีความสวยงามสะดุดตา และเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสตอกโฮล์ม ด้วยคุณลักษณะพิเศษของตัวอาคารที่ก่อสร้างด้วยอิฐสีแดงทั้งหลัง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงเกาะที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากก่อตั้งมานานตั้งแต่ปี 1923 ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะดูเรียบๆ แต่การตกแต่งภายในนั้นไม่ธรรมดา กับศิลปะสมัยใหม่ในแบบอาร์ตนูโว
เป็นสถานีรถไฟใต้ดินของกรุงสตอกโฮล์มที่มีความสวยงามทางศิลปะ ซึ่งแต่ละสถานีจะมีงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ตามชานชาลา พื้นผนัง หรือห้องโถงโดยสาร ที่จะตกแต่งด้วยรูปปั้นภาพจิตรกรรมฝาผนังและการติดตั้งที่สวยงามมาก เรียกได้ว่าสถานีรถไฟใต้ดินที่นี่ถือเป็นหนึ่งในงานนิทรรศการศิลปะของกรุงสตอกโฮล์มแบบย่อมๆ เลย
เป็นพื้นที่เมืองเก่าที่เป็นสถานที่ตั้งของพระราชวังหลวงและอาคารคลาสสิกมากมายด้วยกลิ่นอายของศตวรรษที่ 17 ทั้งบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างที่มีความสวยงามในรูปแบบงานสถาปัตยกรรมแบบสวีเดน เช่นเดียวกับเสน่ห์ของตรอกซอกซอยต่างๆ ที่เรียงรายไปด้วยร้านกาแฟและร้านหนังสือต่างๆ ที่คุณจะเพลิดเพลินในการเที่ยวชม
เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดน และเป็นท่าอากาศยานหลักสู่ประเทศสวีเดน อยู่ห่างจากกรุงสตอกโฮล์มไปทางเหนือประมาณ 42 กิโลเมตร
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย