เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ตั้อยู่ในเขตโดโมเดโดโว โดยอยู่ห่างไป 42 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโคว์ ที่นี่เป็นหนึ่งในสี่ท่าอากาศยานหลักของกรุงมอสโคว์ รวมถึงเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย
มีอีกชื่อเรียกว่าเนินเขานกกระจอก เป็นบริเวณที่มองเห็นทัศนียภาพของนครมอสโคว์ที่อยู่เบื้องล่างได้โดยทั้งหมด ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมอสโคว์ และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในมอสโคว์เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นพิเศษในการชมบรรยากาศของมอสโคว์
เป็นเมืองและศูนย์กลางการปกครองของเขต Sergiyevo-Posadsky ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงมอสโคว์ ซากอร์สเป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องอุตสาหกรรม และเป็นที่ตั้งของ 1 ใน 4 อาคารทางด้านศาสนาที่สำคัญที่สุดในรัสเซีย
เป็นโบสถ์แรกของเมืองซาร์กอร์ส สถาปัตยกรรมแบบยอดโดมหัวหอมสีทอง ภายในตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกและภาพไอคอน 5 ชั้น และมีโลงศพเงินของนักบุญเซอร์เจียสอยู่ภายใน
เป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามมากของเมืองซาร์กอร์ส มีการสร้างในสมัยพระเจ้าอีวานเมื่อปี 1559-1585 โดยสร้างเลียนแบบมหาวิหารอัสสัมชัญที่จตุรัสวิหารแห่งเคลมลิน ภายในตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกและภาพไอคอน 5 ชั้น มีแท่นสำหรับประกอบพิธีของพระสังฆราชและที่สำหรับนักร้องนำสวด และมีหอระฆังที่สร้างในสมัยของพระนางแคทเธอรีนมหาราช ด้วยความต้องการให้เหมือนหอระฆังที่จัตุรัสวิหารแห่งพระราชวังเครมลิน แต่ที่นี่สูงกว่า
บ่อน้ำนี้มีเรื่องเล่ามาว่า มีชายตาบอดเดินทางมาที่โบสถ์ แล้วค้นพบบ่อน้ำโดยบังเอิญ หลังจานำน้ำมาล้างหน้า ความศักดิ์สิทธิของบ่อน้ำทำให้ชายตาบอดมองเห็นได้ น้ำในบ่อนี้ซึมเองตามธรรมชาติ ทางโบสถ์ก็ได้ทำการสร้าเชื่อมบ่อกับซุ้มน้ำ เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการน้ำนำกลับบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล
เป็นเมืองหลวงของประเทศรัสเซีย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน การศึกษา และ การเดินทางของประเทศ โดยตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำมัสกวา ซึ่งในตัวเมืองมีประชากรอยู่อาศัยกว่า 1 ใน 10 ของประเทศ ทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป[ต้องการอ้างอิง] และเมื่อสมัยครั้งที่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย กรุงมอสโกก็ยังเป็นเมืองหลวงของสหภาพโซเวียตอีกด้วย
สถานีรถไฟใต้ดินกรุงมอสโคว ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก ซึ่งในแต่ละสถานีจะมีการตกแต่งที่แตกต่างกัน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานีรถไฟใต้ดินได้กลายเป็นหลุมหลบภัยที่ดีที่สุดเพราะมีโครงสร้างที่แข็งแรง ในปัจจุบันรถไฟใต้ดินที่กรุงมอสโคว์มีถึง 11 สาย 156 สถานี ด้วยความยาวทั้งหมด 260 ก.ม.
เป็นเมืองที่อยู่ในเขต Istrinsky ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกของกรุงมอสโคว์ประมาณ 40 กิโลเมตร เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ในฐานะหมู่บ้านที่ชื่อ Voskresenskoye และได้เปลี่ยนสถานะเป็นเมืองอิสตราในปี 1930 ซึ่งช่วงนั้นได้กลายเป็นศูนย์กลางของการวิจัยในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า เมืองนี้ยังเป็นบ้านเกิดของนักเขียนบทละครชื่อดังชาวรัสเซีย Anton Chekhov ด้วย
โบสถ์ New Jerusalem Monastery สร้างขึ้นในปี คศ. 1656 โดยนักบุญนิกคอน เพื่อเป็นสถานที่ทางศาสนาออกห่างไปจากมอสโก โดยใช้ชื่อว่า เมืองเยรูซาเล็มใหม่ โดยสถานที่นี้นำความเชื่อมาจากแผนดินศักดิ์สิทธิ โดยใช้แม่น้ำอิสตรา เป็นตัวแทนของจอร์แดน และใช้ตัวอาคารเป็นเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิของเยรูซาเล็ม
พิพิธภัณฑ์อวกาศมอสโคว์ (Museum of Cosmonautics) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจอีกเเห่ง เพราะมันจะเเสดงให้คุณเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของรัสเซียในช่วงปี ค.ศ.1960 ที่เป็นยุคที่มนุษยชาติกำลังสนใจในเรื่องของท้องฟ้า เเละเกิดสงครามเย็นที่ทำให้พวกเขาเเละอเมริกันต้องขับเคี่ยวกันอย่างหนักเพื่อพิชิตอวกาศให้ได้ เเละรัสเซียก็นับว่ามีความโดดเด่นเเละสำเร็จในหลายๆ เรื่องเลยก็ว่าได้ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนั้นถูกจัดเเสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์เเห่งนี้ที่ใครมาเที่ยวชมเเล้วจะต้องประทับใจอย่างเเน่นอน
ล่องเรือแม่น้ำมอสคาว่า ชมทัศนียภาพงดงามและชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ในแบบสตาลินบนสองฝั่งแม่น้ำมอสโคว์หรือแม่น้ามอสคาว่า แม่น้ำสายหลักของกรุงมอสโคว์
เป็นเมืองหลวงของประเทศรัสเซีย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน การศึกษา และ การเดินทางของประเทศ โดยตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำมัสกวา ซึ่งในตัวเมืองมีประชากรอยู่อาศัยกว่า 1 ใน 10 ของประเทศ ทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป[ต้องการอ้างอิง] และเมื่อสมัยครั้งที่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย กรุงมอสโกก็ยังเป็นเมืองหลวงของสหภาพโซเวียตอีกด้วย
ตั้งอยู่ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย สร้างอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำมอสควา ภายในมีพระราชวัง หอคอย และป้อมปราการ ซึ่งในอดีต เป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์กษัตริย์แห่งราชวงศ์รัสเซีย
Cathedral Square จะเห็นโบสถ์สไตล์ คริสเตียน ออโทดอก-รัสเซี่ยน ติด ๆ กับ Cathedral Square เป็นวังหลัก The Great Kremlin Palace ก่อสร้างในยุคหลัง อายุร้อยกว่าปี ภายในมีห้องหรู ๆ มากมาย Cathedral Square ตรงกลางเป็น Great Bell-Tower อายุ 500 ปี ทางขวาคือ Cathedral of Archangel Michael ศิลปจากยุคเรเนซองผสมโดมหัวหอมสไตล์รัสเซี่ยนอายุ 500 ปี เป็นที่เก็บพระศพย์ของซาร์และราชวงศ์ 47 พระองค์ รวมถึงซาร์อีวานจอมโหด, ซาร์ในราชวงศ์โรมานอฟ
เป็นโบสถ์คริสต์ออร์โธดอกของรัสเซียที่สร้างอุทิศให้กับ Dormition of the Theotokos ที่นี่ถือได้ว่าเป็นโบสถ์แม่ของ Muscovite Russia ตามคำสั่งของมอสโกแกรนด์ดุ๊กที่ชื่อว่าพระเจ้าอีวานที่ 3 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อ Aristotele Fioravanti นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ฝังศพของมอสโคว์เมโทรโพลิแทนและปรมาจารย์ของโบสถ์ออร์โธดอกซ์รัสเซียหลายๆ คน
ระฆังพระเจ้าซาร์ได้ชื่อว่าเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักมากกว่า 200 ตัน ซาร์อเลกซิสทรงรับสั่งให้สร้างแล้วแขวนบนหอคอย แต่เมื่อปี1701 ไฟไหม้หอคอย ระฆังจึงตกแตกเป็นเสี่ยงๆ ดังนั้นกษัตรีซารีนา อานนา ทรงรับสั่งให้นำเศษซากระฆังที่แตกให้มาหล่อใหม่เป็นครั้งที่สองในปี 1737 เกิดความผิดพลาดขณะหล่อ เทน้ำเย็นบนระฆังร้อน ทำให้เกิดเศษระฆังแตกหนักขนาด 11 ตัน
เป็นปืนใหญ่ที่หล่อขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 โดยพระเจ้าอีวานได้ให้ Andrey Shchokov ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างหล่อที่เก่งที่สุดในยุคนั้น ทำการออกแบบอาวุธชนิดนี้ โดยให้ออกแบบปืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่นี่อยู่ในบริเวณพระราชวังเครมลิน พิพิธภัณฑ์นี้เป็นสถานที่เก็บสมบัติลํ้าค่ากว่า 4,000 ชิ้น เช่น อาวุธต่างๆ เครื่องป้องกันตัว หมวก เสื้อเกราะที่ใช้รบในสมรภูมิ เครื่อง เงิน ทอง เพชรพลอยเครื่องทรงของกษัติย์พระเจ้าซาร์และซารีน่าซึ่งหาดูได้ยากยิ่ง
เป็นจัตุรัสกลางเมืองของของกรุงมอสโก จัตุรัสแดงอาจถือได้ว่าเป็นจัตุรัสกลางกรุงมอสโกและทั้งประเทศรัสเซียเพราะถนนสายสำคัญทุกสายจะวิ่งตรงออกจากจัตุรัสแดงแห่งนี้ ชื่อจัตุรัสแดงมักเข้าใจผิดว่า คำว่า แดง ในชื่อจัตุรัส มาจากสีของคอมมิวนิสต์ หรือสีของอิฐในบริเวณนั้นที่เป็นสีแดง แต่แท้จริงแล้วชื่อจัตุรัสแดง มาจากภาษารัสเซียคำว่า ซึ่งในภาษารัสเซียดั้งเดิมมีความหมายว่า สวยงาม
เป็นวิหารของศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย ตั้งอยู่ที่จัตุรัสแดง กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย สร้างขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะเหนือพวกมองโกล ผลจากชัยชนะครั้งนี้ทำให้รัสเซียสามารถรวมชาติได้เป็นปึกแผ่น จึงสร้างมหาวิหารแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1555
หอนี้ตั้งอยู่บนป้อมสปาสสกายา มียอดเป็นนาฬิกาที่เป็นศิลปะโกธิก บนยอดมีดาวแดง 5 แฉก ที่ทำมาจากทับทิมน้ำหนัก 20 ตัน มีลักษณะคล้ายหอบิ๊กเบนที่ลอนดอน ว่ากันว่าเมื่อก่อนนี้นาฬิกาเรือนนี้เดินไม่ค่อยจะตรงเท่าไรนัก แต่ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงจนนาฬิกาบนป้อมนี้ถูกใช้เป็นนาฬิกาเทียบเวลาของประเทศทีเดียว
ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงมอสโก มีสินค้าอย่างหลากหลายชนิด ห้างสรรพสินค้ากุม หรืออีกสถานที่หนึ่งที่มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ของเมืองนี้มีความสวยงามและโดดเด่นมากลักษณะชองตัวอาคารเป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีร้านค้าเปิดให้ บริการมากมายสำหรับให้ผู้ที่เดินทางหรือผู้ที่ชอบการช้อปปิ้งถึง 200 ร้านค้าด้วยกัน
เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศรัสเซีย ในตลาดมีสินค้าพื้นเมืองนานาชนิด ในราคาที่ถูกที่สุด อาทิเช่น นาฬิการัสเซีย, ตุ๊กตาแม่ลูกดกหรือมาโตรชกา (Matryoshka), ผ้าคลุมไหล่, อำพัน, ของที่ระลึกต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย
วิหารนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1839 ในสมัยพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะและแสดงกตัญญุตาแด่พระเป็นเจ้าที่ทรงช่วยปกป้องรัสเซียให้รอดพ้นจากสงครามนโปเลียน ปัจจุบันวิหารนี้ใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญระดับชาติของรัสเซีย
เป็นถนนเส้นเก่าแก่เส้นหนึ่งของกรุงมอสโคว์ ถนนนี้ปรากฏมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ในประวัติเมืองมอสโคว์ บันทึกว่าเคยเกิดเพลิงไหม้ครั้งหนึ่งเมื่อปี 1493 ในสมัยศตวรรษที่ 16 ในรัชสมัยกษัตริย์อีวานจอมโหด ถนนสายนี้เป็นที่อยู่อาศัยของตำรวจลับ ถนนอารบัตเป็นที่ย่านพักของเกิดมีชนชั้นใหม่ นั่นก็คือ ฃสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ กระทั่งปี 1985 ถนนอารบัตได้กลายเป็นถนนคนเดิน และเป็นถนนที่ใครๆ ก็รู้จักและคึกคักที่สุด เพราะเป็นแหล่งชุมนุมศิลปิน จิตรกร ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ศูนย์วัฒนธรรม โรงละคร และอื่นๆ
ละครสัตว์รัสเซียมีชื่อเสียงมากตั้งแต่สมัยก่อน ละครสัตว์ได้รับความสนใจจากผู้ชมมากมาย ด้วยเพราะความมหัศจรรย์ของนักแสดงและ ความสามารถของผู้กำกับ ทำให้คณะละครสัตว์ของรัสเซียได้รับการตอบรับที่ดีเสมอ
เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรัสเซีย ซึ่งเคยถูกเปลี่ยนชื่อมาแล้วสองครั้ง ชื่อล่าสุดนั้นถูกตั้งตามผู้ก่อตั้งเมือง และบ่อยครั้งจะถูกขนานนามว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยที่สุดในรัสเซีย
มหาวิหารนี้สร้างขึ้นในปี 1712 โดยมีโดมทองเป็นเอกลักษณ์ ในอดีตมหาวิวิหารเซนต์ไอแซคเป็นเพียงโบสถ์ไม้ธรรมดา ซึ่งต่อมาได้รับการปรับปรุงเป็นโบสถ์หิน และถูกสร้างใหม่อย่างงดงามในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 40 ปี ปัจจุบันที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิหารทรงโดมที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ที่งดงามที่สุดในโลก
ป้อมนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เป็นสิ่งแรกที่สร้างในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยมีความสูง 122.5 เมตร ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดของเมือง จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรู ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใช้ฝังหลุมพระศพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช และพระบรมศานุวงศ์แห่งราชวงศ์โรมานอฟ และส่วนหนึ่งยังใช้เป็นโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์ของรัฐบาลอีกด้วย
เป็นพระราชวังที่ประกอบด้วยห้องต่างๆ กว่า 1,050 ห้อง สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่รับรองการเสด็จเยือนรัสเซียของรัชกาลที่ 5 ของไทย ในการเจริญสัมพันธไมตรีไทย / รัสเซีย พร้อมทั้งทรงร่วมฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซียอีกด้วย
เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและวัฒนธรรมในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ได้ชื่อว่าเป็น พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1764 โดยพระราชโอการจากจักรพรรดินีแคทเธอรีนมหาราช ปัจจุบันภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงงานศิลปะต่างๆ มากกว่าล้านรายการในแต่ละส่วนของพื้นที่
เป็นย่านถนนเก่าแก่ที่เกิดขึ้นในปี 1710 ในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช โดยมีความยาว 4.5 กิโลเมตร เริ่มต้นที่หน้าพระราชวังฤดูหนาวและสิ้นสุดที่สถานีรถไฟมอสโก จุดเด่นอยู่ที่สถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 18-20 ที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง ปัจจุบันเป็นถนนสายหลักของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นทั้งย่านการค้า ย่านที่อยู่อาศัย ที่ตั้งของพระราชวัง โรงละคร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกมากมาย
ที่นี่ถูกสร้างโดยหวังจะให้พระราชวังนี้มีความงดงามยิ่งกว่าพระราชวังแวร์ซาย์ ในฝรั่งเศสเพื่อแสดงออกถึงความเจริญรุ่งเรืองของรัสเซีย และรวบรวมสถาปนิกและช่างฝีมือจากประเทศต่างๆ มากมาย สิ่งก่อสร้างและ สถาปัตยกรรมที่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาร็อคและนีโอคลาสิค ที่ใช้ประดับประดาห้องหับต่างๆ ด้านหน้าของพระราชวังหันออกสู่อ่าวฟินแลนด์ มีน้ำพุ บ่อน้ำ แจกัน อ่าง และรูปปั้นสวยงามประดับตกแต่งอยู่ส่วนต้อนรับ
เดิมเป็นพระราชวังที่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชที่ทรงสร้างไว้สำหรับพระนางแคทเธอรีนที่ 1 เพื่อใช้พักผ่อนในฤดูร้อน และได้ตกแต่งใหม่หลายครั้ง การตกแต่งพระราชวังใหม่ในแต่ละครั้งจึงเปรียบเสมือนการแสดงอำนาจและบารมีของผู้เป็นเจ้าของในแต่ละยุค ซึ่งจากการตกแต่งที่ผสมผสานหลายครั้งจึงเกิดรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “รัสเซี่ยนบาโรค” ที่หรูหรา อ่อนช้อย และงดงามดังเช่นในปัจจุบัน
หมู่บ้านพระเจ้าซาร์ หรือหมู่บ้านปุชกิ้น สถานที่ประทับและพักอาศัยของเจ้านายชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็น “อเล็กซานเดอร์ ปุชกิ้น” ยอดกวีเอกรัสเซีย อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตนครสหพันธ์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg) โดยตัวเมืองนั้นตั้งห่างจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ไปทางทิศใต้ ประมาณ 24 กิโลเมตร (15 ไมล์) ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 1710 สำหรับตัวเมืองพุชคินนั้นตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนวา (Neva River) แม่น้ำสายสำคัญสายหนึ่งของประเทศนั่นเอง
สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับของ Grand Duke Nikoley โอรสของพระเจ้านิโคลัสที่ 1 ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะพื้นเมืองที่มีกว่า 100 ชนชาติของรัสเซีย โดยมีความพิเศษคือระหว่างพักการแสดง จะเสิร์ฟวอดก้าและเรดคาร์เวียร์อาหารขึ้นชื่อของรัสเซียให้ผู้เข้าชมรับประทาน
ระบำพื้นบ้าน ซึ่งรวบรวบวัฒนธรรมทั้งหมดของรัสเซียมากกว่าที่ท่านจะจินตนาการได้ ประกอบไปด้วยนักแสดงกว่า 50 ชีวิต และเสื้อผ้ากว่า 300 ชุด Russian National Show Kostroma เป็นการเล่าเรื่องราวของประเทศรัสเซียตั้งแต่สมัยก่อนจะรวบรวมเป็นประเทศ เป็นปึกแผ่น ดำเนินมาจนยุคปัจจุบัน นี่คือการสื่อสารทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมด้วยการถ่ายทอดออกมาอย่างทัน สมัยด้วยแสง สี เสียงที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด
วังของเจ้านายรัสเซียที่ร่ำรวยที่สุดองค์หนึ่งที่กลายเป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อันสะเทือนขวัญ โดยใช้เป็นที่วางแผนสังหารรัสปูติน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผลงานศิลปะจากต่างแดน
เรือรัสเซียนาวี ได้ชื่อว่าเป็นเรือรบที่เก่าแก่ที่สุดในรัสเซีย โดยเป็นเรือลาดตระเวนที่รับใช้ชาวรัสเซียมายาวนาน ตั้งแต่ครั้งสงครามรัสเซียกับญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1904 -1905 เคยร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 รวมถึงใช้ยิงปืนเป็นสัญญาณการเข้ายึดพระราชวังฤดูหนาวที่เซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในการปฏิวัติสังคมนิยมที่นาโดยเลนิน เมื่อปี ค.ศ.1917 และยังเป็นเรือที่โดยสารซาร์นิโคลัสที่ 2 พร้อมราชนิกุลคนอื่นๆ มายังพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ 6 ในปี ค.ศ.1911 ปัจจุบันเรือออโรร่าได้ปลดประจาการกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ
โบสถ์นี้ถูกสร้างเพื่อเป็นเกียรติแด่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ประกาศเลิกทาส แต่ถูกปลงพระชนม์ โดยส่งหญิงชาวนาผู้หนึ่งติดระเบิดพลีชีพวิ่งเข้ามาขณะพระองค์เสด็จผ่าน ต่อมาบริเวณถนนที่เกิดเหตุนั้นถูกสร้างโบสถ์ครอบไว้ กลายเป็นโบสถ์หยดเลือดมาจนถึงทุกวันนี้ ปี พ.ศ. 2534 จึงเปลี่ยนชื่อกลับเป็นเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ให้บริการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หนึ่งในเมือท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศรัสเซีย ท่าอากาศยานนี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางปฏิบัติการสำหรับสายการบินแอโรฟลอต
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ในเขตอัลการ์ฮูดของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในโลกจากการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของการบินพาณิชย์และการขนส่งข้ามภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย