เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำเมือเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยนสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเมืองศูนย์กลางของการพาณิชย์ที่สำคัญของมณฑลนี้
เป็นเกาะที่อยู่นอกชายฝั่งของเซียะเหมิน ในมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน สามารถเข้าถึงได้ด้วยการใช้บริการเรือเฟอร์รี่ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที เกาะแห่งนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ถูกกำหนดโดยยูเนสโก และถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวหลักในประเทศดึงดูดผู้เข้าชมมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี
เป็นสวนธรรมชาติอันร่มรื่นที่อยู่ทางใต้ของเกาะกู่ลั่งยี่ ถูกสร้างขึ้นในปี 1913 ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบรรยากาศอันสบาย หรือจะเดินเท้าไปตามสะพานข้ามโขดหิน และชมทัศนียภาพของอ่าวเซี่ยเหมินได้
พิพิธภัณฑ์นี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาะกู่ลั่งยู่ ตั้งอยู่เหนือสวนซูจวงหยวน ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เปียโนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในอาคารหลังคาสีแดงที่มีการออกแบบในสไตล์ยุโรปอันคลาสสิก ภายในพิพิธภัณฑ์เต็มไปด้วยคอลเล็คชั่นเปียโนที่งดงาม ที่มีขนาดตั้งแต่เล็กแบบของเด็กไปจนถึงแบบแกรนด์เปียโนที่มีความใหญ่เป็นพิเศษ
เป็นถนนที่เป็นเสมือนเส้นทางการค้าในเกาะ Gulangyu ของเซี่ยะเหมิน โดยเป็นเครือข่ายของถนนและตรอกซอกซอยที่เชื่อมต่อกันในบริเวณนี้ นักท่องเที่ยวสามารถพบร้านค้าร้านอาหารและสถานประกอบการค้ามากมาย นอกจากนี้ตามสองข้างทางจะมีร้านค้างานฝีมือ ทั้งร้านภาพวาด ร้านแกะสลัก ร้านรูปปั้นเซรามิก และอื่นๆ
ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนในมณฑลกวางตุ้ง มีชายฝั่งทะเลยาว 325 กิโลเมตร ในอดีตเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ต่อมาถูกยกระดับฐานะขึ้นเป็นเมืองท่านานาชาติในศตวรรษที่ 18 ก่อนจะกลายมาเป็น 1 ใน 4 เมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน
เป็นศาลองค์เจ้าพ่อเสือที่ได้รับความเคารพศรัทธาจากชาวจีนในเมืองไทยเป็นอย่างมาก เป็นองค์จริงที่ทางไทยได้จำลอง มาที่ศาลเจ้าพ่อเสือบริเวณเสาชิงช้า ชาวจีนแต้จิ๋ว เชื่อกันว่าหากครั้งหนึ่งในชีวิตสำหรับพ่อค้า, นักธุรกิจ ต้องมานมัสการเจ้าพ่อเสือเพื่อความเจริญในการทำมาค้าขาย กลับมาก็จะทำการค้าประสบแต่ความสำเร็จในชีวิต อยู่ที่ตำบลกิ๊กเจี๊ยะ อำเภอเหล็กฮง จังหวัดซัวบ้วย
เป็นศาลที่อยู่ทางด้านเหนือของเมืองเฉาหยาง ภายในเป็นที่ประดิษฐานของเทพไต่ฮงกง ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวจีนในเรื่องของความเมตตากรุณา ปัจจุบันศาลแห่งนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากการร่วมบริจาคของชาวจีน จนมีความสวยงามใหญ่โต
เป็นสถานที่ตั้งของ สุสานฉลองพระองค์และพระมาลาของสมเด็จพระเจ้าตากสิน และศาลบรรพชนตระกูลแต้ เป็นอนุสรณ์สถานของพระมหากษัตริย์ในดินแดนโพ้นทะเลเพียงหนึ่งเดียวของประเทศจีน ซึ่งพระญาติทางฝั่งไทยได้ส่งฉลองพระองค์ของพระเจ้าตากสิน ทั้งแบบไทยและแบบจีนจำนวน 2 ชุด เพื่อทำพิธีฝังใน “ที่อีกาดำ” ณ ดินแดนบ้านเกิด หมู่บ้านหัวฟู่ (หั่วปู๊ชึง)
เป็นเมืองซึ่งตั้งอยู่ติดกับซัวเท้าทางทิศใต้ (หรือที่คนไทยรู้จักในนามซัวเถา 汕頭市) จรดเมืองกิ๊กเอี๊ยทางตะวันตกเฉียงใต้ (หรือเจียหยางในภาษาจีนกลาง) จรดเมืองเหมยโจวทางตะวันตกเฉียงเหนือ และจรดมณฑลฝูเจี้ยน (หรือมณฑลฮกเกี้ยนในภาษาไทย) ทางทิศตะวันออก และจรดทะเลจีนใต้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และแต้จิ๋วก็เป็นภาษาจีนที่ใช้ในกลุ่มของคนจีนแต้จิ๋ว หรือสำเนียงแต้จิ๋ว
เป็นย่านเมืองโบราณที่มีสถาปัตยกรรมโบราณสมัยราชวงศ์ หมิง และชิงที่อนุรักษ์ไว้จนถึงปัจจุบันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความเป็นอยู่ของคนแต้จิ๋วตั้งแต่สร้างเมืองจนถึงปัจจุบัน
เป็นสะพานโบราณที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองแต้จิ๋วบนแม่น้ำฮานเจียง สะพานนี้มีความยาวมากกว่า 500 เมตร มีศาลาท่าเรือตั้งอยู่ระหว่างสะพาน 13 หลัง สร้างด้วยภูมิปัญญาของคนจีนฮั่นโบราณ สะพานแห่งนี้มีการบูรณะซ่อมแซมต่อเติมอยู่ตลอดเวลา และปัจจุบันยังคงสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี
วัดไคง้วน อยู่ใจกลางเมืองแต้จิ๋ว วัดพุทธนิกายมหายานโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ถาง โดยมีนามรัชสมัยว่า “คายหยวน” ตรงกับปี ค.ศ. 738 และภายในวัดยังมีวัตถุโบราณมากมายที่สร้างขึ้นต่างยุคต่างสมัยกัน นมัสการองค์พระใหญ่และองค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ ที่ชาวเมืองให้ความเคารพนับถือ
เป็นเมืองระดับจังหวัดในมณฑลฝูเจี้ยนของประเทศจีน ตั้งอยู่ใกล้ๆ ช่องแคบไต้หวันบนฝั่งของแม่น้ำจิ่วหลงทางตอนใต้ ในอดีตจางโจวเป็นศูนย์กลางของการผลิตผ้าไหม และเป็นเมืองท่าการค้าหลักของมณฑลฝูเจี้ยนกับชาติยุโรปอย่างโปรตุเกสและสเปน
อาบน้ำแร่ (hot spring) ให้ท่านอิสระกับกิจกรรมการแช่น้ำแร่ ให้ท่านรู้สึกผ่อนคลายความเมื่อยล้า และเชื่อว่ายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย สามารถรักษาโรคเหน็บชา โรคกระดูก ฯลฯ
เป็นเมืองเเห่งมรดกโลกสำคัญที่มีกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์อันเก่าเเก่เเละยาวนาน เเละเป็นเมืองต้นกำเนิดของชาวจีนเเคะ
เป็นแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในเขตภูเขา มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน การปลูกสร้างมีความเหมาะกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง ที่ได้ผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติกับอาคารที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ภายในตัวบ้านมีลานกว้าง แต่ละหลังจะมีรูปทรงที่ต่างกัน มีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาของชาวจีนฮากกาเป็นอย่างดี ด้วยความโดดเด่นถึงหลักฐานทางอารยธรรมของที่นี่ จึงได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2008
เป็นเมืองในมณฑลฝูเจี้ยนสาธารณรัฐประชาชนจีน สัญลักษณ์ของเมืองคือนกกระยางขาว เป็นเมืองศูนย์กลางของการพาณิชย์ หลังเปิดประเทศจีนได้ประกาศเป็นเมืองเศรษฐกิจเปิดพิเศษนำร่อง อยู่ตรงข้ามจีนไต้หวัน ห่างจากเกาะคีมอยเพียง 2,000 เมตร เซี๊ยะเหมินได้รับการยกระดับขึ้นมาเป็นเมืองใหญ่ในปี 1387 โดยมีสถานะเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญและเคยเป็นพื้นที่สนามแห่งการศึกสงครามหลายครั้งในอดีต
เป็นถนนวงแหวนเลียบหาดที่อยู่ติดกับชายทะเลของเมืองเซียะเหมิน มีความยาวรวมตลอดอยู่ที่ 43 กิโลเมตร ในวันที่อากาศดีบนพื้นที่ชมวิวริมหาดส่วนหนึ่งของถนนดังกล่าวนี้ จะสามารถเห็นเกาะไต้หวันที่อยู่ห่างไปได้
เป็นอดีตหมู่บ้านชาวประมงที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมืองเซียะเหมิน ที่ต่อมารัฐบาลได้พัฒนาให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอันสำคัญ ที่เป็นจุดหมายปลายทางซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความคึกคักทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยว ภายในหมู่บ้านนี้ยังมีร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านอาหารพื้นเมือง อาหารทะเล ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และร้านอาหารทะเลแห้งที่สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากแก่คนทางบ้านได้
เป็นท่าอากาศยานประจำเมือเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยนสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเมืองศูนย์กลางของการพาณิชย์ที่สำคัญของมณฑลนี้
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย