เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำเมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 1995 แทนที่ท่าอากาศยานฮันโขว หวังจี ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในภาคกลางของจีน เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของเครือข่ายเส้นทางการบินของจีน
เป็นเมืองเอกและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลหูเป่ย (Hubei) ด้วยพื้นที่ 8,467.11 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 8 ล้านคน อยู่ตอนกลางของประเทศจีน หากเหนือจะลงใต้ หรือ ใต้จะขึ้นเหนือ ก็ต้องผ่านอู่ฮั่น ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 3,500 ปี และเป็นเส้นทางผ่านของแม่น้ำหลักสองสาย คือแม่น้ำแยงซีเกียง และแม่น้ำฮั่นซุย
เป็นเมืองๆ หนึ่งในมณฑลหูเป่ย ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอู่ฮั่นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 190 กิโลเมตร
เป็นเมืองทางตอนเหนือของมณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน อยู่ภายใต้การปกครองของเซียงหยาง
ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชื่อดังแห่งหนึ่งของจีน มีพื้นที่กว่า 800,000 ตารางเมตร ภายในจะมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่สร้างเสมือนกับจำลองเมืองจีนในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น ไม่ว่าจะเป็นท้องพระโรง จัตุรัสเมือง พระราชวังยุคอู่ฮั่น บ้านเรือนประชาชน กำแพงเมือง และอื่นๆ ซึ่งทำได้เสมือนจริงมากๆ เหมือนกับว่าเราได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปในช่วงอดีตของจีนเลยทีเดียว
เป็นทิวเขาที่ตั้งอยู่ในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน มีความสำคัญของลัทธิเต๋า ที่เล่าสืบมาว่า ปรมาจารย์เจินอู่ หรือเทพเจ้าเสวียนอู่ (玄武) ได้บำเพ็ญตบะบนยอดเขาแห่งนี้ สถานที่ที่เสมือนเป็นแดนสุขาวดี ได้ใช้วิชาทั้งบุ๋นและบู๊ต่อกรกับภิกษุหลายรูปของฝ่ายพุทธจนได้รับชัยชนะ สามารถยึดเขาแห่งนี้เป็นที่พำนักสืบมา ทิวเขาอู่ตังเป็นสถานที่ที่รวมสิ่งก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมจีนหลายยุคหลายสมัยเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ซ่ง ราชวงศ์หยวน เรื่อยมากระทั่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง รวมกันนับได้กว่าพันปี
มวยไทเก็ก ถือเป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่มีชื่อของจีน แต่ทว่าไท่เก็กเองก็สามารถเป็นการออกกำลังกายแบบจีนที่แลดูอ่อนช้อยงดงาม โดยเน้นที่ท่าทางการจัดแนวและการหายใจ 'การทำสมาธิในท่าทาง' ที่ฝึกฝนเป็นประจำจะช่วยลดความเครียดและปรับปรุงความผาสุกทางกายภาพ แลดูแล้วคล้ายๆ กับ "โยคะของจีน" เลย
เป็นวิหารหลังคาสีทองที่ตั้งอยู่บนภูเขาบู๊ตึ๊ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทพเจ้าเจินอู่ต้าตี้ หรือเฮี้ยงบู้ซัว (คนไทยรู้จักในชื่อเจ้าพ่อเสือ) ผู้ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในเทพเจ้าของลัทธิเต๋า
ตำหนักจื่อเซียวกง (อารามเมฆสีม่วง) สร้างขึ้นในปี ค.ศ 1413 สมัยหย่งเล่อฮ่องเต้ เป็นพระราชวังที่เสียนอู่ตี้ ได้เคยพำนักเมื่ออยู่บนเขาบู๊ตึ้ง โดยสถาปัตยกรรมนั้นจะมีความงดงามและเก่าแก่คล้ายคลึงกับพระราชวังกู้กงแห่งกรุงปักกิ่ง ในอดีตเป็นสถานที่ซึ่งฮ่องเต้มาทำพิธีกรรมต่างๆ โดยปัจจุบันได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่ง
ตำหนักหนานเหยียนกง (ผาใต้) เป็นปลูกสร้างขึ้นบนหน้าผางามที่สวยสุดในบรรดา 36 หน้าผาบนเขาบู๊ตึ้ง ตำหนักสร้างอิงแนบหน้าผาทางทิศใต้ มีทางเดินเลียบริมผาเพื่อไปยังตำหนักยาวหลายร้อยเมตร สาธุชนผู้มีศรัทธาแรงกล้าจะเดินทางมาสงบจิตปักธูปบนหัวมังกร ซึ่งเชื่อกันว่าจะนำพาผู้หาญกล้า ก้าวสู่สรวงสวรรค์และนิพพาน เพราะจุดนี้จะอยู่ตรงกันข้ามกับตำหนักทองจินเตี้ยนบนยอดเขาเทียนจูเฟิง ที่อยู่ห่างออกไปในแนวตรงที่ 10 กิโลเมตรพอดี
ตำหนักไท่จื่อ เนื่องจากบนไหล่เขาไท่จื่อมีพื้นที่คับแคบ ไม่สามารถสร้างหมู่ตึกให้เป็นแนวเส้นตรงได้ แต่ด้วยพระบรมราชโองการแห่งองค์จักรพรรดิ์ที่ทรงห้ามการแก้ไขลักษณะภูมิลักษณ์ของภูเขา นายช่างผู้ออกแบบการสร้างจึงจำเป็นต้องออกแบบขยายออกทางด้านข้าง ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาแทน ดังนั้นทางเข้าตำหนักจึงทำเป็นทางเดินคดเคียว ขนาบข้างด้วยกำแพงเก้าโค้ง คล้ายคลึงกับกำแพงสะท้อนเสียงที่หอบูชาฟ้าดินเทียนถานที่กรุงปักกิ่ง เป็นการออกแบบก่อสร้างโดยไม่ต้องแก้ไขภูมิลักษณ์ของพื้นที่ได้อย่างชาญฉลาด
เป็นเมืองเอกและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลหูเป่ย (Hubei) ด้วยพื้นที่ 8,467.11 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 8 ล้านคน อยู่ตอนกลางของประเทศจีน หากเหนือจะลงใต้ หรือ ใต้จะขึ้นเหนือ ก็ต้องผ่านอู่ฮั่น ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 3,500 ปี และเป็นเส้นทางผ่านของแม่น้ำหลักสองสาย คือแม่น้ำแยงซีเกียง และแม่น้ำฮั่นซุย
ที่นี่มีอีกชื่อเรียกว่าแม่น้ำฉางเจียง (Cháng jiāng) เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากแม่น้ำไนล์ในทวีปแอฟริกาและแม่น้ำแอมะซอนในทวีปอเมริกาใต้ แม่น้ำแยงซียาว 6,300 กิโลเมตรต้นน้ำอยู่ที่มณฑลชิงไห่และทิเบต ในทิศตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน และไหลมาทางทิศตะวันออก ออกสู่ทะเลจีนตะวันออก
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองอู่ฮั่นในปี 1982 รัฐบาลได้จัดให้ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองอู่ฮั่นมีพื้นที่ 88 ตารางกิโลเมตร และคิดเป็นพื้นที่ 1 ใน 4 ของเมือง ที่ทะเลสาบตงหูท่านสามารถชมได้ทั้ง 4 ฤดู ซึ่งจะเห็นได้ถึงความแตกต่างทั้งทางธรรมชาติ ดอกไม้ อุณหภูมิและวิวทิวทัศน์ เป็นต้น ถ้าเปรียบความงามของซีหูเหมือนสีสันแบบโลกตะวันตก ตงหูก็เปรียบเหมือนความเรียบง่ายนุ่มนวลแห่งโลกตะวันออก
ที่นี่เป็นซอยเล็กๆ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง และได้ชื่อเรียกนี้เนื่องจากเป็นซอยข้างเทศบาลเมื่อสมัยราชวงศ์ชิง มีความยาวประมาณ 150 เมตร ปัจจุบันตั้งอยู่ในย่านคึกคักที่สุดของเขตอู่ชาง เมืองอู่ฮั่น ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "ซอยอาหารเช้าอันดับหนึ่ง" มีอาหารขายทั้งวันตั้งแต่ 6 โมงเช้า
เป็นถนนคนเดินที่ซึ่งรวมสินค้าไว้มากมาย ให้ท่านเลือกซื้อสินค้าหลากหลาย และสินค้าพื้นเมืองในราคาถูกใจ
วัดกุยหยวน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ 1 ใน 4 ที่ยิ่งใหญ่ของเมือง อู๋ฮั่น สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงถึงราชวงศ์ชิง มีอายุราว 300 กว่าปี ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมและพระอรหันต์ 500 องค์ที่ปั้นจากดินฉาบด้วยสีทอง เป็นวัดที่คนมานิยมมากราบไหว้
เป็นท่าอากาศยานประจำเมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 1995 แทนที่ท่าอากาศยานฮันโขว หวังจี ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในภาคกลางของจีน เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของเครือข่ายเส้นทางการบินของจีน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย