เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองทบิลิซีไป 17 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี 1952 ออกแบบโดยสถาปนิก V. Beridze ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมสตาลินนิสต์ เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างสหภาพโซเวียตกับดินแดนห่างไกลอื่นๆ หลังโซเวียตล่มสลายที่นี่ได้กลายเป็นท่าอากาศยานประจำประเทศจอร์เจียไป
เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของรัฐจอร์เจีย ตั้งอยู่ประมาณ 20 กิโลเมตรไปทางเหนือของทบิลิซีที่จุดบรรจบของแม่น้ำ Mtkvari และ Aragvi เนื่องจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์และอนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรมหลายแห่งที่อยู่ในเมืองนี้ จึงถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1994
เป็นอารามจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์ในเมืองมิสเคต้า อีกหนึ่งสถานที่มรดกโลกจากยูเนสโก้ ตั้งอยู่บนยอดเขาหินที่จุดบรรจบของแม่น้ำ Mtkvari และ Aragvi ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองมิสเคต้าจากมุมสูงได้อย่างสวยงาม ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในช่วงประมาณศตวรรษที่ 6 โดยกษัตริย์ Mirian ที่สามแห่งอาณาจักรไอบีเรีย ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบเฮเลนนิสติกกับเซซาเนี่ยนที่สวยงาม
เป็นมหาวิหารคริสเตียนนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิสเคต้า ถูกสร้างขึ้นประมาณราวศตวรรษที่ 11 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวจอร์เจียชื่อ Arsukisdze ซึ่งถือผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งของยุคกลาง เป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์เมื่ออดีต
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย เป็นศูนย์กลางการปกครองและย่านเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์ประกอบกับมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เพราะมีแหล่งน้ำมากมายพร้อมกับมีทำเลที่ดีในการปกครอง ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองหลวงของจอร์เจียในที่สุด
เป็นถนนคนเดินเล็กๆ ที่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของชีวิตทางวัฒนธรรมและสังคมของเมืองทบิลิซี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและชาวเมืองด้วยมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ ชื่อของถนนตั้งชื่อตามนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ Jean Chardin ซึ่งเขาเป็นพ่อค้าอัญมณีในศตวรรษที่ 17 ที่เป็นที่รักของชาวจอร์เจียในยุคนั้น ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านแกลเลอรี่ ร้านกาแฟนั่งชิลล์ และร้านของฝากต่างๆ
เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่อันซับซ้อนที่เป็นจุดตัดของทวีปยุโรปและเอเชีย ทั้งยังเป็นเทือกเขาที่กั้นพรมแดนระหว่างประเทศจอร์เจียกับรัสเซีย มีความยาวประมาณ 1,100 กิโลเมตร ตัวเทือกเขาทอดยาวไประหว่างทะเลดำและทะเลแคสเปียน ประกอบด้วยเทือกเขาคอเคซัสทางตอนเหนือและเทือกเขาคอเคซัสทางใต้ เทือกเขาคอเคซัสส่วนใหญ่วิ่งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือไปทางตะวันออกเฉียงใต้จากเขตอนุรักษ์ธรรมชาติคอเคเชี่ยนในบริเวณโซซีทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลดำเกือบจะถึงบากูในทะเลแคสเปียน ที่นี่เป็นหนึ่งในเทือกเขาที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
เป็นป้อมปราการอันเก่าแก่ที่มีกำแพงล้อมรอบ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี สันนิษฐานว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16-17 หลังกำแพงโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่หลังกำแพง ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิ้น ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามจากมุมสูงของป้อมปราการนี้
เป็นอ่างเก็บแม่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แม่น้ำ Aragvi มีจุดประสงค์หลักในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำ เปิดให้บริการในปี 1986 เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ด้วยลักษณะบรรยากาศของทะเลสาบสีฟ้าที่มีความอุดมสมบูรณ์กับพื้นที่ธรรมชาติรอบด้าน
เมืองนี้มีอีกชื่อท้องถิ่นว่าสเตพานมินด้า (Stepantsminda) ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาคอเคซัส ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจอร์เจีย บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,740 เมตร เป็นเมืองที่มีความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองบนธรรมชาติที่ราบสูงที่เป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยว
โบสถ์นี้อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Gergeti ในเมืองคาชเบกี้ของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำ Chkheri บนระดับความสูง 2170 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดยตั้งโดดเดี่ยวบนยอดเขาสูงชันที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันกว้างใหญ่สุดสวยงาม การเข้าถึงโบสถ์นี้ก่อนหน้านี้จะต้องเดินเขาขึ้นไปซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กระทั่งในธันวาคม 2018 มีการทำถนนลาดยางขึ้นไป ให้พาหนะอย่างรถยนต์สามารถเข้าถึงได้ในเวลาไม่กี่นาที
เป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่พักผ่อนเล่นสกีของชาวจอร์เจียที่จะนิยมมาเล่นในเดือนธันวาคมจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่สวยงามและมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ส่วนในช่วงปกติที่นี่ก็มีธรรมชาติของที่ราบสูงอันสวยงาม
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย เป็นศูนย์กลางการปกครองและย่านเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์ประกอบกับมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เพราะมีแหล่งน้ำมากมายพร้อมกับมีทำเลที่ดีในการปกครอง ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองหลวงของจอร์เจียในที่สุด
เป็นเมืองๆ หนึ่งที่ตั้งในจอร์เจียทางตะวันออก ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงระดับภูมิภาคของ Shida Kartli และเป็นศูนย์กลางของเขตปกครองที่มีชื่อเสียง ในอดีตที่นี่เป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากเป็นเมืองที่เสมือนป้อมปราการทางทหารในยุคกลาง ที่มีที่ตั้งอยู่บนทางหลวงสายหลักที่เชื่อมระหว่างส่วนตะวันออกและตะวันตกของจอร์เจีย เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นบ้านเกิดของผู้นำสหภาพโซเวียตอย่างโจเซฟสตาลิน และนักออกแบบขีปนาวุธชื่ออเล็กซานเดอร์นาดิราราด
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกลางเมืองในกอรี่ ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตของโจเซฟ สตาลิน หนึ่งในผู้นำอันโด่งดังตลอดยุคของอดีตสหภาพโซเวียตซึ่งมีบ้านเกิดในเมืองนี้ ตัวพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงสิ่งต่างๆ ในยุคโซเวียต ทั้งบ้านบ้านสตาลิน ส่วนพิพิธภัณฑ์หลัก ที่ทำงาน และรถไฟหุ้มเกราะส่วนตัวซึ่งมีน้ำหนักถึง 83 ตัน
เป็นเมืองที่มีลักษณะเป็นถ้ำหินอันเก่าแก่ทางตะวันออกของประเทศจอร์เจีย อยู่ห่างจากเมืองกอรี่ไปประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวเมืองสร้างขึ้นบนฝั่งซ้ายของแนวหินสูงริมแม่น้ำ Mtkvari มีโครงสร้างต่างๆ ตั้งแต่ยุคเหล็กต้นถึงปลายยุคกลาง และโดดเด่นด้วยการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมการตัดหินหลากหลายรูปแบบจากอนาโตเลีย อิหร่าน รวมถึงการมีอยู่ร่วมของคนต่างศาสนา และสถาปัตยกรรมคริสเตียน ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 2007
เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ในจอร์เจีย มีความสำคัญไม่แพ้ไปกว่าเมืองหลวงทลิบิซี โดยตั้งอยู่ทางตะวันตกของทลิบิซีไป 221 กิโลเมตร ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรจอร์เจียในยุคกลาง ตัวเมืองล้อมรอบด้วยเชิงเขาที่เต็มไปด้วยป่าผลัดใบและพื้นที่เกษตรกรรม
เป็นตลาดเช้าประจำเมืองคูไทซีที่มีสัน ภายในตลาดนั้นเต็มไปด้วยผลไม้ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมไปถึงสมุนไพร ถั่ววอลนัท ไวน์ ผักสด ผักดอง และอื่นๆ มากมาย
เป็นโบสถ์สำนักสงฆ์ในยุคกลางที่อยู่ใกล้เมืองคูไทซิ ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกของยุคทองในจอร์เจียช่วงจักรวรรดิไบแซนไทน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1106 โดยพระเจ้าเดวิดที่ 4 เพื่อเป็นอารามศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์จอร์เจีย ภายในวัดเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังและภาพจำนวนมากมายรอบๆ โบสถ์ และตัวโบสถ์ปกคลุมด้วยซุ้มโค้งที่ทอดยาวเหนือภูเขา ที่นี่เป็นอีกสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในจอร์เจียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
เป็นมหาวิหารที่อยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้า Bagrat ที่ 3 ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองคูไทซึ ที่นี่เป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมจอร์เจียยุคกลางที่มีความสำคัญซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงที่จักรวรรดิออตโตมันบุกยึดครอง สภาพในปัจจุบันมาจากการบูรณะอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงประมาณทศวรรษ 1950 ภายใต้การนำของสถาปนิกชาวจอร์เจียชื่อ Vakhtang Tsintsadze และในปี 1994 ยูเนสโกได้จดทะเบียนให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่มรดกโลกด้วย
เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐปกครองตนเอง Adjara และเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศจอร์เจียซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลดำทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมืองนี้ยังเป็นท่าเรือน้ำทะเลที่สำคัญและรวมถึงอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นการต่อเรือ การแปรรูปอาหาร และอื่นๆ
เป็นพื้นที่จัตุรัสไตล์อิตาเลียนในเมืองบาทูมิซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมือง จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของจัตุรัสคือโมเสกส่วนกลางขนาด 106 ตารางเมตร โดยมีธีมหลักคือความกลมกลืนระหว่างองค์ประกอบของทะเลและความกว้างใหญ่ของเมือง ซึ่งถือว่าเป็นกระเบื้องโมเสคหินอ่อนที่เป็นรูปเป็นร่างที่ใหญ่ที่สุด และบริเวณจัตุรัสมีอาคารสำคัญต่างๆ ล้อมรอบจัตุรัส ซึ่งมีร้านกาแฟกลางแจ้ง โรงแรม และแหล่งช้อปปิ้งอยู่รอบๆ
เป็นรูปปั้นทำจากเหล็กที่มีความสูง 8 เมตร ตั้งอยู่ริมทะเลเมืองบาทูมิ สร้างโดยประติมากรชาวจอร์เจีย Tamara Kvesitadze รูปปั้นสองคนนี้มีพื้นฐานมาจากเด็กชายมุสลิมอาลีและเจ้าหญิงชาวจอร์เจียชื่อนิโน่จากนวนิยายที่มีชื่อเสียงในปี 1937 โดยนักเขียนชาวอาเซอร์ไบจัน Kurban Said ที่เรื่องราวความรักของสองคนนี้จบลงด้วยความเศร้าโศก
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย เป็นศูนย์กลางการปกครองและย่านเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์ประกอบกับมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เพราะมีแหล่งน้ำมากมายพร้อมกับมีทำเลที่ดีในการปกครอง ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองหลวงของจอร์เจียในที่สุด
เป็นป้อมปราการโบราณขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นทบิลิซีเมืองหลวงของรัฐจอร์เจียและแม่น้ำ Mtkvari อันงดงาม ป้อมปราการดังกล่าวก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 4 และเป็นป้อมปราการแบบเปอร์เซีย มีการขยายอย่างกว้างขวางโดยชาวอูไมแยดในศตวรรษที่ 7 ตัวป้อมปราการประกอบด้วยสองส่วนที่มีกำแพงล้อมรอบบนเนินเขาสูงชัน ที่นี่เป็นสถานที่โบราณที่ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองทบิลิซี
เมืองทบิลิซี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำร้อนกำมะถันธรรมชาติ (Sulphur Spring Water) เมืองหนึ่งของจอร์เจีย
เป็นมหาวิหารคาทอลิกของคริสต์นิกายจอร์เจียนออโธด็อกซ์ (สาขาหนึ่งของอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์) ตั้งอยู่บน Elia Hill ซึ่งตั้งอยู่เหนือฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Kura ในทบิลิซี เมืองหลวงของรัฐจอร์เจีย ที่นี่ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1995 และ 2004 ในสไตล์จอร์เจียนโบราณ เป็นมหาวิหารอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ที่สูงที่สุดเป็นอันดับสามของโลกและเป็นหนึ่งในอาคารทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นสะพานข้ามถนนรูปทรงโค้ง โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กและแก้วส่องสว่างด้วยหลอด LED จำนวนมากเหนือแม่น้ำ Kura ในตัวเมืองทบิลิซี มีความยาว 150 เมตร ได้รับคำสั่งจากศาลาว่าการทบิลิซิเพื่อสร้างรูปแบบการออกแบบร่วมสมัยที่เชื่อมต่อเขตเก่ากับเขตใหม่เข้าด้วยกัน สะพานนี้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ปี 2010 ตัวสะพานจะเปิดไฟก่อนอาทิตย์ตกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งในยามค่ำคืนที่นี่จะมีความสวยงามมาก
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองทบิลิซีไป 17 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี 1952 ออกแบบโดยสถาปนิก V. Beridze ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมสตาลินนิสต์ เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างสหภาพโซเวียตกับดินแดนห่างไกลอื่นๆ หลังโซเวียตล่มสลายที่นี่ได้กลายเป็นท่าอากาศยานประจำประเทศจอร์เจียไป
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย